FBI Special Agent เล่ห์รัก...คุณผู้คุ้มกัน

8.4

เขียนโดย narami

วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.10 น.

  4 บทที่
  8 วิจารณ์
  9,715 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มกราคม พ.ศ. 2557 09.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) พระอาทิตย์ (รีไรท์)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

FBI Special Agent เล่ห์รัก...คุณผู้คุ้มกัน

 

บทที่2  พระอาทิตย์

 

 

 

 


        มหานครโตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น มีทีมฟุตบอลยอดนิยมที่ตอนนี้ไม่พูดถึงคงไม่ได้แล้ว นั้นก็คือทีม Tokyo Success นักฟุตบอลแต่ละคนนั้นหน้าตาดี เป็นที่หมายปองของสาวๆทั่วประเทศ

        หนึ่งในนั้นก็คือ ‘โชซุเกะ คิมูระ’ กัปตันทีมสุดหล่อ ที่ได้เข้ามาเป็นตัวจริงของทีมตั้งแต่อายุ18 ตอนนี้ก็ผ่านมา6ปีแล้วกับการอยู่ในวงการนี้ แต่ความนิยมในตัวเขาไม่เคยจะลดลงเลย ผมสีดำสนิทและตาสีน้ำตาลเข้มเกือบดำทำให้ดูแข็งแกร่ง นิสัยที่เป็นกันเอง ร่าเริง ไม่ถือตัว ดั่งพระอาทิตย์นั้นทำให้ใครๆที่ได้พบเจอก็พากันรักพากันหลง แต่ก็ยังไม่มีสาวใดได้ครอบครองหัวใจของพระอาทิตย์ดวงนี้

        “นี่ โชซุเกะ ได้อ่านข่าวนี้มั้ยที่เขาบอกว่ามีผู้ก่อการร้ายจากอเมริกาจ้องเล่นงานทีมฟุตบอลของญี่ปุ่นนะ”

        เพื่อน คนนึงในทีมวิ่งเอาหนังสือพิมพ์รายวันมาให้เขาดู ทันทีที่เขาย่างเข้ามาในสนามหญ้าสีเขียวคจีที่ใช้เป็นที่ฝึกซ้อมสำหรับการ แข็งขันรอบต่อไป

        “อืม ฉันเห็นแล้วละ น่าตกใจมากเลยนะ ถ้าเป็นแบบนี้การแข่งขันครั้งต่อไปคงมีตำรวจมาเฝ้าดูเหตุการณ์กันเต็มสนาม แน่ๆ คนดูจะกล้ามาเชียร์พวกเรามั้ยเนี้ย คุณตำรวจแต่ละคนหน้าตาโหดๆทั้งนั้น”

        โชซุเกะพูดอย่างติดตลก ก่อนจะยกขวดน้ำในมือขึ้นมาดื่นดับกระหาย

        “ฮ่าๆ นายนี่มีอารมณ์ขันได้ตลอดเวลาเลยนะ แต่ฉันว่ายังไงแฟนๆก็มาเชียร์พวกเราแน่นสนามอยู่ดี พวกสาวๆเคยพลาดซะที่ไหนละ”

        “ไป เราไปซ้อมกันดีกว่า รอบต่อไปต้องแข่งกับทีมของทตโตะริด้วย ฉันได้ข่าวมาว่ามีเด็กใหม่ฝีมือดีอยู่คนนึง เราจะประหมาดไม่ได้นะ รีบๆซ้อมกันดีกว่า”

        เขาพูดพร้อมกับสายตาที่มุ่งมั่น พร้อมกับออกวิ่งไปในสนาม

        ทุก คนในทีมต่างมองไปที่กัปตันของพวกเขาพร้อมกับยิ้มออกมา โชซุเกะเป็นคนที่รักลูกทีมมาก ใครจะทำอะไรเขาก็ได้แต่ห้ามทำอะไรลูกทีมเด็ดขาด เขามีคุณสมบัติที่ดีในการเป็นกัปตัน ทำให้มีแต่คนเคารพนับถือ

        “คุณกัปตันของเราไฟแรงซะขนาดนี้ พวกเราจะมาอู้ได้ยังไงละครับ ไปซ้อมกันเถอะ!”





        “นี่ฟาร์เซียร์! ได้อ่านข้อมูลของงานครั้งนี้รึยัง พวกเราต้องไปปกป้องทีมฟุตบอลเชียวนะ เธอจะทนได้มั้ยเนี้ย ยิ่งโกรธพวกนักฟุตบอลเข้าไส้ขนาดนั้น”

        ฉาคส์เดินเข้ามาในห้องทำงานของฟาร์เซียร์ พร้อมกับยื่นแฟ้มเอกสารเกี่ยวกับงานครั้งนี้ใหเธอดู

        “ฉัน รู้ตั้งแต่ที่หัวหน้ามอบงานแล้วละ เห้อออ จะบ้าตาย กีฬาในโลกนี้มีเป็นร้อยเป็นพัน ทำไมต้องมายุ่งเกี่ยวกับพวกนักฟุตบอลด้วยเนี้ย ฉันนะจะไม่เกี่ยงเลย ถ้าให้ไปดูแลนักเทนนิส นักคาราเต้ นักว่ายน้ำหรือนักเบสบอลก็ได้ แต่นี่อะไร เหมือนหัวหน้าจงใจแกล้งฉันชัดๆ”

        เธอ บ่นพร้อมกับทำหน้ามุ่ย ใครๆในกรมก็รู้ดีว่าเธอเกลียดฟุตบอลขนาดไหน ถึงขั้นที่ว่าห้ามคนในทีมเล่นกิจกรรมนี้ให้เธอเห็นหรือพูดให้เธอได้ยินเป็น อันขาด

        “ฉัน เข้าใจเธอนะ ก็ตอนเด็กๆเธอโดนลูกฟุตบอลอัดหน้าจนหัวแตก แล้วดันล้มจนขาหักอีก กว่าจะหายต้องนอนโรงพยาบาลตั้งนาน เป็นใครก็ต้องไม่ชอบ แต่ระวังนะ เขาว่าเกลียดอะไรจะได้อย่างนั้น”

        ฉาคส์ล้อนิสัยเพื่อนรักอย่างขำๆ

        “พอเลยนะฉาคส์ คิดแล้วยิ่งโมโห ไปๆ ออกเดินทางกันดีกว่า ได้เวลาแล้ว ทุกคนพร้อมแล้วใช่มั้ย”

        “พร้อมแล้ว ไปกันได้เลย”

        “อืม ญี่ปุ่น เมืองที่ฉันไม่อยากจะไปมากที่สุด.....”

        ฉาคส์สังเกตุได้ถึงแววตาของฟาร์เซียร์ที่กระด่างขึ้น

        “เรื่องคุณตาของเธอนะเหรอ เอาน่า เธอบอกท่านไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่อยากหมั้น นี่ก็ผ้านมาหลายปีแล้ว ท่านคงจะลืมมันไปแล้วละ”

        “ฉันก็ภาวณาให้มันเป็นอย่างนั้น”

 



        “ว๊าวววววว เจแปนนี่อากาศดีจริงๆเลย”

        “นายรู้ได้ยังไงว่าอากาศดีฮะฉาคส์ เรายังไม่ได้ออกจากสนามบินเลย”

        “แหม ขอฉันดื่มด่ำกับบรรยากาศหน่อยไม่ได้รึไง แค่มองออกไปนอกหน้าต่างก็รู้แล้วว่าอากาศต้องดี จริงมั้ยฟาร์เซียร์”

        เขาหันไปถามหญิงสาวที่ตอนนี้จ้องเขม็งไปที่ป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ที่ติดไว้ตามที่ต่างๆในสนามบิน

        “ฟาร์เซียร์! นี่เธอฟังฉันอยู่รึเปล่าเนี้ย”

        ฉาคส์ถามเสียงดังขึ้น นั้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งตกใจและหันมาหาอย่างพันละวัน

        “ฮะ โทษที เมื่อกี้นายว่าไงนะ”

        “ช่าง มันเถอะ ว่าแต่เธอมองอะไรอยู่ตั้งนานสองนาน เขียนว่าอะไรนะ การแข่งขันฟุตบอล... สนับสนุนโดยกลุ่มบริษัทวายามาชิ  ซาโยกิ ชื่อคุ้นๆนะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหน”

        “นามสกุลของคุณตาฉันเอง”

        ฟาร์เซียร์เอ่ยออกมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูจริงจังขึ้น งานนี้เธอคงหลบหน้าคุณตาไม่ได้อย่างที่คิด

        “เอา น่า ท่านคงไม่มาดูการแข่งหรอก งานที่บริษัทท่านก็ไม่ใช่น้อยๆ เราออกไปข้างนอกกันดีกว่า รถมารับแล้ว ฉันละอยากไปแช่น้ำร้อนกลางแจ้งใจจะขาด”

        ฉาคส์พยายามเบี่ยงประเด็นให้เพื่อนรักของเขาหายเครียด พร้อมกับเดินนำทุกคนออกจากสนามบิน

 



        “โค้ชเรียกพวกเรามา มีอะไรรึเปล่าครับ”

        โช ซุเกะถามขึ้นหลังจากที่เขาและคนในทีมทุกคนโดนเรียกมาประชุมอย่างกระทันหัน โค้ชมีสีหน้าเคร่งเครียด ทำให้บรรยากาศดูมาคุเข้าไปอีกเท่าตัว

        “ทางตำรวจแจ้งมาว่า จะมีเจ้าหน้าที่ของFBIมารักษาความปลอดภัยให้เรา ทางนั้นเขาขอให้เราให้ความร่วมมือกับเขาอย่างเข้มงวดด้วย เพราะเขาไม่รับประกันว่าจะดูแลได้ครบถ้วนรึเปล่า”

        “เหตุการณ์ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอครับโค้ช ถึงขนาดที่FBIต้องมาดูแลเองขนาดนี้”

        โชซุเกะถามขึ้นอย่างสงสัย พลางนึกในใจว่าเจ้าหน้าที่ที่มาญี่ปุ่นในครั้งนี้จะหน้าตาโหดเหมือนในหนัง ซีรี่ย์ฝรั่งอย่าง CSI, Navy CIS, Criminal Minds รึเปล่า

        “ร้าย แรงมากเลยละ ข้อมูลเท่าที่ได้รับมาเขาบอกว่าทีมฟุตบอลจะโดนจ้องเล่นงานอย่างนัก ถึงขั้นจะเอาชีวิตกันด้วยละ ฉันละเครียดจริงๆ แทนที่จะได้ซ้อมได้แข่งอย่างสบายๆใจ ต้องมาระแวงเรื่องความปลอดภัยในตัวคนเล่น ปวดหัวๆๆ”

        โค้ชบ่นอย่างหัวเสีย ก็แน่ละสิ! แทนที่จะได้ซ้อมกันดีๆ ต้องมานั่งกังวลว่าจะโดนลอบยิงรึเปล่า จะโดนระเบิดรึเปล่า อย่างกับอยู่ในสนามรบแทนที่จะอยู่ในสนามฟุตบอล

        “แล้วFBIที่มา จะหน้าตาน่ากลัวเหมือนในหนังมั้ยครับ ที่ว่าตัวใหญ่ๆ หน้าตาโหดเหี่ยมเหมือนอารมณ์ไม่ดีตลอดเวลานะ”

        โชซุเกะถามขึ้น ทุกคนในทีมจินตนาการภาพตาม แล้วก็ต้องขนลุก

        “คงไม่แย่ขนาดนั้นหรอกมั้ง เห็นเขาว่ามีผู้หญิงลูกครึ่งญี่ปุ่นคนนึงด้วย ได้ข่าวมาว่าสวยมากเลยนะ”

        “จริงรึครับโค้ช ผมพอจะจีบได้มั้ยเนี้ย ฮ่าๆ”

        คนนึงในทีมถามขึ้นมาอย่างติดตลก เรียกเสียงเฮฮาจากเดิมได้หลายเท่า

        “เสียใจ คนนี้เห็นว่าในทีมเขาหวงมาก จะเข้าไปจีบทีคงต้องผ่านด่านคนหน้าตาน่ากลัวๆให้ได้ก่อนละ ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องมาทำหน้าหงอขนาดนั้น ไปๆ ไปซ้อมต่อได้แล้ว กินเวลามาเยอะแล้ว”

        “ครับ ไปๆพวกเรา ซ้อมๆ”

        ทุกคนถยอยเดินออกไป เหลือเพียงโชซุเกะที่ยืนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ

        “มีอะไรรึเปล่า ทำหน้าเหมือนกลุ้มใจ มีอะไรก็ปรึกษาคนแก่ๆอยากฉันได้นะ”

        โค้ชเดินเข้าไปหาเขา และยกมือตบบ่าเบาๆแทนการให้กำลังใจ

        “เปล่าครับ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยนะ”





        “Oh my gosh! ทำไมถึงได้ใหญ่ขนาดนี้ละบ้านเธอนะ ฟาร์เซียร์! ยั่งกับคฤหาสน์”

        คนนึงในทีมเอ่ยขึ้นเมื่อรถแล่นมาจอดที่หน้าคฤหาสน์ตระกูลวายามาชิ ซึ่งกินพื้นที่ไปถึง2เอเคอร์หรือประมาณ5ไร่นั้นเอง

        ตัวคฤหาสน์แบ่งออกเป็น4ส่วน ส่วนที่หนึ่งคือคฤหาสน์ใหญ่ ที่อาศัยของเจ้าตระกูลวายามาชิ หรือคุณตากับคุณยายของฟาร์เซียร์นั้นเอง

        ส่วนที่สองคือส่วนคฟหสน์กลาง เป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัวคุณอาของฟาร์เซียร์

        ส่วน ที่สามคือคฤหาสน์เล็กไว้ต้อนรับแขกสำคัญ(มากๆ)ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและ จะไม่ค่อยเปิดใช้เท่าไหร่ (คฤหาสน์ใหญ่จะมีห้องพักพิเศษสำหรับแขกอยู่เหมือนกัน)

        ส่วนสุดท้ายคือที่พักของคนงาน

        คฤหาสน์ แห่งนี้จะแต่งแนวยุโรปแบบอังกฤษ โดยได้สถาปนิกชื่อดังทางฝั่งยุโรปเป็นคนออกแบบให้ ตัวบ้านนั้นมีอายุหลายร้อยปี เริ่มก่อสร้างในยุคเอะโดะ เสร็จสิ้นเมื่อยุคเมจิ ถ้าลองเปรียบเทียบราคาแล้ว เป็นสมบัติมหาศาลเลยก็ว่าได้

        “เรา เข้าไปด้านในดีกว่า ฉันโทรติดต่อให้เขาเตรียมที่พักให้แล้ว เราจะพักกันที่คฤหาสน์เล็กจนกว่าจะจบภารกิจ ขึ้นรถกันดีกว่า พวกนายคงไม่อยากเดินให้เมื่อยขากว่าจะถึงตัวที่พักหรอกนะ”

 



        เมื่อทุกคนจัดเก็บของเข้าที่เรียบร้อย ก็มานั่งปรึกษากันที่ห้องรับแขก ว่าจะเอายังไงกับการแข่งขันฟุตบอลที่จะจัดขึ้นในอาทิตย์หน้า

        “ว่าไงคุณหัวหน้าทีม จะให้เราจัดกำลังยังไง รายงานมาได้เลย”

        “การแข่งขันจะจัดขึ้นที่โตเกียวโดม ซึ่งจุคนดูได้42,000ที่นั่ง เต็มที่ก็55,000ที่นั่ง สนามกว่าง 13,000 ม2”

        ฟาร์เซียร์อธิบายลักษณะของสนามให้ทุกคนเข้าใจอย่างง่ายๆกระทัดรัด และบอกเฉพาะข้อมูลที่สำคัญต่อการทำงาน

        “ทีม ของเรากับทีมของคุณโบนส์คงดูแลกันไม่ทั่วถึง เราต้องขอกำลังจากตำรวจญี่ปุ่นด้วย หน่วยซุ้มยิงขอให้ประจำการอยู่ในสนามแค่ส่วนนึง อีกส่วนขอให้รออยู่ที่รถ และขอให้เก็บปืนไว้ในกระเป๋า ขืนเราเอาปืนมาตั้งไว้ซี้ซั้วมีหวังคนดูแตกตื่นกันแน่”

        “อืม แล้วพวกเราละ ต้องป้องกันอะไรพิเศษมั้ย”

        “ใส่ เสื้อกันกระสุนไว้ก็พอ แต่ขอให้มีเสื้อคลุมทับหน่อยนะ ไม่งั้นมันจะเด่นเกินไป ปืนพกก็เตรียมลูกสำรองไว้อีกชุด แต่ห้ามยิงโดยพลการนะ! คนเยอะ ความเสี่ยงสูง แค่นี้คงจะพอแล้วละ ไว้มีอะไรเดียวฉันจะบอกอีกที อาทิตย์นี้ทุกคนพักผ่อนได้ตามสบายนะ อยากไปเที่ยวที่ไหนก็บอกคนขับรถได้เลย ภาษาญี่ปุ่นก็พูดกันได้อยู่แล้วนิ”

        “แหม ถึงจะพูดได้ แต่ก็ใช่ว่าจะเก่งกาจอะไรนิ ฉันหิวแล้วละ ไปหาอะไรทานกันดีกว่า”

        ฉาคส์พูดขึ้นทำลายบรรยากาจตึงพร้อมกับเอามือลูบท้องปอยๆ

        “เรื่องกินนี่นายต้องบ่นคนแรกทุกทีเลยนะ ซิกแพ๊คที่พยายามสร้างนั้นนะจะกลายเป็นพุงย้อยๆแล้ว”

        ฟาร์เซียร์แซวเขาอย่างขำๆ พาให้มีเสียงหัวเราะของคนในทีมคนอื่น

        “ตลอดนะเธอ วันนี้มีอะไรทานบ้างละ”

        “อืม ก็อาหารญี่ปุ่นอย่างเช่น ซูชิ ราเมง ซาชิมิ โอโคโนมิยากิ ทาโกยากิ ข้าวหน้าปลาไหล คุณยายฉันลงครัวเองเลยนะ เราต้องไปทานกันที่คฤหาสน์ใหญ่นะ คุณยายตั้งโต๊ะรอแล้วละ”

 



        “ฮิโตโมะ ยายคิดถึงจังเลย มาให้กอดทีสิ”

        ทันทีที่ทีมมาถึงคฤหาสน์ใหญ่ คุณยายก็ออกมารับพร้อมกับกอดฟาร์เซียร์เข้าเต็มรัก

        “หนูก็คิดถึงคุณยายค่ะ แต่ขอให้เพื่อนๆหนูเขากินข้าวก่อนได้มั้ยคะ เดียวเราค่อยคุยกันด้านใน มีบางคนไส้จะขาดแล้ว”

        “ได้เลยลูก มาๆ เข้ามาเลยจ้า”

        ห้อง อาหารของคฤหาสน์ใหญ่นั้นออกแนววินเทจแบบอังกฤษ ถึงตัวคฤหาสน์จะเป็นแนวยุโรป แต่คุณทวดของฟาร์เซียร์ก็ได้สร้างห้องญี่ปุ่นและรวมวัฒนธรรมญี่ปุ่นไว้ในตัว คฤหาสน์ด้วย

        ทุกคนกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เสียงคุยดังอย่างสนุกสนาน

        “แล้วคุณตาละคะคุณยาย”

        ฟาร์เซียร์เอ่ยถามขึ้น เพราะตั้งแต่ที่มายังไม่เห็นเงาเจ้าตระกูลเลยแม้แต่น้อย

        “ตาเขาติดธุระที่โอซาก้านะลูก แล้วนี่หนูคิดเรื่องหมั้นไว้บ้างมั้ย ที่ตาเขาเคยเสนอนะ”

        “ไม่ค่ะคุณยาย หนูไม่ได้รักเขา ถึงเขาจะดีขนาดไหนหนูก็แต่งกับเขาไม่ได้หรอกค่ะ คนไม่ได้รักกัน แต่งไปก็เก็บกดเปล่าๆ”

        เธอระบายออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจนัก

        “ฮิ โตโมะเอ้ย ปีนี้หนูก็23แล้วนะ ตากับยายอยากให้หนูเป็นฝั่งเป็นฝากับคนดีๆตระกูลของเรากับตระกูลของนิชิอูระ นะอยากจะเป็นทองแผ่นเดียวกันมานานแล้วนะลูก”

        คุณยายพูดด้วยความอ่อนโยน เธอคนนี้มีทั้งความอ่อนโยนและความแข็งแกร่ง มีความเป็นผู้นำสูง ทำให้ใครๆก็ต่างยกย่องในเจ้าตระกูลหญิงคนนี้

        “ให้คานะหรือโชตะแต่งไปก็ได้นิคะ หนูนะขอขึ้นคานทองไปดีกว่า”

        “เห้อ ยังนิสัยเป็นเด็กๆเหมือนเดิมเลยนะเรานะ จะยกภาระให้น้องรึไง”

        “เปล่า นิคะ ก็หนูเห็นว่าน้องยังมีเวลาเลือกอีกเยอะ หนูก็ขอให้น้องได้ลองพิสูจน์ว่าตระกูลนั้นลูกหลานเขาดีจริงรึเปล่า หนูนะ คงรักใครไม่ได้แล้วละคะ”

        แววตาที่อ่อนลงดั่งเปลวเทียนที่วูบไหวนั้น ทำให้หญิงชราต้องถอนหายใจออกมา

        “กิน กันต่อดีกว่าลูก อย่าฝังใจกับอดีตมาก ลืมๆมันไปซะบ้างก็ดี บางดี การกลับมาญี่ปุ่นครั้งนี้ของหนูอาจจะทำให้เจอคนดีๆที่พร้อมจะดูแลเราไปตลอด ชีวิตก็ได้นะ”

        “หนูคงไม่มีโชคขนาดนั้นหรอกค่ะ ข้าวหน้าปลาไหลน่ากินจัง หนูคิดถึงฝีมือคุณยายมากที่สุดเลยนะคะ”

        ฟาร์เซียร์อ้อนคุณยายของเธอ พร้อมกับทานอาหารอย่างมีความสุข แม้ว่าในใจจะคิดไม่ตกเรื่องในอดีตก็ตาม

 






 

 

 

 

 

 (รีไรท์ใหม่ค่ะ)

 

พระเอกของเราออกมาแล้ว เรื่องฟุตบอลนี่นาระก็ดูได้ค่ะ แต่ไม่ถึงขั้นชอบ

ส่วนมากจะชอบนักกีฬาเบสบอล ว่ายน้ำ เทนนิส กับคาราเต้มากกว่า (อินเนอร์ล้วนๆ)

คานะกับโชตะนี่เป็นลูกพี่ลูกน้องของนางเอกนะคะ จะมีบทในตอนต่อๆไป

 

contact me!

Twitter :: narami_nara

 

 

*Osaka ตามหลักแล้วจะเขียนทับซับว่า โอซากะ แต่ในนิยายขอใช้โอซาก้าตามความเคยชินของคนส่วนมากนะคะ*

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา