ภูติแห่งดินแดนผู้พิทักษ์

3.3

เขียนโดย AsurAngLe

วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 12.22 น.

  4 ตอน
  10 วิจารณ์
  7,839 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) จนกว่าจะได้พบกัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

 

(หลังจากนั้นมาชีวิตประจำวันผ่านไปอย่างรวดเร็วแม่ฉัน และฉันกำลังตื่นเต้นกันอย่างมากเมื่อรู้ว่า

 

หมู่บ้านที่สร้างใหม่นั้นสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเรากำลังตัดสินใจว่าจะย้ายเข้าไปเมื่อไหร่ การสร้างนั้นกินเวลา

 

นานไปหนึ่งปีเต็ม หลักจากนี้ฉันจะได้เป็นคนในหมู่บ้านแล้วรู้สึกดีจัง) เรนบันทึกความสุขความทุกข์ของเธอทุก

 

อย่างไว้ในไดอารี่เล่มหนึ่งก่อนที่เธอจะเข้านอน "ตื่นเต้นหรอลูก เหมือนกับแม่เลยนะถ้าพ่อยังอยู่ป่านนี้เราคงฉลอง

 

กันไปแล้ว"มาเรียทำหน้ายิ้มแย้มให้เรนแบบรู้ทันเมื่อเห็นสีหน้าของเรนเปลี่ยนไป เรนนั้นไม่ต้องการย้ายแม้จะตื่น

 

เต้นกับสิ่งที่กำลังจะเข้ามาใหม่ใกล้ๆตัว "หนูว่าเราไม่ต้องย้ายหรอกนะคะแม่ บ้านเราอยู่ติดกับหมู่บ้านแค่นี้เอง"

 

เรนชักสีหน้ากังวลมากขึ้น "แม่รู้ว่าเรนหน่ะกลัวใช่ไหม กลัวว่าถ้าพ่อกลับมาแล้วไม่เจอเราพ่อจะต้องตกใจแน่นอน

 

อันนี้แม่เข้าใจลูกนะเรน แต่ถ้าแม่เป็นพ่อนะพ่อเขาก็จะคิดว่า ถ้าเราได้อยู่ดีกินดีกว่าที่เป็นอยู่ เขาก็จะหายห่วงมาก

 

ขึ้น ถึงกลับมาจะไม่เจอใครเราก็ยังสามารถบอกตำแหน่งของที่อยู่ในหมู่บ้านของเราให้พ่อเขารู้ได้นี่ลูก เขียนใส่ใน

 

ไดอารี่เล่มนั้นไหมหล่ะเอามันไว้ที่นี่ซะ ตอนพ่อกลับมาเขาจะได้รู้ทุกอย่างที่ลูกรู้เห็นมารวมทั้งบ้านใหม่ด้วย"

 

วิธีเกลี้ยกล่อมของมาเีรียสำเร็จ "จริงด้วยนะแม่นี่เก่งจังเลยคะ แต่...มันก็น่าอายนะคะจะให้พ่ออ่านไดอารี่ของหนู

 

มันเป็นความลับที่หนูไม่อยากบอกให้ใครรู้นี่คะ" เรนเริ่มกังวลอีกครั้งเมื่อเธอคิดๆดูแล้ว เธอเคยเขียนเรื่องที่เธอ

 

เจอกับดอกไม้นั้นในป่าไว้ด้วย ถ้าพ่อเธอเห็นเข้าคงจะหาว่าเธอจินตนาการจนสติไม่ดีก็เป็นได้หรือไม่ก็อาจจะสั่ง

 

ห้ามเธอเข้าป่าอีกตลอดไป เพราะกังวลว่าเธอจะถูกคนแปลกหน้าล่อลวงเธอไป "เรนตัดสินใจเอาเองนะลูก ถ้าไม่

 

อยากให้พ่ออ่านก็เขียนใส่โน้ตและแปะไว้ตรงประตูบ้านด้านในของบ้านเราก็ได้" มาเรียแอบขำเล็กๆกับสีหน้าที่

 

ดูเขินอายของเรน (เอาหล่ะเขียนเท่านี้คงพอใช้ได้) ความคิดของเรนแปลกๆไม่ค่อยเหมือนใครซักเท่าไหร่เธอ

 

เขียนโน้ตด้วยกระดาษสีชมพูลายหัวใจ เหมือนกระดาษที่ใช้เขียนใส่ในซองจดหมายแอบรัก "เรนนอนได้แล้วลูก

 

เรื่องเขียนโน้ตไว้พรุ่งนี้ก็ได้นะ" มาเรียเรียกลูกสาวของเธอให้เข้านอน เรนเก็บทุกสิ่งที่อย่างบนโต๊ะ สมุดไดอารี่

 

กรรไกร ปากกาคู่ใจ และ สมุดโน้ตข้อความรวมทั้ง ของตกแต่งที่ไม่กล้าติดลงบนกระดาษโน้ต เธอเก็บมันลงไว้

 

ในลิ้นชักโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆกับเตียงของเธอและมาเรีย "แม่คะอย่าขี้โกงซิ กล่อมหนูก่อน"เรนออดอ้อนแม่เธอก่อน

 

ที่เธอจะเข้านอน "อะไรกันโตแล้วนะเราทำตัวอย่างกับเด็กๆเลยนะ มาใกล้ๆแม่ซิลูกเดี๋ยวแม่จะกล่อมให้" เรน

 

ทำหน้ายิ้มแย้ม "หนูโตแ้ล้วก็จริงแต่นอนเตียงเดียวกันกับแม่มาตลอดและแม่ก็กล่อมหนูแบบนี้มาตั้งนานแล้ว มัน

 

ชินแล้วนี่คะ" เรนแอบคิดในใจว่าถ้าพ่อของเธอกลับมาไวๆ ก็คงมีเรื่องดีๆให้เขียนในไดอารี่เยอะกว่านี้แน่ๆ เรนหลับ

 

ตาลง พร้อมกับหยุดความคิดทุกอย่างไว้เพียงแค่นั้น......

 

เช้าวันใหม่ของเดือนแรกปีถัดมา สิ่งที่แม่ของเธอพูดเมื่อคืนนั้นมันทำให้เธอคิดถึงพ่อเกินจะห้ามใจ

 

"แม่คะหนูจะออกไปเดินเล่นสูดอากาศแถวนี้ซักหน่อยนะคะแล้วจะีรีบกลับคะ" เรนยิ้มแย้มกับเช้านี้พร้อมกับออกตัว

 

วิ่งเข้าในป่าอีกครั้ง เธอยังคงนึกถึงวันแปลกๆเหตุการณ์ประหลาดๆเหล่านั้นในที่สุดขาของเธอก็ได้พามาถึง จุดที่

 

ทำให้เธอเห็นดอกไม้นั้น (ว่าแล้วเชียวเป็นเพราะเราเพลียแน่ๆ ดอกมงดอกไม้อะไรกันจะใหญ่โตขนาดนั้น หรือว่า

 

ตอนนั้นเราอาจจะหิวจนตาลายด้วยก็เป็นได้ถึงได้เห็นภาพแปลกๆ) เรนเธอก็ยังคงคิดเอาเองว่าเธอนั้นแค่เห็นภาพ

 

หลอน เรนเดินวนเวียนแถวนั้นอยู่ซักพักเพื่อความแน่ใจ (ขอโทษนะลูกเรนเราหน่ะอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่ก้าวเลยแท้ๆ

 

แต่ลูกก็มองไม่่เห็นพ่อ) ชาโด้พ่อของเรนคิดอยู่ในใจด้วยสีหน้ารู้สึกผิดต่อเรนและมาเรียอย่างมาก เขายืนอยู่ไม่

 

ไกลเลยจากลูกสาวของเธอ แต่ก็ไม่สามารถที่จะไปแตะตัวของเธอได้ ชาโด้มองมือของเขาที่ต้องการจะลูบหัว

 

ของเรนซักครั้ง เป็นเพราะพื้นที่ที่เขายืนอยู่ตอนนี้มันเป็นเหมือนกับคนละดินแดนกับของทางโลก พื้นที่ที่ลงอาคม

 

เวทย์เพื่อปกป้องเด็กๆเหล่านี้ให้พ้นจากโลกภายนอกและภัยอันตรายทั้งหลาย เด็กที่อยู่ในดอกไม้ที่เรนไปพบเข้า

 

โดยบังเอิญแต่ที่จริงแล้วนั้นมันเป็นชาตะของทั้งคู่ที่ถูกผูกติดกันไว้ตั้งแต่เกิดมาแล้ว และถ้ามนุษย์ผู้ที่ถูกเลือก

 

ยังไม่พบเจอกับเหล่าภูตินี้ เด็กๆในดอกไม้นั้นก็จะไม่สามารถเติบโตได้จะต้องอยู่ในดอกไม้นั้นไปจนกว่าจะ

 

พบเจอผู้ถูกเลือกไม่ว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหนก็ตาม เหล่าเทพที่เอ็นดูและสงสารพวกเด็กภูติพวกนี้ก็ได้หาลือกัน

 

เรื่องผู้พิทักษ์การเสียสละจากมนุษย์เพียงหนึ่งหรือสองคนเพื่อมาดูแลเหล่าภูติน้อยๆนั้น เป็นกำลังใจให้กับเด็กๆ

 

จึงทำให้พ่อของเรนต้องมาเจอเหตุการณ์ที่เลี่ยงไม่ได้ ผู้พิทักษ์นี้มีสืบทอดต่อๆกันมานานมากตั้งแต่เมื่อหลายพันปี

 

ที่ผ่านมา มนุษย์ที่ถูกเลือกเป็นผู้พิทักษ์นั้นมักจะมีครอบครััวแล้วโดยส่วนมากเพราะพวกเขาเคยผ่านการเลี้ยงเด็ก

 

มาแล้วพ่อของเรนจึงถูกเลือกมาเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์นั้นด้วย เมื่อสี่ปีก่อนหน้านี้ ชาโด้ได้ทำการล่าเหยื่อเพื่อมาทำ

 

อาหารอย่างเช่นเึคยเพราะช่วงนั้นยังไม่มีเงินพอที่จะซื้อของในเมืองมาเก็บตุนไว้ การล่าเหยื่อจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น

 

ที่สุดในการดำรงชีวิตของครอบครัวเขา ของสืบทอดมรดกที่คุณปู่ของชาโด้ได้มอบไว้ให้นั้นมีแค่เพียงความรู้เรื่องล่า

 

สัตว์ ปืนกับลูกกระสุนจำนวนนึง และถุงมือเหล็กนิ่มชิ้นดี ที่คุณปู่เก็บเงินซื้อมาอย่างยากลำบากเพื่อจะให้หลาน

 

ของเขาได้ออกล่าอย่างสะดวกสบายมากขึ้น เขาตัวหมอบลงต่ำพอให้เพียงพ้นลมที่จะทำให้กลิ่นของเขาลอยไป

 

เตะจมูกของกวางตัวนึงซึ่งเป็นเหยื่อที่ชาโด้นั้นจับตามองอยู่ เขาค่อยเอาปืนเล็งไปที่เหยื่ออย่างช้าๆเพื่อไม่ให้ปาก

 

กระบอกของปืนนั้นไปโดนเข้ากับกิ่งไม้ใกล้ๆ ถ้าเกิดเสียงที่ทำให้กวางไหวตัวทันเมื่อไหร่เขาก็จะอดมือเย็นไปหนึ่ง

 

มื้อ เขาพร้อมที่จะยิงแล้ว ปัง!... เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดแต่เจ้ากวางตัวดีนั้นกลับไม่ถูกกระสุนแม้แต่น้อย ไม่ห่าง

 

มากจากจุดที่เจ้ากวางได้วิ่งหนีไปนั้นมีชายชราคนนึงได้ล้มตัวลงแทบพื้น "ฉันใกล้ถึงเวลาที่จะต้องจากไปแล้วซินะ

 

หมดหน้าที่ของฉันแล้วหล่ะ" ตาลุงแก่ๆคนนึงนอนพร่ำเพ้ออยู่บนพื้นดิน "คุณครับ.. คุณลุงผมไม่ได้ยิงโดนคุณลุง

 

ใช่ไหมครับ คุณลุงเจ็บตรงไหนหรือปล่าวขอผมตรวจดูบาดแผลหน่อยนะครับ" สีหน้าโรยราของชายชราทำให้ชาโด้

 

ตกใจมากจงรีบลงมือหาบาดแผลบนร่างกายของชายชราคนนั้นอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่พบบาดแผลซักที่ ชาโด้มีท่าที

 

โล่งอกโล่งใจที่กระสุนปืนของเขา ไม่ได้ยิงโดนเข้ากับชายชราผู้นี้ "ฉันไม่ได้ถูกเจ้ายิงหรอกพ่อหนุ่ม" ชายชรา

 

ยังคงพูดได้อยู่ "นี่คุณลุงครับทำไมลุงถึงมาเดินในป่านี้คนเดียวหล่ะ อายุป่านนี้ไม่มีใครดูแลเลยรึไง" ชาโด้ถาม

 

ออกไปด้วยความสงสัยและเป็นห่วง "ก็เป็นเพราะข้าหมดอายุขัยแล้วยังไงหล่ะ เป็นอย่างที่ในหนังสือว่าไว้เลยนะ

 

ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดเจ้าก็ได้มาอยู่ตรงหน้าข้าแล้วรุ่นน้องของฉัน และจากนี้ไปเจ้าจะต้องดูแลเด็กๆพวกนี้ต่อจากข้า

 

ไปจนกว่าจะเจอคนที่เหมาะสมรุ่นต่อไปคนที่จะมาทำหน้าที่ต่อจากเจ้า เจ้าต้องดูแลเด็กๆพวกนี้ให้ดีรู้ไหม เด็กๆ

 

พวกนี้หน่ะน่าสงสารมาก นี่คือสมุดเวทย์อาคมนะเอาไปเรียนรู้ทักษะเองแล้วกันข้าคงอยู่ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้" 

 

ลุงแก่ๆคนนั้นฝากฝังเด็กๆให้กับชาโด้พร้อมยื่นหนังสือเล่มสีทองอร่ามให้เขา "ลุงอย่ามาล้อเล่นผมแบบนี้ซิ ผมหน่ะ

 

มีครอบครัวที่ต้องกลับไปดูแลนะลุง" ชาโด้เริ่มจะขำแต่ขำไม่ออกเขายังคงไม่เชื่อใจในคำพูดของคนแปลกหน้า

 

"ยังคงพอมีเวลาหล่ะนะ จนกว่าเจ้าจะรับปากกับข้า ข้าจะเล่าเรื่องเมื่อก่อนก่อนที่ข้าจะมาดูแลพวกเด็กๆพวกนี้

 

ข้าเองหน่ะก็ไม่ต่างอะไรกับเจ้าเลย เจ้าลองมองดูที่ดอกไม้พวกนั้นซิ มีสิ่งมีชีวิตเล็กๆและยังเด็กมากจนไม่สามารถ

 

ทำให้ข้าทิ้งเขาไปเพื่อกลับไปหาครอบครัวของข้าได้ ก่อนหน้านี้นั้นข้าเข้ามาในป่า ต้องการที่จะเก็บสมุนไพรไปทำ

 

ตัวยาเพื่อขายในเมือง และข้าก็ได้เจอกับเขาคนนั้นเขาดูสูงศักดิ์และสง่างามมากในสายตาของข้าแต่แล้วเขาก็

 

แก่ชราขึ้นทันตาเห็นจนข้าไม่เชื่อสายตาตัวเอง ตอนแรกข้าก็นึกว่าข้าโดนผีหลอกเป็นเพราะเสียงเสียงนั้นทำให้ข้า

 

เดินเข้าไปหาเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้เลย" ตาลุงแก่นึกถึงภาพตอนที่เขาเจอกับผู้พิทักษ์รุ่นก่อนหน้าเขาครั้งแรก

 

"เขาบอกว่าข้าหน่ะเป็นคนทำให้เขาต้องตายเป็นเพราะข้าไปพบเจอเขาเข้าโดยบังเอิญ ชาตะกรรมของเขา

 

จึงถูกข้าแย่งชิงมา ทำให้ข้ารู้สึกผิดอย่างมาก เขาด่าทอข้าที่ข้าไปทำให้เขาตายแบบนั้นและเขาก็ได้บังคับข้า

 

ให้ข้าดูแลเด็กๆต่อจากเขาเพื่อชดใช้ความผิดทั้งหมด เขาบอกข้าว่าเขาอยู่มาได้เพิ่ง400ปีเท่านั้นแต่ข้าก็ไปจบ

 

ชีวิตของเขาก่อนที่เขาจะถึงอายุขัย ข้าจึงรับปากเขาโดยไม่มีข้อกังขาหรือข้อโต้แย้งใดๆทั้งสิ้น ข้าสละตัวเอง

 

ละทิ้งครอบครัวเพื่อเด็กๆพวกนี้เพราะคำคำนี้หล่ะนะ เขาพูดว่า ภรรยาเจ้าลูกเจ้าโตจนดูแลตัวเองได้แล้ว แต่พวก

 

เด็กๆพวกนี้หน่ะไม่สามารถที่จะดูแลตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย ประโยคแค่นี้หละนะทำให้ฉันต้องมาเป็นผู้พิทักษ์

 

ต่อจากเขาผู้นั้น เสียงที่อ่อนโยนเมื่อเวลาพูดถึงเด็กๆแววตาของเขาที่ดูเวทนาเด็กๆพวกนี้ ตอนนี้ฉันเข้าใจหมดแล้ว

 

อยากจะส่งต่อให้เจ้าดูแลเขาด้วยข้าขอร้องหล่ะ" น้ำเสียงสุดท้ายที่ดูเหมือนว่าเวลาอันใกล้จะจากโลกของลุงแก่ๆ

 

คนนั้นมาถึงแล้ว "ครับผมจะดูแลเด็กๆแทนคุณลุงเอง" ชาโด้กุมมือของชายชราคนนั้นไว้อย่างหนักแน่น "500 ปี

 

ของข้าในโลกนี้มันก็คุ้มค่าแล้วหล่ะำำสำหรับทุกๆสิ่งที่ข้าได้พบเจอมา ขอบใจเจ้ามากนะ ข้าไปหล่ะ" คำลาสุดท้าย

 

นั้นทำให้ชายชราหมดแรงลงในทันที เขาสิ้นใจต่อหน้าต่อตาของชาโด้ผู้ที่ยังคงสับสนว่าจะทำยังไงต่อไปดี ร่าง

 

ของชายชราคนนั้นที่เขากุมมืออยู่ค่อยๆกลายเป็นผงธุลีสีทองปลิวลอยตามลมหายไปบนท้องฟ้า บรรยากาศโดย

 

รอบมืดลงเขาต้องตัดสินใจ ชาโด้มองเด็กๆลอดผ่านกรีบดอกไม้สีชมพูประหลาดเหล่านั้น และถามใจตัวเอง (นี่ฉัน

 

ยังไม่ได้หาเหาใส่หัวเลยนะ แต่เหามันกระโดดใส่หัวฉันตัวบะเริ่มเลยอ่ะ จะทำยังไงดีหล่ะฉัน...) เขายังคงถือ

 

หนังสือเล่มสีทองนั้นไว้ และเปิดอ่านข้อมูลภายใน "หืม! ข้อมูลเีบื้องต้น ผู้พิทักษ์จะไม่สามารถทำร้ายเหล่าภูตินี้

 

ได้ อืม...แล้วต่อไปหล่ะ ผู้พิทักษ์จะต้องดูแลเหล่าเด็กที่อยู่ในดอกไม้นี้ให้ภัยจากภัยอันตรายทั้งหลาย ผู้พิทักษ์

 

จะต้องกางอณาเขตอาคมเวทย์เพื่อจะปกปิดการมีตัวตนของเหล่าภูติจากโลกภายนอก เอ๊ะ!ยังไงนะ หนังสือนี่ยิ่ง

 

อ่านมันก็ยิ่งงง ผู้พิทักษ์ต้องจะหาอาหารให้กับเหล่าภูติน้อยที่ยังไม่เจอกับผู้ถูกเลือก อืมว่าแต่ค่าใช้จ่ายหล่ะฉัน

 

ต้องออกเองหรอและไหนจะเรื่องปกปิดตัวตนของเด็กๆจากโลกภายนอกแล้วแบบนี้ใครมันจะไปเจอพวกภูติได้หล่ะ

 

หนังสือนี่บ้าจริงๆ ยังมีต่ออีก ผู้พิทักษ์จะต้องเดินทางเข้าสู่ดินแดนแห่งผู้พิทักษ์เพื่อรับภาีรกิจและรับค่าตอบแทนไว้

 

ใช้หาซื้อของตามความจำเป็น อ๋อ!แบบนี้นี่เอง ให้ฉันไปทำงานแลกเงินมาซื้อนมให้เด็กๆ พูดง่ายๆก็คือตอนนี้ฉัน

 

มีลูกเพิ่มหล่ะ เยอะซะด้วย นี่! ข้อนี้เด็ดสุด ผู้พิทักษ์จะมีชีวิตอยู่ได้แค่เพียง 500 ปีเท่านั้นหากหมดอายุขัยแล้ว

 

จะมีผู้มารับช่วงต่อ เหมือนกับที่ตาลุงนั้นพูดไว้เลยแหะ... ผู้พิทักษ์ระหว่างที่ดำรงชีวิตอยู่นั้นจะไม่แก่ไม่ป่วยไข้

 

และจะไม่ตายถ้าหากถูกทำร้ายร่างกาย สุดท้ายนี้ผู้พิทักษ์จงอย่าลืมว่าเจ้านั้นไม่ได้อยู่ตามลำพัง ข้อนี้รู้ดีที่สุดเลย

 

หล่ะเด็กเยอะขนาดนี้ถ้าอยู่คนเดียวก็บ้าแล้ว ก่อนอื่นก็ต้องกางอณาเขตอาคมเวทย์ (เวทย์อาคมอณาเขต หน้าสี่

 

สิบหน้า อืม!จงปกป้อง Zone shield...) ฮ่าฮ่าฮ่า ใครจะไปกล้าพูดออกมาหล่ะเนี่ยน่าอายจะตาย เหมือนอย่าง

 

กับการ์ตูนแปลงร่างเลยฮ่าฮ่าฮ่า เอ๊ะ!ตรงนี้อะไรหน่ะ ปล.ถ้าใช้เวทย์นี้แล้วผู้พิทักษ์จะถูกแยกตัวจากโลกภายนอก

 

จนกว่าจะได้รับอนุญาตให้ออกจากอณาเขต ดีนะที่ยังไม่ได้พูดออกไป" ชาโด้นั่งพูดคนเดียวคิดคนเดียวด้วย

 

ท่าทางอารมณ์ขัน แต่เมื่อเจอปล.หมายเหตุตรงนั้นเ้ข้า ทำเอาสีหน้าของเขาเปลี่ยนทันทีเขากังวลมาก

 

กับการกระทำของเขาที่จะทำต่อไปนี้ "ขอโทษนะ มาเรีย เรน พ่อหน่ะตัดสินใจไปแล้วว่าจะดูแลเด็กพวกนี้นะ"

 

ชาโด้ยืนยืดอกขึ้นพร้อมกับคำพูดประโยคนึง "จงปกป้อง Zone shield..." เขาเหลียวดูบริเวณรอบข้าง (ไหนๆ

 

ไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้นเลยนะ อ๊ะ!นั่นไงๆ มาแล้วเวทย์ที่ฉันสร้างหน่ะ) อณาเขตอาคมเวทย์นั้นถูกสร้างขึ้น

 

สมบูรณ์แบบแล้วเวทย์ที่เขาสร้างได้ปกคลุมพื้นที่ของป่าแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เขาถูกตัดออกจากโลกภายนอก แต่สิ่ง

 

นึงที่เขารู้ คำลงท้ายของหนังสือหน้าข้อมูลพื้นฐานนั้น มันเป็นจริงอย่างที่ว่าไว้ ไม่ห่างจากตรงที่เขารับหน้าที่อยู่นั้น

 

ยังมีอณาเขตอาคมเวทย์อยู่อีก2แห่ง "ผ่านไปสี่ปีแล้วซินะ โตขึ้นเยอะเลยนะเรนลูกสาวคนเดียวของพ่อสวย

 

เหมือนแม่ไม่มีผิด รออีกนิดนะลูกพ่อจะขอทางหน่วยงานดินแดนผู้พิทักษ์ พ่อจะไปกอดลูกและมาเรียให้ชื่นใจ

 

อีกซักครั้ง" เรนเดินกลับบ้านไปพร้อมกับสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนอย่างที่พ่อเขาอยากให้เป็น

 

 

 

 

 


(ติดตามตอนไปนะคะอีกซักพักนึง ตอน2นี่อาจจะยาวหน่อยนะคะ)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา