Dive into LOVE

9.3

เขียนโดย the4thA

วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 23.26 น.

  4 ตอน
  1 วิจารณ์
  7,992 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) Dive Round 4 : โอ้ว โอ้ว โอ้ว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Dive Round 4 : โอ้ว โอ้ว โอ้ว

                                20 สิงหาคม 20xx

 

                                ณ สนามบิน Roborough, Plymouth, England

 

                                ร่างบางที่เพิ่งแลนด์ดิ้งหมาด ๆ รีบสาวเท้าออกจากบริเวณผู้โดยสารขาเข้า เธอกวาดตามองหาป้ายทางออก ในใจนึกก่นด่าพวกฝรั่งที่รายล้อมตัวว่า พูดอะไรกันวะ ฟังไม่เข้าใจโว้ย เธอค้นพบว่าภาษาอังกฤษในส่วนของการฟังนั้น แม้ว่าเธอจะคิดว่าเธอแน่มากในสนามสอบ แต่ในชีวิตจริงตอนนี้ เธอแทบจะตัดหูตัวเองทิ้งให้กลายเป็นคนหูหนวกไปซะ เนื่องจากฟังออกไม่ถึง 60 เปอร์เซนต์เสียด้วยซ้ำ และยิ่งถ้าหากจะต้องตั้งใจฟังจริงๆ ล่ะก็ นั่นต้องใช้พลังงานมากเลยทีเดียว

 

                                นานาก้าวขาฉับ ฉับ หมายจะเดินออกไปยังนอกสนามบินให้เร็วที่สุด เธอเหนื่อยล้าและค่อนข้างปวดหัวหนึบ ในตอนนี้ขอแค่ที่นอนก่อนก็พอแล้ว จะให้ฉันนอนเสื่อฉันก็ยอม เธอคิด

 

                                ว่าแต่จะเอาไงต่อดีนะเนี่ย ไม่มีใครมารับสักคน นานาเสยผมที่ตอนนี้ตัดปลายออกให้ยาวเสมอกันระดับหน้าอก เจ็ทเป็นคนจัดการเรื่องนี้ เธอบอกว่า ผมยาวเท่าเอวของนานาน่ะ มันดูน่ารักน่าทะนุถนอมก็จริง แต่ตัดสั้นขึ้นหน่อย มันจะดูปราดเปรียวขึ้น เวลาผู้ชายเห็นจะทำให้รู้สึกน่าค้นหา ซึ่งคนที่ไว้ผมยาวมาตลอดชีวิตอย่างนานาก็ดันหลงเชื่อ ตัดออกไปตั้งหลายนิ้ว แต่ดีที่ไม่เชื่อคำยุยงของเจ็ทให้ย้อมสีผมเข้าไปด้วย

 

                                เฮ้ย ผมดำยาวต่างหากล่ะ ที่ดึงดูดของจริง เธอเถียงเจ็ทที่ร้านทำผม

 

                                ตอนนี้คนเพิ่งตัดผมมาก็ยืนเสยผมไปมาอย่างคนไม่รู้จะไปต่ออย่างไร เธอบอกแจ็คถึงเรื่องนี้แล้ว ว่าเธอจะมาถึงประมาณหัวค่ำ แต่แจ็คก็ขอโทษขอโพยต่างๆ นานาด้วยความเสียใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ ว่าเขาไม่สามารถมารับได้จริงๆ แถมยังให้เบอร์ติดต่อส่วนตัวไว้กับนานา เผื่อกรณีฉุกเฉิน ซึ่งการให้เบอร์โทรนี้นับว่าเป็นเรื่องใหญ่สุด ๆ ของนักกีฬาทีมชาติระดับเขา

 

                                นานา กระหยิ่มยิ้มย่องในใจเมื่อตอนที่ได้เบอร์นี้มา มันเกิดจากการที่เธอใช้คำพูดสารพัด บอกว่าเขาคือเพื่อนคนเดียวที่เธอติดต่อด้วย เธอไร้ที่พึ่งอย่างแท้จริงในต่างแดนแบบนี้ ซึ่งนั่นทำให้แจ็คใจอ่อนให้เบอร์ติดต่อเขา โดยที่นานาไม่ต้องเอ่ยปากขอสักแอะ

 

                                (ผู้เขียน : นางเอกของเราจะยิ่งทวีความเป็นนักวางแผนยิ่งไปกว่านี้อีกค่ะ อิอิ)

 

                                อ๊ะ อย่าเพิ่งถามว่าเพราะเหตุใดเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่ เรื่องนี้กินเวลาเป็นเดือนแน่ะ กับการที่ต้องต่อสู้ทางคำพูด และสงครามประสาทสารพัดกับพ่อ แม่ และน้าสาว ไว้เรื่องนี้จะเล่าให้ฟังทีหลัง นานาคิดในใจ และนึกถึงคำพูดสุดท้ายของแม่ที่บอกกับเธอก่อนจะขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิว่า

 

                                " นี่ฉันไว้ใจแกนะ นานา อย่าให้รู้เชียวว่าก่อเรื่องอะไร แม่จะขายที่ดินแล้วบินไปตบกะโหลกเลยคอยดู "

 

                                นานาลูบแขนตัวเอง ที่อยู่ดี ๆ ก็ขนลุกเมื่อนึกถึงคำพูดของแม่

 

                                การมาที่นี่นั้น เธอได้รับทุนเต็มจำนวน ซึ่งรวมค่าเล่าเรียน ค่าประกันชีวิต ค่าที่พัก ซึ่งต้องพักในหอของทางมหาวิทยาลัย ตรงจุดนี้ นานาเขย่าหัวสั่นหัวคลอน นึกเสียดายที่ไม่ได้หาทางไปอยู่กับทอม เดลี่ย์ที่หมู่บ้านของเขา ซึ่งเธออุตส่าห์ไปหาชื่อหมู่บ้านที่เขาอยู่มาแล้วเชียว เธอคิดว่าคงจะได้หาโฮสต์แฟมิลี่หรืออะไรทำนองนั้น ซึ่งเธอจะขอเลือกที่ใกล้กับทอมที่สุด แต่ฝันก็สลาย เมื่อมีกฎบังคับให้ต้องอยู่ที่หอพักเท่านั้น

 

                                เมื่อออกจากสนามบินได้ เธอก็กรีดร้องในใจอย่างบ้าคลั่ง พร้อมถึงคว้ามือถือมาถ่ายรูปตัวเองหน้าเกทเก็บไว้และเช็คอินที่สนามบิน เผื่อให้คนที่ไทยได้เห็นว่าเธอปลอดภัยดีแล้ว จากนั้นเธอก็ลากเท้าไปหาแท็กซี่ทันที ต้องยอมรับว่า การดูวีดิโอเกี่ยวกับพลีมัธนั้น มีส่วนช่วยได้มากเมื่อต้องมาสัมผัสกับของจริงแบบนี้ นานาอ่านทุกอย่าง ศึกษาทุกสิ่งที่เป็นประโยชน์และอำนวยกับการอยู่รอดของเธอ ฉันต้องรอดให้ได้ เธอคิดพลางกำหมัดและสูดหายใจเฮือกใหญ่

 

                                สาวน้อยที่ใส่ยีนส์เอวสูงพอดีขาและเสื้อท็อปช็อปสีโอวัลตินและผ้าพันคอลายสกรีนเก๋ ๆ สีเทา บวกกับใบหน้าที่แต่งหน้าอย่างบรรจง ทำให้นานาดูดีมาก และ ดึงดูดเป็นบ้า ตามที่เจ็ทว่าไว้จริงๆ ด้วย

 

                                เสื้อผ้าทั้งกระเป๋า รวมทั้งเครื่องประดับทั้งหลายนั้น เจ็ทเป็นคนเลือกให้ทั้งหมด เจ็ทเปรียบนานาเหมือนเป็นตุ๊กตาของเธอ ที่จะจับแต่งตัวอย่างไรก็ได้ เธอบอกกับเพื่อนสาวว่า จะไปที่โน่นแกก็ต้องมีเสื้อผ้าที่สวยรับกับหุ่นของแก อังกฤษน่ะนะ ฉันเคยไปมาแล้ว ไว้ใจฉันเถอะน่า ฉันรู้ว่าต้องพกแฟชั่นอะไรไปรับมือ นานาไม่เคยต้องผิดหวังกับสิ่งที่เจ็ทเลือกเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ก็ทำไมล่ะ ในเมื่อตอนนี้คนหันมามองเธอเป็นแถว และเพียงแค่โบกมือแท็กซี่ก็รีบมาจอดตรงหน้าเลยทีเดียว

 

                                " เอ่อ ฉันจะไปที่นี่น่ะค่ะ " นานากล่าวกับคนขับที่เลื่อนกระจกเพื่อคุยกับเธอ แล้วยื่นแผนที่ไปให้

 

                                " ครับ ขึ้นมาเลย "

 

                                ตลอดทางนั้น นานาเอาแต่นั่งนิ่งเงียบ อาจเป็นเพราะการนั่งเครื่อง ทำให้เธอต้องปวดหัวขนาดนี้ และตอนนี้ก็ไม่ต้องการอะไร นอกจากคำว่าพักผ่อนอย่างเดียว ดังนั้นการที่คนขับพยายามชวนเธอคุยสารพัด จึงทำให้เธอตอบแบบสั้น ๆ เท่านั้น และอยากจะฆ่าตัวตายที่สำเนียงบริติชแท้ๆ ทำไมถึงได้ฟังยากเย็นอย่างนี้

 

                        เมื่อมาถึงที่หมาย เธอก็ต้องเบิกตากว้างอีกครั้ง อาการปวดหัวเมื่อกี้หายไปเป็นปลิดทิ้ง

 

                        "มหาลัย มหาลัยที่ทอมเรียนอยู่ อาาาห์ พื้นนี้สินะที่เขาเดินเหยียบไป อากาศแบบนี้สินะ" เธอหยุดอยู่บริเวณหน้าบริเวณลานกว้างใจกลางมหาวิทยาลัยพลีมัธ แล้วหลับตาพริ้มสูดออกซิเจนเข้าเต็มปอด พร้อมกับหมุนตัวไปรอบ ๆ ในเวลานี้ยังเป็นเวลาปิดเทอมอยู่ ผู้คนจึงยังไม่มากนัก แต่ก็ยังพอมีอาจารย์และนักศึกษาเดินอยู่บ้าง ต่างหันมามองท่าทางแปลก ๆ ของสาวเอเชียคนนี้กันใหญ่

 

                        ทอม ทอม ทอม ทอม ทอม ทอม นานากรีดร้องในใจอย่างเสียสติ

 

                        "มีอะไรให้ช่วยไหมครับ มาใหม่ใช่ไหม"

 

                                นานาลืมตาขึ้นอย่างตกใจ เมื่อจู่ ๆ ก็มีชายหนุ่มรูปร่างดี ที่สูงลิบตามแบบฉบับฝรั่งของแท้ 190 ได้ละมั้งเนี่ย เธอรำพันแล้วยิ้มให้ชายคนนั้น

 

                                "ค่ะ คือว่ากำลังจะไปที่หอพักนี้น่ะค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน"

 

                                "ฮะ? ว่าไงนะครับ"

 

                                ชิบหาย... ฟังไม่ออกเหรอ เราพูดสำเนียงห่วยหรือไงเนี่ย คนเพิ่งเหยียบอังกฤษใหม่ ๆ ต้องรีบปรับลิ้นตัวเองอย่างรวดเร็วให้ออกเสียงให้ชัดเจนขึ้น

 

                                "คือ - กำ - ลัง - จะ - ไป - หอ - พัก - นี้ - น่ะ - ค่ะ"

 

                                ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งยิ้มให้ ยิ้มของเขาทำให้นานาตาพร่ามัวไปชั่วขณะ เนื่องจากมันช่างส่องประกายเหลือเกิน เขาบอกว่าให้ตามเขามา เขาจะเป็นคนอาสานำทางให้เธอเอง ขณะเดินตามคนแปลกหน้าที่ยิ้มสวยไป นานาก็นึกถึงคำของเจ็ทที่บอกว่า แกจำไว้เลยนะเว้ย พวกฝรั่งมันชอบสาวเอเชีย แล้วยิ่งเป็นเอเชี่ยนสวยๆ อย่างแกงี้ด้วยล่ะก็ ไม่เหลือ อย่าไปตกหลุมพรางง่ายๆ ล่ะ นานาอมยิ้ม ตลอดมาก็ไม่เคยรู้สึกโดดเด่นเท่านี้มาก่อน ตอนอยู่เมืองไทย มีคนสวยๆ กว่าเธอเดินกันขวักไขว่ เธอเลยไม่เคยรู้สึกถึงความดึงดูดในตัวเองเลย

 

                                "ทางนี้ครับ ถึงแล้วครับ" ชายแปลกหน้าใจดีผายมือให้

 

                                ผายมืองั้นเหรอ? โอย สมกับเป็นเมืองผู้ดีอังกฤษจริงๆ นานานึกในใจ

 

                                "ขอบคุณมากนะคะ"

 

                                "ผม วินซ์ เทอร์รอยด์ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณ?" หนุ่มวินซ์ไถ่ถามแม่สาวเอเชียหน้าสวย ที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีผู้ชายแอบมองเธออยู่มากแค่ไหน

 

                                "เอิ่ม... ฉัน นานา ค่ะ เป็นคนไทย ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ"

 

                                "ผมเรียนธุรกิจอยู่ครับ สายการจัดการภาษี คุณมาเรียนอะไรที่นี่เหรอครับ"

 

                                ภาษีเหรอ? บ้าไปแล้ว นานาคิด

 

                                "ธุรกิจเหมือนกันค่ะ แต่ว่ายังไม่ได้เลือกสายอะไร ยังไงก็ต้องขอบคุณมากนะคะ ที่นำทางมาให้"

 

                                "ว้าว จริงเหรอครับ งี้เราก็จะได้เจอกันบ่อย ๆ น่ะสิ"

 

                                วินซ์ก้มลงจดอะไรยุกยิกอยู่ประมาณ 5 วินาทีเห็นจะได้ แล้วส่งให้คนตัวเล็กข้างหน้า ซึ่งเธอก็ทำท่างงๆ แล้วรับไว้ ซึ่งในสายตาวินซ์แล้ว เธอคนนี้น่ารัก และจะต้องฮอตมากในไม่นานนี้แน่

 

                                นานารับกระดาษแผ่นนั้นมาจากชายหนุ่ม ซึ่งภายในเขียนข้อมูลการติดต่อเอาไว้คร่าว ๆ ทั้งเบอร์และเลขที่ห้องและหอพัก! เบอร์และเลขห้องเนี่ยนะ? นานาเบิกตากว้าง

 

                                "เผื่อมีอะไรจะได้แนะนำคุณได้" วินซ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ ซึ่งนั่นทำให้นานาเกือบจะละลายอีกครั้ง

 

                                ไม่ต้องไปนึกถึงคำเตือนของเจ็ทหรอก ยังไงเสีย เธอก็ตกหลุมพรางหนุ่มฝรั่งแน่นอนอยู่แล้ว ก็เธอเป็นโรคแพ้ฝรั่งขนาดหนักเลยนี่นา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา