Lemon Sherbet รักเปรี้ยวจี๊ดสุดขีดหัวใจ

1.3

เขียนโดย muxing

วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 22.32 น.

  6 ตอน
  6 วิจารณ์
  11.66K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) บังเอิญ โลกกลม พรหมคิดผิด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

            พี่โชนผงะถอยหลังไปสองก้าวอย่างตกใจที่พวกเราสามคนอ้าปากค้างประสานเสียงตะโกนออกมาพร้อมกันอย่างตกใจ

            “มะ... หมายความว่ายังไงคะ”

            “เฮ้ย! อย่ามองพี่ด้วยสายตาแบบนั้นสิครับ คือว่าที่ห้องพี่เนี่ยเพิ่งจะติดตั้งเครื่องเสียงใหม่ก็เลยอยากจะชวนเราทุกคนไปดูหนังกัน แค่นั้นจริงๆ พี่ไม่ได้คิดอะไรไม่ดีเลยนะ”

            ทำไมไม่คิดล่ะคะ น่าเสียดายจริงๆ

            พี่โชนรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นการใหญ่เพราะกลัวว่าฉันจะเข้าใจผิด

            “แต่ถ้าเชอร์เบทไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวเราไปที่อื่นกันก็ได้”

            “คือว่า...”

            “ขอตัวแป๊บนะคะพี่โชน”

            แล้วยัยซูซี่ก็ลากแขนฉันกับหลิงลี่ออกมาให้พ้นจากรัศมีการได้ยินของพี่โชน ทำไมจะต้องทำท่ามีลับลมคมในแบบนี้ด้วยเนี่ย เชอร์เบทล่ะมึน

            “อะไรของแกเนี่ยซูซี่ ฉันว่าเราอย่าไปเลยดีปะ”

            “ใช่ๆ ฉันว่ามันอันตรายนะที่จะไปในที่แบบนั้น”

            หลิงลี่สนับสนุนความคิดฉันทันที

            “ทำไมล่ะยะ พี่โชนเค้าอุตส่าห์เสนอมาขนาดนี้แล้วแกจะไม่สนองกลับหน่อยเหรอ”

            “จะบ้าเหรอพูดจาน่าเกลียด ทำไมพี่โชนจะต้องมาชวนเราด้วยอะในเมื่อเค้าจะชวนเพื่อนๆ ไปก็ได้นี่นา เราก็ไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้นนะ”

            “ก็เพราะว่าพี่เค้ากำลังจีบแกไงล่ะยัยบื้อ”

            จีบโดยการชวนขึ้นคอนโดฯ เนี่ยนะ

            “แต่บอกตรงๆ เลยก็คือว่าฉันกลัวอะ อยู่ดีๆ ก็มาชวนฉันขึ้นคอนโดฯ นี่พี่โชนคิดจะรวบหัวรวบหางฉันหรือเปล่าเนี่ย อ๊าย >.<”

            “ถ้าแกกลัวจริงๆ เนี่ย แล้วไอ้ท่าทางสะดีดสะดิ้งเหมือนกระทิงอยากสิงผู้ชายแบบนี้มันหมายความว่าไงยะ”

            “เกลียดแกจังซูซี่ =O=”

            “ตกลงเราจะไม่ไปกันใช่ไหม”

            หลิงลี่ยังคงยืนยันคำเดิม

            “ไม่ เราจะไป”

            “แต่ว่า...”

 

            “นี่เธอลองคิดดูสิยัยเชอร์เบท ในเมื่อมันมาถึงขนาดนี้แล้วเนี่ยฉันว่านะร้อยทั้งร้อยเชื่อขนมกินได้เลยว่ายังไงพี่โชนเค้าต้องชอบแกแน่ๆ ไม่งั้นจะมาชวนแกขึ้นคอนโดฯ แบบนี้หรอ”

            “ถ้าชอบก็ดีนะ แต่นี่แกไม่คิดว่ามันเร็วเกินไปหน่อยเหรอ”

            “เร็วอะไร เค้าแค่ชวนแกไปดูหนังนะไม่ได้ชวนไปอะสะบะล่ะฮึ่มกันซะหน่อย”

            ใครก็ได้ช่วยแปลประโยคสุดท้ายให้ฉันที TOT

            “แต่ฉันกลัวโดนพี่โชนสอยนี่นา ^O^”

            แต่ยังคงทำหน้าเริงร่าได้อย่างน่าตบ

            “โอ๊ย มีพวกเราไปด้วยพี่โชนทำอะไรแกไม่ได้หรอกน่า เชื่อสิ”

            “.....”

            “ยังจะเงียบคิดอะไรอยู่อีกล่ะ เมื่อกี้เราเพิ่งคุยกันเองไม่ใช่หรือไงว่าจะใช้พี่โชนเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นโปเซียร์กับยัยแป้งเปียก นี่เท่ากับเราไม่ต้องลงทุนเปลืองตัวอะไรเลยด้วยซ้ำนะพี่โชนก็เข้าหาเราเองอีกต่างหาก แกว่าดีมั้ยล่ะ”

            อืม... ที่ยัยนี่พูดก็มีเหตุผลแฮะ

            ฉันพยักหน้าอย่างตกลงว่าเอาไงก็เอากัน เชอร์เบทสู้ตายค่า (ไม่ได้ไปออกรบนะ)

            “งั้นพวกเธอไปกันเถอะนะ ฉันกลับบ้านก่อนดีกว่า”

            “ไม่ได้!!”

            “TOT”

            “เธอยังเป็นเพื่อนเราหรือเปล่าหลิงลี่ เพราะฉะนั้นต้องไปด้วยกัน เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ จะได้อยู่ช่วยกันไง”

            “ฉันจะช่วยอะไรพวกเธอได้ล่ะซูซี่”

            นั่นน่ะสิ

            “อย่างน้อยเธอสามารถที่จะช่วยสวดมนต์ให้พี่โชนฟังไง”

            อาเมน....

 

           สรุปแล้วพวกเราทุกคนก็ตกลงที่จะไปคอนโดฯ ของพี่โชน และตอนนี้ฉันก็กำลังนั่งเชิดหน้าชูคอเป็นตุ๊กตาบลายท์อยู่ในรถ Aston Martin One-77 คันหรูของพี่โชนที่ทำหน้าที่เป็นคนขับ โฮะๆ เป็นบุญของก้นฉันเลยนะเนี่ยที่ได้มานั่งรถแพงๆ ราคากว่าหกสิบล้านและมีเพียงแค่เจ็ดสิบเจ็ดคันในโลกเท่านั้น คอยดูเถอะฉันจะไม่ล้างก้นไปสองเดือน (สกปรกมากจริงๆ -O-) แต่ก็นั่งเกร็งไปตลอดทางเพราะกลัวว่าถ้าเกิดไปทำรถแพงๆ ของพี่โชนเป็นรอยขีดข่วนเข้าสงสัยฉันจะต้องขายบ้านใช้หนี้กันเลยทีเดียว ส่วนซูซี่กับหลิงลี่ก็ขับรถตามมาอีกคันเพราะว่าไม่อยากจะทิ้งรถไว้ที่มหา’ลัย และเผื่อเวลากลับจะได้ไม่ต้องรบกวนพี่โชนให้มาส่ง

 

           แต่เอ๊ะ! ฉันหันไปมองถนนหนทางรอบๆ ที่เรากำลังมุ่งหน้าไปยังรังรักของพี่โชน (กรี๊ด พูดเองเขินเอง >///<) พลางขมวดคิ้วมุ่น เส้นทางนี้ฉันเคยมานี่นาไม่ใช่แค่ผ่านมาแต่เคยมาเป็นประจำเลยต่างหาก ถึงแม้ว่ามันจะนานมามากแล้วแต่ฉันก็ยังจำได้แม่น หวังว่ามันคงไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดหรอกนะ

           ผ่านไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมงหลังจากฝ่าดงรถติดมาแล้ว ฉันก็ได้มายืนนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่ตรงหน้าคอนโดฯ สุดหรูใจกลางเมืองที่ราคาห้องนึงเนี่ยสามารถซื้อบ้านได้ห้าหลังสบายๆ เลย สักพักยัยซูซี่ก็ตามมาสมทบ

           “ยัยเชอร์เบทเป็นอะไรไปยะ นิ่งเชียวนะอึ้งล่ะสิที่ได้มาถึงรังรักของพี่โชนแล้ว”

            ซูซี่เดินเข้ามากระซิบใกล้ๆ หลังจากที่พี่โชนแยกตัวออกไปรับโทรศัพท์ เห็นมั้ยล่ะแกยังคิดเหมือนฉันเลย อิอิ

           แต่ก็นะ.... ฉันอึ้งมากถึงมากที่สุดนั่นแหละ อะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนี้

           “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะเชอร์เบท เกิดอะไรขึ้นในรถระหว่างที่มาหรือเปล่า พี่โชนทำอะไรเธองั้นเหรอ”

            แถบจะกราบให้พี่โชนทำเลยล่ะ ฮ่าๆ

           “พี่โชนไม่ได้ทำอะไรฉันหรอกหลิงลี่ แต่ฉันกำลังคิดว่าทำไมมันถึงได้บังเอิญบังอรขนาดนี้”

           “หมายความว่าไง”

             “ก็โปเซียร์พักอยู่ที่นี่เหมือนกันน่ะสิ”

            “ฮะ!!”

            “ซวยชะมัดเลย ฉันไม่อยากเจอหน้าหมอนั่นตอนนี้หรอกนะ มันทำให้ฉันนึกถึงเรื่องเก่าๆ ที่ไม่อยากจะจำสักนิด ให้ตายสิ”

            เพียงแค่นึกถึงภาพที่โปเซียร์อยู่ในห้องกับยัยคนนั้นฉันก็แถบจะกรีดร้องออกมาแล้ว

 

            “เอาน่า ฉันว่าโลกมันคงไม่กลมขนาดนั้นมั้ง คงไม่เจอหมอนั่นหรอก”

            “นั่นสิ ที่นี่ก็มีตั้งหลายชั้นหลายห้องคงไม่ได้อยู่ชั้นเดียวกันหรอกเชอร์เบท”

            “คุยอะไรกันอยู่ครับสาวๆ ขึ้นไปข้างบนกันเถอะ”

            พี่โชนที่คุยโทรศัพท์เสร็จพอดีเดินเข้ามาก่อนจะนำหน้าพาพวกเราสามคนขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ฉันหันไปพยักหน้าให้ซูซี่กับหลิงลี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างเป็นห่วงเพื่อบอกให้รู้ว่าฉันไม่เป็นอะไรแล้ว

            ไม่เป็นอะไรจริงๆ นะ เชื่อฉันสิ -_-;;

            และระหว่างรอลิฟต์ฉันก็ได้แต่ลุ้นว่าพี่โชนจะกดเข้าที่ชั้นไหน

            ติ๊ง!

            ลิฟต์เคลื่อนตัวมาหยุดตรงหน้าก่อนที่เราสี่คนจะย้ายตัวเองเข้าไปในนั้น ฉันชะโงกหน้าไปมองพี่โชน

            “พี่โชนอยู่ชั้นไหนคะเนี่ย”

            “ชั้นรักเธอมั้งครับ”

            “>O<///”

            “แก๊ พี่โชนน่าจะไปเรียนบริหารมากกว่าเรียนมนุษย์ศาสตร์นะฉันว่า >.<”

            “บริหารอะไรของแก”

            “ก็บริหารเสน่ห์ไง อ๊ายย”

            ยัยซูซี่ที่ยืนอยู่ด้านหลังของพี่โชนหันมากรี๊ดใส่ฉันแบบเก็บเสียงพร้อมกับกระทืบพื้นลิฟต์เบาๆ อย่างถูกใจก่อนจะหันมากระซิบด้วยท่าทางระริกระรี้แต่ก็ต้องรีบเก็บอาการทันทีที่พี่โชนหันกลับมาตอบอีกครั้ง

           “สามสิบสองครับ”

           “O_O”

          พูดพร้อมกับกดเลขโชว์อีกต่างหาก

           ฉันหันไปทำตาโตใส่เพื่อนสาวทั้งสองที่ท่าทางจะเข้าใจความหมายของฉันเป็นอย่างดี จะบ้าหรือไงเนี่ย นี่มันทั้งบังเอิญและโลกกลมเด๊ะๆ เลยนะ เป็นไปได้ยังไงที่พี่โชนจะอยู่ชั้นเดียวกันกับโปเซียร์ และขอให้ความคิดในหัวของฉันอีกข้ออย่าเป็นจริงอีกเลยก็แล้วกันนะ ไอ้ความคิดที่ว่าทั้งสองคนอยู่ห้องติดกันน่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะดิ่งตึกชั้นที่สามสิบสองให้ดูจริงๆ ด้วย

 

          “เป็นอะไรหรือเปล่าครับเนี่ย ทำไมทำหน้าตกใจแบบนั้น”

          “อ้อ คือเชอร์เบทกลัวความสูงอ่ะค่ะ”

         เป็นคำแก้ตัวที่สิ้นคิดเอามากๆ ใครเชื่อก็คงจะโง่เต็มที

          “เรื่องนี้นี่เอง ไม่เป็นไรหรอกครับ ยิ่งสูงยิ่งสวยนะ”

          อ้าว ดันเชื่ออีก =O=

          แต่คนโง่ที่หน้าตาหล่อขนาดนี้ก็ให้อภัยค่ะ คริคริ

            อีกไม่กี่นาทีต่อมาลิฟต์สุดหรู (มองยังไงว่ามันหรู -_-;;) ก็เคลื่อนตัวมาหยุดนิ่งอยู่ยังเป้าหมายซึ่งก็คือชั้นที่สามสิบสองนั่นเอง ฉันก้าวออกจากลิฟต์มาเป็นคนสุดท้ายอย่างหวั่นๆ ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรในเมื่อฉันไม่ได้จะมาขโมยของซะหน่อย โอ๊ย เป็นอะไรไปเนี่ยเชอร์เบท ตั้งสติหน่อยสิ

            “ที่นี่สวยจังเลยนะคะพี่โชน”

            ยัยซูซี่ส่งเสียงฉอเลาะกับพี่โชนจนฉันแอบเบ้ปากออกมาอย่างหมั่นไส้ น้อยๆ หน่อยเถอะย่ะ นี่พี่โชนของฉันนะ

            “ครับ พี่เห็นว่ามันสะดวกดีอยู่ใกล้มหา’ลัยก็เลยซื้อไว้ ราคาไม่แพงด้วยนะ”

            ไอ้ไม่แพงของพี่เนี่ยเท่าไรคะ ห้าล้าน หรือว่าสิบสองล้าน -_-;;

            ทั้งสามคนเดินนำหน้าคุยกันไปเรื่อยๆ โดยมีฉันที่เดินมองเลขห้องไปอย่างลุ้นๆ ว่าพี่โชนจะไปหยุดอยู่ที่ห้องไหน

            3214… 3215… 3216… เฮือก!

            3217 คือห้องของโปเซียร์

            และพี่โชนกำลังยืนล้วงหยิบคีย์การ์ดออกมาอยู่หน้าห้อง 3218 นี่อย่าบอกนะว่าห้องพี่โชนอยู่ข้างๆ โปเซียร์เนี่ย ฮ่วย เชอร์เบทจะเป็นลม

            ยัยซูซี่ที่เห็นฉันยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้องที่ปิดประตูเงียบสนิทของโปเซียร์ก็เลยมองมาอย่างสงสัย ฉันก็เลยทำท่าชี้นิ้วไปที่ประตูห้องแล้วกระโดดเร่าๆ อย่างที่ยัยนี่ชอบทำ ซึ่งแน่นอนว่ายัยซูซี่ตาโตเอามือทาบอกตัวเองอย่างตกใจ ใช่ บังเอิญ โลกกลม และพรหมลิขิตจริงๆ

             “เอ่อ พี่โชน...”

             “ว่าไงครับ”

             “พี่อยู่ห้องนี้เหรอคะ”

             ซูซี่ถามแทนฉันพลางชี้มือไปที่ห้อง 3218 ตรงหน้า พี่โชนก็มองตามและทำหน้างงๆ กลับมา

             “อ๋อ ไม่ใช่ห้องนี้ ห้องนู้นต่างหากล่ะ”

              แล้วพี่โชนก็พาพวกเราเดินถัดไปอีกสามห้องคือห้องหมายเลขที่ 3220 ฉันลอบถอนหายใจออกมาอยากโล่งอกพักอยู่ที่เดียวชั้นเดียวกันแต่อย่างน้อยก็ยังดีที่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน เอ้ย ห้องติดกันอะนะ -*-

               ฉันมองตามหลังสามคนนั้นที่เดินหายเข้าไปในห้องก่อนที่ฉันจะถอนหายใจออกมาเบาๆ และเริ่มออกตัวก้าวเดินไปบ้าง แต่ทว่า...

               แอ๊ด

               “O_O!!”

               “-__-;;”

               “โปเซียร์!”

              ประตูที่เคยปิดสนิทกลับถูกเปิดออกโดยเจ้าของห้องที่บัดนี้ยืนนิ่งขมวดคิ้วมองมาที่ฉันอย่างสงสัยว่ามาทำอะไรที่หน้าห้องของเขา แต่ฉันไม่ได้มาหานายซะหน่อย

              “เธอมาทำอะไรที่นี่”

              “เอ่อ คือ...”

              “เชอร์เบทยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้นล่ะ เข้ามาสิครับ”

              พี่โชนชะโงกหน้าออกมาทางประตูเหมือนกับนัดคิวเอาไว้พอดีเป๊ะ ทำให้โปเซียร์ชักสีหน้าทันทีอย่างเห็นได้ชัด หึ...

              บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้มาหานาย แต่ยังไม่ทันที่หมอนั่นจะได้พ่นคำพูดอะไรออกมาต่อ ฉันก็เดินเฉิดฉายไปเกาะแขนพี่โชนโชว์อย่างอ้อนๆ

              “ค่ะพี่โชน เราเข้าไปกันเถอะค่ะ เชอร์เบทอยากสนุกเต็มที่แล้ว”

              แค่เอ็นจอยในการดูหนังนะไม่ใช่อย่างอื่น แค่พูดให้คนบางคนมันคิดมากเท่านั้นแหละ ตบท้ายด้วยการยักไหล่อย่างกวนประสาทไปให้โปเซียร์ทื่ยืนกำหมัดแน่นอยู่หน้าห้อง

               ปัง!

 

               ทันทีที่ประตูปิดลงฉันก็รีบถลาเข้าไปหาซูซี่กับหลิงลี่แล้วกระซิบกระซาบกันทันที

               “แก๊ เมื่อกี้ฉันเจอโปเซียร์อยู่หน้าห้อง”

               “จริงเหรอ!”

               “ก็ใช่น่ะสิ รู้มั้ยว่าพอหมอนั่นเห็นว่าฉันมากับพี่โชนก็ทำหน้าแบบอยากจะฆ่าฉันซะให้ได้เลย”

               “อย่างนี้ต้องเป็นพรหมลิขิตแน่ๆ เลยยัยเชอร์เบท ที่ชอบทำให้แกหนีโปเซียร์ไม่พ้นซะที อ๊าย โรแมนติกที่ซู้ด >O<”

                “พรหมลิขิตหรือพรหมคิดผิดกันแน่ยะยัยซูซี่ ไม่ต้องมาพูดมากเลยฉันอารมณ์ไม่ดี”

                ซูซี่เบ้ปากออกมานิดหนึ่งก่อนจะจับหัวฉันกับหลิงลี่ให้เข้ามารวมตัวกันเป็นกระจุกเดียวเพื่อกระซิบ คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย แต่ถ้าสามคนนี่ฉันว่าท่าทางจะตายสนิทเลยนะงานนี้ TOT

                 “จะมาหงุดหงิดอะไรกันตอนนี้เล่า แกบอกเองไม่หรือไงว่าโปเซียร์มันทำหน้าโมโหขนาดไหนตอนที่เห็นแกอยู่กับพี่โชนเพราะฉะนั้นฉันคิดว่าเรามาถูกทางแล้วนะ แผนเราใกล้จะสำเร็จแล้วที่สามารถทำให้โปเซียร์ออกอาการได้มากมายขนาดนั้น”

                “เออ ที่แกพูดก็ถูกนะ”

                “บางทีเค้าอาจจะหงุดหงิดที่น้ำไม่ไหลก็ได้นะเชอร์เบท”

                “-__-++”

                มองโลกในแง่ดีเกินมากเกินความจำเป็นแล้วมั้งยัยหมวย

                “สาวๆ ไม่สนใจพี่บ้างเหรอครับเนี่ย แอบคุยอะไรกัน -3-”

                 เสียงพี่โชนที่ถูกลืมไปชั่วคราวว่ามีตัวตนเอ่ยขึ้นทำลายความคิดของฉันที่กำลังพลุ่งพล่าน ทำให้เราสามคนรีบสลายโต๋และหันไปยิ้มแหยๆ ให้กับคนพูดที่ทำปากบู่ออกมาอย่างงอนๆ ด้วยท่าทางที่โคตะระน่ารักเลย กรี๊ดด >O< ยัยซูซี่กระตุกชายเสื้อด้านหลังของฉันแรงๆ นี่ถ้าแกลงไปดิ้นที่พื้นได้คงทำไปแล้วใช่ไหม

                 และช่วงเวลาหลังจากนั้นพวกเราทุกคนก็สนุกสนานไปกับการทานข้าว ร้องเพลง ดูหนังกันตามประสาผู้หญิง แม้แต่พี่โชนที่ดูแมนขนาดนั้นยังสามารถเข้าขากับพวกฉันได้เป็นอย่างดี และเท่าที่ลองสังเกตดูฉันก็ได้รู้ความจริงอีกข้อหนึ่งว่าพี่โชนคิกขุอาโนเนะเอามากๆ แอร๊ยย >///<

 

            ทำไมถึงคิกขุน่ะเหรอ ก็เพราะว่าในห้องนอนของพี่โชน (เข้าไปถึงห้องนอนได้ยังไงเนี่ย =O=) มีแต่ตุ๊กตาเต็มไปหมดเลยน่ะสิ ทั้งคิตตี้ หมีเทดดี้ ตุ๊กตาหมูกระต่ายหรือแม้แต่ตุ๊กตาบลายท์ ตอนแรกฉันก็สงสัยอยู่หรอกนะว่าท่าทางแมนๆทำไมถึงได้มีของผู้หญิงเต็มห้องแบบนี้ แต่พี่โชนก็มาเฉลยเอาตอนหลังว่าตุ๊กตาพวกนั้นเป็นของพวกรุ่นน้องที่กรี๊ดกร๊าดพี่เค้าให้มาเท่านั้น และพี่โชนก็รับไว้เพื่อไม่ให้น้องๆ เสียน้ำใจแถมยังเก็บไว้ในห้องนอนอย่างดีเพื่อให้เกียรติคนให้อีกต่างหาก เพอร์เฟ็กต์ไปทั้งภายในและภายนอกแบบนี้หาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว เป็นผู้ชายน่ารักที่สมควรรักที่สุด >.<

            โถๆๆๆ พ่อพระในใจของเชอร์เบท อย่าระเห็จไปไกลให้ฝันสลาย ถ้าเกิดเจ้าหายไปมิกลับกลาย อันตัวข้าคงมลายวายปลวกเอย เตรง เตร่ง เตร๊ง ชะเอิงเอย~

 

            เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ เผลอแป๊บเดียวก็ได้เวลากลับบ้านแล้วเพราะมันค่อนข้างที่จะดึกด้วยแล้วอ่ะนะ พวกเราก็เลยบอกลาพี่โชนที่นั่งยันนอนยันว่ายังไงก็จะมาส่งฉันให้ได้แม้ว่าฉันบอกว่าจะให้ซูซี่ไปส่งแล้วก็ตาม โดยบอกเหตุผลมาปุ๊บฉันก็เงียบปากแล้วยอมพลีกายให้พี่โชนพามาส่งที่บ้านทันที

            ‘ให้พี่เป็นคนไปส่งด้วยตัวเองดีกว่า พี่เป็นห่วงเชอร์เบทจริงๆ’

            และฉันก็ได้แต่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับตัวเองอย่างเพ้อๆ ในรถของพี่โชน แป๊บเดียวก็มาถึงหน้าบ้านซะแล้ว ฉันแอบถอนหายใจเบาๆ อย่างขัดใจที่ทำไมเวลามันถึงได้เดินเร็วแบบนี้ ขออยู่กับพี่โชนอีกสักหน่อยก็ไม่ได้ เชอะ

            “ขับรถดีๆ นะคะพี่โชน ^^”

            “ครับผม ฝันดีนะครับ”

            ถ้าในฝันเป็นมีพี่โชนมันยิ่งกว่าดีอีกค่ะ >O<

“เช่นกันค่ะ”

            ฉันยืนโบกมือให้กับท้ายรถของพี่โชนด้วยหัวใจพองโตอย่างประหลาด นี่ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ คงตั้งแต่ห้าเดือนก่อนละมั้ง เอ๊ะ แล้วฉันไปนึกถึงหมอนั่นทำไมเนี่ย ดูสิเสียอารมณ์ทำลายบรรยากาศหมดเลย

            เพราะฉะนั้นเข้าบ้านไปอัพเดตให้ซูซี่ฟังดีกว่า ในขณะที่ฉันหมุนตัวเดินเข้าบ้านที่ยังคงเปิดไฟอยู่เพราะบางทีเซอร์เบียจะชอบมานั่งเล่นอยู่ชั้นล่างบ่อยๆ แต่กลับมีอะไรบางอย่างมากระชากเข้าที่แขนฉันอย่างแรงจนเซไปทางด้านหลังอย่างตั้งตัวไม่ทันและตกใจสุดๆ

            “กรี๊ด!!”

            “จะแหกปากทำไมเนี่ย -_-;;”

            “O_o!?”

            ไอ้บ้านี่มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง

            “ไม่ต้องมองด้วยสายตาแบบนั้นฉันไม่ใช่ผี”

            “นายมาที่นี่ทำไมโปเซียร์”

            ในที่สุดก็ควานหาเสียงตัวเองเจอซะทีนะฉัน

            “แล้วทำไมฉันจะมาไม่ได้ในเมื่อเธอยังไปที่คอนโดฯ ฉันได้เลย”

            “แต่ฉันไม่ได้ไปหานาย!”

            โปเซียร์เม้มปากแน่นเหมือนกำลังสะกดจิตตัวเองเพราะกลัวว่าองค์จะลง เป็นบ้าอะไรมาทำท่าโมโหใส่ฉันเนี่ย ฉันไม่ได้ไปขโมยของนายซะหน่อย

            “เสียงอะไร อ้าว... เจ้กลับมาแล้วเหรอแถมยังพาพี่โปเซียร์มาด้วย”

            ฉันพามาที่ไหน มันจุดธูปเชิญตัวเองมาต่างหากเล่า

 

            เซอร์เบียที่คาดว่าคงได้ยินเสียงร้องของฉันเลยออกมาดู แต่แทนที่จะไล่โปเซียร์กลับไปดันมาทำท่ายิ้มล้อเลียนกันอีก ไอ้น้องบ้า -__-;;

            “นี่จะมารำลึกถึงความหลังกันหรือไงฮะ เอ้อ พี่โปเซียร์ว่างๆ ทำไมไม่เข้ามาที่บ้านบ้างล่ะ ผมอยากแก้มือที่เล่นเกมแพ้หน่อย”

            “ได้ แล้วฉันจะแวะมาหาบ่อยๆ”

            “อะไรกัน ใครเชิญนายไม่ทราบ แล้วเซอร์เบียนายจะไปยุ่งกับหมอนี่อีกทำไมเนี่ยฮะ”

            “วู้เจ้ พี่โปเซียร์เค้ามาหาผมไม่ได้มาหาเจ้ซะหน่อย จะเดือดร้อนทำไม”

            “-__-;;”

            เดือดร้อนตรงที่หมอนี่มันเป็นแฟนเก่าฉันเนี่ยแหละเว้ย ฉันมีนโยบายไม่เป็นเพื่อนกับแฟนเก่าย่ะ

            “เออๆ ผมไม่กวนแล้วดีกว่า เชิญตามสบายนะครับพี่เขย ^^”

            “เซอร์เบีย!!”

            ว่าแล้วไอ้เด็กบ้าก็เดินยักไหล่กลับเข้าบ้านไปทันที ฉันจึงหันไปมองคนหน้าบึ้งข้างๆ ที่ยังคงยึดท่อนแขนของฉันไว้แน่น อะไรเนี่ย... ฉันปล่อยให้หมอนี่จับอยู่ได้ตั้งนานงั้นเหรอ

            ฟึ่บ!

            สะบัดแขนออกพร้อมกับขยับห่างมาอีกสามก้าวเรียกเสียงฮึดฮัดจากฝ่ายตรงข้ามได้เป็นอย่างดี

            “ตกลงมีธุระอะไร ฉันไม่ได้ขโมยของนายมาซะหน่อย”

            “ใครบอกล่ะ เธอขโมยของฉันมาตั้งนานแล้วทำไมไม่คืนอีก”

            “อะไรๆ พูดให้ดีๆ นะ ฉันไปเอาอะไรของนายมาไม่ทราบ”

            “ก็หัวใจฉันไง”

            “...!!!”

            “....”

            “พูดเป็นเล่น?”

            “เออ ฉันพูดเล่น”

            ไอ้... (หมดคำพูดที่จะด่ามัน -_-)

            สาระในชีวิตนี่ไม่เคยจะมี ไอ้ที่มีก็มีแต่สาระ (เลว) แล้วก็อย่าคิดว่าฉันจะใจเต้นกับคำพูดบ้าๆ ของหมอนี่นะ โฮะๆๆ ฉันมีภูมิคุ้มกันดีค่ะ โดยเฉพาะกับคนที่รู้จักดีแบบโปเซียร์ด้วยแล้วฉันไม่มีทางไปเชื่ออะไรกับหมอนี่อีกเด็ดขาด แต่ถ้าเป็นพี่โชนน่ะเหรอฉันคงเกิดอาการภูมิคุ้มกัน (ผู้ชาย) บกพร่องทันที อิอิ (ไม่ใช่โรคเอดส์นะ)

 

            “ถ้าพูดเล่นจบแล้วก็กลับไปซะ ฉันเหนื่อย”

            “เหนื่อยงั้นเหรอ นี่เธอไปทำอะไรกับไอ้โชนมาฮะ!”

            จู่ๆ โปเซียร์ก็เกิดของขึ้นตะโกนเสียงดังและปรี่เข้ามากระชากแขนฉันจนปลิวเข้าไปกระแทกกับหน้าอกของเขา นี่มันหน้าอกหรือกำแพงวัดเนี่ย เจ็บชะมัด

            “โอ๊ย! จะตะโกนให้ชาวบ้านเอารองเท้ามาเขวี้ยงใส่หัวนายหรือไงฮะ แล้วนี่เป็นบ้าอะไรอีกถึงได้มาตะโกนใส่หน้าฉันแบบนี้ คอยดูเถอะฉันจะฟ้องพี่โชน”

            “อ๋อ เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็เป็นไอ้โชนมันหมดแล้วใช่ไหม คงหลงมันมากล่ะสิ”

            “ก็สมควรให้หลงนี่”

            “นี่เชอร์เบท อย่ายั่วโมโหฉันจะดีกว่านะ เพราะเธอก็รู้ว่าถ้าฉันหมดความอดทนแล้วอะไรจะเกิดขึ้น”

            “=O=”

            และฉันก็รีบหุบปากฉับทันที ใครจะไปกล้าแหยมกับหมอนี่ตรงๆ ล่ะ เวลาโกรธทีนึงนี่เหมือนกับพายุทอร์นาโดพัดเข้าอ่าวไทยอย่างนั้นแหละ

            “ทำไมที่ฉันบอกถึงไม่ฟังว่าให้อยู่ห่างๆ ไอ้โชน”

            “แล้วทำไมฉันต้องเชื่อฟังนายด้วย นายไม่ใช่พ่อฉันนี่ ขนาดพ่อฉันยังไม่ว่าอะไรสักคำแถมยังชมด้วยว่าพี่โชนน่ารักจะตาย”

            โปเซียร์ขยับเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ว่าก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นซะก่อน ของหมอนั่นน่ะแหละไม่ใช่ของฉัน

            “ว่าไงแป้งโกะ”

            (.....)

            “ตอนนี้ฉันไม่ว่าง แค่นี้นะ”

            แล้วก็ตัดสายทิ้งทันที บ้านแตกแน่ๆ งานนี้เพราะฉันได้ยินเสียงแหลมๆ ของยัยแป้งเปียกนั่นโวยวายออกมาเสียงดังเหมือนกับว่าโปเซียร์ไปทำเธอท้องแล้วไม่รับผิดชอบ

            “แฟนโทรตามแล้วก็ไปสิ จะมายุ่งกับฉันทำไม”

            “ฉันไม่สนใจคนอื่น”

            “คนอื่นที่ไหน นั่นแฟนนายนะ”

            “นอกจากเธอแล้วทุกคนก็กลายเป็นคนอื่นหมดนั่นแหละ”

            “.....”

            ใครก็ได้ช่วยแปลความหมายของประโยคนี้ให้ฉันฟังอีกทีได้ไหม จะได้รู้ว่าฉันไม่ได้คิดอะไรผิดๆ ไปเอง ไอ้บ้านี่ก็แปลก... เรียกแฟนตัวเองว่า คนอื่น

            โปเซียร์ถอนหายใจออกมาเสียงดังก่อนจะก้มลงมากระซิบใส่ฉันเสียงเย็น

            “ฉันจะบอกเธอเป็นครั้งสุดท้ายว่าให้เลิกยุ่งกับไอ้โชนมันซะ”

            “เอ๊ะ นี่พูดไม่รู้เรื่องหรือไง ไหนลองบอกเหตุผลที่ฉันควรจะเลิกยุ่งกับพี่โชนมาสักสามข้อสิ”

            “หนึ่งคือฉันหล่อ”

            “สองล่ะ”

            “ฉันรวย”

            “-_-;;”

            “และสาม... ฉันเพอร์เฟ็กต์”

            ไอ้บ้าาาา

            อยากจะจับคนตรงหน้าชู้ตไปดาวเสาร์แล้วไม่ต้องกลับมาอีกจริงๆ เลย ช่วยพูดอะไรที่มันเกี่ยวกันหน่อยได้ไหมเนี่ย ไม่ให้ฉันยุ่งกับพี่โชนเพราะว่านายหล่อเนี่ยนะ

            ถุย! ประสาท

            “นี่นายอยู่กับยัยแป้งร่อนมากเกินไปปะถึงได้พูดจาบ้าบอแบบนี้เนี่ย ว่างๆ ก็พากันไปเช็คประสาทบ้างนะ คนอื่นอย่างฉันจะได้ไม่ต้องปวดหัว”

            “คราวนี้ฉันพูดจริงทำจริงนะเชอร์เบท”

            “นายจะทำอะไร!”

            “หึ อย่าให้ฉันเห็นว่าเธอไปยุ่งกับมันอีกก็แล้วกันล่ะ ไม่อย่างนั้นได้เห็นดีกันแน่”

            ฉันขมวดคิ้วอ้าปากค้างและกระพริบตาปริบๆ มองตามหลังโปเซียร์ที่เดินไปขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็วอย่างงงๆ ตกลงว่าที่คุยกันมาทั้งหมดนี่เป็นเพราะฉันโง่หรือว่าหมอนั่นมันบ้ากันแน่ถึงได้คุยไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันกรอกตามองฟ้ายามค่ำคืนอย่างเซ็งๆ

            ใครเชื่อก็คงต้องไปเช็คประสาทตามนายแล้ว ฮึ่ย!!

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา