ศพแยกส่วน ณ โรงละครผีสิง

7.3

เขียนโดย RATH

วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 16.12 น.

  11 chapter
  16 วิจารณ์
  17.77K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) บทที่ 9 เวลาที่ย้อนกลับ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

http://www.keedkean.com

 

บทที่ 9

 

เวลาที่ย้อนกลับ


          ภานุยืนรอคอยเธออยู่ด้านนอก หน้าบานประตูทางเข้าและออกห้องโถง ภายหลังจากที่ประตูถูกปิดลงจนสนิทดีแล้ว จากฝามืออันเรี่ยวเล็ก ข้างที่ไม่ได้ถือเชิงเทียนกำเอาไว้

          คุณเกดยังจะยืนนิ่งๆ จับจ้องมองอะไรอยู่อีกล่ะครับ ไหนท่าทางตอนแรกเหมือนจะบอกรีบมากไม่ใช่หรือไงกันครับ” ภานุยกเชิงเทียนขึ้นเหนือศีรษะ แล้วจับจ้องมองใบหน้าและแววตาของเธอ ในระยะประชิดแค่มือเอื้อมถึงกันเท่านั้น

          ฉันแค่อยากที่จะให้มั่นใจว่าจริงๆ แล้ว คนที่ยืนนิ่งๆ อยู่ตรงเบื้องหน้าของฉัน ใช่คุณภานุจริงๆ หรือเปล่าก็เท่านั้นเอง

          ถ้าไม่ใช่ผมแล้ว คุณคิดว่าน่าจะเป็นใครกันล่ะครับ” น้ำเสียงของภานุเป็นปกติ ไม่หนาวเย็นยะเยือก อย่างเช่นชายชราในวัยอายุ 70 ปี เช่นในครั้งแรกที่เธอ และภานุได้เคยออกไปเดินสำรวจยังห้องเก็บรูปถ่ายเก่าๆ เมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้า

          แล้วคุณคิดว่าน่าจะเป็นใครกันล่ะ” เธอเสแสร้งแกล้งย้อนคำถามกลับคืนไป

          คุณคงจะหมายถึงผีซินะครับ” ภานุไม่มีสีหน้าหรือแววตานึกแปลกใจเลยสักนิด

          รู้แล้วยังจะมาถามอีก...” ภานุแย้มยิ้มอย่างรับรู้ความนัย ในคำพูดของเธอ

          คุณเกดคงหมายถึงเหตุการณ์ ด้านหน้าประตูทางเข้าออกของห้องเก็บรูปถ่ายเก่าๆ พวกนั้นซินะ” เธอพยักหน้าเป็นคำตอบ

          ฉันอยากจะถามคุณจริงๆ ทำไมคุณถึงไม่ยอมยืนรอคอยฉันก่อน ปล่อยให้ฉันยืนนิ่งๆ อยู่ตรงนั้นเพียงคนเดียว

          ผมว่าเราเดินไป คุยกันไปจะดีกว่าไหมครับ” เธอพยักหน้าเป็นคำตอบอีกครั้ง พร้อมเริ่มก้าวเดินตรงไปยังบันไดทางที่จะลงไปสู่ห้องโถงด้านล่าง จากจุดที่เธอและภานุยืนนิ่งพูดคุยกันอยู่จนไปถึงยังบันไดทางลงไปสู่ห้องโถงด้านล่างน่าจะใช้เวลาประมาณ 10 กว่านาทีเท่านั้น

          คุณยังคงจดจำได้ไหมครับว่า คุณเคยถามผมว่า...โรงละครแห่งนี้มีผีอยู่จริงๆ ไหม...และผมเองก็ไม่ได้คิดอยากที่จะตอบคำถามนั้นของคุณในครั้งแรก” เธอแย้มยิ้มและพยักหน้าเป็นคำตอบอีกครั้ง และรอฟังเรื่องราวต่อไป

          ...ความจริงแล้วไม่ใช่ว่าผมไม่ได้คิดที่จะรอคอยคุณ แต่เป็นคุณเองต่างหากที่ไม่ได้คิดที่จะรอคอยผม ระหว่างที่เชิงเทียนของพวกเราดับจนสนิทลงพร้อมกันทั้งคู่ ผมจับจ้องมองเห็นเงาสลัวๆ ของคุณเรียกชื่อของผม แล้วให้ผมรีบก้าวเดินติดตามคุณไป ในเวลานั้นผมคิดว่านั้นคือคุณจริงๆ ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นผีหรือวิญญาณเลยแม้แต่สักนิดเดียว จนใกล้ที่จะถึงห้องโถงใหญ่ที่ทุกคนอยู่กันแล้วนั้นล่ะ คุณบอกผมว่าให้ผมเป็นคนเดินนำหน้าคุณไปก่อน แล้วคุณถึงจะรีบเดินติดตามผมไป แต่พอผมก้าวเดินผ่านคุณไปได้เพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น...

          ฉันก็หายตัวไป อย่างนั้นใช่ไหมค่ะ” ภานุพยักหน้าเป็นคำตอบเช่นกัน

          หากเวลานี้ คุณเองยังคงถามผมด้วยคำถามเดิมอยู่อีกครั้ง ผมก็พร้อมที่จะตอบคำถามคุณได้เลยว่า ผีมันมีอยู่จริงๆ ครับ” ภานุจับจ้องมองเธอผ่านเชิงเทียนที่ถืออยู่อีกครั้ง ด้วยแววตาอันมีปริศนา

          แล้วคุณล่ะ คิดว่ามันมีจริงไหม

          คะ ตั้งแต่ฉันมาถึงโรงละครผีสิงแห่งนี้ ฉันเจอะเจอกับเรื่องประหลาดๆ หลายเรื่อง ภานุก้าวเท้าเดินให้ช้าลงกว่าเดิม เพราะเกิดความประหลาดใจและนึกสงสัยในคำตอบของเธอ

          เช่นเรื่องอะไรบ้างล่ะครับ” เธอไม่คิดอยากที่จะปิดบังภานุอยู่อีกต่อไป เพราะระหว่างเธอกับภานุ พวกเราสองคนต่างก็มีประสบเหตุการณ์อันประหวาดๆ มามากมายพอๆ กัน การแบ่งปันประสบการณ์ระหว่างกันมันน่าจะช่วยไขปมปริศนาความลี้ลับของโรงละครผีสิงแห่งนี้ ได้รวดเร็วกว่าที่จะมาคิดและวิเคราะห์จนปวดหัวอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น

          ฉันอยากที่จะบอกคุณว่า สิ่งที่ฉันกำลังจะเล่าให้ คุณได้รับฟังมันคือเรื่องจริงที่ฉันประสบมากับตัวเองจริงๆ คุณอาจที่จะคิดว่าฉันเป็นคนบ้าก็ได้ ตามแต่ใจของคุณที่จะคิด” ภานุแย้มยิ้มและพยักหน้าเป็นคำตอบ จนเธอเริ่มนึกหมั่นไส้ กับความหล่อเหลาและขี้เล่นของชายหนุ่มข้างๆ กันกับเธอ

          คุณยังจดจำบทลำนำเพลงที่ฉันขับร้องให้คุณ และทุกๆ คนได้รับฟัง ได้ไหมคะ

          ได้ คุณขับร้องบทลำนำเพลงนั้นได้ หนาวเย็นยะเยือกและน่าหวาดกลัวมาก” เธอไม่คิดที่จะสนใจคำพูดล้อเล่นของภานุ แล้วเริ่มเล่าเรื่องราวต่อไป

          นอกจากบทลำนำเพลงแปลกๆ นั้นแล้ว ฉันยังได้ยินอีกหนึ่งบทลำนำเพลงอันแปลกๆ ด้วยเช่นเดียวกัน และฉันก็ยังไม่คิดที่จะขับร้องให้คุณหรือใครๆ ได้รับฟัง” ภานุหยุดก้าวเดินแล้วยกเชิงเทียนขึ้นเหนือศีรษะอีกครั้ง

          คุณอยากที่จะลองรับฟัง มันดูสักหน่อยไหมคะ” ภานุพยักหน้าเป็นคำตอบ ด้วยสีหน้าและแววตาอันเคร่งเครียด

          ลองขับร้องให้ผมได้รับฟังหน่อยเถอะครับ” เธอพยักหน้าเป็นคำตอบเช่นกัน แล้วเริ่มนึกถึงบทนำลำเพลงนั้นขึ้นมาภายในจิตใจอีกครั้ง และก็ได้เริ่มขับร้องมันออกมาอย่างที่เคยได้รับฟังมันมาก่อนหน้าได้ไม่นานมากนัก

ศิวลึงค์จักปรากฏเลือดสีแดง     ศาสตร์แขนงสังเวยร่างคืนเลือดเนื้อ

หมื่นแขนขาเสียสละแลกชีวิต          ฝังสถิตกลบไว้ยังหลักศิวลึงค์

ร่ายมนต์ตราฝังจิตแลฝังร่าง         ฝังอำพรางแทนดวงจิตเพื่อรัดตรึง

หมื่นราตรีรอตบะแลฌานกล้า   จักคืนมาด้วยหยดเลือดแห่งความรัก

          ภานุมีสีหน้าและแววตาอันซีดเผือด เมื่อได้รับฟังสิ่งที่เธอขับร้องนำลำเพลงบทนั้นจบลงโดยสมบูรณ์ และภานุเริ่มมีคำถามปรากฏขึ้นมาบนสีหน้าและแววตาอีกครั้ง

          คุณได้ยินมันมาจากที่ไหนกันครับ

          ถ้าเป็นบทลำนำเพลงบทแรก ฉันได้ยินมันมาจากหน้าประตูห้องเก็บรูปถ่ายเก่าๆ พวกนั้น ส่วนบทลำนำเพลงบทที่สองนั้นฉันได้ยินมันระหว่างที่พวกเราก้าวเดินขึ้นมายังห้องโถงข้างบนนี้ หรือจะพูดให้ถูกก็ที่ด้านล่างตรงบันไดทางขึ้นและลง ตรงเบื้องหน้าของพวกเรานี้เองล่ะค่ะ” เธอจับจ้องมองตรงลงไปยังขั้นบันไดทางขึ้นลงที่เธอและภานุกำลังที่จะพากันก้าวเดินลงไปอีกครั้ง อย่างนึกหวาดกลัวในสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นมาอีก โดยเฉพาะเรื่องราวอันประหลาดๆ ที่เคยได้พบประสบกันมาก่อนหน้านั้นแล้ว

          คุณคงไม่ได้ยินน้ำเสียงร้องตะโกนอันแปลกๆ นั้นด้วยหรอกนะครับ” เธอรับรู้ได้ในทันที ภานุหมายถึงน้ำเสียงตะโกนอันไหนกันแน่ เพราะทั้งสองเสียงมันเกิดขึ้นในระยะเวลาอันไล่เลี่ยกัน

          ศิวลึงค์...ข้าต้องการศิวลึงค์...อ้ายจันเจ้าจงเอาศิวลึงค์ของข้ากลับคืนมา ...อ้ายจันเจ้าเอาศิวลึงค์ของข้า ไปหลบซ่อน แลเก็บซ่อนเอาไว้ยังที่แห่งหนใดกันแน่  อ้ายจันเจ้าจงบอกแก่ข้ามา ณ บัดเดี๋ยวนี้ อ้ายจัน...จงบอกข้ามา

          ฉันก็ได้ยินมันเหมือนกัน และฉันเองก็ยังนึกแปลกใจอยู่จริงๆ เลยว่า หากคุณได้ยินน้ำเสียงตะโกนในประโยคนั้นได้ แล้วทำไมคุณถึงไม่ได้ยินบทลำนำเพลงที่ฉันเพิ่งที่จะได้ขับร้องให้คุณได้รับฟังไปพร้อมกันด้วย แม้น้ำเสียงของมันจะไม่ได้ดังสนั่นหวั่นไหวอย่างเท่าเทียมกันแต่ก็ต่างได้ยินน้ำเสียงนั้นอย่างชัดเจนพอๆ กัน” ภานุยังคงทำสีหน้าและแววตาต้องสงสัยอยู่เช่นเดิม

          ผมก็ตอบคำถามของคุณไม่ได้เช่นกัน อาจจะเป็นไปได้ว่าสัญญาณความถี่ในสมองของคุณมันทำงานได้ดีเกินกว่าของผมหลายสิบหลายร้อยเท่าหรือของมนุษย์ทุกๆ ที่มายังสถานที่แห่งนี้ก็ได้” ภานุยังมีกะจิตกะใจมาพูดจาล้อเล่นอยู่เช่นเดิมอีก ในเมื่อภานุไม่คิดที่จะสนใจเธอก็ไม่คิดที่จะสนใจมันด้วยเช่นเดียวกัน

          ก็อาจที่จะจริงอย่างที่คุณพูด มาจริงๆ ก็ได้ แต่ที่ฉันสนใจจริงๆ ก็คือ คุณคิดอย่างไรกับบทลำนำเพลงทั้งสองบท กับอีกหนึ่งประโยคน้ำเสียงตะโกนอันแปลกๆ ที่เกิดขึ้นมายังโรงละครผีสิงแห่งนี้กัน” ภานุกำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิด และไม่กล้าพอที่จะเผชิญแววตากันกับเธอตรงๆ อาจที่จะเกรงกลัวว่าเธอจะสังเกตเห็นแววตาอันมีเลศนัยของเขาอยู่ก็ได้

          คุณคิดว่า ผมจะมีคำตอบให้กับคุณได้จริงๆ หรือครับ” ภานุหันวงหน้าอันเคร่งเครียดผ่านแสงสว่างสลัวๆ กลับมาตอบคำถามของเธอแล้วรีบหันวงหน้ากลับคืนโดยไว

          ฉันคิดว่าคุณต้องรับรู้อะไรมาบ้าง อย่างเช่นประวัติความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้ รวมถึงบทลำนำเพลงแปลกๆ พวกนั้นด้วย” ภานุยังคงสีหน้าและแววตาอันเคร่งเครียดอยู่เช่นเดิม

          ถึงผมพอที่จะรับรู้อะไรมาบ้าง แต่ทั้งหมดนั้นมันก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น จริงหรือเท็จก็ยากที่จะคาดเดาได้ว่ามันจะถูกต้องทั้งหมด” ภานุยังคงก้าวเดินอย่างช้าๆ ลงบันไดไปที่ละขั้นพร้อมๆ กันกับเธอ และยังคงเล่าเรื่องราวต่อไปอยู่เช่นเดิม

          ...ต้นตระกูลของผมสืบเชื้อสายมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรสุโขทัย เรื่อยลงมาจนถึงยุคปัจจุบัน จากบันทึกของตระกูลของผมมันได้บันทึกเอาไว้เช่นนั้น แต่จริงเท็จแค่ไหนก็ยากที่จะคาดเดาอย่างที่ผมได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ในบันทึกของต้นตระกูลของผมกับไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโรงละครผีสิงแห่งนี้เอาไว้เลย จนกระทั่งผมได้บังเอิญไปพบปะเจอะเจอเข้ากับบันทึกใบลานของคุณหลวงวัตรบดินทรเข้าโดยบังเอิญ ในบันทึกนั้นได้กล่าวถึงเรื่องราวอันสุดแสนที่จะประหลาดหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นรวมถึง ศิวลึงค์ แล้วตำราเวทย์มนต์ดำอะไรสักอย่างเอาไว้ด้วย และยังมีบทลำนำเพลงเพราะๆ อีกสองบท ก็คือบทที่ผมและคุณต่างก็ขับร้องให้กับทุกๆ ได้รับฟังกันไปแล้วนั้นล่ะครับ...

          ใช่บทนี้หรือเปล่าค่ะ” เธอเริ่มนึกและขับร้องมันออกมาอีกครั้ง

งามพริมเพราขาวนวลการะเกด     วรเชษฐ์เช่นพี่หรือควรคู่

เฝ้าดูแลปลูกรักทะนุถนอม         ใยมิยอมรับรักพี่ตุนาหงัน…”

          ใช่แล้วครับ มันปรากฏอยู่ในบันทึกใบลานของคุณหลวงวัตรบดินทร ด้วยเช่นเดียวกัน

          คุณรู้ไหมคะว่าทำไม คุณหลวงวัตรฯ อะไรนั้น ถึงได้แต่งบทลำนำเพลงอันแปลกๆ พวกนี้ทิ้งเอาไว้ด้วย” ภานุยังคงส่ายหน้าปฏิเสธอยู่เช่นเดิม

          อย่างที่ผมได้บอกไปแล้ว ทุกอย่างมันเป็นแต่เพียงแค่การคาดเดา ส่วนเรื่องจริงๆ ความเป็นมาเป็นไปอย่างไรก็ไม่มีใครที่จะสามารถบอกเล่าให้ฟังได้ถูกต้องจนจบสมบูรณ์ได้ทั้งหมดหรอกครับ

          แล้วคุณภานุคาดเดาเอาไว้ว่าอย่างไรบ้างค่ะ

          ...จากที่ผมได้รับฟังมาจากญาติพี่น้องในตระกูลของผมหลายๆ คน ต่างก็พากันเล่าลือกันต่างๆ นานาว่าคุณหลวงวัตรฯ เป็นชายหนุ่มที่เกิดและเติบโตอยู่ในช่วงรัชสมัยราชกาลที่ ๔  ไม่เคยสมรส ไม่มีครอบครัว หรือแม้กระทั่งคนรักก็ไม่เคยมีปรากฏอยู่ในบันทึกอะไรเลย ต่างพากันเล่าลือกันว่าคุณหลวงวัตรฯ เป็นพวกวิกลจริต ถ้าในสมัยนี้เขาจะเรียกกันว่าเป็นคนบ้า นั้นล่ะครับ ท่านชอบแต่งบทกลอน เป็นนักกวี และชื่นชอบงานทางด้านการก่อสร้างอย่างเป็นชีวิตจิตใจ ตลอดจนเรื่องราวอันเหนือธรรมชาติหรือเวทย์มนต์ดำอะไรทำนองนั้นแหละครับ...

          แล้วการะเกดกับวรเชษฐ์ ทำไมต้องมาปรากฏอยู่ในบทกลอนพวกนั้นด้วยล่ะคะ ถ้าจะบอกว่าวรเชษฐ์ เป็นคนๆ เดียวกันกับคุณหลวงวัตรฯ ก็ไม่น่าที่จะใช่อีก จริงไหมค่ะ

          นั้นคือปริศนาที่ยังคงไม่มีใครที่จะสามารถรับรู้ได้หรือสืบเสาะค้นหาคำตอบได้ด้วยเช่นเดียวกันครับ” เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจในคำตอบ พร้อมแย้มยิ้มและเรียกชื่อของภานุ ในอีกชื่อหนึ่งที่เขาเองเคยบอกกับเธอเอาไว้ว่ามันคือชื่อจริงๆ ของเขา

          คุณวรเชษฐ์ คิดว่าพวกเราน่าที่จะทำอย่างไรกันต่อไปดีค่ะ” ภานุหันวงหน้าอันเคยเคร่งเครียด แล้วแย้มยิ้มล้อเล่นกันกับเธออย่างน่ารักอีกครั้ง

          แล้วคุณการะเกดล่ะครับ อยากที่จะทำอย่างไรต่อไป

          ฉันเองยังไม่เคยบอกเลยนะคะว่า ฉันชื่อการะเกด คุณวรเชษฐ์อย่าได้มาด่วนสรุปเอาเองแบบผิดๆ” ภานุแย้มยิ้มพร้อมกันกับ

          ฮ่า ฮ่าๆๆ” หัวเราะอันเสียงดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหว

          ผมไม่คิดว่าโลกนี้มันจะมีเรื่องที่จะบังเอิญจริงๆ หรอกนะครับ แต่หากคุณเรียกตัวเองว่า เกด และชื่อจริงๆ ของคุณเองก็คงที่จะคาดเดาเอาได้ไม่ยากเย็นมากนัก จริงไหมครับ

          ตกลงว่าฉันยอมรับก็ได้ว่าฉันมีชื่อจริงๆ ว่า การะเกด ส่วนคุณมีชื่อจริงๆ ว่า วรเชษฐ์ อะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนั้นกัน หรือว่าบทกลอนเพราะๆ พวกนั้นจะหมายถึงพวกเราสองคนกันแน่คะ คุณวรเชษฐ์” ภานุยังคงแย้มยิ้มและหัวเราะเสียงดังอยู่เช่นเดิม

          หากคุณเกดเชื่อเรื่องผีมีอยู่จริง คุณก็น่าจะลองเปิดใจเชื่อเรื่องชาติภพแต่ปางก่อนด้วยนะครับ

          แต่ในบทกลอนพวกนั้น มันเหมือนที่จะบอกกับพวกเราว่า ไม่มีใครที่จะสุขสมหวังในความรักเลยนะคะ หากฉันกับคุณเป็นดังเช่นกลอนบทนั้นจริงๆ เราก็น่าที่จะไม่ใช่คนรักหรือคู่รักกันหรอกคะ คุณวรเชษฐ์” ภานุยังคงพยักน่าอย่างเห็นด้วย

          มันก็น่าที่จะเป็นความจริงก็ได้..ใยมิยอมรับรักพี่ตุนาหงัน...” ภานุท่องบทกลอนวรรคสุดท้ายให้เธอได้รับฟังอีกครั้ง ด้วยใบหน้าอันมีรอยแย้มยิ้มอันเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้าอย่างน่าหลงใหลเป็นที่สุด

          ครั้งหนึ่ง ผมเคยตั้งคำถามถามบิดาของผมว่า ทำไมท่านถึงต้องตั้งชื่อของผมว่า วรเชษฐ์ คุณเกดทราบไหมครับว่า บิดาของผมท่านตอบกลับมาว่าอย่างไร” เธอยังคงส่ายหน้าเป็นคำตอบพร้อมรอยยิ้มจางๆ

          ท่านบอกกับผมว่า มันคือคำสาปแห่งวงค์ตระกูลของพวกเรา หากต้องการที่จะให้ลูกหลานที่เป็นชาย มีความสุขสมหวังในความรักจงตั้งชื่อบุตรชายด้วยคำว่า ...วรเชษฐ์...” ภานุเริ่มหัวเราะเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง

          และหากคุณพบหรือเจอะเจอกับใครก็ตามที่มีชื่อว่า วรเชษฐ์ อยู่ในตระกูลของผมอีก ก็อย่าได้ที่จะคิดแปลกอกแปลกใจเป็นอันขาด

          คุณคงไม่กำลังจะบอกกับฉันว่าผู้ชายในครอบครัวของคุณมีชื่อว่า วรเชษฐ์ กันทั้งหมดทุกคนหรอกนะคะ

          หึ หึๆๆ ฮ่าๆๆ” ภานุยังคงส่งเสียหัวเราะอันมีเลศนัย และไม่คิดที่จะตอบคำถามของเธออีกต่อไป เพราะขณะนี้เธอและภานุต่างก็ก้าวเดินลงบันไดมาจนถึงยังจุดที่ครั้งหนึ่งเคยได้ยินน้ำเสียงและบทลำนำเพลงอันแปลกประหลาดและเสียงตะโกนอันดังกึกก้องกัมปนาทนั้นกันมาก่อนแล้ว

          คุณคิดว่าพวกเรายังที่จะสามารถรับยินน้ำเสียงอันแปลกๆ พวกนั้นอีกไหมค่ะ” ภานุยังคงหยุดยืนสงบนิ่งไม่คิดที่จะไหวติงจากจุดที่หยุดยืนอยู่เลย

          คุณยังคงจดจำคำพูดของใบเฟิร์นได้ไหมครับ ที่เธอคิดว่ามีอะไรบ้างอย่างกำลังก้าวเดินติดตามอยู่ด้านหลังของเธอ” เธอพยักหน้าเป็นคำตอบอยู่เช่นเดิม

          แล้วคุณคิดไหมครับว่า แม้แต่ในเวลานี้เอง ก็น่าที่จะมีใครบางคนหรืออะไรบ้างอย่างที่กำลังก้าวเดินติดตามหลังของพวกเราอยู่ด้วยเช่นกัน” เธอไม่กล้าที่จะพยักหน้าตอบคำถามของภานุ เธอได้แต่แย้มยิ้มอย่างฝืนๆ เป็นคำตอบแทนกลับคืนไปเท่านั้น

          แล้วคุณไม่ลองคิดที่จะตะโกนถามอะไร ออกไปสักนิดสักหน่อยหรือครับ เพื่อว่าเขาผู้นั้นอาจที่จะอยากตอบอะไรกลับคืนมาบ้างก็ได้” เธอจับจ้องมองแววตาของภานุตรงๆ ว่าภานุกำลังล้อเล่นหรือจะให้เธอทดลองทำมันจริงๆ  สุดท้ายลักษณะท่าทางของภานุก็บ่งบอกอยากต้องการที่จะให้เธอได้ทดลองทำอย่างที่พูดออกมาจริงๆ

          มันจะดีหรือค่ะ” ภานุพยักหน้าเป็นคำตอบพร้อมกับรอยยิ้มเครียดๆ

          ก็ได้ฉันจะลอง ทำดูก็แล้วกัน” เธอสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด แล้วจึงเริ่มตะโกนในสิ่งที่อยากต้องการที่จะตะโกนมันออกมามากที่สุด

          คะ..คุณมีชื่อว่าอะไร” มันอาจที่จะเป็นน้ำเสียงเบาไปสักหน่อย เธอจึงลองตะโกนใหม่อีกครั้ง

          คุณมีชื่อว่าอะไร ได้โปรดบอกฉันมาหน่อยได้ไหม” คุณหลวงวัตรฯ จับจ้องมองบุคคลทั้งสองคนที่กำลังตะโกนสอบถามชื่อของเขาออกมา อย่างนึกอยากที่จะลองของดูสักครั้ง แต่ก่อนที่เขาจะเปล่งน้ำเสียงตอบรับคำถามของน้ำเสียงใสๆ เพราะๆ นั้นออกไป เพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้น มันก็ได้ปรากฏกลุ่มควันสีดำก้อนใหญ่พร้อมกันกับแววตาสีแดงกล่ำดังชาดพร้อมรูปลักษณ์อันเป็นใบหน้าดำมืดมิดอยู่เหนือศีรษะของเขาอย่างที่เคยปรากฏมาก่อนหน้านั้นแล้วครั้งหนึ่ง ท่ามกลางห้องโถงด้านบนเมื่อสักครู่ใหญ่ๆ ก่อนหน้า และในเวลานี้ก็เป็นดังเฉกเช่นเดียวกันอีกครั้ง

          แกต้องการอะไรกัน และแกเป็นใครกันแน่

          ท่านหลงลืมพวกเราไปได้อย่างไรกัน ท่านเป็นผู้สร้างสรรค์รูปลักษณ์ของพวกเราขึ้นมาเองแท้ๆ คุณหลวงวัตรฯ

          เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เคยคิดที่จะสร้างสรรค์รูปลักษณ์ อันน่าสยดสยองเยื้องนี้แน่ๆ

          ฮ่าๆๆ...อย่างนั้นใครคือผู้ถอดบทบริกรรมคาถากันเล่าหากไม่ใช่ท่าน” คุณหลวงวัตรฯ ใบหน้าซีดเผือดลงอย่างถนัดใจ และคิดออกมาได้ในทันที อ้ายจันบ่าวคนสนิทของเขาเองเป็นผู้เริ่มต้นนำบทบริกรรมถาคาที่เขาถอดทิ้งเอาไว้ออกมาใช้ และมันกำลังก่อรูปลักษณ์อย่างน่าสยดสยองอยู่เบื้องหน้าของเขาในเพลานี้

          ข้าควรที่จะทำเยื้องไรต่อไปดี พวกจ้าวถึงจะยินยอมกลับคืนไปสู่ยังสถานที่ที่พวกจ้าวจากมา

          ข้าต้องการดวงวิญญาณของ บุคคลทั้งสองคนเบื้องหน้าของท่าน” คุณหลวงวัตรฯ จับจ้องมองตรงไปยังการะเกดและวรเชษฐ์ ในชาติภพปัจจุบันด้วยใบหน้าและแววตาอันซีดเผือดอยู่เช่นเดิม

          เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่มีวันจักมอบพวกเขาให้แกจ้าวอย่างเด็ดขาด แม้ข้าจักต้องสละชีวิตแลดวงวิญญาณของข้าเองก็ตามที

          อย่างนั้น ท่านก็จักได้เห็นการสังเวยเลือดแลเนื้อ ของทุกๆ ดวงวิญญาณในสถานที่แห่งนี้ อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น ท่านโปรดเตรียมใจเอาไว้เทิด... นายท่านมันคือน้ำเสียงประชดประชันและการข่มขู่

          ฮ่าๆๆ...หึๆๆ...” ภายหลังจากน้ำเสียงหัวเราะหันน่าสยดสยองและน่าหวาดกลัวจืดจางหายไป น้ำเสียงเพราะๆ ของการะเกดหญิงสาวคนรัก ในชาติภพปัจจุบันก็ดังแทรกกลับขึ้นมาอีกครั้ง

          คุณมีชื่อว่าอะไร ได้โปรดบอกกับฉันมาหน่อยได้ไหม” ในเวลาเช่นนี้สิ่งที่เขาต้องการอยากที่จะบอกกับหญิงคนรักที่สุดก็คือชื่อจริงของเขา แต่มันจะสำคัญอะไรกันเล่าเพราะอีกไม่นานเธออาจที่จะต้องถูกสังเวยชีวิตให้กับสถานที่แห่งนี้ก็ได้ สิ่งที่เขาจะสามารถที่จะปกป้องคุ้มครองเธอเอาไว้ได้ก็คือช่วยให้เธอได้มีโอกาสหลบหลีกหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้เท่านั้น เขาเริ่มตั้งสมาธิ พร้อมนึกถึงพระอาจารย์ผู้ประสิทธิประสาทวิชาความรู้เอาไว้ให้ อย่างต้องการร้องขอความช่วยเหลือ แล้วเริ่มตั้งสมาธิบริกรรมคาถาฝังจิตฝังร่างย้อนห้วงกาลเวลากลับคืนไปยังเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้า กาลเวลาเริ่มหมุนวนกลับคืนไปยังเมื่อเวลา 15.30 นาฬิกาใหม่อีกครั้ง

.................................

          ภานุจับจ้องมองนาฬิกาข้อมืออย่างนึกแปลกใจ เพราะเข็มของนาฬิกามันกำลังหมุนย้อนทวนเข็มนาฬิกากลับคืนมาเรื่อยๆ เหมือนดังเช่นกับโลกมันกำลังตีลังกากลับหลังหันเก้าสิบองศาพร้อมหมุนตัวเกลียวอีกสองรอบ อย่างที่ไม่สามารถจะเกิดขึ้นมาได้เลย เวลามันเริ่มหยุดสงบนิ่งลงที่เวลา 15.30 นาฬิกา พร้อมน้ำเสียงตะโกนอันแปลกๆ ก็เริ่มส่งเสียงดังแทรกขึ้นมา เขาเองและการะเกดเราสองคนต่างก็ได้ยินได้ฟังน้ำเสียงนั้นกันอย่างชัดเจนพอๆ กัน

            “รีบพากันหลบหนีออกไปจากที่นี่ ...รีบพากันหลบหลีกหนีออกไปจากที่นี่...แล้วอย่าได้คิดที่จะหวนกลับคืนมาอีก” น้ำเสียงอย่างเช่นที่เขาต่างเคยได้ยินมาก่อนหน้านั้นแล้ว อย่างไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไปเลยแม้แต่สักนิดเดียว

            “คุณเป็นใครกันแน่ บอกพวกเรามาหน่อยได้ไหม” ภานุไม่คิดว่า การะเกดยังสามารถที่จะกล้าหาญตั้งคำถามกลับคืนไปได้อีกครั้ง แต่เหมือนว่าจะไม่มีน้ำเสียงของการตอบรับกลับคืนมาเลยแม้แต่น้อย

            “การะเกดยอดรักของพี่ ในเวลาเช่นนี้ พี่เองก็สามารถที่จะช่วยเหลือจ้าวได้เพียงเท่านี้เอง พี่หมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะฝืนทำสิ่งใดได้อีกต่อไปแล้ว จ้าวจงกลับคืนไปยังบ้านเมืองของจ้าวเทิดแล้วอย่าได้หวนกลับคืนมายังสถานที่แห่งนี้อีก” คุณหลวงวัตรฯ เอื้อมมือออกไปลูบคลำแก้มนวลของหญิงสาวคนรักอย่างเบามือแลทะนุถนอม อันเป็นสัญญาณการกล่าวคำอำลาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างกายอันบางเบาดังกลุ่มหมอกควันจะเริ่มจืดจางหายไปในเวลาต่อมา

            “คุณเกดพวกเรารีบหนีออกไปจากที่นี่กันเถอะครับ” ภานุไม่คิดที่จะรอคอยคำตอบจากเธอ เขารีบจับจูงฝามือของเธอแล้วรีบก้าวเดินตรงลงบันไดไปสู่ด้านล่างอย่างนึกหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ก่อนที่พวกเขาจะลงไปถึงห้องโถงด้านล่างเพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้น

            “กรี๊ด...!!! ช่วยด้วยมีคนถูกฆ่าตาย ใครก็ได้ช่วยด้วย...

 

............................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา