Angelics War นาย...อยากจะทำแบบนี้จริงๆเหรอ

8.5

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.20 น.

  32 ตอน
  5 วิจารณ์
  31.90K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 12.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) ความรักที่ไม่อาจเป็นไปได้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                 "พวกเรารักเขา!!! อยากครอบครองเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว!! พอใจหรือยัง!!!"



ขอบคุณเธอมากนะรุ่นพี่อาคาริ ทีนี้ฉันก็สามารถเข้าใจความในใจของฉันได้แล้ว... ทีนี้หากฉันเจอฮิซาชิอีกครั้งในวันต่อจากนี้ ฉันจะบอกให้เขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้หมดเลย!!!



ในวันต่อมา ฉันพยายามจะหามนุษย์คนที่ฉันรักที่สุดคนนั้นตลอดทั้งวัน อันที่จริงแล้วฉันจะบอกเขาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในบ้านเลยก็ยังได้ แต่ที่ฉันไม่ทำก็เพราะ...



"ถ้าฉันบอกรักเขาภายในบ้าน... เขาก็จะคิดได้แค่ว่าฉันบอกรักเขาแค่ในฐานะผู้ที่อาศัยอยู่ร่วมบ้านเท่านั้น!!"



ฉันใช้เวลาตลอดพักเที่ยงรวมทั้งช่วงเวลาระหว่างเปลี่ยนคาบเรียนในการมองหาฮิซาชิให้พบ หากแต่ในวันนี้เขากลับไม่เข้าเรียนเลยแม้แต่คาบเดียว พอไปถามเนพติสท์(ฮานามิ)ที่เรียนอยู่ห้องเดียวกันก็ไม่รู้ที่อยู่ของเขาด้วยเช่นกัน


ดูเหมือนว่าตั้งแต่ที่พ้นสายตาของพวกเราแล้ว ฮิซาชิจะขอแยกตัวออกไปจากห้องเรียนทันทีเลย รวมทั้งนักเรียนใหม่คนนั้นด้วย...



และในตอนนั้นเองช่วงพักเที่ยงก็จะจบลงแล้ว ฉันจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอาศัยระบบสแกนสุดขี้โกงในการหาตัวมนุษย์คนนั้นให้เจอ แน่นอนว่าระบบสแกนพื้นที่ของฉันหาตัวเขาพบได้ไม่ยาก แต่ที่น่าแปลกก็คือ...


                    "รุ่นพี่อาคาริก็อยู่ด้วย!!"




          ตุบๆๆๆ!!



เมื่อระบบสแกนของฉันระบุสถานที่ได้แล้ว ฉันก็รีบวิ่งขึ้นไปยังดาดฟ้าอาคารเรียนที่ๆฮิซาชิกับอาคาริอยู่ด้วยกันอย่างรวดเร็ว คราวนี้เรียกได้ว่าเป็นโอกาสเหมาะเลยก็ได้ที่จะตอกหน้ายัยมนุษย์จอมจุ้นคนนั้นให้หน้าหงายไปเลย!!



'ฮิซาชิ!! ฉันรักนาย...มาเป็นแฟนกับฉันเถอะ!!'

'ม่ายยยย!!!!น้าาาา!!!!'




     ในหัวของฉันมีแต่ภาพของมนุษย์ผู้โง่เขลาที่กล้ามากระตุกหนวดเสือผู้นั้นกำลังยอมศิโรราบและคุกเข้่ายอมมาเป็นอาหารอันแสนโอชารสของฉันเพียงอย่างเดียว ก่อนที่ฉันจะรู้ว่านั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความโศกเศร้าสุดจะบรรยายได้เท่านั้น...




          ซึ่งกว่าฉันจะรู้ตัว... ฉันก็ต้องเสียคนสำคัญที่สุดในชีวิตของฉันไปซะแล้ว!!




ในระหว่างที่ฉันกำลังวิ่งขึ้นไปยังบันไดช่วงสุดท้ายก่อนจะหักมุมขึ้นไปถึงประตูดาดฟ้านั้นเอง หูทั้งสองข้างของฉันก็ได้ยินบทสนทนาของหนุ่มสาวสองคนเล็ดลอดออกมาจากรูกุญแจที่เปิดเป็นช่องว่างเล็กๆทะลุไปยังชั้นสี่ที่เปิดโล่งสู่ท้องฟ้าโดยไม่มีหลังคาหุ้ม น้ำเสียงของสองคนนั้นช่างดูต่างกันโดยสิ้นเชิง



"ขอร้องล่ะ..! อย่าให้ฉันต้องเตือนความจำของเธอด้วยวิธีของฉันเลยนะ..."


"ไม่มีทาง! ยังไงนายก็ต้องทำตามที่ตกลงกันไว้... มากับฉันซะดีๆ!"



เสียงของอาคาริเหมือนกำลังจะโน้มน้าวใจของคู่สนทนาของเธอให้กระทำอะไรบางอย่าง น้ำเสียงของเธอดูรบเร้าเหมือนกำลังลูกแมวที่กำลังอ้อนเจ้านายอยู่เลย...


"ฉันว่าฉันเคยบอกเธอไปแล้วนะว่ายังฉันก็ไม่มีวันทำเรื่องแบบนั้นแน่!! ต่อให้เธอจะมาตื๊อฉันแบบในเทศกาลทานาบาตะก็เถอะ!!"



ช่ายๆ..! วัยรุ่นมันยังเร็วไปที่จะวุ่นรักนะ... คิดดูดีๆก่อนการตัดสินใจลงทุน




จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงออดเข้าเรียนดังขึ้นจากชั้นล่างทำให้เสียงพุดคุยของเหล่านักเรียนที่ระเบียงเริ่มซาลงไปบ้างแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นบทพูดของทั้งสองคนที่อยู่อีกฟากของประตูก็ยังไม่เบาลงเลยแม้แต่น้อย...


กลับกัน มันยิ่งจะทวีความน่าสงสัยมากขึ้นด้วย!!



"แปลว่านายยังจำเรื่องที่ผ่านๆมาของพวกเราได้อยู่ใช่ไหมล่ะ! แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรที่ขัดขืนใจของตัวเองกันล่ะ..!"


"ฉันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะขัดขืนชะตากรรมของพวกเราสองคนสักหน่อย..! ก็แค่..."


"นายคงจะไม่ลืมหรอกนะว่าที่พวกเราถือกำเนิดขึ้นมา... ก็เพื่อวัตถุประสงค์ที่จะกำจัดเจ้าพวกนั้นให้หมดไปจากโลกไม่ใช่หรือไง!"



คำพูดของอาคารินั้นทำให้นางฟ้าปีกไร้ขนที่แอบฟังอยู่ที่อีกฟากของประตูสงสัยเป็นอย่างมาก ที่อาคาริบอกให้กำจัด...



               ใครกันแน่!?




"แต่เท่าที่ฉันสังเกตมาตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน... เจ้าพวกนั้นก็ดูสงบเสงี่ยมดีไม่ใช่หรือไง ถึงจะปล่อยไว้ก็ไม่เห็นเป็นไรไม่ใช่เหรอ..!"


"แปลว่านายจะละทิ้งหน้าที่ที่พวกเราได้รับมาตั้งแต่เกิด... แล้วไปใช้ชีวิตสุขสบายกับเจ้าพวกนั้นหรือไง! นายมีหลักประกันไหมว่าในอนาคตเจ้าพวกนั้นจะไม่ก่อเรื่องเดือดร้อนขึ้นมาอีกน่ะ!! อย่าลืมสิว่าผู้ที่ให้กำเนิดพวกเรามาต้องการจะให้พวกเรากำหนดเส้นทางของโลกไปในทิศทางไหน!!"



ฉันเริ่มจะสงสัยขึ้นมาแล้วสิ... ผู้ให้กำเนิดพวกรุ่นพี่เป็นใครกัน ทำไมพวกมนุษย์สองคนนั้นถึงต้องทำจุดมุ่งหมายให้เป็นจริงมากถึงขนาดนั้น แต่ถ้าเรื่องมันจะลำบากขนาดจะให้มนุษย์ธรรมดาช่วยกันลงมือแค่สองคน... สู้เอามาให้พวกเราช่วยจัดการไม่ดีกว่าเหรอ!?



"เส้นทางในอนาคตที่ควรจะเป็น... เพื่อที่จะให้มันเกิดขึ้นได้จำเป็นจะต้องกวาดล้างพวกแองเจลอยด์ อควารอยด์ กับเทอร์รารอยด์ หรือที่พวกเราเรียกรวมกันสั้นๆว่า "seiri" ให้หมดไปเสียก่อน... นี่แหละคือหน้าที่ของพวกเรา...ไม่ใช่เหรอ!?"





อะไรนะ..!!! ถ้าเพื่อที่จะให้โลกดำเนินไปสู่อนาคตที่ถูกต้องและสงบสุข จำเป็นจะต้องจัดการพวกเราให้หมดงั้นเหรอ... ทำไมกัน!!?



"เมื่อ22ปีก่อน ทั่วโลกได้ถูกเหล่าผู้ไม่ประสงค์ดีเข้าทำลายทุกพื้นที่ พวกมันทำการล้างอารยธรรมและสังหารหมู่เหล่ามนุษย์ไปไม่รู้กี่ร้อย...กี่พันล้านคน ผู้ที่ยังรอดชีวิตก็ต้องหลบๆซ่อนๆรอคอยความช่วยเหลือที่ไม่รู่ว่าจะมีหรือเปล่า เหตุการณ์ในครั้งนั้นมีสามเผ่าพันธุ์ที่ว่านั้นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเป็นแกนชนวนเลยก็ได้ เพราะผู้ที่ก่อสงครามในครั้งนั้น...ก็คือหนึ่งในเจ้าพวกนั้นนั่นแหละ!!"



ไม่รู้เรื่องเลย... เป็นไปไม่ได้หรอกที่พวกเราจะกวาดล้างพวกมนุษย์ไปตั้งหลายร้อยล้านชีวิต ขนาดฝูงปลาหรือแม้แต่หมูเพียงตัวเดียวพวกเรายังไม่ปรารถนาที่จะจับพวกมันมาเป็นอาหารเลย แล้วข่าวโคมร่วงพวกนั้นมันมาจากไหนกันแน่..!!




"แต่หลังจากที่สงครามครั้งนั้นสงบลง... เหล่ามนุษย์ที่ยังเหลือรอดอยู่บนโลกก็ลดจำนวนลงมากจนเรียกได้ว่าเป็นหายนะของเผ่าพันธุ์มนุษยชาติเลยก็ว่าได้ เพราะงั้นจึงต้องเร่งทำการโคลนมนุษย์เพิ่มขึ้นมาเป็นจำนวนหลักร้อยล้านขึ้นมาทดแทนพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่ลดจำนวนลง และเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความสูญเสียนั้นขึ้นมาอีก... เหล่านักวิทยาศาสตร์ก็ได้รื้อแผนงานที่เคยใช้พัฒนายุทโธปกรณ์ออก แล้วนำเอาการวิจัยที่เคยประสบผลสำเร็จครั้งหนึ่งนั้นกลับมาใช้ใหม่... เพื่อสร้างอาวุธที่ทรงพลังที่สามารถต่อกรกับข้าศึกได้ทุกรูปแบบ... ทุกภูมิประเทศที่ไม่ใช่อวกาศ..."



การวิจัยที่เคยประสบผลสำเร็จงั้นเหรอ... การวิจัยเรื่องอะไรกัน!!




"การวิจัยที่ว่านั่นก็คือ... การนำเอาทารกแรกเกิดจากอาสาสมัครนับพันเข้ารับการตัดแต่งพันธุกรรมให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น มีศักยภาพทางกายที่สูงขึ้นจนมนุษย์ธรรมดาแม้แต่นักมวยปล้ำไม่สามารถเทียบชั้นได้ การนำผลการวิจัยที่เคยสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่งนั้นกลับมาใช้เพราะคิดว่ามันน่าจะประสบผลสำเร็จได้อีกครั้งนั้นเป็นไปอย่างราบรื่นในขั้นตอนเตรียมการ... แต่แล้วในการปฏิบัติจริงกลับล้มเหลวทั้งหมด!!"



"ทารกที่ได้รับการตัดแต่งพันธุกรรมนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงออกมาให้เห็นในทันที บางรายร่างกายฝ่อลงจนแยกไม่ออกระหว่างเด็กกับเมล็ดถั่วเลือง บางคนหัวใจหยุดเต็นก่อนที่จะกลับมาเต้นเหมือนเดิม...หากแต่กระแสเลือดนั้นกลับไปอีกทิศทาง นับเป็นจำนวนพันต่อพันเสียชีวิตทั้งหมด!!"




ก็แหงล่ะ!! เอาเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มีร่างกายอ่อนแอลงจากการใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมาช้านานนับพันนับหมื่นปีมาตัดแต่งพันธุกรรมมั่วซั่วให้แข็งแกร่งขึ้นในชั่วพริบตา... ไม่มีใครที่จะทนภาระที่หนักกว่าการปลดปล่อยพลัง100%เป็นเวลานับชั่วโมงได้หรอกน่า!!



ในระหว่างที่มิคาสะกำลังฟังที่อาคาริอธิบายยืดยาวอยู่นั้น เธอก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกกดดันโดยรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมากระทบผิวของเธอทีละน้อยๆ จนเธอแทบหายใจไม่สะดวก...



"แต่แล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้นซ้ำสอง ท่ามกลางความเงียบงันของห้องทดลองที่เคยมีแต่เสียงเด็กร้องจนแสบแก้วหูไปหมด กลับมาเสียงร้องของเด็กทารกสองคนดัวขึ้นมาอีกครั้ง... พอจะเดาได้ไหมว่าเด็กสองคนนั้นเป็นใคร..!?"




หลังจากที่ได้ยินเสียงอาคาริพูดออกมาแนวถามคำถามแล้ว มิคาสะก็รู้สึกเหมือนกับมีสายตาอันไม่เป็นมิตรกำลังจับจ้องมาที่เธอผ่านทางประตูไม้หนาๆที่เธอกำลังเอาหูแนบอยู่บานนั้น ซ้ำเธอยังรู้สึกเหมือนไม่ได้มีแค่คู่เดียวด้วย..!!




          "เด็กสองคนนั้น... ตอนนี้ก็กำลังคุยกันให้เธอแอบฟังอยู่นี่ไง มิคาสะจัง..!"



มิคาสะต้องการคำยืนยันว่าสิ่งที่เธอได้ยินอยู่ขณะนี้เป็นเพียงการกระทบกับของเศษผิวหนังที่ตายแล้วในรูหูของเธอ แต่เมื่อเธอมองลอดผ่านรูกุญแจนั้นไป... เธอก็ต้องถอยออกมาด้วยความหวาดกลัวที่ไม่รู้ว่ารู้สึกได้ตั้งแต่เมื่อไหร่





เธอเห็นฮิซาชิกับอาคาริกำลังมองมายังดวงตาของเธอด้วยสายตาที่น่ากลัวมาก... ราวกับฆาตกรต่อเนื่องที่กำลังมองมายังเหยื่อรายต่อไปของมันไม่มีผิด!!!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา