How can i say? ให้ตาย....ฉันพูดอะไรลงไป

-

เขียนโดย steponstep

วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 07.09 น.

  11 ตอน
  0 วิจารณ์
  13.33K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2556 07.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) เวกัสเมืองคนบาป

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะตรึงเครียดมากยิ่งขึ้น อาร์มี่ยังนั่งนิ่งอยู่ตรงหน้าฉันเพื่อรอคอยคำตอบ แต่ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้น ฉันกลับไม่มีคำตอบใดๆให้เขาเลย ฉันค่อยๆ ส่งยิ้มเฝื่อนๆให้เขา โดยที่แอบหวังลึกๆว่าเขาคงจะไม่มีคำถามใดๆอีก ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบในสิ่งที่เขาถามหรือไม่พอใจใดๆในตัวเขา เพียงแค่ในความรู้สึกลึกๆ เหมือนมีเสียงบางอย่าง เสียงที่แอบซ่อนอยู่ในใจของฉัน เธอกำลังร้องไห้ ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนจนกระทั่ง......

            ความฝันเมื่อตอนหัวค่ำมันยังคงชัดเจนจนฉันมั่นใจแล้วว่านั่นต้องไม่ใช่แค่ความฝันธรรมดา บางที เพราะแค่ความฝันนี้....อาจจะทำให้ฉันสามารถติดต่อกับลูกของฉันได้ เหมือนกับเราสองคนสามารถเข้าถึงจิตใจของกันและกัน ฉันเดาเอาว่าอาจจะเพราะที่ฉันคุยกับอาร์มี่เมื่อกี๊มันเลยทำให้ฉันต้องรู้สึกแบบนี้ ฉันเสียใจที่ทำให้ลูกของฉันต้องมารับรู้เรื่องทั้งหมดนี้ด้วย ในขณะที่ทุกอย่างเริ่มชัดเจนนั้น
            นั่นสินะ....อาร์มี่ ฉันไม่รู้ว่าจะตอบนายยังไงเหมือนกัน
ยังไม่ทันที่ฉันจะคิดคำพูดใดๆต่อ เสียงร้องไห้ในใจของฉันกลับดังกึกก้องมากขึ้น
          “ไม่เป็นไร...ไว้ค่อยๆคิดก็ได้นะ ฉันก็ยังวนเวียนอยู่แถวนี้แหล่ะ  ก็ฉันอยู่ปี 6 แล้วหนินะ ฉันจะไปไหนได้หล่ะ
ต้องขอบคุณที่อาร์มี่ไม่พยายามหาคำตอบใดๆอีก และเจ้าตัวน้อยของฉันจะได้อยู่อย่างสงบสุขสักที
          “ใช่....ยังมีเวลาอีกเยอะ ยังมีเวลาให้เราได้ตัดสินใจ ใช่มั้ย
          ฉันรีบตบปากรับคำทันที
          “ใช่...ฉัน ยกประโยชน์ให้เธออาร์มี่ตอบปิดท้าย
          “ครับผม....” ฉันตอบแบบอารมณ์ดี
            ไม่ทันไรก็ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ฉันกับอาร์มี่พากันเดินกลับไปที่โรงพยาบาล ฉันกับเขาแยกกันที่หน้าลิฟท์ เขายิ้มให้ฉันก่อนที่จะเอามือยกขึ้นมาลูบหัวของฉัน
          “หลับฝันดีนะ นอนเยอะๆด้วย
          “ค่ะ..คุณหมอ มีอะไรจะสั่งอีกมั้ยคะ
          “มีครับ....ถ้าตัดสินใจได้เมื่อไหร่ รีบโทร.บอกผมนะครับ
ฉันรู้ว่าเขาแกล้งทำเสียงจริงจัง
          “ค่ะ...ฉันสัญญา
พระเจ้า.....ฉันรู้สึกแปลกๆอีกแล้ว โถ่...ลูก....แม่ไม่ทำอย่างที่คิดหรอกน่า สัญญานะคะ
          “ดีครับ....ต้องทำตามที่หมอบอกนะ
เขายิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นทำท่าทางเหมือนกำลังอุ้มเด็ก
          “หนิ...มัวแต่เล่นอยู่ได้ไปทำงานได้แล้ว บาย ไว้เจอนะ
          “ครับผม..คนสวย
          “ไป ไป ชิ้ว ชิ้วฉันพูดพร้อมกับโบกมือไล่เขา
          ฉันกดชั้นที่มีร้านขนมก่อนที่จะไปห้องพักของแม่ ที่ร้านนี้ดีชะมัด คงมีขนมที่มาจากทั่วโลกเลย เยี่ยม ...มามะขอฉันเหมาเลยละกัน
           เมื่อฉันเดินออกมานอกร้าน ตลอดทางที่ฉันเดิน...ฉันมัวแต่ดูขนมยี่ห้อใหม่ๆที่ฉันซื้อมาอย่างน่าประทับใจ จนฉันเกือบจะชนใครบางคนเข้า ว้า....เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยฉันเนี่ย
          “หนิ....จะชนคนอื่นอยู่แล้ว คิดจะขอโทษบ้างมั้ยเนี่ย ห๊ะ
ไม่จริง.....เสียงเมื่อกี๊นี้
          “บาร์....เมื่อกี๊นายออกไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ
          “ตกใจอะไร...จะบอกให้นะ แฟนเธอเนี่ยดูท่าทางเขาจะโรแมนติกมากเลยนะ
            ดูท่าทางเหมือนอย่างกับเขาต้องการจะประชดฉัน แต่มันมากไปนะมากไปแล้วหล่ะมั้ง อิตาหน้ารองเท้า(บาร์-จา)
            นอกจากนายจะประชดฉันแล้วเนี่ย....ยังจะตามสะกดรอยฉันอีกเหรอ
          ฉันขึ้นเสียงใส่เขาทันที
          “อ่ะอ่า....ใจเย็นไว้ สาวน้อยเพราะฉันไม่อยากให้เธอกลับบ้านคนเดียวตั่งหากเลยย้อนกลับมาที่นี่ไง ทำไมผิดคาดเลยหล่ะสิ เชอะ” เขาเริ่มทำหน้าตากวนประสาทฉัน
          “อ้อ...เหรอคืนนี้ฉันนอนนี่ แล้วลูกค้าที่นายนัดไว้หล่ะ คุยกับเขาเร็วจังเลยนะ
          “เลื่อนนัดไปแล้วเขาตอบทันที
          “เลื่อนนัดไปแล้ว ประสาทรึป่าว กลัวได้เงินเหรอ แล้วนี่งานนายก็.....
          “เขาเป็นคนเลื่อนนัดฉันเอง อาจจะท้องเสีย ป่วย หรือตายยยยยยยย....ไปแล้วหล่ะมั้ง
          ทำไมต้องมาเน้นคำว่าตายใส่หน้าฉันด้วย ประชดฉันเหรอ
          “บาร์...นี่นายเป็นอะไรมากมั้ยถึงต้องมาประชดฉันด้วย บ้า โรคจิต
          “บ้า โรคจิต เออ....มันก็ไม่เท่ากับเธอกำลังจะมีชู้หรอก
          กริ๊ดดดดดดดดด.....ฉันไม่ไหวแล้วนะ ว่าฉันมีชู้....งั้นหรอ..ได้
          “เขาเป็นแค่เพื่อนกับฉันนะ ทีแม่นั่นหล่ะ....ไม่มาฆ่าฉันก็ดีขนาดไหนแล้ว นายเริ่มทำตัวเหมือนสามีฉันมากไปแล้วนะ
          “แล้วมันใช่มั้ยหล่ะ นี่เธอจะเบนความสนใจฉันใช่มั้ย....ได้
          “เบนบ้าบออะไร ทำไม อิจฉาเขาหล่ะสิ”ฉันประชด
          “ก็เออสิวะ....ฉันหึงนะเว้ย อุ้บ...
เมื่อกี้ฉันได้ยินไม่ผิดใช่มั้ย ....โรคจิตที่สุด
          “ว่าไงนะ....
          “ฉัน...ฉัน....หมายถึง ฉันเป็นสามีเธอนะ
          “พูดซะเสียงดังขนาดนี้....นายกลัวคนอื่นไม่ได้ยินรึไง ห๊ะ
ฉันตะคอกเขาด้วยเสียงที่เบาลง
          “แล้วมันจริงมั้ยหล่ะ” เขาพูดประโยคยี้เป็นหนที่สอง
          “ทางพฤติกรรมหน่ะใช่...แต่ทางกฎหมายมันไม่ใช่ เสียใจหย่ะ ฮ่าๆฮ่า
          “อ้อ...นี่เธอกล้าหัวเราะฉันใช่มั้ย ได้เลย งั้นต้องเจอนี่...
          “อ้ายยยยยย....ไอ้บ้า ไอ้บ้า ไอ้บ้า
เขากระชากฉันเข้ามากอด ถึงแม้ฉันจะพยายามดิ้นแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย จนตอนนี้ตัวของเขาอ้อมมาอยู่ด้านหลังของฉัน และแขนทั้งสองข้างของเขาโอบไว้ที่เอว บ้าที่สุด...จะร้องตะโกนโวยวายก็ไม่ได้...ณ เวลานี้ บาร์เป็นต่อฉันสุดๆ แถม.. เป็นบ้าอะไรของเขานะ
นายทำบ้าอะไรของนายเนี่ย กอดฉันทำไม
ใครกอดเธอ....ฉันกอดลูกฉัน
ก็จริงของเขา...แขนทั้งสองข้างโอบที่ท้องฉันพอดีเลย
ปัญญาอ่อน ฉันเริ่ม
ติ๊งต๊อง” เขาต่อ
โรคจิต
อักษรพิษ
ถ้าฉันเป็นอักษรพิษแล้วใครใช้ให้นายโกหกแม่ฉันมิทราบ
เรื่องอะไร...ฉันโกหกอะไรแม่เธอนายเถียงฉันเหรอบาร์ ซึ่งๆหน้าแบบนี้นายยังกล้าอีกเหรอ นายสู้ฉันไม่ได้หรอก
ก็ที่นายบอกว่าทำงานแทนฉันในรถเมื่อเย็น...คิดว่าฉันโง่เหรอ ฉันพึ่งได้งานจะมีงานเข้าได้ยังไง กะจะเอาใจแม่ฉันอ่ะดิ
ผิดแล้ว เธอไม่เคยเช็คอีเมลในเฟสบุ๊คเลยหล่ะสิ”นั่นไง เอารหัสของฉันไปด้วย เจริญละ
แล้วไง”ฉันตอบกลับ
ในขณะที่เขาเผลอฉันจึงสะบัดแขนเขาทิ้ง
ว้า...อดกอดลูกซะแล้ว ฝันดีนะลูก พ่อกลับดีกว่า
เฉไฉอีกแล้ว....แต่นายไม่กล้าทำอะไรหรอก ฉันรู้ เป็นไง โดนฉันต้อนจนจนมุม ถึงกับไม่อยากไปส่งฉันที่บ้านเลยเหรอ
ตอนแรกก็ว่าจะไปส่ง...แต่ตอนนี้ ไม่ แบร่....
            ติ๊งต๊องที่สุด....เขาแลบลิ้นให้ฉัน
            นายไม่กล้าทำอะไรหรอก 
          ฉันกรอกหูเขาด้วยประโยคสุดท้ายก่อนที่จะเดินจากไป
          “แล้วเธอจะรู้.....
          เขาตะโกนกลับมา
.....................................................................................................................
เช้าวันรุ่งขึ้น...
บอสว่าไงนะคะ...เวกัส
“ก็ใช่หน่ะสิ...เวกัส
       ชายวัยกลางคนในชุดสูทสีดำสวยหรูมองฉันด้วยแววตาสงสัย มันก็แน่หล่ะ ก็ฉันไม่ได้เป็นคนตอบกลับอีเมลย์นี่หน่า ฉันหวังว่าเขาคงไม่สงสัยอะไรมากมายเพียงแต่จะคิดว่าฉันสติแตกจากตอนรถชนไปเสียแล้ว
อันที่จริงเขาควรจะชินแล้วด้วยซ้ำเพราะ artist อย่างพวกเรา ทำตัวไม่ได้ต่างไปจากนักร้องวงร็อกเท่าไหร่ เพียงแค่เราไม่ต้องขึ้นเวทีร้องเพลงทุกคืนเท่านั้นเอง จะว่ากันตามตรง บอสของฉันตั่งหากที่ทำตัวประหลาด ในนี้มันมันออฟฟิตสถาปนิกนะคะบอส แต่งตัวอย่างกับจะไปเป็นเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ไปได้ ให้ตายเถอะ ฉันว่าบอสของฉันเขาใส่วิกด้วย หัวของเขามันไม่ได้ต่างจากหัวหอมที่ถูกปอกเปลือกแล้ว มันมองดูมันๆลื่นๆชอบกลให้ตายสิ แดดร้อนๆแบบนี้ ถ้าเขาออกไปข้างนอกคงมีหวังได้กินข้าวผัดอเมริกันจากหัวตัวเองแน่ๆ นึกแล้วขำชะมัด ฮิ ฮิ ฮิ
      "เอาหล่ะ..ผมว่าคุณคงเข้าใจคำสั่งดีแล้วนะ เอาเป็นว่าตัวคุณหายดีแล้วใช่มั้ย ถึงแขนยังมีเฝือกอยู่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า(ขำตรงไหนยะ)  แต่ไม่ต้องห่วงนะ ออฟฟิตเราโคงานกับบริษัท ฟรานเตอร์รี่ไทย(บริษัทก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย) คุณต้องไปช่วยงานพี่อะชิ ผมฝากงานทั้งหมดไว้กับเขา ไว้คุณไปคุยกับเขาแล้วจะประชุมอะไรยังก็...ตามสบายนะ "
      "ค่ะ ไว้หนูจะไปคุยกับพี่อะชิอีกทีค่ะ แล้วหนูต้องเดินทางไปเวกัสเมื่อไหร่คะ" ฉันรีบถามก่อนที่จะย้ายก้นตัวเองออกไปข้างนอก
     "อาทิตย์หน้าค่ะ รีบเตรียมตัวซะนะ" เขาพูดเหมือนจะส่งฉันไปเกาหลีอย่างไงอย่างงั้น นี่จะให้วีซ่าออกแล้วไปทั้งๆที่มันยังร้อนๆอยู่เนี่ยนะ สุดยอดเลย เจ้านายฉัน
     "ค่ะ...ค่ะ...หนูจะรีบไปเตรียมตัวค่ะ"
     "ดีละ ...ตั้งใจทำงานนะ "เขาพูดทั้งๆที่มือยังจับปากกาขีดเขียนอะไรบางอย่างบนกระดาษ โดยที่เขาไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยซ้ำ ดีแล้วหล่ะ เพราะหน้าของฉันตอนนี้ไม่ได้ต่างกับหน้าหมาสงสัยเท่าไรนัก
     "ไม่รบกวนหล่ะค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ" ฉันรีบออกจากห้องก่อนที่เขาจะทันสังเกตุอาการคลื่นไส้ของฉันที่เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ฉันรีบจ้ำไปที่ห้องน้ำก่อนที่จะเริ่มลงมือทำงาน มันช่างเป็นการเริ่มงานวันแรกที่ไม่ลงตัวเอาเสียเลย ในที่สุดฉันก็หนีไม่พ้นเรื่องสติแตกอยู่ดี พี่อะชิที่ฉันต้องร่วมงานด้วยกลับแอบหนีไปเที่ยวเกาหลี แต่กลับทิ้งเบอร์โทรศัพท์ของใครสักคน ซึ่งคนๆนี้เป็นอีกหนึ่งคนที่ฉันต้องร่วมงานด้วย ไว้ในกระดาษแผ่นเล็กๆหนึ่งแผ่นโดยที่ไม่ทิ้งรายละเอียดของงานใดๆทั้งสิ้นไว้ให้ฉัน แถมทั้งออฟฟิตก็ไม่มีใครมาทำงานนอกจากบอส และแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่ สิ่งเดียวที่ฉันได้ยินออกจากปากของแม่บ้านก็คือ
     "โถ่...ลูกเอ๊ย ออฟฟิตนี้ใครเขามาทำงานกันตอนนี้หล่ะลูก เขามาทำงานกันตอนทุ่มนึง หนูเป็นคนใหม่หล่ะสิ อ่ะๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ชิน วันนี้กลับไปก่อนเถอะค่ะ ไปนอนเล่นแล้วค่อยมาใหม่นะคะ"
     "ขอบคุณมากค่ะคุณป้า หนูขอตัวก่อนนะคะ"
     กริ๊ดดดดดดดดดด คนออฟฟิตนี้มันบ้าไปกันหมดแล้ว รวมถึงฉันด้วย นิดหน่อยก็หงุดหงิดซะแล้ว ฉันเบื่อตัวเองซะมัด จงปล่อยวาง ๆ
       เอาหล่ะ...ถ้ายังทำอะไรไม่ได้ คงต้องโทร.ไปเริ่มการมีรีเลชั่นชิบกับเจ้าของเบอร์โทร.นี้ซะแล้ว หวังว่าคงไม่มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นกับฉันอีกนะ บางครั้ง สวรรค์ต้องเห็นใจฉันบ้าง....
       "ฮัลโหล...สวัสดีครับ "
       "อ่อ....ค่ะ สวัสดีค่ะ คือ พี่อะชิทิ้งเบอร์โทร.คุณไว้หน่ะคะ เราโทร.มาจากออฟฟิตที่โคงานกับคุณนะคะ ....แล้วก็..."
       "อ่อ...ครับ ผมนึกออกแล้ว ผมจะอธิบายงานทั้งหมดให้คุณฟัง แต่จะให้ผมเข้าไปหาคุณมั้ย หรือคุณจะมาหาผมดี"บริษัทนี้คุ้นจริงๆ เหมือนฉันเคยได้ยินที่ไหนกันนะ แต่เอ๊ะ....
       "ถ้าฉันจะนัดคุณออกมาคุณจะสะดวกมั้ยคะ"
       "ครับ สะดวกครับ ได้ยินมาว่าออฟฟิตคุณตอนกลางวันไม่มีคนทำงานนี่ครับ ดีนะครับถ้าผมไปออฟฟิตจะได้คุยกับสะดวกขึ้น"อะไร...โรคจิตป่ะยะ
       "ค่ะ เข้ามาได้เลยนะคะ แต่...เอิ่ม...ฉันขอเบอร์ส่วนตัวคุณได้มั้ยคะ เผื่อว่าคุณเข้ามาแล้วหาออฟฟิตฉันไม่เจอ ฉันจะได้บอกทางคุณได้"
       "ครับ จดเบอร์ผมนะครับ XXX-XXXXXXX"
       "นี่มันเบอร์....นี่ แก รีบโผล่หัวมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ห้ามให้ฉันรอ ก่อนเข้ามา เอาแดดดี้โดมาฝากฉันด้วย"
       "ไม่ได้กินข้าวเช้าอีกแล้วดิ" >u<
        "เออ"ขอบคุณสวรรค์ ที่ไม่ใช่โรคจิต
        "นิสัย...."

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา