ภารกิจรักพักหัวใจยัยนักสืบ

-

เขียนโดย TrkzTie

วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 12.47 น.

  4 chapter
  1 วิจารณ์
  9,135 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) นกหวีด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

1.

          “ป้าภาขา ขอส้มตำปูปลาร้าหนึ่งที่ค่ะ” ฉันชะโงกหน้าสั่งอาหารเจ้าของร้านส้มตำแห่งหนึ่งบริเวณหน้าโรงเรียนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเช่นเคย

          วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียนอาชิตะ โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมืองหลวงของประเทศเกาหลี... โรงเรียนแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของด้านการก่ออาชญากรรมมากมายเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นด้านการลักพาตัว ทำร้ายร่างกาย...หรือแม้กระทั่งข่มขืนก็ตาม ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขึ้นชื่อว่าเลวร้าย ล้วนแต่เกิดขึ้นมาในโรงเรียนแห่งนี้ทั้งสิ้น!

            ใช่ค่ะ ฉันเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนนี้!

            ไม่ได้ตั้งใจจะนินทาโรงเรียนตัวเองเลยนะคะ ไม่ได้ตั้งใจเลยสักกะติ๊ดดด! ก็แค่เล่าเรื่องราวที่กล่าวขานกันมาเนิ่นนานให้ฟังเท่านั้นเอง... ที่จริงประวัติ ‘ชั่วๆ’ ของโรงเรียนแห่งนี้ยังมีอีกมากมายค่ะ แต่ไม่เล่าแล้วดีกว่า ไม่อยากก่อกบฏในโรงเรียนตัวเอง

            ส้มตำปูปลาร้าจานเด็ดของโปรดของฉันถูกวางลงบนโต๊ะอาหารอย่างนิ่มนวล ถูกตกแต่งด้วยแตงกวา ถั่วฝักยาว มากมายหลายอย่างในจาน...ชวนให้น้ำลายของฉันไหลย้อยกันมาเป็นขวดเลยทีเดียว

            ส้มตำเป็นอาหารจานโปรดของฉันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ ไปที่ไหนขาดน้ำไม่เป็นไร แต่ขออย่าขาดส้มตำเป็นพอ... ขนาดเดินทางมาประเทศเกาหลีครั้งนี้ฉันยังตระเวนหาร้านส้มตำไปทั่วจนเจอ...ร้านส้มตำแห่งเดียวแห่งนี้!

            ทุกคนฟังไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันเพิ่งเดินทางมาประเทศเกาหลีจริงๆ... มาเพื่อทำภารกิจพิเศษเกี่ยวกับโรงเรียนอาชิตะแห่งนี้ มาเพื่อทำรูปคดีบางอย่างที่มันแฝงไปด้วยความชั่วร้าย อัมหิตมากมาย!

            ฉันชื่อ ‘น้ำฝน’ อายุสิบเจ็ดปี เป็นคนไทยที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในประเทศเกาหลีได้เพียงไม่กี่เดือน ที่จริงแล้วฉันเป็นคนไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์... แต่ด้วยความสามารถพิเศษของฉัน ที่สามารถเรียนต่อสู้ คาราเต้ โยคะ เทควันโด มวยไทย ได้ในเวลาเดียวกัน...และเรียนจบภายในสองปี ทำให้ชื่อของฉันสามารถถูกบรรจุเข้าไปอยู่ใน ‘องค์กรลับกลุ่มต่อต้านอาชญากรรมระหว่างประเทศ’

          ในช่วงหลายปีมานี้ ได้เกิดการขนส่งสินค้า อาวุธเถื่อน เข้าสู่ในประเทศไทยเป็นมูลค้ารวมกว่าสิบล้านบาท...ที่สำคัญส่งออกมาจากประเทศเกาหลี!

            ขณะนั้นเองเป็นช่วงที่ดาราเกาหลี นักร้องเกาหลีกำลังฮิตฮอตมาก ฉันมันก็เป็นคนทันสมัยซะด้วยสิ.. สามารถฝึกร้อง ฝึกเต้น ฝึกพูดภาษาเกาหลีได้อย่างรวดเร็ว! เร็วทันตาเห็นจนเพื่อนๆ มักจะมองว่าฉันเป็นบ้า !

            และเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ ทางหัวหน้าองค์กรของเรา ได้รับข้อมูลลับบางอย่างจากทางตำรวจว่าได้มีการส่งสินค้ามาจากโรงเรียนอาชิตะแห่งนี้นี่เอง... โรงเรียนแห่งนี้แหละ ที่เป็นบ่อเกิดแห่งปัญหาข้ามชาติ! ฉันไม่ลังเล รีรอที่จะยกมือตบปากว่าจะช่วยเหลืองานนี้อย่างเต็มที่... ไม่ใช่เพราะอะไรหรอกค่ะ ฉันอยากเจอหน้าดาราเกาหลี อยากมาประเทศเกาหลีให้ได้!!

            โชคดีที่หน้าตาของฉันมันดันเหมือนคนเกาหลี (แหวะ) ทำให้ฉันดูกลมกลืนไปกับพวกเขาหน่อย ไม่น่าสงสัยเกินไป... ง่ายต่อการสืบราชการลับ ฉันมาที่นี่เพื่อทำคดีเกี่ยวกับการส่งสินค้าอาวุธเถื่อนข้ามชาติ และ อาจจะใช้เวลาว่างสอดส่องหาดาราเกาหลีไปในตัวด้วย (ผลพลอยได้ชัดๆ)

            การเดินทางมาประเทศเกาหลีในครั้งนี้ ฉันใช้ชื่อปลอมว่า ‘เรนนี่’ เพื่อจะได้ดูเป็นฝรั่งมังค่ากับเขาหน่อย...และจะได้ไม่น่าสงสัยเกินไปด้วย

            ฉันเดินทางเข้าสู่โรงเรียนอาชิตะด้วย ‘เส้น’ ไม่ใช่เส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นบะหมี่หรอกค่ะ... เส้นสาย! ผอ. โรงเรียนอาชิตะให้ฉันเข้าสู่โรงเรียนแห่งนี้ได้เลยโดยไม่ต้องสอบหรือยัดเงินอะไรทั้งสิ้น เพราะอะไรน่ะเหรอคะ...เรื่องเลวๆ แบบนี้ก็คงไม่มีใครอยากให้อยู่ในโรงเรียนตัวเองหรอก จริงมั้ย? ..ฉันคือคนๆ เดียวเท่านั้น ที่จะสามารถขจัดภัยร้ายมรณะนี้ออกไปจากโรงเรียน..เพราะฉะนั้น ย่อมไม่มีใครกล้าปฏิเสธฉันแน่นอน!

            ฉันค่อยๆ ใช้ส้อมตักมะละกอจานเด็ดเข้าปากด้วยความหิวโหยหลังจากอดอยากปากแห้งมาหลายวัน ในที่สุดความแซบก็ได้ลงตัวเข้าสู่ท้องของฉัน!

            ป้าภาคงจะเป็นร้านส้มตำแห่งเดียวในประเทศเกาหลีที่มีเหลืออยู่ ทำไมมันถึงหายากมากกกก เห็นทีงานนี้ฉันคงจะต้องไปกลับร้านป้าภาเป็นว่าเล่นซะแล้วล่ะ ดูสิ...อร่อยซะขนาดนี้

            ติ๊ดดดด!

          เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้นก่อนที่ฉันจะยัดมะละกอคำที่สองเข้าไป ฉันชะงักวางส้อมลงบนจานอย่างอารมณ์เสีย แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือคู่ใจออกมาดูเบอร์ที่โชว์

          ผอ. !

          ผอ. มีเรื่องอะไรกับฉันกันนะ ถึงโทรมารบกวนเวลากินส้มตำของฉัน

            “สวัสดีค่ะ ผอ. มีอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ”

            “แย่แล้ววว! คุณเรนนี่... เกิดเหตุนักเรียนทะเลาะวิวาทตีกันที่สี่แยกหน้าโรงเรียน รีบไปที่นั่นด่วนเลยนะ..ก่อนที่จะมีโศกนาฏกรรมการฆ่ากันตายเกิดขึ้น ผมไม่อยากให้นักเรียนโรงเรียนของผมต้องเจ็บตัวไปมากกว่านี้” เสียงผอ. ดูโหยหวนผิดปกติจนฉันขนลุกซู่ขึ้นมา

            โอเค. ฉันเข้าใจในความรู้สึกของผอ. ดีค่ะ

            แต่ให้ตายเถอะ ส้มตำของฉันเพิ่งจะกินได้เพียงแค่คำเดียว จะให้ฉันสละมันทิ้งไปได้ง่ายๆ อย่างงั้นเหรอ... ไม่มีวันหรอก! คนอย่างเรนนี่ไม่เคยปล่อยส้มตำให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย...ไม่เคยกินส้มตำแบบทิ้งๆ ขว้างๆ หรอก

            “ผอ. ขา บอกเด็กนักเรียนพวกนั้นอย่าเพิ่งตีกันได้ไหมคะ ...คือฉันเพิ่งจะสั่งส้มตำมาทานน่ะค่ะ รอฉันทานหมดก่อนได้ไหมคะ?”

            “โอ้ยคุณเรนนี่ นี่มันนักเรียนทะเลาะวิวาทนะ ไม่ใช่ตัวละครในเกมซิมส์ตีกัน จะได้กดหยุดกดเพลย์เล่นใหม่ได้ด้วย!” ผอ. ขอร้องแกมบังคับ ก่อนจะขู่เสียงแข็ง “ถ้าคุณยังไม่ไปห้ามปรามพวกเด็กนักเรียนที่กำลังจะตีกันนั่นให้หยุด ผมจะไล่คุณออกจากประเทศเกาหลี...ไม่ให้เจออีกเลย ไอ้นักร้องบ้าบอที่ไหน”

            “ไม่นะคะ!”

            “งั้นก็รีบไปซะสิ ตู๊ดดดดด”

            เยี่ยมไปเลยค่ะ -__-! งานเข้าแล้วไงยัยเรนนี่เอ๋ย งานนี้แกจะต้องเข้าไปอยู่ในวงล้อมของผู้ชายมากมาย (ที่กำลังตีกันแล้ว) ตาย...ตาย...!

            ผอ. เห็นฉันเป็นตัวอะไรกันนะ นึกว่าฉันเป็นนางฟ้าชาร์ลีบุกโลกมาประเทศเกาหลีหรือยังไง จะให้ฉันเข้าไปห้ามปรามผู้ชายที่กำลังเดือดเป็นไฟอยู่

            เอาวะ...ยอม! คิดซะว่าฉันกำลังทำเพื่อนักร้องเกาหลีวงเอสเจอยู่ละกัน... สู้ตายเต็มที่ค่ะ!

            แล้วส้มตำล่ะ... ฉันเงยหน้าขึ้นมองป้าภาด้วยความเศร้าใจ “ป้าภาขา อย่าเพิ่งปิดร้านนะคะ เดี๋ยวหนูกลับมากินส้มตำต่อ... ขอเวลาหนูปฏิบัติภารกิจสักสิบนาทีค่ะ ขอบคุณค่ะ!”

          ไม่รอคำตอบ ฉันก็ตอบเองซะเลย!

            ผอ. บอกว่าหน้าโรงเรียน... จริงสิ ตอนนี้ฉันก็อยู่ที่หน้าโรงเรียนนี่นา... แล้วมันไปตีกันอยู่ตรงไหนวะ ทำไมไม่ออกมาให้ฉันเห็นสักกะหัว

            ฉันวิ่งปรี่ปรู๊ดปร๊าดไปตามฟุตบาทถนนด้วยความเร็วสามสิบแรงม้า จนกระทั่งวิ่งมาถึงสี่แยกแห่งหนึ่ง...มีเด็กนักเรียนชายมากมายกำลังยืนมุงอยู่เต็มไปหมดตามทางเดิน จนฉันแอบเขินไม่ได้ (ใช่เวลา?) ฉันค่อยๆ ใช้มือเบียดอัด แทรกเข้าไปจนกระทั่งมาอยู่ในวงได้

            ฉันเห็นเด็กผู้ชายสองกลุ่ม มากด้วยอาวุธอยู่ในมือมากมาย...ทั้งมีด ทั้งดาบ ทั้งไม้ ทั้งหิน น่าแปลกที่ฉันยังไม่เห็นอาวุธปืน!

            โรงเรียนนี้ขึ้นชื่อด้านอาวุธเถื่อนนี่นา แต่ทำไมกลับไม่มีอาวุธเถื่อนโผล่หัวออกมาเลย...หรือว่าจะเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉินเท่านั้น ...เด็กโรงเรียนอาชิตะนี่ก็ฉลาดดีเหมือนกันแฮะ ใช้ปืนไปก็เปลืองเปล่า กระสุนสมัยนี้ยิ่งแพงๆ อยู่ด้วย

            ดูตามร่างกายของฉันตอนนี้สิค่ะ ไม่มีปืนเลย...! แม้ว่าฉันจะเฝ้าร่ำเรียนวิชายิงปืนมามายหลายต่อหลายสาขา แต่ฉันก็ไม่พกปืนเข้าสู่ประเทศเกาหลีเด็ดขาด ฉันเลือกพกมีดแทนค่ะ ..และมีดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับวัยรุ่น วัยเรียนอย่างเราก็คือ คัตเตอร์ แม้ว่ามันจะไม่เหมาะสมสำหรับอาชีพนักสืบสักเท่าไหร่ แต่มันก็สามารถใช้ป้องกันตัวได้เสมอ

            ฉันพกคัตเตอร์โดยแอบสอดมันไว้ในถุงเท้า เพื่อความเนียนและบดบังสายตาผู้คน ฉันมักจะดึงถุงเท้าขึ้นมาไว้สูงๆ จนเกือบเลยหัวเข่าเสมอ...

            ไม่มีเวลาพล่ามเรื่องนักสืบแล้วค่ะ ฉันมองดูบรรยากาศรอบๆ ตอนนี้มันเริ่มเงียบลงแล้ว... ฉันรู้สึกได้ถึงสายลมแห่งความหายนะที่กำลังจะเคลื่อนตัวเข่ามารอบๆ เด็กๆ ที่ยืนมุงอยู่เริ่มจะถอยห่างเปิดทางให้คนตีกันอย่างสมบูรณ์ ส่วนคนที่อยู่ในวงก็เริ่มกระชับอาวุธในมือให้แน่น... หมดเวลาเก๊กท่าแล้ว ได้เวลาปิดบัญชีแล้วสินะ!

            บัญชีคู่แค้น!

            ฉันเริ่มหายใจติดๆ ขัดๆ ด้วยความตื่นเต้น ฉันจะเป็นแบบนี้เสมอทุกครั้งที่จะออกปฏิบัติการณ์ ...และเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ฉันกำลังจะต้องใช้กำลังต่อสู้!

            “ย๊า!!!”

            คนทั้งสองกลุ่มเคลื่อนตัวเข้าหากันอย่างรวดเร็ว!

            เหตุการณ์กลลาหลเริ่มเกิดขึ้นแล้ว ให้ตายสิฉันจะทำอย่างไรดี....มีด..!

            ไม่ได้... ฉันจะหยิบมันขึ้นมาท่ามกลางผู้คนพลุกพล่านมากมายแบบนี้ไม่ได้ ขืนหยิบขึ้นมาคนเขาต้องรู้กันไปทั่วน่ะสิว่าฉันเป็นนักสืบที่ปลอมตัวมาจากประเทศไทย

            ฉันตัวสั่น ทำอะไรไม่ถูก... ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เกิดการฆ่ากันตายต่อหน้าต่อตาแน่นอน... ฉันเริ่มใช้มือคลำหาอาวุธรอบตัวไปหมด จนกระทั่งถึงบริเวณหน้าอก

            หน้าอก... (อย่าคิดลึกแบบนั้นสิเฟ้ย) ...นกหวีด...! ฉันแขวนนกหวีดไว้ที่คอนี่นา!

            ฉันลืมไปเลยว่าฉันพกนกหวีดติดตัวมาด้วยในวันนี้... นกหวีดเป็นสิ่งของที่หาได้ยากมากๆ ในประเทศเกาหลี เพราะตำรวจจราจรส่วนใหญ่มุ่งให้ความสนใจไปทางด้านอาวุธมากกว่า... และที่ฉันพกนกหวีดมาในวันนี้ ก็เพื่อเตรียมมาอวดคนในห้องเรียนโดยเฉพาะ

            ฉันหยิบมันขึ้นมาเป่าทันที

            ปิ๊ดดดดดดดดด!

          “นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ รีบแยกย้ายกันกลับบ้านได้” ฉันตะโกนลั่นเสียงแข็ง หลังจากเสียงนกหวีดเบาลง... สิ่งที่ตามมาคือคนร้อยกว่าคนต่างหันสายตามองมาที่ฉันเหมือนเป็นตัวประหลาด

            เสียงนกหวีดของฉันมันทุเรศมากหรือไงยะ มองกันอยู่ได้!

            หนึ่งใน ‘บุคคลก่อเหตุ’ เดินเข้ามาทางฉันด้วยสีหน้ารำคาญ หมดอารมณ์... เขามีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเอาการเลยทีเดียว คิ้วหนาเข้ม ใบหน้าขาวเรียวใสสะอาดหมดจด สมเป็นคนเกาหลี มีบุคลิกท่าทางดูดีมีเสน่ห์..สรุปคือเพอร์เฟ็คต์..

            แต่น่าแปลก... ทำไมเขาถึงทำหน้าดุเดินเข้ามาแบบนั้น...

            “นี่เธอ ตำรวจบ้านเธอสิ..!” เขาตวาดใส่หน้าฉันราวกับว่าฉันเป็นลูกน้องในแก๊งค์ “เธอเห็นมั้ยว่าพวกฉันกำลังทำอะไรกันอยู่ เอานกหวีดเน่าๆ ของเธอไปเป่าเล่นในสวนเด็กเล่นหลังโรงเรียนไป๊! โธ่เว้ย! หมดอารมณ์เลยว่ะ”

          “ว้าย! นี่นายว่าฉันเป็นเด็กเหรอยะ!?”

            “ก็พฤติกรรมของเธอมันบ่งบอกว่าเธอเป็นเด็ก...ปัญญาอ่อน”

            “นี่นายว่าฉันปัญญาอ่อน?”

            “อื้อ ใช่.. เธอคงไม่คิดว่าฉันจะว่าตัวเองหรอกนะ”

            “หน็อย! มันชักจะมากเกินไปแล้วนะยะ คิดว่านายเป็นใครไอ้เด็กเหลือขอ! ฉันอุตสาห์ช่วยชีวิตนายจากไอ้พวกเด็กเดนพันนั้นยังไม่สำนึกบุญคุณกันอีก... รู้มั้ยถ้าไม่มีนกหวีดของฉันสักอัน ป่านนี้พวกของนายกระอักเลือดกันตายเป็นแถวแล้ว!”

            “ช่วยชีวิต?”

            “เออดิวะ คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหน ไอ้หัวหน้าแก๊งค์กระจอกงอกง่อย ใช้กำลังทำร้ายคนอื่น ปากก็จัด นิสัยก็แย่... ไม่น่าเกิดมาเป็นคนหน้าตาดีๆ ในประเทศเกาหลีเลย ...ไอ้...ไอ้กาก เกรียน!” 

            สองคำหลังฉันตะโกนด่ามันเป็นภาษาไทย ทำเอาพวกคนข้างหลังงงกันไปเป็นแถว...หึ พวกอ่อนหัด ด้านสมอง ปัญญาด้อย เก่งแต่จะใช้กำลังกับผู้อื่น รู้จักเรนนี่น้อยเกินไปซะแล้ว!

            “เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ...ยัยนกหวีด”

            “ฉันชมนายย่ะ! ในเมื่อนายไม่อยากให้ฉันขัดขวางการยกพวกตีกันของพวกนาย งั้นก็เชิญเลย อยากจะตีกันจนเช้าก็ช่างหัวนาย เอาให้มันตายๆๆ ไปให้หมดเลยก็ดี แผ่นดินเกาหลีจะได้เบาลงหน่อย... ฉันจะได้กลับไปกินส้มตำร้านป้าภาสักที เสียเวลากินส้มตำของฉันจริงๆ ...คนสวยเซ็ง”

            ฉันประกาศศักดาด้วยคำพูดอันลั่นระบือไปทั่ว ผู้ชายหน้าเกาหลีตรงหน้ามองฉันอย่างงุนงงเล็กน้อย สองคิ้วขมวดเข้าหากันพันเป็นปมด้วยความสงสัย

            ฉันสวย ฉันเริ่ด ฉันเก๋ ฉันไม่เหมือนใครอยู่แล้ว... ผู้ชายคนนี้คงจะแปลกใจในสิ่งที่ฉันเป็นอยู่ล่ะสิ ฉันไม่เหมือนผู้หญิงเกาหลีคนอื่นๆ หรอกนะที่จะสดใส ไร้สติ ...ฉันนี่แหละจะเป็นผู้บุกเบิกยุคของหญิงแกร่ง กล้าหาญ สั่นสะท้านไปทั่วปฐพี!

            ฉันสะบัดหน้าม้าโชว์เขา ก่อนจะกลับหลังหันเดินหมุนตัวออกจากพื้นที่ไปอย่างง่ายดาย... คนรอบๆ บริเวณต่างพากันหลีกทางให้ฉันราวกับว่าฉันเป็นตัวประหลาด แต่ก็ไม่เป็นไร เดินง่าย สบาย สะดวกดีออก ไม่อึดอัด

            “ยัยนกหวีด เราได้เห็นดีกันแน่ ยัยบ้า!” เสียงตะโกนไล่หลังตามฉันมา แต่ฉันไม่สนใจ...สิ่งที่ฉันสนอยู่ในตอนนี้คือ..ส้มตำ...

          ใช่ เราได้เห็นดีกันอีกแน่...

          ฉันจะต้องสืบประวัติของเขา...บางทีเขาคนนี้นี่แหละ อาจจะเป็นคนที่บงการธุรกิจผิดกฎหมายข้ามชาติอยู่ก็ได้...ใครจะไปรู้!!

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา