ราชินีนอกรีต (นิยายเเปล)

10.0

วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 11.27 น.

  2 chapter
  0 วิจารณ์
  5,481 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทที่ 1 ฟาโรห์แห่งอียิปต์บน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 1 ฟาโรห์แห่งอียิปต์บน

 

“ยังคงต้องอยู่อีกนะ” ปาเซอร์ ผู้เป็นครูสอนพิเศษแห่งข้ากล่าวบอกด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น เขาเป็นผู้นึงที่มีความพิเศษมากอยู่ในตัว ซึ่งถ้าหากข้าไม่ยอมเชื่อฟัง ก็จะให้ข้าแย่แน่ๆ ข้าจึงหยุดหมุนลูกประคำบนชุดของข้าเล่นและยืนนิ่งๆ อย่างเชื่อฟังร่วมกับบรรดาลูกของนางสนมแห่งฟาโรห์ แต่ในช่วงตอนนี้ที่ข้ามีอายุได้ 13 ปีแล้ว ข้าดูเป็นคนที่ไม่มีความอดทนเอาเสียเลย ไม่มีความอดทนแม้แต่นิดเดียว ข้างๆ กันกับข้านั้น ข้าสังเกตเห็นหญิงนางนึงที่ยืนอยู่ตรงหน้าข้า นางสวมชุดที่มีเข็มขัดสีทองพันอยู่รอบเอว หยาดเหงื่อที่เปียกชื้นของนางไหลลงมาเปอะเปื้อนชุดลินินสีขาว รวมทั้งเปอะลำคอที่อยู่ภายใต้วิกผมของนาง ในไม่ช้า รามเซสก็เสด็จผ่านขบวนของบรรดาเชื้อพระวงศ์เหล่านี้ไป พวกข้าราชสำนักที่อยู่แถวนั้นก็อยากจะตามเจ้าชายไปหลบความร้อนภายในวิหารที่ให้ร่มเงาแก่พวกเขาเหลือเกิน แต่ว่าขบวนนี้ต่างก็เคลื่อนกันช้ามาก ข้าแหงนมองไปที่ปาเซอร์ ซึ่งเขากำลังมองค้นหาเส้นทางที่สามารถผ่านฝูงชนไปได้อย่างสะดวกอยู่ “ทำไมเจ้าชายจึงทรงหยุดเรียนกับเราละ หรือว่าจะทรงขึ้นครองราชย์แล้ว?” ข้ากล่าวถามปาเซอร์ “ใช่” ปาเซอร์กล่าวตอบด้วยใจที่ล่องลอย ซึ่งเขาได้จับมือข้าและพาข้าเดินไปทางริมทะเล แต่จากนั้นพวกเราก็ได้ยินเสียงจากหญิงนางนึงกับเด็กกำลังย่างก้าวมาทางเรา เราจึงหลบอยู่ข้างริมขอบของถนนทันที เพราะนางได้ตะโกนเสียงดัง “หลีกทางให้เจ้าหญิงเนเฟรตาริ หลีกทางเร็ว!” ตามทางเดินบนถนนสู่สฟิงกซ์ มีหม้อสูงหนึ่งใบที่จุดธูปสีส้มสลัวกลิ่นควันลอยขโมง กลิ่นธูปศักดิสิทธิ์ของ kyphi ลอยออกมาซึ่งทำให้วันนี้เป็นวันที่ดูแล้วมีแต่ลางดีตลอดทั้งวัน เสียงของทรัมเปตที่ดังอยู่ทั่วท้องถนนให้การต้อนรับเชื้อพระวงศ์ที่เสด็จผ่านตรงนี้ด้วยเสียงที่ดังสนั่น ปาเซอร์ได้ผลักข้าไปข้างหน้า เป็นเวลาเดียวกับเสียงของคนในขบวนคนนึงที่ตะโกนมาว่า “เจ้าชายเสด็จมา!” “ข้าเห็นเจ้าชายทรงเสด็จมาทุกวันเลย” ข้าพูดออกมาทันทีทันใด เจ้าชายรามเซสทรงเป็นพระโอรสองค์เดียวแห่งฟาโรห์เซติที่ 1 และตอนนี้ทรงมีพระชนมมายุได้ 17 ชันษาแล้วด้วย พระองค์ผู้ซึ่งทิ้งวัยเด็กของตนเองไว้ข้างหลัง ซึ่งเมื่อพระองค์มีชันษายิ่งขึ้น ก็ทรงเรียนล่าสัตว์และล่ามันตลอดวันในเอ็ดดูบา (คือการล่าสัตว์ด้วยกันตลอดช่วงบ่าย) แต่ก็ไม่มีใครเลยที่กล้าเรียนกับพระองค์ งานเลี้ยงฉลองของพระองค์เป็นงานที่ดูไม่น่าดึงดูดใจสำหรับข้าเอาเสียเลย เมื่อทรงมองมาที่ข้า ข้าก็กลับมองไปที่แผงคอรอบคอพระองค์ที่กว้างนั้นทำมาจากทองคำ ส่วนที่พันอยู่รอบๆ ข้อมือและข้อเท้าก็ยังเป็นทองคำอีกเช่นกัน ที่ตัวพระองค์ดูเต็มไปด้วยเครื่องประดับ อีกทั้งเกศาของพระองค์นั้นส่องแสงประกายแวววาวดั่งทองแดงที่ต้องแสงอาทิตย์ ดาบที่หนักแขวนอยู่ตรงบั้นเอวของพระองค์ ดูแล้ว ทรงสง่ายิ่งนัก แต่ข้าก็อดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจออกมา ชาวอียิปต์กว่าหลายพันคนต่างเบียดเสียดเข้ามามองเจ้าชายอย่างใจจดใจจ่อ พระองค์ทรงยืนอยู่ตรงขบวน มองประชาชนของพระองค์ด้วยความดีใจ ปาเซอร์ที่อยู่ข้างกันสูดดมอากาศเข้าอย่างเต็มปอดมองขบวนอย่างนิ่งๆ และตอนนี้เองที่ฟาโรห์เซติทรงเสด็จเข้ามาที่ขบวนและหยุดชะงักมองอยู่ตรงนั้น “เนเฟรตาริน้อย” ฟาโรห์ทรงตบที่หัวข้าเบาๆ “ตัวน้อยหรอ?” ข้าสูดลมหายใจลึกเข้าเต็มปอดของข้า “ข้าไม่ได้ตัวน้อยแล้ว ข้าอายุได้ 13 ปีและเกือบจะ 14 ปีแล้วด้วย” ฟาโรห์เซติทรงหัวเราะกับความดื้อรั้นของข้า “ข้าคิดว่า ตัวน้อยมันก็เป็นแค่คำบอกสัดส่วนเท่านั้น” พระองค์ทรงให้สัญญา “แล้วแม่นมของเจ้าอยู่ที่ไหนละ” “เมอริท? นางอยู่ในพระราชวัง กำลังเตรียมของจัดงานเฉลิมฉลองอยู่” “ดีสิ บอกเมอริทไปลยว่าข้าต้องการพบนางที่ห้องโถงใหญ่ในคืนนี้ พวกเราจะต้องสอนนางให้ยิ้มสวยๆ เหมือนที่ท่านทำ” พระองค์ทรงหยิกที่แก้มของข้า หลังจากนั้นขบวนเชื้อพระวงศ์ก็เคลื่อนตัวเข้าสู่ภายในซุ้มภายใต้วิหาร “ยืนปิดล้อมรอบๆ ตัวข้า” ปาเซอร์สั่ง “ทำไม? ทำไมท่านถึงดูไม่วิตกเลยว่าข้าไปไหนมาก่อนหน้านี้” พวกเราเริ่มกวาดตัวเข้ามาภายในวิหาร ยืนอยู่ตรงส่วนลานกว้างแห่งนี้ และในท้ายที่สุด อากาศที่ร้อนจัดตลอดทั้งวันก็เริ่มมลายหายไป นักบวชที่อยู่ในห้องบูชาภายในวิหารต่างสวมชุดที่เป็นชุดสีขาว เป็นชุดที่เทพอามุนแนะนำให้ใส่ เป็นชุดที่แสดงถึงความบริสุทธิ์ ข้ากดต้นปาล์มกับแผ่นหินที่เย็นเฉียบบนก้อนหินขนาดใหญ่ ซึ่งตรงนั้นเป็นที่สลักจารึกภาพของเหล่าบรรดาเทพเจ้าอยู่ หน้าตาของพระองค์บ่งบอกความคิดต่างๆ ออกมาได้อย่างชัดเจน ถ้าทรงมีความสุข เราก็จะได้เห็นมัน “โปรดระวังภาพเหล่านี้ไว้นะ” ปาเซอร์เตือนอย่างเร็ว “เรากำลังจะไปไหน?” “ไปในห้องบูชาไง” ตลอดทางเดินที่กว้างทอดเข้าสู่ห้องลับ เราจะได้ยินเสียงบ่นของพวกฝูงชนดังสนั่น เสาแกรนิตที่อยู่ตามทางเดินนั้นดูแล้วจะเห็นว่ามันดูสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเราไม่สามารถมองเห็นหัวเสาที่ดำมืดนั้นได้อีกแล้ว แต่เราก็ยังมองเห็นกระเบื้องสีฟ้าสวยบนเพดานซึ่งมีการฝังเงินไว้อย่างดีเยี่ยม ทำให้เวลาที่ได้แหงนมองขึ้นไป จะทำให้เราคิดว่าอยู่ท่ามกลางหมู่ดวงดาวระยิบระยับของท้องฟ้าที่มืดสนิท ตรงแท่นสูงข้างหน้าภายในห้องลับ เราจะเห็นว่ามีกลุ่มนักบวชของเทพอามุนกลุ่มนึงกำลังรอเราอยู่ และข้ายังรู้สึกได้ถึงอาการเศร้าหมองขององค์รามเซส เจ้าชายผู้ที่จะได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดา พระองค์ดูไม่ห่วงเลยกับการแสดงออกของพระองค์เองว่าจะเป็นยังไงในสายตาของประชาชน แม้พระองค์จะเป็นเจ้าชาย แต่ก็ทรงมีพระสหายจากเอดดูบาเช่นกัน ส่วนข้าก็ยังค้นหากลุ่มเพื่อนจากฝูงชนในห้องไม่แพ้พระองค์ “อาชา!” ข้าควักมือเรียกชายผู้มีนามว่าอาชา ผู้ซึ่งถักเปียบนหัวแถมผมของเขายังดำหนาดกอีกด้วย ซึ่งเขาก็หันหน้ามามองข้ากับอาจารย์สอนพิเศษของข้า และพร้อมกับที่เขาได้เควี้ยงด้ายออกจากมือ คราใดก็ตามที่พวกเราต้องออกล่าสัตว์ มันก็เหมือนกับการดวลแส้ เข้าฟาดฟันกันอย่างไม่มีชิ้นดี เขาและข้าเราต่างช่วยกันล่า ลูกธนูของอาชาเป็นอะไรที่วิเศษกับเขามากเมื่อเขานำมันไปยิงพวกวัวทั้งหลาย ซึ่งเวลาที่เขาจะต้องฆ่าวัว แทบไม่เคยเลยที่จะต้องประชิดเพื่อฆ่าพวกมัน ฟาโรห์จึงเรียกขนานนามเขาว่า “อาชาผู้รอบคอบ” แต่อาชาก็เป็นรอบคอบจริงๆ นะ ซึ่งต่างกับเจ้าชายรามเซสผู้ซึ่งมักถูกกระตุ้นง่าย พระองค์มักจะลุกขึ้นสู้ โจมตีไปข้างหน้าเสมอ ซึ่งทางที่พระองค์ทรงเลือกโจมตีก็มักเป็นถนนสายอันตราย ไม่ควรที่จะเข้าใกล้ด้วยซ้ำ จึงทำให้ฟาโรห์ทรงขนานนามพระโอรสของพระองค์ว่า “เจ้าชายรามเซสผู้บ้าบิ่น” แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่น่าขบขันระหว่างพวกเขาเอง และไม่มีใครกล้าเลยที่จะขนานนามทั้งสอง แต่ฟาโรห์กับทรงทำไปแล้ว ข้ายิ้มต้อนรับอาชา แต่เมื่อหันไปมองทางปาเซอร์ จะเห็นได้ว่า เขาทำหน้าไม่ให้การต้อนรับอาชาเลย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีเรื่องบาดหมางกันนะ “ทำไมเราไม่ไปยืนข้างเจ้าชายรามเซสบนแท่นนั่นละ?” “ก็งานมันยังไม่เริ่มเลยจนกว่าเสียงทรัมเปตจะดัง” อาชาอธิบาย ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับทีปาเซอร์ถอนหายใจ อาชาจึงหันมาทางข้า “เกิดอะไรขึ้นหรอ? ทำไมท่านดูไม่ตื่นเต้นเลย” “แล้วจะให้ข้าตื่นเต้นได้อย่างไร” ข้าถาม “เมื่อไหร่ก็ตามที่รามเซสทรงใช้เวลาของพระองค์ทั้งหมดกับพวกผู้ฟังในห้องลับแห่งนี้ ซึ่งมันก็จะทำให้เหลือเวลาน้อยมากและไม่นานท่านจะต้องออกไปรบ” อาชาขยับร่างกายอย่างไม่สบายสักเท่าไหร่เพราะเขาสวมหนังสัตว์ไว้ที่หน้าอกของเขา “ในตามความเป็นจริง ถ้าข้าเป็นเพียงแค่คนทั่วไป” เขาอธิบาย “การซ้อมของข้าก็จะเริ่มตั้งแต่เดือนนี้เลย” เสียงทรัมเปตถูกเป่าดังลั่นสนั่นกึกก้อง มันเป็นเวลาเดียวกับที่ข้ากำลังจะเอ่ยปากของข้าเพื่อค้านสิ่งนึง เขาจึงหมุนกายตนเองไปพร้อมกล่าว “ตั้งแต่เวลานี้เลย!” ผมของเขาที่ถักเปียนั้น ฝูงชนไม่ได้เห็นมันเลย ก็มีแต่ข้าเพียงเท่านั้น แต่ตอนนี้รู้สึกได้ว่าหลังจากสิ้นเสียงทรัมเปต ความเงียบก็เริ่มเกาะกุมเข้ามาภายในวิหารแห่งนี้ทันที และข้าจึงแหงนหน้ามองไปที่ปาเซอร์ ผู้ซึ่งหลีกเลี่ยงจากสายตาของข้า “นางมาทำอะไรที่นี่หรอ?” เขาถามเสียงขู่ และข้าก็รู้เลยว่าหญิงนางนั้นพูดถึงข้านั่นเอง “ดูท่านางไม่ได้นำอะไรมาเลย จึงทำให้วันนี้เป็นวันโชคร้ายของนางนะ” ปาเซอร์มองมาที่ข้า จากนั้นพวกบรรดานักบวชต่างก็ทำพิธีบูชาสรรเสริญเทพเจ้าอามุน ข้าก็แกล้งทำท่าเหมือนไม่ได้ยินที่นางพูด แต่แล้วข้ากลับหันไปทางเงามืดด้านนึงภายในตัวห้องแห่งนั้น ปรากฏว่ามีนักบวชท่าน นึงเดินออกมาอย่างรวดเร็วจากที่ตรงนั้น นักบวชท่านนี้มีนามว่า ราโฮเตป เขาสวมชุดลายเสื้อดาวซึ่งเป็นชุดที่แสดงถึงความเป็นนักบวชชั้นสูง และเขาก็ยังเดินตรงสู่เวทีอย่างช้าๆ เด็กๆ ที่อยู่ข้างข้าหันไปมองจ้องเขม็งทางนักบวชผู้นั้น ซึ่งสีหน้าของท่านราโฮเตปในเพลานี้มันบ่งบอกว่าเขาดูเหยือกเย็นเหลือเกิน มันเหมือนกับเขาได้สวมหน้ากากโดยหน้ากากนั้นไม่เคยมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นเลย ใบหน้าเขาจึงเหมือนกับปีศาจที่อยู่ในภพหลังความตายนั่นเอง กลุ่มควันของธูปกระจายตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้องบูชา ทุกคนต่างก็ทนกับกลิ่นควันไม่ได้กันเลย มีแต่ราโฮเตปเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทนได้ ซึ่งในตอนนี้เขาถือมงกุฐเฮดเจทในมือ มงกุฐที่มีแสงประกายวาววับส่องแสงระยิบระยับ และยังเป็นสิ่งที่แสดงอำนาจบนพระนลาฏแห่งองค์รามเซสอีกด้วย พลันนั้นเอง เขาก็กล่าวว่า “ให้เทพอามุนได้โอบอุ้มองค์รามเซสที่สองไว้ ผู้ซึ่งตอนนี้ได้ขึ้นเป็นฟาโรห์แห่งอียิปต์บนแล้ว” หลังการสวมมงกุฐให้กับฟาโรห์พระองค์ใหม่แล้ว เหล่าบรรดาผู้คนที่แห่กันมาดูต่างก็โห่ร้องแสดงความยินดีกันทั่วหน้า หญิงหลายนางที่อยู่ข้างๆ ข้าแต่งตัวกันอย่างสวยงาม พรมปะความหอมไปทั่ววงแขน ส่วนเด็กๆ ทั้งหลายก็ผสมหลายกลิ่นปนเปกับงา กลิ่นความหอมเหล่านี้ต่างก็กระจัดกระจายไปทั่วห้อง สร้างความรัญจวนใจเป็นยิ่งนัก บางคนชอบมันหรือบางคนอาจจะไม่ชอบมันก็เป็นได้ เซติ ฟาโรห์ผู้ปกครองเพียงแค่อียิปต์ล่างในตอนนี้ทรงยิ้มกว้างและมองดูบรรดาผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายจากดินแดนอื่นๆ ต่างทยอยเบียดเสียดกันเข้ามา แสดงความยินดีต่อฟาโรห์องค์ใหม่กัน “มาเร็ว เราจะต้องออกจากที่นี่!” ปาเซอร์ตะโกน ข้ารีบมองไปทางข้างหลังของตนเพื่อมองหาอาชา “แล้วอาชาละ?” ข้าตะโกนถามทันทีเมื่อไม่เห็นอาชา “เดียวเขาก็ตามมาหาพวกเราเอง” ปาเซอร์บอก หลังจากที่หลบมาจากห้องบูชานั้นได้แล้ว ข้าก็ได้เข้ามายืนอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าห้องโถงใหญ่เพื่อที่กำจะเฝ้ามองบรรดาผู้สูงศักดิ์จากทั่วราชอาณาจักรที่มาร่วมงานราชาภิเษกแห่งฟาโรห์รามเซสที่ 2 ที่พระราชวังมาลคาสตา ซึ่งที่นี่เป็นห้องที่ใช้สำหรับรับประทานอาหารของเหล่าข้าราชสำนักในวัง ทุกคนต่างก็ชื่นชมและชอบตะเกียงน้ำมันนับพันในห้องซึ่งตั้งอยู่ทำให้มองเห็นกระเบื้องสีมันวาวได้ชัดเจน ตัวห้องแห่งนี้เต็มไปด้วยชายหนุ่มและหญิงสาวที่สวมชุดเสื้อคลุมยาวและกระโปรงจับจีบต่างก็มารวมตัวกันเพื่อมาดูงานสำคัญงานนี้

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา