อลัน ลัสเบิร์ก...ผมกำลังตามหาเจ้าหญิง

-

เขียนโดย WhenSasukefollowers

วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.47 น.

  5 ตอน
  3 วิจารณ์
  8,574 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556 00.26 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ผมทำสัญญากับแม่มด!

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เอสเตอร์ ฮาเทม โวลด์ย่า!! วันนี้นายต้องไปเที่ยวกับฉัน!!”

ผม กับเอสเตอร์หันไปมองด้านหลังทันที แล้วผมก็รู้สึกเหมือนต้องมนตร์ ทันทีที่มองเห็นเธอ...ดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสส่องประกายเจิดจ้าราวกับท้องฟ้า เบื้องบน ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อ ผมสีฟ้าเข้มที่ถูกรวบขึ้นไปเป็นทรงทวินเทลโบกพลิ้วไปมาอยู่เบื้องหลัง ยิ่งทำให้ชวนมอง ผมรู้สึกว่าออร่าเจิดจรัสของเธอทำให้ผมตาพร่า ขาเรียวยาวของเธอกำลังก้าวฉับๆมาทางนี้ ผมคงต้องอ้าปากค้างไปอีกนานแสนนานหากอาเชอร์ไม่ได้เดินเข้ามาปิดตาผมไว้เสีย ก่อน

            “หน้าเคลิ้มเชียวนะ” ผมได้ยินเสียงของอาเชอร์ค่อยๆดังขึ้นมาในโสตประสาท ทำให้ผมเริ่มได้สติแล้ว แต่ยังไม่สมประกอบนัก ว่าแต่ผมชื่อ...อลัน ลัสเบิร์กใช่ไหมเนี่ย ?

 

            “นั่นใครเหรอ?”

 

            “เธอคือเอ็มม่า คาม่อน” อาเชอร์บอก “เธอเป็นสาวสวยที่ฮอตที่สุดในอิมพิเรียลนะ นายไม่รู้จักได้ยังไงกัน” อ๋อ

 

            “อ๋อ งั้นเหรอ” ผมทำสีหน้าเหมือนรับรู้ แต่ความจริงแล้ว ผมไม่เคยรู้จักชื่อเอ็มม่า คาม่อนมาก่อน ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยเห็นหน้าเลยสักครั้ง นั่นทำให้ผมสงสัยในตัวเธอมาก และอยากรู้จักเธอมากด้วย

 

            “เอสเตอร์!!” เอ็มม่า คาม่อนร้องเสียงดัง “นายกำลังจะเบี้ยวนัดฉันสินะ!!”

 

            “ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงเลยนะเอ็มม่า แล้วฉันก็ไม่มีวันตกลงด้วย” เอสเตอร์พูดขึ้นก่อนจะเดินหนีเอ็มม่าที่พยายามจะเดินเข้าไปใกล้และพยายามสัมผัสตัวเขา

 

            โอ้....ผมอิจฉาเอสเตอร์จริงๆ

 

            “สาวสวยกำลังชวนนายไปเที่ยวนะยะ!” เอ็มม่าขมวดคิ้วอย่างฉุนโกรธ “นายกล้าปฏิเสธคำขอร้องจากฉัน สาวฮอตที่นักเรียนชายในอิมพิเรียลทุกคนอยากไปเดตด้วยน่ะเหรอ!?”

 

            “คงงั้นมั๊ง....ฉันไม่ว่างจะไปกับเธอ” เอส เตอร์ยักไหล่ ก่อนจะเดินมาฉุดข้อมือผมและทำท่าบอกให้อาเชอร์เดินตามไป พวกเราเดินห่างจากเอ็มม่า คาม่อนที่กำลังกรีดร้องออกมาเรื่อยๆ เผยให้เห็นถึงอะไรบางอย่างในตัวเธอที่ไม่เข้ากับใบหน้าหวานๆและเดรสสีฟ้า อ่อนที่สวมใส่อยู่เลยสักนิด

 

            “นายชอบแบบนั้นเหรอ อลัน?”

 

            “หา...อะไรนะ?” ผมสะดุ้งเมื่อเอสเตอร์กระตุกข้อมือผมเบาๆ

 

            “ก็เห็นนายมองเอ็มม่าซะเคลิ้มเชียว”

 

            “อ๋อ...เปล่า แค่รู้สึกว่ามันเหมือนโดนดึงดูดน่ะ” ผมพูดออกไปตามความจริง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้มันเหมือนโดนดูดจริงๆนะ ทำให้ผมละสายตาจากเธอไปไม่ได้เลย

 

            “ทุกคนก็เป็นแบบนี้แหละ” อาเชอร์ที่เดินตามหลังมาพูดขึ้น “แต่เอสเตอร์ไม่เห็นเป็นเลย ท่าทางนายจะใจแข็งมากเลยสินะ”

 

            “ก็ฉันไม่ชอบนี่นา” เอสเตอร์พูดเพียงแค่นั้น แล้วพวกเราก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะของสามสาว เชอรีน  วีนัส และรูบี้แล้ว

 

            แต่มีแขกไม่ได้รับเชิญอีกคน

 

            “เอ็มม่า คาม่อน!!” ผมร้องด้วยความตกใจ เมื่อกี้นี้เธอยังยืนกระทืบเท้าสาปแช่งเอสเตอร์อยู่ที่สนามบาสไม่ใช่เหรอ แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?

 

            “กรี๊ด! นายคืออลัน ลัสเบิร์กเองเหรอ แต่งตัวดูไม่ได้เลยสักนิด!” เอ็มม่าจิกตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า อะไรกัน! ผมก็แค่ใส่เสื้อเชิร์ตธรรมดากับกางเกงขาสามส่วนสีน้ำตาลเอง มันไม่ดูแย่าขนาดนั้นสักหน่อย

 

            “เอ็มม่า! ฉันบอกแล้วไงว่าเธอห้ามวิจารณ์การแต่งตัวของคนอื่นน่ะ” เชอรีนพูดขึ้น จากนั้นเธอก็หันมามองผม “ขอบใจที่นายสามารถพา...เอ่อ เอสเตอร์ ฮาเทม โวลด์ย่ามาจนได้ แล้วก็อาเชอร์ คิงสตันด้วย”

 

            “ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าฉันเก่ง”

 

            “ฉันก็ยังไม่ได้บอกว่านายเก่งสัหน่อย”

 

            “สายตาเธอมันฟ้องนะ” ผมแซวเชอรีนเล่น แต่นั่นกลับเป็นผลร้ายต่อตัวของผมเอง เพราะแก้วน้ำพลาสติกกำลังลอยละล่องมาทางนี้

 

            “หยุดเล่นกันสักทีเถอะ!” เอ็มม่าโบกมือเร็วหนึ่งครั้งทำให้แก้วน้ำที่กำลังลอยมาชะงักอยู่

 

กลางอากาศ....ทำได้ไงน่ะ

 

            “ฉันรับไม่ได้กับสไตล์การแต่งตัวของนายจริงๆ!” พูดจบเอ็มม่าก็ลุกพรวดก่อนจะดึงมือของเอสเตอร์ที่ยังจับข้อมือของผมอยู่ออกไป แล้วเธอก็เริ่มลากผมไปยังหน้าโรงเรียน

 

            “เธอจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!!” เชอรีนตะโกนตามหลังเรามา แต่มันก็หยุดเอ็มม่าไม่ได้

 

            “ขอโทษนะเชอรีน!!” เอ็มม่าตะโกนกลับไป “นิสัยเก่าๆน่ะ”

 

 

 

            แล้วเอ็มม่าก็มาหยุดอยู่ที่เดอะ ริเวอร์เพลส!

 

            ผมสับสนในชีวิตมาก เพราะการเดินทางของผมกับเชอรีนมายังเดอะ ริเวอร์เพลสนั้นใช้เวลาเกือบยี่สิบนาที แต่เอ็มม่า คาม่อนคนนี้ใช้ไม่ถึงห้านาที

 

            “เธอทำได้ไงน่ะ”

 

            “ทำอะไร?”

 

            “ก็พาฉันมาที่นี่ในเวลาไม่ถึงห้านาทีเนี่ย”

 

            “อย่าเพิ่งถามเลย ฉันต้องพานายไปซื้อเสื้อใหม่ด่วน เพราะตอนนี้นายดูไม่ได้เอาซะเลย!”

 

            “เฮ้! ฉันมันแต่งตัวแย่ขนาดนั้นเลยเรอะ”

 

            “ใช่ย่ะ! เอ้า! เข้าไปในเดอะ ริเวอร์เพลสซะ”

 

            เอ็ม ม่าดันหลังผมผ่านประตูไม้หรูหราของเดอะ ริเวอร์เพลสเข้าไปยังด้านใน สกู๊ปยืนเช็ดถ้วยชามอยู่ตรงเคาท์เตอร์ เขาแลบลิ้นให้ผมหนึ่งที แต่ผมไม่มีเวลามากพอให้แลบลิ้นตอบกลับไป เพราะเอ็มม่าเอาแต่ดันๆให้ผมเดินไปข้างหน้าลูกเดียว

 

            “นี่ไง! รอยัลปาร์ค แหล่งช๊อปปิ้งครบวงจรสำหรับพวกเรา เอ้า! เข้าไปสิ” เธอผลักผมผ่านประตูกระจกใสเข้าไปด้านใน ผมเซถลาลงสู่พื้นอย่างสวยงาม

 

            “โอ๊ย!

 

            “เดี๋ยวฉันมา นายเดินดูไปก่อนละกัน!”

 

            “เดี๋ยว! ที่นี่มันที่ไหน!?”

 

            ผม ถามเอ็มม่า...ที่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว เหลือเพียงผมอยู่คนเดียวในสถานที่ใหญ่โตมโหฬารที่ไม่คิดว่ามันจะอยู่ในเดอะ ริเวอร์เพลส โรงนาหลังเล็กๆแห่งนี้ได้ รอบๆตัวผมเป็นหมอกหนา เหมือนกับอยู่ในเหตุการณ์เพลิงไหม้ เพียงแต่ว่ากลิ่นของมันหอมหวานเหมือนอยู่ท่ามกลางหมู่ดอกไม้มากกว่า

 

            แล้ว หมอกก็ค่อยๆจางหายไป ปรากฏร่างของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังยืนเลือกเสื้อผ้าอยู่หน้าร้าน...ที่ เมื่อกี้มันไม่ได้อยู่ตรงนี้ ผมหันไปมองรอบๆตัวก็เห็นร้านเสื้อผ้ามากมายเต็มไปหมดจนสุดสายตา เมื่อเงยหน้าขึ้นข้างบนก็มองเห็นป้ายชี้บอกทาไปร้านอาหาร ผมตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก แถวนี้มีแต่ป้าแก่ๆที่แต่งตัวแปลกๆ กับกลุ่มเด็กสาวที่แต่งตัวเหมือนใส่ชุดคลอสเพลย์

 

            ไม่มีผู้ชายมาเดินซื้อของบ้างเลยเหรอ

 

            “ฉันมาแล้ว! อลัน! นายได้เสื้อผ้าที่ถูกใจบ้างหรือยัง” เอ็มม่าเดินเข้ามาพร้อมกับถือบัตรอะไรสักอย่างที่คล้ายบัตรเครดิตแต่ทำด้วยกระจกใส

 

            “ฉันยังไม่ได้เดินดูอะไรเลย”

 

            “ชักช้าจริง! มานี่เดี๋ยวนี้เลย” เอ็มม่าลากผมเลี้ยวเข้าซอยที่อยู่ใกล้ๆกับร้านเสื้อผ้าร้านแรก แต่เนื่องจากเราเลี้ยวเร็วเกินไปทำห้ร่างของผมไปกระแทกเข้ากับใครบางคนที่ กำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่ตรงหัวมุมอย่างจัง

 

            “โอ๊ย!”

 

            “ว๊าย!”

 

            พลั่ก!

 

            ผมล้มทับราวเสื้อผ้าอันหนึ่ง มันคงไม่แย่เท่าไรถ้าหากมันไม่ได้ทำให้ราวที่อยู่ติดกันล้มตามลงไปเป็นโดมิโน

 

            เสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนราวค่อยๆร่วงลงมาใส่เด็กผู้หญิงคนที่ถูกผมชน เอ็มม่าแหวกกองเสื้อผ้าเข้ามาฉุดผมออกไปได้

 

            “เบล! ฉันขอโทษนะ พอดีตอนนี้ฉันรีบ ช่วยเก็บเสื้อผ้าให้เรียบร้อยด้วยล่ะ!” เอ็มม่าตะโกนบอกเธอขณะที่กำลังพาผมวิ่งออกไป ผมหันกลับไปมอง เห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นค่อยๆลุกออกมาจากกองเสื้อผ้าช้าๆ และเริ่มลงมือจัดการเก็บกวาดสิ่งที่ผมทำเอาไว้ เธอกลังจะเงยหน้าขึ้นมาแต่เอ็มม่าพาผมเลี้ยวเข้าร้านหนึ่งซะก่อน

 

            “ขอคอลแลคชั่นเสื้อผ้าผู้ชายสำหรับหน้าร้อนนี้ด้วยค่ะ!” เอ็ม ม่าตะโกนสั่งพนักงานในร้าน พวกเขาผายมือเชิญให้เราเข้าไปยังห้องแห่งหนึ่งที่คล้ายๆสตูดิโอ ในนั้นมีหุ่นล่ำบึ้กเรียงรายเป็นสิบๆตัว แถมแต่ละตัวยังสวมเสื้อผ้าแฟชั่นที่ล้ำสมยเกินหน้าเกินตามนุษย์อีกด้วย

 

            “ให้ฉันช่วยเลือกไหม” เอ็มม่าถาม

 

            “ก็ได้”

 

            นั่น เป็นความโชคร้ายของผมที่ตกลงให้เธอเลือกชุดให้ เพราะเธอจับผมเปลี่ยนเสื้อผ้าไปไม่รู้กี่รอบ เอ่อ...คือผมเปลี่ยนด้วยตัวเองนะ ไม่ใช่ให้เธอมาเปลี่ยนให้ จากนั้นเธอก็หยิบเสื้อตัวนู้นตัวนี้มาทาบตัวผม ทำหน้าหงุดหงิด แล้วก็เดินวนไปวนมา ก่อนจะทำท่าทางเหมือนดีใจอะไรบางอย่าง แล้วผมก็ดีใจมากถ้ามันหมายถึงว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมเดินเข้า ห้องลองเสื้อ

 

            “พอรึยัง?” ผมเดินออกมาจากห้องลองเสื้อเมื่อเวลาผ่านไปห้านาทีหลังจากที่เอ็มม่ายัดถุงอะไรบางอย่างใส่มือผม

 

            “โอว...ใช้ได้เลยล่ะ!”

 

            ผม ก้มลงมองชุดที่ตัวเองสวมอยู่ เสื้อเชิร์ตลายสก๊อตสีดำแดงที่ไม่ติดกระดุมเผยให้เห็นเสื้อกล้ามสีดำด้านใน กางเกงของผมยังคงเป็นกางเกงสามส่วนอยู่ เพียงแต่มันถูกเปลี่ยนไปเป็นสีดำ

 

            “ใส่แว่นกันแดดสิ! จะได้เข้ากับชุด” เอ็มม่ายื่นแว่นกันแดดสีชามาให้ ผมรับมาสวมอย่างลังเล แต่ก็รู้สึกโล่งอกเมื่อเอ็มม่าปรบมือดังลั่น

 

            “สุดยอดเลย! เซนส์ของฉันยังเหมือนเดิม”

 

            “ขอบใจแล้วกัน ที่พามาลองเสื้อ..มันก็ดูดีนะ แต่...” ผมเว้นระยะ “ฉันไม่มีเงินจ่ายค่าชุดพวกนี้หรอกนะ”

 

            “ฉันก็ไม่ได้ให้นายจ่ายสักหน่อย!”

 

            “เธอจะจ่ายให้ฉันรึไงล่ะ”

 

            “ก็ใช่น่ะสิ!!” เอ็มม่าตอบทันทีทันใด ผมมองเธออย่างไม่เชื่อสายตาและประสาทสัมผัสของตัวเอง เธอหยิบบัตรแก้วใสๆขึ้นมาก่อนจะยักคิ้วให้

 

            “แต่ว่า ให้ผู้หญิงจ่ายให้มันจะดีเหรอ?”

 

            “ไม่เป็นรหรอก!”

 

            “งั้นเธอก็รีบไปจ่ายซะ ก่อนที่จะเสียเวลาไปมากกว่านี้”

 

            “ฉันจ่ายเงินไปตั้งแต่ตอนที่นายกำลังลองเสื้อแล้ว ฉันเชื่อว่านายจะต้องออกมาดูดีสุดๆ!”

 

            “เธอนี่บ้ารึเปล่านะ” ผมกอดอกมองเธออย่างไม่เข้าใจ “ทำไมจู่ๆเธอถึงลากคนนู้นคนนี้มาจับแต่งตัวตามใจชอบแบบนี้กัน”

 

            ผมบ่นอุบ ถึงแม้ว่าความจริงผมจะชอบตัวเองในลุคสบายๆสไตล์หน้าร้อนแบบนี้มากแค่ไหนก็ตาม

 

            “ถ้านายรู้สึกแย่ที่ฉันเป็นคนจ่ายเงินให้ก็ไม่ต้องห่วงหรอก! ฉันจะบอกอะไรให้” เอ็มม่าเดินเข้ามาก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นมากระซิบที่ข้างหูผม

 

            “ใครที่มาซื้อของกับฉัน แล้วฉันเป็นคนจ่ายให้น่ะ.. มันมักจะมีสัญญาติดตามมาเสมอ”

 

            “สัญญาเหรอ?”

 

            “เรียกให้ถูกคือพันธะสัญญา” เอ็มม่าลดระดับลงมายืนตามเดิม ผมมองเธออย่างหวาดระแวง

 

            “พันธะสัญญาอะไร?”

 

            “หึหึ พันธะสัญญาระหว่างแม่มดกับมนุษย์ยังไงล่ะ” เอ็มม่าบอกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะค่อยๆเลือนหายไป พร้อมกับทุกสิ่งทุกอย่าง

 

            “เอ็มม่า คาม่อน!!”

 

            “อยากรู้อะไรก็ไปถามเชอรีนเอาแล้วกันนะ อลัน ลัสเบิร์ก! อ้อ! อย่าลืมใส่บรรดาเสื้อผ้าที่ฉันซื้อให้ด้วยล่ะ! ฮ่าๆๆ” เอ็มม่าพูดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหายไปกับหมอกขาวที่เข้ามาบดบังทุกสิ่งทุกอย่างอีกครั้ง

 

            และผมกำลังล้มลง.....

 

            ตอนนี้ ผมรับรู้ได้อยู่เรื่องเดียว

 

           

 

            ของฟรีมันไม่มีทางมาจุติอยู่บนโลกมนุษย์แน่ๆ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา