God Problem : หมายถึงรัก

7.8

เขียนโดย ก่อนหวาน

วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 11.08 น.

  22 ตอน
  7 วิจารณ์
  21.28K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 02.13 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

18) เราจะแต่งงานกัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         ฉันกำลังร้องไห้ขณะที่กลุ่มคนปริศนาในชุดสูตรสีดำพาฉันมาที่ไหนก็ไม่รู้ พวกนั้นปิดตาฉันพวกนั้นไม่พูด

 

อะไรกันเลยตลอดระยะเวลาที่พวกนั้นพาตัวฉันมา ตอนนี้ฉันได้กลิ่นที่ฉันไม่ได้สัมผัสมันมานาน คือกลิ่นเค็มๆของ

 

น้ำทะเลยังไงละ ฉันไม่กล้าที่จะถามอะไรพวกนั้น ฉันรู้สึกแต่ว่าฉันกลัวมาก พวกนั้นอุ้มฉันแล้วพาไปนอนที่ไหนซัก

 

ที่แต่ฉันรู้สึกได้ว่า ฉันกำลังนอนอยู่บนเรือ น้ำที่คาดว่าน่าจะเป็นน้ำทะเล กระเซ็นเข้ามาที่ใบหน้าของฉันและตัวของ

 

ฉัน เสียงเครื่องยนต์ของเรือซึ่งดังกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป ทำให้ฉันแน่ใจได้ว่าต้องอยู่บนเรือแน่นอน แล้วพวกนั้นจะ

 

พาฉันไปไหนละ แต่เดี๋ยวก่อนเหมือนฉันได้ยินเสียงคนคุยกัน

 

          “เรากำลังพาเธอไปที่เกาะครับท่าน” เสียงที่ดูถูกกลบด้วยเสียงเครื่องยนต์แม้จะฟังดูแผ่วเบาแต่ฉันก็พอ

 

จับใจความได้ พวกเขาหมายถึงใครกันนะ

 

 ณ โรงแรม

 

          “คุณยังไม่ได้นอนเลยนะ คุณจะดูไปถึงเมื่อไหร่เนี่ย” นักสืบคนหนึ่งซึ่งได้รับมอบหมายให้ช่วยป๊อดสืบถาม

 

ขึ้นพลางหาวไปด้วย

 

          “นายไปนอนก่อนก็ได้ ชั้นกำลังเครื่องร้อนเลย” ป๊อดยกกาแฟขึ้นมาจิบหนึ่ง

 

          “ราตรีสวัสดิ์นะ หาววววว เพื่อน” ป๊อดเบิกตากว้างเหมือนคิดอะไรได้

 

          ป๊อดเหมือนจะเจออะไรบางอย่างหลังจากเปิดดูวิดีโอ 4-5ม้วน ซ้ำๆเป็นร้อยๆรอบตลอดทั้งคืน

 

          “ผมเหมือนเจออะไรบางอย่างที่คุ้นตามากๆแล้ว ถ้ามีอะไรคืบหน้าผมจะรายงานทันทีครับ แต่ตอนนี้ผมต้อง

 

ไปเยี่ยมเพื่อนเก่าซะหน่อย” ป๊อดพูดกับผู้กำกับหลังจากรับโทรศัพท์ที่โทรมาจากเขา

 

 

ณ บ้านไซเอน

 

          “คุณช่วยไปดูงานที่ฝั่งให้ผมหน่อยสิ ผมต้องเช๊คสกุลเงินที่นี่ซักหน่อย” ผมพูดกับเคธี่หลังจากที่เธออาบ

 

น้ำเสร็จส่วนผมเพิ่งลุกจากเตียง

 

          “เมื่อวานฉันพึ่งเห็นคุณเช็คสกุลเงิน แล้วก็หุ้นของธุรกิจคุณเองนะ”

 

          “คุณก็รู้ว่าของแบบนี้มันเปลี่ยนแปลงทุกนาที ไม่ประมาทจะเป็นการดีที่สุดนะ” เคธี่มองหน้าผมแล้วยิ้มขึ้น

 

พร้อมพูดเบาๆวะ “ได้ค่ะที่รัก” ผมนอนลงบนเตียงต่อโดยไม่สนใจเธอ เธอนั่งลงข้างๆผม แล้วลูปหัวของผม

 

          “คุณไปได้แล้วน่า ผมง่วง” ผมหันหน้าหนีเธอ

 

          “เธอมาถึงแล้วครับ”

 

          “นำตัวเธอมาที่ห้องโถงแล้วพวกนายทุกคน ไปดูแลความปลอดภัยของเคธี่ด้วย” ผมพูดบอกกับบอดี้การ์ด

 

ที่มารายงานผมที่ห้องทำงาน  บอดี้การ์ดคนนั้นก้มหัวแล้วเดินออกจากห้องไป

 

          ผมยืนมองพวกเขาค่อยๆนำเรือออกจากเกาะไปทีละลำจนหมด ตอนนี้ทั้งเกาะเหลือแต่เพียงผมกับเธอ

 

แล้ว ผมพร้อมจะเจอเธอตัวตนของบอยที่เธอรู้จัก ถึงแม้ว่าความรู้สึกที่มีต่อเธอผมจะสัมผัสไม่ได้ไปตลอดชีวิตก็

 

เถอะ ผมป่วยเป็นโรคที่ยังไม่มีทางรักษาได้แล้ว ชื่อของโรคนี้ยังไม่มีชื่อเรียกแน่ชัด เกิดจากการช๊อคขั้นรุนแรงกับ

 

เหตุการ์ณใดเหตุการ์ณหนึ่ง อย่างเช่น คนเกิดอุบัติเหตุต่อหน้า หรือคนที่สำคัญที่สุดเสียชีวิตลง และเหตุการ์ณอื่นๆ

 

ที่รุนแรงต่างๆ ทำให้เส้นเลือดที่เชื่อมจุดประสาทระหว่างสมองมาถึงหัวใจได้หยุดการทำงานลง ทำให้ในบางความ

 

รู้สึกเขาไม่สามารถจะสัมผัสได้ ไม่สามารถจะรับรู้ได้ ทางการแพทย์ทั่วโลกสนใจ Case นี้มาก พวกแพทย์เหล่า

 

นั้นยินยอมที่จะรักษาอาการนี้ให้กับผม แต่ผมตัดสินใจปฏิเสธมันเพียงเพราะ ผมต้องการอยากรู้ ความหมายของ

 

ความรัก ถ้าเราไม่สามารถรับรู้ซึ่งถึงความรักได้ แล้วผมจะรู้สึกถึงมันมั๊ย ที่เขาบอกกันมากมายว่าความรักสวยงาม

 

ความหมายของความรักมีมากมายเกินกว่า 1 หน้ากระดาษจะเขียนออกมาหมด

 

          วันที่ผมรอวันนี้ก็ได้มาถึง ผมใส่ชุดคลุมสีขาวหลังจากอาบน้ำเสร็จเมื่อไม่นานมานี้ ขาของผมค่อยๆเก้ามา

 

ด้านหลังของเธอ เธอกำลังนอนอยู่ที่โซฟาตัวสีเทาของผม คงจะเหนื่อยละสินะ ผมทำเกินไปรึเปล่านี่ ผมก้าวเท้า

 

ไปนั่งข้างๆเธอ ค่อยๆนำมือมาเปิดผ้าที่ตาและปากออก ผมของเธอไม่เรียบเหมือนตอนสมัยเรียน ผมเธอออกสี

 

ทองเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากสังคมต่างประเทศน่าจะเปลี่ยนตัวตนของเธอ ผมเธอเป็นรอน ริ้วๆ บ้างเล็กน้อย ผมเสย

 

ผมของเธอไว้ที่หลังใบหูเพื่อดูหน้าของเธอให้ชัดๆ สิวเธอขึ้นเยอะกว่าเดิมรึเปล่าเนี่ย แต่เอ.. สังเกตุดูเธอขาวขึ้น

 

ผมค่อยๆอุ้มเธอขึ้นไปยังห้องนอนของผมข้างบน

 

          "คุณเป็นใคร"เธอตื่นขึ้นด้วยท่าทีตกใจ"คุณจะทำอะไรฉัน" เธอดันตัวออกห่างผมแล้วไปยืนอยู่อีกฟากหนึ่งของเตียง

 

          "ผมไซเอน ไทม์ เป็นคนนำตัวคุณมาที่นี่ และเราจะแต่งงานกัน" น้ำเสียงของเขาดูคุ้นหู แต่แววตาคู่นั้นฉัน

 

ไม่กล้าจะสบตาทำให้ฉันมองหน้าเขาไม่ชัดเจนเท่าไหร่ เพียงครู่เดียวที่ฉันสบตากับเขา เหมือนฉันเห็นบอย

 

เหมือนฉันเห็นเขาอยู่ในซอกเหลือบของแววตานั้น

 

          "นี่คุณพูดบ้าอะไร แล้วฉันอยู่ที่ไหน" เธอพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวเล็กน้อยแล้วมองไปรอบๆห้อง

 

          "ผมว่าผมพูดชัดเจนแล้วนะครับ คุณอภิญญา"

 

          "คุณรู้จักชื่อฉันได้ยังไง คุณเป็นใครกันแน่" เธอตอบกลับมาแต่ยังไม่กล้าสบตาผม เหมือนเธอกลัวดวงตา

 

ของผม เธอเริ่มใจเย็นลงนิดหน่อย

 

          "คุณกินอะไรมารึยัง" จ๊อก!@# จ๊อกๆ "ท้องของคนเราเนี่ยโกหกไม่เก่งหรอกนะ" ผมมองไปที่เธอ แล้ว

 

ยิ้มขึ้น เธอก้มหน้าดูท้องของตัวเอง

 

          "ฉันไม่กินอะไรทั้งนั้น" ฉันหันหลังกลับเพื่อหนีหน้าผม ทำให้หน้าของฉันเกือบชนกับกระจกบานเลื่อนเพื่อ

 

ออกสู่ระเบียง ฉันเห็นทะเลเบื้องหน้า หาดทรายสีขาวละเอียดที่ไม่กว้างมากนัก ช่างดูค้าตามากยิ่งขึ้น

 

          "ที่นี่เป็นเกาะหรอ"ฉันหันมาถามเขา โดยจ้องที่ริมฝีปากของเขาแทนดวงตาคู่นั้น

 

          "คุณเห็นแล้วหนิ จะถามผมทำไมอีก ผมจะทำอาหารให้คุณทาน อีกซัก เอิ่ม... 20 นาที ค่อยลงไปข้าง

 

ล่างนะ ระหว่างนี้ก็เชิญอาบน้ำ ทำอะไรต่างๆให้เสร็จแล้วกัน" ผมเดินหันหลังกลับไป แล้วก็ชะงัก

 

          "ผมเกือบลืมไป ผมจะเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ" ผมถอดผ้าคลุมออก เธอตกใจแล้วรีบปิดตาแล้วหันหน้าหนีผม

 

          "ตาบ้า ไอโรคจิตตต" ผมนิ่งเนื่องจากเธอพูดประโยคที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในความทรงจำของผม ใช่... ตอน

 

ที่เราเล่นน้ำด้วยกัน ผมยังจำวันนั้นเมื่อ 8 ปีก่อนได้ดี แต่เสียดายที่ผมจำความรู้สึกในตอนนั้นไม่ได้แล้ว

 

          หลังจากที่ผมทำอาหารเสร็จ

 

          "คุณผู้หญิง ลงมากินข้าวได้แล้ว" หลังจากที่ผมพูดจบ ประมาณ 30 วินาที เธอก็เดินลงมาจากชั้น 2

 

          "ผมไม่ได้ทำอาหารมาค่อนข้างจะนานมากแล้วละนะ ผมทำได้แค่นี้ละ เปิดคู้เย็นออกมาก็มีไข่ 2 ฟอง 

 

โชคดีที่ยังพอมีผงชูรส กลับซีอิ๊วขาวนะ ไม่งั้นเธอได้กินไข่ต้มแน่ๆ" เหมือนฉันได้ยิงเสียงบอยซ้อนอยู่ในเสียงของ

 

เขาประโยคที่ฉันเคยได้ยิน คือคำพูดเดียวกัน 

 

          "กลัวท้องเสียหรอ กินสิ" ผมวางจานข้าวไข่เจียวลงให้เธอ พึ่งทำเสร็จยังร้อนอยู่

 

          ฉันค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองเขา เขานั่งอยู่ตรงข้ามกับฉัน ฉันจะเห็นใบหน้าของเขาแล้วว.. แต่เขาใส่แว่นดำ

 

          "ในห้องนี้แดดแรงเนอะ" ผมยิ้มกับคำพูดของเธอ ผมมองเธอกินข้าวอย่างอร่อย(มั๊ง) อย่างรวดเร็ว 

 

          "เธอดูไม่เปลี่ยนไปเลย" ผมพูดเบาๆ

 

          "อะไรนะ" เธอวางช้อนส้อมลงบนจากที่ว่างเปล่า ซึ่งเมื่อครู่มีไข่เจียวกับข้าวสวยอยู่เต็มจาน

 

          "เราจะแต่งงานกัน" บรรยากาศดูเงียบลงอย่างเห็นได้ชัดมีแต่เสียงของลมทะเลที่พัดเข้ามาผ่านหน้าต่าง

 

หลายบานที่เปิดอยู่รับลม

 

          "นายพูดเรื่องอะไรอยู่ นายเป็นบ้าแล้วหรอ แล้วนายเป็นใคร" เธอถามผมหลายคำถามเลยทีเดียวเชียว

 

          "ดูนะ"ผมถอดแว่นตาออก

 

นาย....

         

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา