The Kid , No kid.

9.7

เขียนโดย ปรัสรา

วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2555 เวลา 13.01 น.

  11 chapter
  3 วิจารณ์
  13.32K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) บทที่11

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                เสียงทุบประตูที่ดังรัวๆเหมือนมีคนยิงปืนกลปลุกคาโอริขึ้นมา  มันอะไรกันนะ เมื่อคืนทดลองมากไปหน่อยจนแทบไม่ได้หลับ  ยังต้องตื่นเวลาเช้าตรู่อีก  ปกติแล้วคาโอรุจะไม่ค่อยมายุ่งย่ามกับห้องทดลองของเธอ  เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรระเบิดขึ้นมากระทันหันไหม  งั้นเจ้ามือปืน เอ๊ย มือเคาะนี่ต้องเจ้าหนูผมแดงแน่นอน  เด็กสาวนึกถึงคำด่ากราดแล้วรู้สึกว่าไม่สะใจ  สู้เอาปืนยิงเลยไม่ได้  อันนั้นสะใจกว่าเยอะ

                เธอโผล่หน้าง่วงๆออกมาแล้วหาววอด  "มีอะไร เจ้าเด็ก...เซโตะ?  เอ๊ะ นี่ไปเปลี่ยนสีผมเหรอ  ไม่สิ เปลี่ยนไป...ทั้งหน้าเลย"

                เด็กน้อยคนนี้ไม่ได้สีผมสีแดงเข้มเหมือนเซโตะ  ใบหน้าคุ้นๆทำให้คาโอริอดพินิจดูไม่ได้  ถ้าไม่ใช่ว่าเจ้าเด็กผมแดงนั่นเอาเด็กโรงเรียนอนุบาลมาปาร์ตี้ที่บ้านแล้วหลงทางจนมาเคาะซนล่ะก็  นี่ต้องพี่ชายเธอแน่นอน  มีไม่กี่คนที่รู้จักทางมาห้องนี้หรอกนะ  แถมเอกลักษณ์คือดวงตาสีดำสดใสนั่น  ไม่ว่าใครก็ลืมไม่ลงหรอก  เธอเจอพี่ชายมาตลอดหลายปี  แม้จะไม่ค่อยได้เจอใบหน้าแบบนี้อยู่นาน  แต่หากเทียบอัลบั้มรูปแล้วมันต้องเหมือนแน่ๆ

                ยังไม่ทันที่คาโอริจะได้สอบถามข้อสงสัย  เด็กน้อยนัยย์ตาราตรีคนนั้นก็พูดขึ้นอย่างร้อนรน  

                "ฉันกลายเป็นเด็กไปแล้ว  ถ้าเป็นแบบนี้ฉันควรทำไงต่อดีล่ะ  หรือว่าพวกอัลลิวีนหาญกล้าเอาฉันไปทดลองพึลึกพิลั่น!?  ไม่นะ โทรหาพวกนั้นเดี๋ยวนี้เลย  แย่แน่แล้ว คาโอริ  อ๊าก.... ฯลฯ"

เด็กสาวจับตัวพี่ชายที่มีร่างกายอ่อนเยาว์กว่าเธอสิบเท่าให้อยู่นิ่งๆ  ให้เขาค่อยๆเล่าเหตุการณ์มาว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น  ช่วงทานมื้อเย็นก็ยังดีๆอยู่เลยนี่นา  ไม่สิ จะว่าไปตอนมื้อเย็นคาโอรุก็แปลกๆชอบกล  เหมือนจะเตี้ยลงเล็กน้อยนะ  ตอนนั้นเธอนึกว่าคงคิดมากไปเอง  แต่พอเจอแบบนี้  มั่นใจได้เลยว่าคงไม่คิดไปเองแล้ว

คาโอรุสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อตั้งสติตามคำแนะนำของน้องสาวแล้วคิดทบทวน  เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างนะ  รู้สึกว่าจะเป็นการเถียงตามปกติกับเซโตะ  การไม่ยอมให้เด็กน้อยผมแดงคนนั้นลอกการบ้าน  แล้วก็การเล่นเกมส์ด้วยกัน  ไม่นะ แค่เล่นเกมส์ด้วยกันก็ตัวเล็กแล้วเหรอ!

                "จะเป็นไปได้ไง  เล่าใหม่สิ มันอาจมีผลพวงจากตอนกลางวันก็ได้  คิดเข้าสิ"

                คาโอรุนึกย้อนไปตั้งแต่ช่วงเช้า  จู่ๆเซโตะก็ประกาศว่าเขารู้วิธีคืนร่างเดิม  จากนั้นก็นัดเขาไปเจอที่ดาดฟ้าตอนมื้อเที่ยงเพราะอยากสร้างบรรยากาศอะไรก็ไม่รู้  หลังจากนั้นก็โดนสารภาพรัก  แล้วก็โดน...จูบ?  ต้องเป็นเรื่องนี้แน่เลย  เด็กน้อยนัยย์ตาสีนิลพร่ำรำพันไม่เลิก  โดยมีเซโตะซึ่งสวมชุดจากมือถือของเล่นตามหลังมาด้วยความตกใจ  ไม่ตกใจได้ไง  เขากลายเป็นผู้ใหญ่ตามเดิมก็ดีแล้ว  แต่ทำไมคาโอรุจึงจะเป็นฝ่ายตัวเล็กลงล่ะ

                เด็กสาวผมแดงบอกพี่ชายให้ใจเย็นๆแล้วแหงนหน้ามองเวลา  อีกแป๊ปเดียวก็จะโรงเรียนเข้า  นี่สิเรื่องใหญ่ของแท้  ถ้ายังพอหาทางแก้กันได้  แต่เรื่องจะไปโรงเรียนทั้งที่ยังเป็นเด็กมันจะทำได้ไงกัน

                "ไม่ต้องห่วง  เดี๋ยวฉันคุยให้  อาจารย์คาโอริเข้าใจเรื่องนี้  ฉันเองก็ไปเรียนตามปกตินะ  ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง  นี่เธอเพิ่งรู้งั้นเหรอ!"

                เด็กสาวผมแดงสารภาพเสียงอ่อยว่าตนเองคิดว่าเซโตะไปโรงเรียนเด็กมาโดยตลอด  ช่วยไม่ได้นี่นา  คนที่ยุ่งแต่การทดลองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอย่างคาโอริจะไปรู้และใส่ใจรายละเอียดคนอื่นได้ไงกัน  ต่อให้ในบ้านจะจัดปาร์ตี้ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบปี  เธออาจจะยังไม่ได้รู้เรื่องก็เป็นได้

                "เพราะนายคนเดียว"  คาโอรุพูดขึ้นมาด้วยเสียงอันเบาหวิวจนเด็กหนุ่มผมแดงต้องย่อตัวลงมาฟัง  "ถ้านายไม่คิดวิธีบ้าๆนั่นล่ะก็...  ฉันคงไม่กลายเป็นเด็กหรอก!"

                เด็กน้อยนัยย์ตานิลเขย่าคอเสื้อคู่กรณีไปมาจนเวียนหัวแทบอาเจียน  คาโอริรีบยกตัวพี่ชายขึ้นก่อนจะทำการฆาตรกรรมคนอื่นด้วยวิธีการสุดพิลึกพิลั่น  เซโตะลุกขึ้นยืนอย่างเซๆ  ตัวก็เด็กแท้ๆทำไมแรงเยอะแบบนี้เนี่ย!  น้องสาวของเด็กน้อยตัวดียักไหล่  อธิบายว่าพี่ชายเธอเป็นคนมีแรงเยอะผิดรูปร่างมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

                "เอาเถอะ จะเด็กจะผู้ใหญ่หรือวัยรุ่นก็ไม่สำคัญ  ตอนนี้กองทัพเดินด้วยท้องนะ"

                เธอเดินฉับๆไปที่ห้องครัวด้วยใบหน้าอันมุ่งมั่นแรงกล้า  โดยไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรไปกับพี่ชายสักนิด  ว่าไงดีล่ะ ก็มีคนกลายเป็นเด็กไปแล้วคนหนึ่ง  ตอนนี้ก็แค่สลับกัน  เดี๋ยวเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา  ถ้าไม่กลายเป็นเด็กทั้งคู่ก็กลับสู่สภาพเดิมได้เอง  อีกอย่าง คนที่โตขึ้นมาแบบไม่ปกติเหมือนคนอื่นเขาเท่าไหร่อย่างคาโอริ  เรื่องแบบนี้มันปกติออกนี่นะ  คาโอริเคยเจอเพื่อนเกือบจะถูกทำให้กลายเป็นเอเลี่ยนด้วยฝีมือขององค์กรอัลลิวีนด้วยซ้ำ  ยังดีที่ไปช่วยทัน

                เซโตะยืนมองคนที่นั่งกอดเข่าเศร้าสร้อยอยู่กับพื้นอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี  ถ้ายกตัวขึ้นมาโยกปลอบแบบที่เห็นในทีวีมันก็ตลกแย่น่ะสิ  อีกอย่าง ครั้งหนึ่งในร่างเด็กตอนที่กลายเป็นเด็กใหม่ๆ  ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่คาโอรุจะรู้ความจริง  เขาเคยถูกปลอบแบบนั้นเหมือนกัน  มันน่าอายออก เอ่อ ถึงจะรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยก็เถอะ  แต่ให้ทำท่าน่าอายแบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก

                เด็กหนุ่มผมแดงตัดสินใจนั่งลงข้างๆอย่างเงียบๆ  ถ้าหากคาโอรุอยากให้เขาปลอบอยู่ล่ะก็  ต้องขอโทษทีที่ทำให้ผิดหวัง  เขาซึ่งโตขึ้นมาด้วยกำปั้นกับวิถีแห่งการต่อสู้และความโดดเดี่ยว  จะทำเรื่องอย่างการปลอบใจเป็นได้ยังไง  แต่ถ้าต้องการแค่คนนั่งข้างๆล่ะก็  อันนี้ของกล้วยๆ  และเขาว่ามันก็ไม่เลวนักหรอก  ในเวลาที่รู้สึกแย่แต่มีคนนั่งอยู่ข้างกาย  แม้จะไม่ได้พูดปลอบแต่ก็สัมผัสได้ว่าเรามีใครสักคนที่พร้อมจะอยู่กับเราน่ะ

                แต่นี่...มันนานไปหรือเปล่า?  เซโตะมองคนที่นั่งกอดเข่าเหม่ออยู่นานสองนานอย่างเป็นห่วง  ทว่า ทันทีที่แตะตัว  คาโอรุจับข้อมือเขาบิดทันที  แน่นอนว่าตอนนี้เเซโตะไม่ใช่เด็กน้อย  และต่อให้อีกฝ่ายแรงเยอะแค่ไหน  คาโอรุก็ถูกจำกัดกำลังเอาไว้เพระขนาดของตัว

                "เป็น...เป็นอะไรไปน่ะ  โกรธกันมากเลยรึไง  ฉันไม่ได้อยากจะให้นายกลายเป็นเด็กสักหน่อย  มันเป็นอุบัติเหตุนะ!"  

                ดูจากสายตาอันเฉยเมยของคาโอรุแล้ว  รับรองได้ว่าคำพูดเมื่อกี้ไม่ได้หลุดเข้าไปในสมองแน่ๆ  ความรู้สึกตอนที่จ้องตาแบบนี้มันช่างคุ้นเคยในความรู้สึก  แต่ไม่ต้องใช้เวลานาน  เซโตะก็นึกออกว่ามันเป็นตอนที่เขาไปจุดสวิสช์อาละวาดของคาโอรุครั้งแรก  ตอนนั้นคาโอริทำยังไงนะ?  ถ้าจำไม่ผิดมันเป็นการฟาดต้นคอให้สลบสินะ  เด้กหนุ่มผมแดงตัดสินใจวิ่งไปหาเด็กสาวในครัวแทน  เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังขนาดไหนเหมาะกับเด็กนะ!

                คาโอริเปิดประตูห้องครัวออกมาอย่างนึกรู้  แล้วใช้ฝ่ามือพิฆาตทำพี่ชายร่างเด็กน้อยของตนเองสลบไปทันที  แน่นอนว่าด้วยแรงที่พอเหมาะพร้อมกำชับวิธีการยั้งมือที่ถูกต้องให้ฟัง

                เซโตะเงียบไปสักพักแล้วได้ยินเสียงเหมือนเครื่องครัวที่กำลังสั่นรัว  เด็กสาวเหลือบมองเล็กน้อยแล้วก้าวเข้าไปโดยไม่ลืมกดล็อกเพื่อกันคนนอกเข้ามาเห็นสภาพภายใน  ไม่ช้า อาหารที่หน้าตาน่ากินก็ถูกนำออกมาเสิร์ฟ

                การทำอาหารนานๆทีครั้งจะปล่อยให้พี่ชายพลาดได้ไง  คาโอริบัญชาการให้เด็กหนุ่มผมแดงปลุกอีกฝ่ายเดี๋ยวนี้  ท่ามกลางความไม่แน่ใจของเซโตะ  ถ้าปล่อยให้คาโอรุหลับไปก่อน  ให้จิตใจได้พักจะดีกว่าไหม  ถ้าตื่นขึ้นมาในสภาพตัวเล็กๆแบบนี้คงได้เข้าโหมดอาละวาดอีกรอบ

                "วางใจเถอะน่า  เขาไม่ฟื้นขึ้นมาไล่ฆ่านายหรอก"  เด็กสาวกล่าวขึ้นมาเพื่อให้มั่นใจ  แต่ก็เสริมลงไปนิดหน่อย  "หมายถึงว่าฉันยังไม่เคยเจอกรณีอย่างนั้นน่ะนะ  แต่ถ้านายเป็นคนแรกก็ช่วยไม่ได้ล่ะ"

                เด็กหนุ่มแทบจะหยุดมือที่กำลังปลุกทันที  เอาเถอะ ถ้าคาโอรุตื่นขึ้นมาอะละวาดจริงๆ  เขาคงจะยอมโดนหมัดเล็กๆรัวใส่ให้หนำใจ  เอาให้อารมณ์หายโกรธจริงๆไปเลยก็ได้  ไหนๆคนผิดก็คือเขานี่นะ  ดันไปคิดวิธีพิเรนท์ขึ้นมาซะอย่างนั้น  แต่ใครจะรู้ล่ะ ว่าแค่จุมพิตมันจะสร้างเรื่องราวได้ใหญ่โตขนาดนี้  ถ้ารู้เขาคงจะไม่ทำ...มั้ง?

                แต่เป็นโชคดีของเซโตะที่เด็กน้อยตื่นขึ้นมาด้วยอาการปกติ  แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยคือการซึมอย่างเห็นได้ชัด  เขาเริ่มเขี่ยอาหารในจานไปมาไม่ยอมกินสักคำ  แม้ว่าคาโอริจะบังคับให้รีบชิมเพราะนานๆทีจะลงมือทำครัวเองก็ตาม

                "กินหน่อยสิ"  เซโตะคว้าช้อนในมือของเด็กน้อยมาตักป้อนเอง  "อาหารน่ากินทั้งนั้นเลยนะ"

                ไม่ทันขาดคิด เด็กหนุ่มถูกบิดข้อมือจนร้องลั่น  ปลายช้อนหันไปทางตัวคนป้อน  เด็กน้อยออกแรงไม่มากก็สามารถทำให้คนที่ต้องการให้เขา 'กินสักคำ' ได้ลอง 'ชิมอาหารที่น่าอร่อย'  สีหน้าของเซโตะเปลี่ยนทันที  เขาสำลักแล้วพยามกลืนมันลงคออย่างยากเย็น  เป็นห่วงกะเพาะที่ต้องรับอาหารนั้นต่อ

                เขาสบตากับคาโอรุ  หากถามจากความรู้สึกล่ะก็  สาเหตุที่ไม่ยอมกินคงไม่ใช่แค่ซึมจากการกลายร่างเป็นเด็กซะแล้ว  นี่มันอาหารอะไรกัน  หน้าตาก็น่ากินท่าทางก็ปกติ  แต่รสชาติของมันสามารถฆ่าคนได้เลยนะ  หรือว่ามันไม่ใช่อาหาร  แต่เป็นอาวุธอย่างหนึ่งหรือเปล่า  นั่นสิ  คาโอริเป็นนักพัฒนาอาวุธตัวยงนี่!

                เด็กสาวออกอาการไม่พอใจเมื่อไม่มีใครแตะอาหารของเธออีก  ทั้งที่แต่ละอย่างก็น่ารับประทานทั้งนั้น  เธอตักชิมแต่ละอย่างก็ 'ปกติ' ทั้งนั้นเลยนี่  ไม่เห็นมีอะไรที่กินแล้วไม่อร่อยสักหน่อย!

                "ฉันยังไม่หิว  ขอตัวนะ"

                เซโตะมองคาโอรุที่ใช้วิชามาร  แกล้งทำเป็นซึมเดินไปโรงเรียนแล้วอ้าปากค้าง  ในสมองคิดวุ่นวายไปหมด  ต่อให้มีคนต่อยเขาสักสิบครั้ง  เขาก็ไม่มีวันลิ้มลองเจ้าอาวุธชีวภาพที่มีภายนอกสวยงามดั่งอาหารทิพย์หรอก

                สุดท้าย ในเมื่ออีกคนใช้วิชามารแกล้งซึมได้  ทำไมเขาจะใช้วิชามารแกล้งเป็นห่วงคนซึมไม่ได้  สีหน้าของคาโอริ

ดูเหมือนจะเดือดจัดที่เห็นทั้งโต๊ะมีเธอกินอยู่คนเดียว

                ปั๊ดโธ่เอ๊ย!  แล้วฉันทำไม่อร่อยตรงไหนกันยะ!

               

                “นึกว่านายซึมจนกินไม่ลงซะอีก”  เซโตะแหย่ระหว่างทาง  “เฮ้อ งั้นฉันก็ซึมจนกินไม่ลงด้วยแล้วกัน  น้องสาวนายนี่มีปัญหาเกี่ยวกับลิ้นรึไง?  รสชาติจัดแบบนั้นใครจะไปกินลง”

                คาโอรุอดแก้ให้น้องสาวไม่ได้  “ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย  แต่เพราะคาโอริเคยคิดโปรแกรมฝึกทักษะด้านร่างกายด้วยการอยู่ในป่า  ซึ่งสถานที่แบบนั้นแทบจะกินของ ‘ที่มีรสชาติ’ ไม่ได้เลย  รู้สึกว่าจะไปฝึกนานพอสมควร  พอกลับมาก็ติดนิสัยกินรสชาติแบบนั้นไปเลย”

เซโตะนึกถึงสภาพของเด็กสาวผมแดงแล้วอดคล้อยตามเหตุผลนั้นไม่ได้  มันก็จริงที่ว่าในป่าไม่ค่อยได้กินของที่มีรสชาติอร่อยมากมายนัก  แต่ไม่ถึงขั้นต้องบ้ารสจัดไปเลยสักหน่อย  ในข้อนี้ต้องเตือนบ้างซะแล้ว  ตามหลักโภชนาการคนเราไม่ควรกินอะไรที่จัดจ้านมากเกินไป  เพราะมันจะกลายเป็นผลเสียต่อร่างกายในภายภาคหน้า

แต่พูดก็พูดเถอะ คาโอรุทำใจยอมรับได้ไวดีเหมือนกัน  หลังอาการสวิทช์ก็สดใสขึ้น  ตอนแรกเขานึกว่าคงจะนั่งร้องไห้ตัวโยนเพราะทำใจกับสภาพร่างกายที่กลายเป็นเด็กไม่ได้ซะอีก  ไม่นึกว่าจะโต้ตอบด้วยอาการปกติสุขขนาดนี้  ในข้อนั้น ผู้ถูกถามตอบพร้อมรอยยิ้ม  “ไม่มีอะไรมากหรอก  ว่าแต่เซโตะ  นายยังรักฉันอยู่ไหม”

เด็กหนุ่มนิ่งงันไปเมื่อถูกถามแบบนี้  แต่ในที่สุดก็ยอมพยักหน้า  จู่ๆมาถามอะไรแบบนี้กันนะ!  คาโอรุมองอาการของเขาแล้วยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้  “งั้นนายก็ต้องอยาก ‘จุมพิต’ ฉันน่ะสิ?”

ดวงตาของเซโตะเบิกกว้างก่อนจะส่ายหน้า  เรื่องรักก็รักอยู่  แต่เรื่องจูบน่ะ ไม่ต้องบ่อยมากก็ได้  เห็นแบบนี้เขาก็เริ่มรู้คุณค่าของการกระทำสื่อรักแบบนี้แล้วนะ  และในความรู้สึกของเขา ของบางอย่างไม่ต้องทำก็สื่อได้ว่ารัก  เอ๊ะ แต่ถ้าคาโอรุถามเขาแบบนี้ก็แปลว่า...?

จุ๊บ...

คาโอรุสัมผัสปากกับเขาเบาๆแล้ววิ่งหนีหายไป  โดยบทิ้งท้ายไว้ด้วยคำพูดที่เซโตะอาจลืมไม่ลงไปอีกนาน

“ถ้าจูบกันแล้วสลับเล็กใหญ่ได้จริงๆล่ะก็  พรุ่งนี้ค่อยเจอกันนะ”

ซึ่งก็เป็นคำพูดที่ทำเขาพูดไม่ออกอีกเช่นกัน  และอีกฝ่ายก็ไม่ได้พบกับเขา  แม้ว่าจะล่วงเลยมาถึงเวลานอนก็ตาม...

 

เป็นเช้าที่แสนจะสดชื่อของคาโอริ  หลังจากที่ได้นอนหลับสบายทั้งคืนร่วมเตียงกับคาโอรุ  พี่ชายของเธอยังไม่ตื่นก็ช่าง  วันนี้เธอจะเป็นคนเตรียมมื้อเช้าเอง  รับรองว่าทุกคนจะต้องอึ้งกับความอร่อย  แต่ถ้ายังไม่อร่อยจริงๆเธอจะเติมส่วนผสมให้หนักลงไปอีก  คราวนี้ต้องติดใจกันแน่นอน  เด็กสาวลัลล้าไปทำครัวโดยไม่รับรู้ถึงสาเหตุอันแท้จริงที่ผู้คนไม่ยอมกินอาหารของตัวเอง

เสียงโวยวายของเซโตะดังลอดลงมาจากชั้นบนยังไม่ทำให้คาโอริอารมณ์เสียได้เลยด้วยซ้ำ  ความสนใจของเธอไม่ได้อยู่ที่เนื้อเรื่องทะเลาะ  ฉะนั้น เด็กสาวไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องร้องโวยวายด้วย  แต่ในใจก็สรุปไปเรียบร้อยแล้วว่าคงเป็นทะเลาะประจำวันกับคาโอรุแน่ๆ

และคาโอริก็คิดถูกเมื่อเซโตะลงบันไดมาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง  แต่ยิ่งบึ้งขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเจออาหารหน้าตาน่ากินวางอยู่บนโต๊ะอาหาร  “นี่เธอปรุงอาวุธชีวภาพออกมาอีกแล้วเหรอ!”

“อาวุธชีวภาพอะไรยะ  คราวนี้ปรับสูตรแล้ว  ไม่แย่อย่างคราวก่อนแน่นอนย่ะ”  เธอค้อนขวับแล้วจ้วงข้าวเช้ากินอย่างมีความสุข  “เฮอะ ไม่กินจะเสียใจ  อาหารของฉันอร่อยที่สุดในสามโลก  ไม่แย่อย่างนายหรอก  ดูก็รู้ว่าทำไม่เป็น”

เซโตะเถียงทันทีว่าเขาทำอาหารเป็นแถมได้คะแนนเต็มด้วย  ช่วยไม่ได้ที่คหกรรมดันเป็นวิชาที่มีอาจารย์ป้าสุดโหดพร้อมจะลงโทษพวกที่ไม่ตั้งใจทุกเวลานี่นา  คาโอรุตัดสินใจเลือกขนมปังปิ้งที่หน้าตาน่ากินแต่แข็งโป๊กคู่กับแยม  เพราะอย่างน้อยแยมก็เป็นสิ่งที่เขาทำแช่เย็นไว้  ทาแยมไปเยอะๆให้มันอ่อนนุ่มลดความแข็งแล้วกัน

ส่วนเซโตะนั้นเลือกกินเป็นนมสดกับไส้กรอกที่ทำด้วยกรรมวิธีพิลึกอะไรไม่รู้  ภายนอกก็ปกติดี  แต่ชีสภายในไหม้หมดแล้ว  นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปทำได้เลย  เด็กหนุ่มกัดมิ้อเช้าทีละคำๆด้วยความขมขื่นใจ  “เธออาจมีฝีมือในการทำอาหารมากก็ได้นะเนี่ย”

“ชัวร์!”  คาโอริยักคิ้วแล้วชี้ไปที่พี่ชาย  “จริงสิ เมื่อคืนทะเลาะกันหนักหรือไง  ปกติต่อให้หนักแค่ไหนก็ไม่เคยย้ายไปห้องฉันนะ”

พูดถึงเรื่องนี้เซโตะยังฉุนไม่หาย  ถ้าคิดว่าเขาจะทำเป็นลืมแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายฮูลาฮูล่าอยู่คนเดียวล่ะก็  ผิดถนัด! เจ้านั่นมองข้ามความรักของเขาแล้วหลอกใช้ความรู้สึกกันไม่ใช่หรือไง  หากแต่คาโอรุดูเหมือนจะโกรธกว่า  เขาชี้ไปที่ตัวเซโตะแล้วตะโกนว่าอีกฝ่ายมีทริคอะไรในการคืนร่างระหว่างใช้ ‘จุมพิตแห่งรักแท้’ หรือไง  ทำไมตัวเขายังเป็นเด็กเหมือนเดิมล่ะ

แน่นอนว่าเด็กหนุ่มไม่มีทริคอะไรทั้งนั้น  แต่ก็อดคิดไม่ได้  หรือว่าระหว่างดำเนินพิธีการต้องทำอะไรด้วยหรือเปล่า  รึก่อนหน้านั้นต้องเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ไหม  เพราะวิชาก่อนพักเที่ยงขิงวันนั้นเป็นวิชาคอมพ์  โชคดีที่เขาทำเสร็จไวจึงได้เล่นเกมส์  เอ คงไม่เกี่ยวกันหรอกมั้ง

ในที่ไกลๆ  สาวผมทองโรซารี่ยืนมองอยู่บนยอดเสาไฟฟ้าอีกเช่นเคย  เธอพูดกับโซราซี่ที่อยู่ด้านหลังว่าทำไมเขาถึงมองข้ามไปได้นะ  ทั้งที่เป็นสิ่งที่รู้กันอยู่แท้ๆ

“อาจต้องใช้ตัวช่วยมั้ง?”

“ไม่  เราช่วยมามากพอแล้ว”  โรซารี่ยืนกราน  “ช่วยมากเกินความจำเป็นด้วย  ซ้ำยังเร่งปฏิกริยาของความรู้สึกอีกต่างหาก  ตอนนี้ต้องไปให้มันได้พัก  จึงจะกลับเป็นเหมือนเดิม”

โซราซี่เหม่อมองไปไกล  แล้วพูดพึมพำออกมาแผ่วเบาว่า  “บางทีตัวช่วยบางอย่างก็ไม่ได้ต้องมาจากร้านสายฝนและลูกเห็บเสมอไปนะ”  แต่ท่าทางสาวผมแกละสีทองจะยังคงยืนกรานเจตนาจะไม่ช่วยเฉกเช่นเดิม  เพราะเธออยากรู้อยู่เหมือนกัน  ถ้าลองไม่ช่วยสักครั้ง  พวกเขาจะหาทางแก้จากไหน?

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา