คิดถึง...

9.2

เขียนโดย TTkeanniyayf

วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 20.48 น.

  9 session
  24 วิจารณ์
  14.13K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 เมษายน พ.ศ. 2556 20.04 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) ไม่เป็นไร

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

            หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป

 

            หลายวันมานี้นับดาวหลบหน้ามาวินมาโดยตลอด เธอยังไม่พร้อมจะพบหน้าเขาจริงๆ หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่ร้านอาหารเมื่อหลายวันก่อนเธอยังเข็ดไม่หาย ใบหน้าสวยของเธอเพิ่งหายช้ำไปเมื่อสองวันที่แล้วนี้เอง

           

            วันนี้นับดาวตื่นแต่เช้ามาทำอาหารร่วมกับป้าแหวว ลุงมีและแวว เพื่อนำไปใส่บาตรพระที่หน้าบ้านเหมือนเช่นทุกครั้งพร้อมกับครอบครัว ข้าวสวยร้อนๆ ในโถใส่ขนาดกลางถูกนำมาวางไว้บนถาดสแตนเสสขนาดใหญ่ ตามด้วยถุงพลาสติกบรรจุอาหารคาวหวานด้านในอีกสามสี่ถุง มีถาดพลาสติกขนาดกลางวางรองไว้อีกที ด้านข้างยังมีขวดน้ำ กล่องนมและดอกไม้สดสีสวยจากต้นหลังบ้านของเธอเองถูกนำมาเตรียมไว้ถวายพระด้วยเช่นกัน

 

            คุณบดินทร์และคุณนาราเสร็จจากการทำธุระส่วนตัวแล้ว ทั้งสองคนลงมาสมทบกับทุกคนที่ด้านหน้าบ้าน ตามมาด้วยนทีเป็นคนสุดท้าย แต่ที่น่าแปลกใจคือนทีไม่ได้เดินมาตามลำพัง ด้านหลังของเขานั้นมีชายคนหนึ่งเดินตามมาด้วย ซึ่งไม่ใช่สมาชิกในบ้านสิทธิทรัพย์อาภานี้เป็นแน่

 

            “สวัสดีครับคุณอา ลุงมี ป้าแหวว” มาวินยกมือไหว้คุณบดินทร์ คุณนารา ลุงมีและป้าแหววอย่างนอบน้อม

 

            “เมื่อคืนหลับสบายไหมจ๊ะหลาน” คุณนาราถามด้วยความเอ็นดู เธอรักมาวินเสมือนว่าเป็นลูกอีกคนหนึ่ง

 

            “สบายครับคุณอา....สวัสดีครับน้องดาว” มาวินหันมายิ้มให้กับหญิงสาวเจ้าของชื่อ

 

            “สวัสดีค่ะ” นับดาวยกมือไหว้ตามมารยาทแล้วส่งยิ้มให้เขาน้อยๆ เธอเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่ามาวินนอนค้างกับพี่ชายที่บ้าน เธอเผลอทำอะไรเปิ่นๆ ให้เขาเห็นหรือเปล่านะ

 

            “พระมาแล้วค่ะคุณ” ป้าแหววส่งเสียงบอกเจ้านาย

 

            คุณบดินทร์กับคุณนาราตักข้าวใส่บาตรก่อนคู่แรกแล้วถอยให้ลูกๆ เข้ามาด้านหน้าแทน โดยนทีรับถุงอาหารจากลุงมีแล้วใส่ลงไปในบาตร ตามด้วยของหวาน จากนั้นเป็นทีของนับดาวใส่น้ำและนม ตามด้วยดอกไม้ ขณะที่เธอหยิบนู่นจับนี่จะมีมือหนึ่งคอยประคองมือเธอไม่ห่าง

 

            มาวินไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินนับดาวแต่อย่างใด เขาเพียงแค่อยากร่วมทำบุญใส่บาตรร่วมกับเธอเท่านั้น แต่เขาทำไม่เป็นจำต้องอาศัยมือน้อยๆ ของเธอพาไป เขาแอบเห็นว่าหญิงสาวมีท่าทีไม่พอใจแต่ในเวลาเดียวกันเขาเห็นว่าใบหน้าสวยนั้นมีสีแดง เป็นอาการเขินของเธอที่เขาเองไม่ได้เห็นมานาน

 

            หลังจากรับพรกรวดน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนกลับเข้ามาในตัวบ้าน นับดาวแยกตัวหายลับเข้ามาในครัว ปล่อยให้บิดา มารดา พี่ชายและเพื่อนของพี่ชายนั่งเล่นพูดคุยกันไปก่อนที่อาหารเช้าจะพร้อมเสิร์ฟ

 

            นับดาวไม่ได้มีนห้าที่ในครัวนี้แต่อย่างใด เพียงแต่เธอไม่ออกไปนั่งร่วมวงสนทนาที่มีมาวินอยู่ด้วยเท่านั้น ถึงอย่างนั้นนับดาวไม่ได้เข้ามาหายใจทิ้งไปเปล่าๆ เธอช่วยป้าแหวว ลุงมีและแววหยิบนู่นจับนี่บ้าง

           

            รายการอาหารบนโต๊ะอาหารของบ้านสิทธิทรัพย์อาภาวันนี้มีปลาหมึกยัดไส้แกงเขียวหวาน แกงจืดเห็ดหอม ผัดผักรวม หมูทอดกระเทียม ของหวานเป็นปลากิมไข่เต่าของโปรดของนที ป้าแหววทำเอาใจเป็นพิเศษเพราะเมื่อวานนทีบ่นว่าอยากทาน ไม่นานอาหารทุกอย่างก็เสร็จพร้อมเสิร์ฟ

 

            “คุณดาวออกไปรอด้านนอกเถอะค่ะเดี๋ยวที่เหลือป้าแหววกับแววจัดการเองค่ะ” ป้าแหววแย่งถาดอาหารจากมือเจ้านายก่อนที่เธอจะยกออกไปเสิร์ฟเอง

 

            “ค่ะ” นับดาวเชื่อคำอย่างว่าง่าย เธอไม่อยากจะทำตัวดื้อให้มากเรื่องตั้งแต่เช้า

 

            “อุ๊ยขอโทษค่ะ......พี่วิน!” นับดาวไม่ทันระวังมองทางจึงชนคนเข้า พอเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายดวงตากลมหลุบต่ำลงหลบหนีสายตาคมนั้น

 

            “ไม่เป็นใรครับพี่เต็มใจให้นับดาวชน” มาวินพูดทีเล่นทีจริงแล้วส่งยิ้มหวานให้กับเธอ

 

            “พี่วินจะเอาอะไรหรือเปล่าค่ะ” นับดาวเงยหน้าขึ้นสบตากับมาวินแต่ค้างไว้แค้สองวิ ลูกตาดำวงโตต้องหลบหนีไปทันที แววตากรุ้มกริ่มจากเขาทำให้เธอใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ หน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศสุก

 

            “เปล่าครับ พี่ไม่เห็นน้องดาวเลยมาตามหาน่ะครับ” มาวินตอบไปตามที่ในคิด เขาไม่เห็นเธอในห้องนั่งเล่นเหมือนกับคนอื่นๆ จึงออกมาตามหา มีเรื่องมากมายอยากพูดอยากถามเธอเหลือเกิน

 

            “ถ้าพี่วินไม่มีอะไรแล้วดาวขอตัวไปช่วยป้าแหววก่อนนะค่ะ” นับดาวพูดจบแล้วหันหลังให้กับมาวินทันที เธออยากจะรีบไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดเสียจริง แต่เสียงหนึ่งทำให้เท้าน้อยย่างก้าวไม่ออกเสียนี่

 

            “เหมือนว่าน้องดาวกำลังหลบหน้าพี่อยู่นะครับ” มาวินส่งเสียงติดน้อยใจไปให้กับหญิงสาว ใบหน้าทะเล้นเปื้อนยิ้มเมื่อครู่แปลเปลี่ยนเป็นหมองเศร้าทันที หลายครั้งที่เขาพยายามหาเรื่องเข้ามาพูดคุยกับเธอ แต่เธอก็หาทางหลีกเลี่ยงหนีไปทุกครั้ง

 

            “ปะ..เปล่านี่ค่ะ” นับดาวปฏิเสธเสียงตะกุกตะกัก น้ำเสียงที่เปล่งออกมาไม่เต็มเสียงนัก

 

            “ถ้าน้องดาวโกรธพี่เรื่องเมื่อวันนั้นพี่ขอโทษนะครับ พี่ไม่ได้อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับดาวเลยนะ” มาวินเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวแล้วพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

 

            “เรื่องนั้นช่างมันเถอะค่ะดาวไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว” นับดาวบอกไปตามจริง เธอไม่ได้ติดใจคิดจะเอาความกับใคร แต่เธอแค่กลัวว่าถ้าไปไหนมาไหนกับมาวินอีกเธอจะโดนกระทำอีกก็เป็นได้ เธอจึงไม่อยากอยู่ใกล้กัยเขาอีก

 

            “แต่น้องดาวกำลังทำตรงกันข้ามนะครับ” มาวินแย้งขึ้นทันควัน

 

            “ถ้าดาวไม่ได้ติดใจอะไรทำไมไม่คุยกับพี่ หลบหน้าพี่ทำไมครับ รู้ไหมพี่ใจจะขาดอยู่แล้วนะครับที่น้องดาวเป็นแบบนี้” มาวินทำหน้าเศร้าเหมือนจะร้องไห้เสียตอนนี้ เขาพยายามตามง้อเธออยู่หลายวัน แต่เจ้าตัวก็หนีเขาไปได้ทุกครั้งไป ครั้งนี้เขามีโอกาสแล้วจะไม่ยอมปล่อยโอกาสนั้นหลุดลอยไปง่ายๆ แน่

 

            “ดาว...” นับดาวไม่รู้ว่าจะอธิบายกับมาวินอย่างไรดี เธอไม่รู้จะเริ่มต้นพูดตรงไหน ยิ่งได้เห็นแววตาของเขาแล้วยิ่งทำให้พูดอะไรไม่ออกเอาเสียเลย

 

            “อ้าวสองคนนี้ทำอะไรกันอยู่ตรงนี้ฮึ?” นทีมาตามหามาวินอีกที เห็นว่าเพื่อนหนุ่มหายมานานกลัวจะหลงทางหาทางออกไม่เจอ

 

            “แล้วคุยอะไรกันอยู่หรอทำไมหน้าตาดูเครียดๆ” นทีถามทั้งคู่ต่อ แต่ไม่มีแม้แต่คำตอบเดียวที่ได้กลับมา

 

            “ทีฉันขอตัวกลับก่อนนะ พอดีมีธุระนิดหน่อย” มาวินเลี่ยงที่จะตอบคำถามของนทีโดยการบอกลาไปเลยเสียเป็นการตัดบทสนทนา

 

            “อ้าวแล้วไม่อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนหรอ” นทีถามรั้งมาวินก่อนที่เพื่อนหนุ่มจะเดินจากไป

 

            “........ไม่ดีกว่า ไปนะครับน้องดาว” มาวินบอกลาหญิงสาวเสียงเศร้า มองเธอตาละห้อยไม่อยากจากไป แต่เขาพูดไปแล้วนี่นา

 

            “พี่วินยังไปไม่ได้ค่ะ ดาวตั้งใจทำปลาหมึกยัดไส้แกงเขียวหวานให้พี่วิน จะไม่อยู่ทานหน่อยหรอค่ะ” นับดาวพูดน้ำเสียงติดน้อยใจ เธอทั้งใส่ความอร่อยและใส่ใจลงไปในอาหารจานพิเศษนั้น ทำไมเขาถึงจะหนีกลับไปง่ายๆ แบบนี้กันเล่า

 

            มาวินหันกลับมามองไปหน้าสวยของนับดาว นัยน์ตามีเครื่องหมายคำถามมากมายส่งผ่านให้กับเธอ ไม่ใช่เขาไม่ดีใจที่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด เพียงแต่เขาไม่รู้จะพูดจะอธิบายกับเธออย่างไรดี ความตั้งใจเขาไม่ได้จะกลับบ้านอย่างที่พูด แต่เขาคิดว่าถ้าอยู่ต่อคงทำหน้าไม่ถูกแน่ถ้านับดาวยังไม่พูดกับตน

 

            “ดาวไม่ได้บังคับพี่วินนะค่ะ จะกลับก็ได้แต่ดาวไม่ไปส่งนะค่ะ” นับดาวพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินหนีทั้งสองหนุ่มออกไปที่โต๊ะอาหาร

 

            นับตั้งแต่วินาทีที่นับดาวเรียกชื่อมาวิน เขาแทบอยากจะกระโดดกอดเธอเสียเดี๋ยวนั้น เหมือนเสียงหวานๆ ที่ถึงแม้จะฟังดูแล้วจะติดประชดไปเสียหน่อย แต่กระนั้นไม่ทำให้ระคายหูของมาวินเลยแม้แต่น้อย คำพูดจากหญิงสาวนั้นเหมือนเป็นของขวัญให้กับเขาในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้เสียจริง มาวินคิดเช่นนั้น เขาก้าวเท้าเดินตามนับดาวไปติดๆ ทำให้ได้รับคำแซวจากนทีมาเต็มๆ

 

            “เอ้าเพื่อนวินไม่กลับบ้านแล้วหรอคร้าบบบ” นที

แซวมาวินเสียหน่อย เห็นว่าตอนแรกทำท่าจะกลับไหงตอนนี้เดินตามน้องสาวเขาต้อยๆ แบบนี้เล่า นึกแล้วหมันไส้เพื่อนหนุ่มเสียจริง มือใหญ่นั้นยกขึ้นส่งแรงจากข้อมือเขกหัวมาวินไปที

 

            “นับดาวพูดกับฉันขนาดนี้แล้วจะกลับได้ไงเล่า ฉันพอมีหวังอยู่นิดๆ นะ..ทีเพื่อนรัก” มาวินยิ้มกว้างให้นที แล้วเร่งฝีเท้าก้าวตามนับดาวไปให้ทัน เขาจะต้องอยู่เพื่อสานต่อความสัมพันธ์ของเขากับนับดาวให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้ หรืออาจจะดีกว่าการเป็นแค่พี่น้องกันก็เป็นได้ มาวินคิดอยู่ในหัวตลอดเวลา

 

            บรรยากาศบนโต๊ะอาหารของบ้านสิทธิพรัพย์อาภาในเข้านี้เต็มไปด้วยเรื่องดีๆ และเสียงหัวเราะระหว่างบนสนทนาของหนุ่มๆ โดยเฉพาะคุณบดินทร์ เขาพูดหยอกมาวินไปว่าเมื่อไหร่จะมาขอลูกสาวตนแต่งงาน เห็นเช้าถึงเย็นถึงเทียวรับส่งลูกสาวเขาทุกวันแบบนี้ คนเป็นพ่ออย่างเขาก็ต้องคิดบ้างแหละว่าทั้งสองมีใจให้กัน เพียงแต่เขาอยากรู้สถานะของทั้งคู่ก็เท่านั้น จึงเอ่ยถามทีเล่นทีจริงไป ซึ่งคำพูดของคุณบดินทร์ทำเอาลูกสาวอย่างนับดาวเกิดอาการสำลักข้าวเสียอย่างนั้น ทำให้นทีพูดแซวน้องสาวตอกย้ำความเขินของเธอไปที ตอนนี้ใบหน้าสวยของนับดาวแดงจ้าเสียยิ่งกว่าสีเสื้อของมารดาเธอเสียอีก

 

            จากคำถามของคุณบดินทร์ทำให้มาวินนั้นอยากจะขอนับดาวกับท่านเสียตอนนี้เลยด้วยซ้ำ เมื่อถูกถามคำถามแทงใจ แต่ติดที่เขากับเธอตอนนี้ความสัมพันธ์เป็นเพียงแค่พี่น้องที่ดีต่อกันเท่านั้น แต่เขากำลังจะพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอนั้นให้เลื่อนขึ้นมาอีกระดับหนึ่งก่อน ถึงตอนนั้นเขาจะเข้ามาพูดเรื่องสู่ขอกับผู้ใหญ่ทั้งสองเป็นแน่

 

            เมื่อท้องอิ่มแล้วใจก็อยากอิ่มไปกับท้องด้วย มาวินชวนนับดาวออกมานั่งที่สวนหลังบ้าน โดยมีนทีตามมาคอยเป็นกางด้วย แต่นับว่าถูกต้องแล้วที่นทีตามมาด้วย เพราะขืนปล่อยให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพังจะดูน่าเกลียด ซึ่งเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างมาก สุภาพบุรุษอย่างมาวินต้องไม่ทำให้คุณบดินทร์และคุณนาราต้องเสียชื่อ รวมถึงตัวของนับดาวเองด้วย

 

            เปลผ้าสีขาวใต้ต้นไม้ใหญ่ถูกนทีจับจองเป็นเจ้าของในวันนี้ เขานอนแผ่บนเปลผ้าเอาหมวกที่ถือติดมือมาด้วยปิดบังใบหน้า แล้วหันหน้าหนีจากน้องสาวกับเพื่อนหนุ่ม เพื่อให้ทั้งคู่ได้ทำตัวตามสบายยามปรับทุกข์ร่วมกัน

 

            “น้องดาวครับ...” มาวินเริ่มต้นพูดเมื่อเห็นว่านทีเปิดโอกาสให้เขาแล้ว

 

            “พี่ขอโทษนะครับสำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา ถ้ามีอะไรที่พี่ทำให้น้องดาวหายโกรธได้บอกพี่ทันทีเลยนะครับ พี่วินคนนี้ยินดีทำทุกอย่าง” มาวินมีสีหน้าจริงจังจนนับดาวต้องเงยหน้าขึ้นมองตรง สบตาตอบกลับเขา

 

            “พี่วินไม่ต้องทำอะไรให้ดาวหรอกค่ะ เพราะว่าดาวไม่ได้โกรธพี่วิน เรื่องผู้หญิงคนนั้นเอ่อ..คุณซินดี้ ดาวไม่ถือโทษหรือติดใจอะไรกับเธอแล้ว ถือซะว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน แต่ถ้าเป็นไปได้ดาวไม่อยากพบเธออีก เพราะครั้งหน้าดาวอาจจะต้องปกป้องตัวเองบ้างนะค่ะ ดาวไม่อยากให้พี่วินคิดว่าดาวเป็นคนนิสัยไม่ดี หลายวันที่ผ่านมาดาวยอมรับค่ะว่าดาวพยายามหลบหน้าพี่วิน เป็นเพราะดาวไม่อยากไปพบกับสาวๆ ของพี่วินให้เจ็บตัวอีก ดาวด่างหากค่ะที่ต้องขอโทษพี่วินที่ทำให้พี่วินไม่สบายใจ” นับดาวพูดอธิบายยืดยาวจนมาวินอยากจะดึงร่างบอบบางของเธอเข้ามากอดเสียจริง

 

            “น้องดาวไม่ผิดนะครับ พี่ผิดเองที่ทำให้น้องดาวต้องเจอเรื่องแย่ๆ แบบนั้น พี่สัญญานะครับว่าต่อไปนี้จะไม่มีใครมารังแกน้องดาวได้อีก” มาวินให้คำมั่นสัญญากับนับดาว แต่คงไม่เพียงพอเท่ากับการกระทำของเขาที่ต้องทำให้เธอเห็นด้วย คำพูดของเขาถึงจะมีน้ำหนักมากเพียงพอให้เธอเชื่อใจ

 

            “พรุ่งนี้เราไปทานอาหารบนดาดฟ้ามองวิวของเมืองกรุงกันอีกนะครับ” มาวินใช้โอกาสอันดีนี้เอ่ยชวนเธออีกครั้ง เพื่อที่เขาจะทำการบอกความในใจกับเธอ แต่แทนที่เขาจะได้คำตอบกลับได้เสียงหัวเราะน้อยๆ ของเธอกลับมาแทน

 

            “น้องดาวหัวเราะอะไรครับพี่จริงจังนะครับ” มาวินทำปากจู๋ หน้าตาขึงตึงเล็กน้อย

 

            “ขอโทษค่ะ” นับดาวพยายามกลั้นหัวเราะไว้ แต่

ถึงอย่างนั้นมาวินสังเกตเห็นใบหน้าสวยของเธออยู่ดีว่าเก็บกลั้นอารมณ์ไว้แค่ไหน

 

            “น้องดาวอ่า พี่จะงอนแล้วนะ” มาวินแสร้งหันหน้าไปอีกทาง

 

            “พี่วินจะให้ดาวพูดจริงๆ เหรอค่ะ” นับดาวถามย้ำกับเขาก่อนที่จะบอกถึงสาเหตุที่เธอหัวเราะเขา

 

            มาวินไม่ได้ตอบคำถามของนับดาว เขาเพียงแต่หันหน้ากลับมามองตาหญิงสาวอย่างสงสัย การที่เขาชวนเธอไปดินเนอร์บนดาดฟ้ามันน่าขำมากนักเหรอ

 

            “เอิ่ม..คือ คำที่พี่วินพูดเมื่อกี้นี้ ‘เมืองกรุง’ น่ะค่ะ ดาวว่าไม่ค่อยเหมาะกับหนุ่มนักเรียนนอกอย่างพี่วินเลยนะค่ะ อิอิ” นับดาวพูดจบเธอส่งเสียงหัวเราะเขาออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ มันน่าขันเสียจริงที่คำย้อนยุคแบบนั้นจะหลุดออกจากปากของมาวิน

 

            “แหมน้องดาวครับ พี่ก็เป็นคนไทยคนหนึ่งนะครับไม่เห็นน่าขำตรงไหนเลย” มาวินกอดอกทำทีงอนใส่นับดาวแก้เขิน นึกย้อนไปก็น่าขำอยู่หรอกที่ตนพูดคำนั้นออกมาได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรนี่นาเพราะคำที่เขาพูดบิดารมารดา หรือคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยายก็พูดกันมาแล้วทั้งนั้น

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา