ในเงาใจ (The shadow)

-

เขียนโดย tofu_baby

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 14.29 น.

  15 chapter
  0 วิจารณ์
  16.17K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 18.01 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) EP1 - 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Let's start.. 

ภายในโรงยิมของโรงเรียนสตรีกุลนารี นักเรียนห้องหนึ่งกำลังเล่นวอลเล่ย์บอล                                                                            อยู่ที่ สนามวอลเล่ย์ 2 บรรยากาศเป็นไปด้วยความสนุกสนาน

 

ตุ๊บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

 

“ยัยลี ยัยลี ฉันขอโทษฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันขอโทษ ตื่นมาคุยกับฉันก่อน”

เด็กสาวร่างบางที่เป็นต้นเหตุให้เพื่อนได้รับบาดเจ็บร้องขึ้น

“ไม่ได้การแล้ว ยัยลีชักจะนอนนิ่งเกินไปแล้วนะ

เราไปเอาเปลผ้าใบแล้วรีบพายัยลีไปที่ห้องพยาบาลก่อนดีกว่า ไปกันยัยหนูแอล”

มัลลิกาหรือมะลิ หัวหน้าห้อง ม.6/1 และประธานรุ่น 107

แห่งโรงเรียนสตรีกุลนารีหันไปเรียก‘อสมาภรณ์หรือแอล’

ที่กำลังตกใจสุดขีดเมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวคนสนิทอย่างกตัญชลีนอนแน่นิ่งไป

พร้อมกับฝีมือการเสิร์ฟวอลเล่ย์บอลที่ผิดคิวอย่างหนักของตัวเอง

“อืมม์” อสมาภรณ์ตอบ 

มัลลิกา อสมาภรณ์พร้อมด้วยเพื่อนร่วมชั้นอีกสองคน

รีบช่วยพากตัญชลีที่นอนอยู่บนเปลผ้าใบส่งห้องพยาบาลเป็นการด่วน

 

ในภวังค์ของเด็กสาวที่นอนแน่นิ่งอยู่กลางสนามวอลเล่ย์บอลของโรงเรียนประจำหญิงล้วน

ที่มีเชื่อเสียงอย่าง...โรงเรียนสตรีกุลนารี

“คุณใจดี ใช่คุณใจดีใช่ไหมคะ

ลีอยากเจอคุณใจดีมากๆ เลย คุณใจดีมาหาลีแล้วใช่ไหมคะ”

“เด็กดีของฉัน อีกไม่นานเราจะได้พบกันแล้วนะ”

ชายหนุ่มหน้าตาเกลี้ยงเกลา นัยน์ตาสวย คนที่เด็กสาวเรียกเขาว่า

‘คุณใจดี’ กำลังส่งยิ้มสดใสให้กับเด็กสาว แล้วภาพนั้นก็ค่อยๆ เลือนหายไป

จนไม่หลงเหลือให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มต่อไป

“ไม่ๆ คุณใจดีอย่าเพิ่งไปค่ะ”  

ในที่สุดกตัญชลีก็ตื่นจากภวังค์และลุกขึ้นทันที

ทำให้สองเพื่อนสาวอย่างมัลลิกาและอสมภรณ์ตกใจจนสะดุ้งโหยง

 

“แกโอเคใช่ป่ะยัยลี”  มัลลิการีบร้องถามเมื่อเห็นเพื่อนสาวที่นอนสลบอยู่นาน

ลุกพรวดขึ้นมา พร้อมกับร้องเสียงประหลาดๆ

“แอลคงไม่ทำให้ลีเป็นบ้าใช่ไหม”

“นี่คุณหนูแอลอิเจ้ โดนลูกวอลเล่ย์แค่นี้ลีไม่บ้าหรอกน่า

 และที่ลีไม่ยอมตื่นซะที ก็เพราะว่าลีฝันถึงคุณใจดีอีกแล้วล่ะ

ครั้งนี้เห็นหน้าคุณใจดีชัดมากๆ เลย

ลีว่าอีกไม่นานลีต้องได้เจอกับคุณใจดีอย่างแน่นอน”

“เพี้ยนไปแล้วยัยลีเอ๊ย”

“ป่าวนะยัยเจ้ ที่จริงแล้วลีกับคุณใจดีเคยเจอกันมาก่อน

แต่นั่นก็เมื่อนานมากแล้ว ตอนนั้นลีน่าจะสัก 8-9 ขวบเห็นจะได้”

“ว้าว ฟังดูโรแมนติกเนอะ ไม่เจอกันตั้งนาน แต่แอบติดต่อกันผ่านทางโทรจิต”

“ก็ไม่เชิงนะ”   กตัญชลีว่า

“คุณใจดี คุณใจดี ถ้าเทพบุตรของเธอมีตัวตนอยู่จริง ฉันชักอยากจะเห็นแล้วสิ”

“แอลก็อยากเห็นเหมือนกัน แต่เมื่อกี้ที่สนามวอลเล่ย์แอลขอโทษนะลี ขอโทษจริงๆ”

“อืมม์ ไม่เป็นไร เราไม่โกรธแอลหรอก มันเป็นอุบัติเหตุ

ลีรู้ว่าแอลไม่ได้ตั้งใจ ไปจากที่นี่กันเถอะ กลิ่นห้องพยาบาล กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ลีไม่ชอบเลย”

“งั้นแอลเลี้ยงไอติมลีเพื่อเป็นการขอโทษแล้วกันนะ”

“จัดไปเลยคุณหนูแอลเจ้ใหญ่หิวแล้ว”

“อิเจ้”

“ยัยเจ้”

“ฮ่าๆ”

“แต่ตอนนี้คงต้องรีบวิ่งไปที่ห้องเรียนแล้วล่ะ วิชาภาษาฝรั่งเศสของมิสโอลิเวียจะเริ่มแล้ว”

“แบร่ๆ รีบตามมานะสองสาว”

“โห วิ่งแจ้นไม่บอกกันเลยนะยัยเจ้ ไปคุณหนูแอลวิ่ง”

 “ค่ะ”

กตัญชลีรีบคว้ามืออสมาภรณ์ให้วิ่งไปด้วยกัน

ส่วนมัลลิกาวิ่งนำไปไกลแล้ว

3 สาว 3 สไตล์ เป็นเพื่อนรักที่ติดแทบจะติดกันตลอดเวลา

มัลลิกา ที่เรียกเพื่อนๆ เรียกว่า ยัยเจ้ คือป้าแว่น ผู้นำของกลุ่ม และเป็นที่พึ่งได้ดี

กตัญชลี หรือ ลี สาวห้าว มาดนักกีฬาของโรงเรียน ผู้ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค

และคนสุดท้าย อสมาภรณ์ หรือ แอล น้องหนูประจำกลุ่ม ที่มองโลกในแง่ดี

 

...1...

กตัญชลี ห้อง 6/1 ติดต่อที่ห้องธุรการในเวลานี้ด้วย  กตัญชลี ห้อง 6/1

เมื่อสิ้นเสียงประกาศเจ้าของชื่อ ‘กตัญชลี’ ก็รีบวิ่งแจ้นไปไปที่ห้องธุรการทันที

“สวัสดีค่ะคุณบุญเรือน หนูกตัญชลีค่ะ”

“มีโทรศัพท์จากผู้ปกครองของเธอ”

“ค่ะ ผู้ปกครองของหนูหรอคะ?”

“คุณ ชะ เอ่อ คุณใจดี หวังว่าเธอคงจำชื่อนี้ได้ รีบๆรับสิ

 ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนานๆ จะยิ่งเสียมารยาทนะ”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณบุญเรือน”

...แม้ว่าจากรูปลักษณ์ภาพนอกที่เข้มงวด แว่นหนาเตอะ

กับสไตล์การแต่งตัวที่หลงยุคเอามากๆ แต่สำหรับฉันมันคือสไตล์วินเทจ

สาวใหญ่วัยสี่สิบปีอย่างคุณบุญเรือน (หนึ่งในบุคลากรที่มีหน้าที่ดูแลนักเรียนที่อยู่ที่นี่ทุกคน)

เธอมีความใจดี และมีน้ำใจซ่อนอยู่เยอะทีเดียว

 

“สวัสดีค่ะคุณใจดี”

“สวัสดีกตัญชลี เด็กดีของฉัน สบายดีไหม”

น้ำเสียงสุขุม อบอุ่น ชวนฝันของเขาทำให้ปลายสายปลาบปลื้มใจเป็นที่สุด

“ค่ะ ลีสบายดีค่ะ คุณใจดีสบายดีไหมคะ

แล้วเมื่อไหร่คุณใจดีจะกลับมาเมืองไทยคะ”

“ก็สบายดี แต่ยุ่งๆ นิดหน่อย กว่าจะกลับประเทศไทยได้ก็คงใช้เวลา

ฉันอยากเจอลูกสาวของฉันจัง ฉันคิดถึงเด็กสาวตัวน้อยที่เข้มแข็งคนนั้นจัง

ตอนนี้เธอคงโตขึ้นมากสินะ” ต้นเสียงดูเศร้า และแหบแห้งไปเล็กน้อย

“ถ้าอย่างงั้นลีจะส่งรูปถ่ายไปให้นะคะ เอ่อ ที่จริงลีเพิ่งส่งจดหมายไปให้คุณใจดี

เมื่อหลายวันก่อน ไม่ทราบว่าได้รับแล้วหรือยังคะ”

“ดีๆ ฉันอยากมีรูปเธอเก็บไว้เหมือนกัน ส่วนจดหมายเพิ่งได้รับเมื่อเช้านี่เอง

แถมมีผ้าพันคอใช้แล้วด้วยหนึ่งผืน เหอๆ”

“อะไรกันค่ะ ผ้าพันคอผืนนั้นลีตั้งใจทำมากๆ เลยนะคะ ไม่ใช่ผ้าพันคอใช้แล้วซะหน่อย”

“ฉันล้อเล่นน่ะมันสวยมากเลย เอ่อ ฉันต้องวางสายแล้ว

ไว้จะตอบจดหมายกลับไปนะ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายของเธอคุณอานนท์จะจัดการให้เหมือนเดิม

เป็นเด็กดีนะกตัญชลี แล้วฉันจะรีบกลับไป แล้วพบกันนะ”

“ค่ะ ขอบคุณในความกรุณาที่คุณใจดีมอบให้ลีเสมอนะคะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ”

ตื๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 

 

“ลีจะรอวันที่คุณใจดีกลับมานะคะ”

 

“คุยธุระเสร็จแล้วก็กลับเข้าห้องเรียนไปได้แล้ว

อย่ามายืนเกะกะแถวนี้นะคุณกตัญชลี”

“ค่ะๆ คุณบุญเรือน หนูจะรีบไปเดี๋ยวล่ะค่ะ

แล้วก็ขอบคุณนะคะที่ช่วยประกาศตามให้หนูมารับโทรศัพท์สายสำคัญในวันนี้”

“อืมม์ เป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว ตอนนี้เธอไปได้แล้ว”

“ค่ะ”

เด็กสาวยิ้มปลาบปลื้มด้วยความดีใจ อย่างน้อยในตอนที่พ่อบุญของเธอไม่อยู่

เธอก็ยังมีพ่ออีกคนที่คอยห่วงใย...คุณใจดี

 

…มหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

ภายในห้องปลอดเชื้อของโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง

ชาวหนุ่มสองคนที่มีหน้าตาเหมือนกันราวกับคนๆ เดียวกันอย่างธีธัช

และธัชชัย ฝาแฝดหนุ่มอนาคตไกล ทายาทบริษัทในเครือ‘ฐิติเศรษฐพงษ์

 กำลังพูดคุยกันอยู่ในห้องนั้น

ธัชชัยในชุดคนไข้นอนอยู่บนเตียง และธีธัชในชุดปลอดเชื้อ

“ธี ฉันจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

“ไม่ต้องห่วงนะธัช นายจะต้องหายดี ฉันจะพานายกลับบ้านเอง ฉันสัญญา”

“แต่ถ้าการผ่าตัดครั้งนี้ไม่เป็นไปตามที่เราหวังไว้”

“ทุกอย่างต้องโอเค ตอนนี้นายแค่พักผ่อนให้ดี

แล้วเตรียมตัวสำหรับการผ่าตัดในอีก 2 วันข้างหน้า

อ่อ พี่ทิพย์ก็คงจะมาถึงเย็นนี้นะ ส่วนยัยแอลยังสอบไม่เสร็จเดี๋ยวจะตามมาอีกที

ยัยแอลบ่นคิดถึงนายด้วย”

“ธี...”

“ว่าไงคุณน้องชาย”

“ฉันมีเรื่องจะขอร้องนาย”

“ไว้นายผ่าตัดเสร็จ และหายดีเมื่อไหร่ค่อยบอกฉันก็แล้วกัน”

“ไม่...นายช่วยฟังตอนนี้เลยได้ไหม”  ธัชชัยคว้าข้อมือของแฝดผู้พี่ และจับอย่างอ่อนแรง

“เรื่องที่ฉันจะขอร้องนายก็คือ...”

 

 

ธีธัชรับสมุดเล่มนั้นมาแล้วเปิดอ่านทันที

...ในรูปนี้คือกตัญชลี เด็กสาวที่ฉันอุปการะไว้เมื่อหลายปีก่อน เธอเรียกฉันว่าคุณใจดี เราเจอกันโดยบังเอิญ เธอเป็นคนที่ฉันอยากจะดูแลและปกป้อง แต่ฉันรู้ตัวดีว่าคงไม่สามารถดูแลกตัญชลีให้เติบโตไปมากกว่านี้ได้ ฉันเลยอยากจะส่งต่อหน้าที่นี้ให้นาย มีนายคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยฉันได้ ถือว่าฉันขอร้องล่ะนะ...ธี

 

ธีธัชมองธัชชัยอย่างสงสารจับใจ

 

…ธัชชัยเริ่มรู้สึกตัวเป็นครั้งแรก หลังจากที่เขาทำการผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อย

ธีธัชเป็นคนแรกที่ธัชชัยเรียกหา แม้ว่าเขาจะไม่สามารถพูดได้

เนื่องจากติดสายระโยงรยางค์ และยังต้องเจาะท่อที่คอสำหรับเอาไว้ดูดเสมหะก็ตาม

แต่ธัชชัยก็ไม่ละความพยายาม

เขาเขียนข้อความต่างๆ ใส่ในสมุดบันทึกเล่มเล็กสีน้ำเงิน…และยื่นให้แฝดผู้พี่ทันที

ธัชชัยยังจำวันที่เขาพบกับเด็กสาวตัวน้อยที่ชื่อกตัญชลีได้เป็นอย่างดี

...ในวันนั้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากทราบผลตรวจว่าตัวเองเป็นมะเร็งที่ขั้วปอด

สมองของเขาก็แทบจะไม่สั่งการให้ทำอะไรต่อไปอีก

 

ในขณะที่รถของเขากำลังจอดติดไฟแดงอยู่นั้น

เขานึกอยากจะขับรถชนให้รู้แล้วรู้รอดไป

เพราะรู้ว่าตัวเองคงอ่อนแอเกินกว่าจะต่อสู้กับโรคร้ายนี้ได้

แต่เขาก็ต้องชะงัก ที่เห็นข้างหน้ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น มีรถพยาบาล

และรถร่วมกตัญญูวิ่งกันอย่างเร่งด่วน

เพื่อรีบไปช่วยเหลือคนบาดเจ็บให้ทันเวลา

เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานกันแข่งกับเวลา

เพื่อหวังยื้อชีวิตคนเจ็บไว้ ที่สะดุดตาก็คือเด็กหญิงผมเปียตาแป๋ว

ที่ช่วยพ่อของเธออยู่ไม่ห่าง... รถของมูลนิธิคันหนึ่ง

ขับหายออกไปภายในเวลาไม่กี่นาทีต่อมา

 

ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาจอดรถลงข้างทาง

ก่อนจะไปหยุดใกล้ๆ กับรถของมูลนิธิอีกคันที่ยังจอดอยู่

ภาพเหตุการณ์ต่อมาคือภาพหญิงครรภ์แก่ใกล้คลอด

ที่อยู่ในรถแท็กซี่กำลังร้องขอความช่วยเหลือ

เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิรีบรุดไปช่วยทันที

 

“อูแว้ๆ”

เด็กชายตัวจ้อยลืมตาดูโลก...ในอีกอึดใจหนึ่ง

กตัญชลีใช้ผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อให้พ่อของเธอ

“พ่อคะ น้องน่ารักจังเลยนะคะ”

“ใช่ลูก เราลาน้องกันตรงนี้นา ต่อไปส่งหน้าที่ให้พวกอาๆ

เถอะ น้องจะได้ถึงมือหมอ น้องจะได้ปลอดภัย”

“ค่ะ พ่อของลีเก่งที่สุดเลยค่ะ”

“ลีก็เก่งเหมือนกัน ลีช่วยพ่อได้เยอะเลย

เฮ๊ย ฝากส่งให้ถึงมือหมอด้วยนะ”

นายบุญหันไปสั่งงาน ก่อนจะพาลูกสาว

มานั่งพักที่มานั่งใต้ทางด่วน...ที่ประจำของสองพ่อลูก

ธัชชัยยิ้มให้สองพ่อลูกก่อนจะไปหยิบขวดน้ำในรถ

พร้อมขนมส่งให้พวกเขา

“คุณทำให้โลกนี้น่าอยู่อีกเยอะเชียวครับ”

“ขอบคุณครับ”

นายบุญตอบ

 

...วันต่อมา หลังจากกลับจากโรงพยาบาล

เขาผ่านมาเจอเด็กหญิงกับพ่อของเธอเช่นเคย

อยู่ๆ ธัชชัยก็เข้าไปคุยกับเด็กหญิง...

เธอพูดเจื้อยแจ้ว เสียงใสแจ๋วอย่างไม่รู้จักเหนื่อย

 

 “ชีวิตทุกชีวิตมีค่าทั้งนั้นค่ะ พ่อสอนไว้

เพราะอย่างงี้ลีเลยไม่กลัวที่จะต้องตามพ่อมาช่วยคนบาดเจ็บ

ถ้าเขาหายดี วันนั้นคือวันที่ลีมีความสุขที่สุด”

“ขอบใจนะหนูน้อย ขอบใจที่ทำให้ฉันอยากมีชีวิตอยู่ต่อ”

“คะ? คุณว่าไงนะคะ”

“เปล่าหรอกจ้า เจอกัน 2 ครั้งแล้ว ยังไม่ได้แนะนำตัวกันสักที”

“ลีชื่อลีค่ะ กตัญชลี คุณล่ะคะ”

“เรียกฉันว่าคุณใจดีก็แล้วกันนะ”

“ค่ะ”

“ตอนนี้เรารู้จักกันแล้วนะ วันนี้ฉันต้องไปก่อน

พรุ่งนี้เจอกันนะ”

“ค่า”

เด็กหญิงโบกมือให้เขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยม

วันต่อมาเขามาพบเธอที่บริเวณใต้ทางด่วนของถนนสายหนึ่ง

ที่พลุกพร่านไปรถรามากมาก

เขาถือขนม และตุ๊กตามาให้เธอด้วย แต่ภาพที่เห็น

เป็นภาพที่พ่อของเธอในนาทีที่...กำลังสิ้นใจต่อหน้าต่อตาตัวเอง

และเด็กน้อยที่ชื่อกตัญชลีก็กอดศพพ่อของเธอร้องไห้

ก่อนที่เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในมูลนิธิจะช่วยพาร่างพ่อของเธอไป

 

“พ่อค๊า ฮือๆ พ่อบุญ”

“คน ดี ของ พ่อ หนู ต้อง อยู่ ต่อ ไป เข้ม แข็ง ไว้ นะ”

มือที่เต็มไปด้วยเลือดของนายบุญค่อยๆ ร่วงลงมา

“ฮือๆ ลีสัญญา ลีจะเข้มแข็ง ลีจะเป็นเด็กดี

ลีจะดูแลแม่กับน้องแทนพ่อบุญนะคะ”

 

นับตั้งแต่วินาทีนั้นเขาก็อยากที่จะดูแลและปกป้อง

เด็กน้อยคนนี้ตลอดไป

 

…2…

ชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง เด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยม

กำลังกดรัวไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ

ก่อนจะกระแอมกระไออยู่หลายหน

“พี่ลี นี่ฉันเอง ญุดานะ แม่ไม่สบาย ฉันไม่มีเงินพาแม่ไปหาหมอ

พี่ช่วยเอาเงินมาให้หน่อยได้ไหม ตอนสามโมงเย็นฉันจะไปรอที่ป้อมยามโรงเรียนพี่นะ

แค่นี้นะ เหรียญฉันหมดพอดี อย่าลืมล่ะ”

“เอ่อ อือญุดา ญุดา ฮัลโหลๆ”

ตื๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 

“หวังว่าครั้งนี้คงจะป่วยจริงๆนะ คงไม่ใช่เอาเงินไปเล่นการพนันอีก

เฮ้อ ถ้าตอนนี้พ่อบุญยังอยู่คงจะดี”

เด็กสาวนึกถึงผู้มีพระคุณของเธอ...แต่โชคร้ายที่เขาได้จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ

ที่หลงเหลืออยู่คือความรัก ความใจดี และความมีน้ำใจที่เขามีต่อเธอ และเพื่อนร่วมโลก

นายบุญ จิตต์ซื่อตรง อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติหน้าที่

 

เมื่อถึงเวลานัดหมายกตัญชลีรีบเอาเงินมาให้กตัญญุดา...

ตามที่นัดกันเอาไว้

“นี่เงินทั้งหมดที่พี่มีนะ แม่เป็นอาการเป็นยังไง อย่าลืมโทรมาบอกพี่ด้วยนะ”

กตัญชลียื่นซองเงินที่เพิ่งได้จากการจากเก็บตัวเป็นนักกีฬาของทางโรงเรียน

ให้น้องสาวของเธอไป

“อือ รู้แล้วๆ ฉันไปนะพี่ลี แม่รอฉันอยู่”

“อื้ม กลับดีๆ นะ”

กตัญชลีมองตามน้องสาวไปจนลับตา

ก่อนจะรีบเดินเข้าโรงเรียนตามเดิม

 

เมื่อกลับถึงบ้านกตัญญุดาก็เอาเงินไปแบ่งกับนางพรผู้เป็นแม่

“โห แม่ ญุดาเป็นคนคิดวิธีนี้ไปเอาเงินจากพี่ลีนะแม่

แถมญุดายังดั้นด้นไปเอาถึงโรงเรียนแม่ชีนู่นเชียวนะ ไกลก็ไกล

แค่ 500 เองหรอ ขอ 2000 เถอะ อย่างกไปหน่อยเลย”

“ขอแม่เอาไปทำทุนก่อนละลูก รับรองพรุ่งนี้แม่มีให้ญุดา 3000 แน่

ตอนนี้เราต้องดีกับนังลีมันไว้ ถึงพ่อแกจะรีบชิ่งตายหนีไปก่อน

แต่นังลีมันยังเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของเราสองแม่ลูกอยู่”

“รู้แล้วน่า แต่ 2000 ห้ามต่อ”  เด็กสาวยื่นมือไปขอเงินจากผู้เป็นแม่

“เออ นางลูกเทวดา แล้วก็รีบกลับบ้านด้วย อย่าไปแต๊ดแต๋จนดึกล่ะ”

“เจ้าค่า ไปนังมิ้น ไปหาอะไรอร่อยๆ แพงๆ กินกันในตลาด”

“ฉันลาล่ะจะน้าพร”

“เออ เอ็งก็รีบๆ พากันกลับบ้านล่ะ”

“จ้าน้า”

 

นางพรนั่งนับเงินในซองที่เหลืออีก 4000 บาท ก่อนจะยิ้มมีความสุข

อยู่ๆ ก็เกิดลมพัดแรง ทำให้รูปของนายบุญ บนหิ้งพระสั่นสะเทือน

“พี่น่ะตายๆ ไปแล้วก็อยู่ส่วนผีสิ ฉันไม่กลัวหรอก”

นางพรหันไปดุรูปสามีบนหิ้งพระ ก่อนจะทำท่าฟึดฟัด

....................

 

หลายปีผ่านไป

รับขวัญ รัตนธำรงค์กูร ลูกสาวคนโตของคุณกรองแก้ว และคุณรัฏฐ์

นักธุรกิจชื่อดังของประเทศไทย เดินทางกลับมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา

ทันทีที่สำเร็จการศึกษาสร้างความปิติยินดีให้กับบิดามารดายิ่งนัก

“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่”

“กลับมาทำไมไม่บอกกันก่อนนะยัยขวัญ แม่กับคุณพ่อจะได้ไปรับที่สนามบิน”

“ไหนมาให้พ่อชื่นใจทียัยขวัญ”

“บอกก่อนก็ไม่สนุกน่ะสิคะ”

เปรี๊ยะ !!

คุณกรองแก้วแกล้งตีแขนลูกสาวไปหนึ่งที

“โอ๊ย คุณแม่ขวัญเจ็บนะคะ แงๆ คุณพ่อขาช่วยขวัญที”

“เรานี่นะยัยขวัญไม่ยอมโตเสียที”

“ขวัญล้อเล่นนิดเดียวเอง เอ แล้วคุณนมไปไหนซะล่ะคะคุณแม่”

“อยู่ในครัวนู่น”

“โอเคค่ะ งั้นเดี๋ยวขวัญมานะคะ”

“ห้ามไปแกล้งคุณนมเขาล่ะ เดี๋ยวหัวใจจะวายเอา”

“เจ้าค่าๆ”

“พ่อกับแม่ต้องไปประชุม ไว้เจอกันเย็นๆ นะลูก” 

คุณกรองแก้วบอกกับลูกสาว ก่อนจะลูบศีรษะเธออย่างเอ็นดู

“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ขวัญเข้าใจ”

“ไว้พ่อจะเลี้ยงต้อนรับเราเป็นการแก้ตัวทีหลังนะยัยขวัญ”

“ค่าๆ เข้าใจแล้วค่ะ รีบกันไม่ใช่หรอคะ เดี๋ยวไปสายนะคะ”

“จ้าๆ”

 

 

“อุ๊ย หก หก หก หก”  รับขวัญแกล้งร้องเสียงดังลั่น และมันก็ได้ผล

เพราะนมแจ่ม แม่นมคนเก่าแก่ของบ้านก็ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ

“ว๊าย หก หก หก”

“ยังขวัญอ่อนเหมือนเดิมเลยนะคะคุณนมขาของขวัญ”

“คุณขวัญ”  หญิงสูงอายุหันมามองเจ้าของเสียงเจื้อยแจ้วของรับขวัญ

เด็กหญิงที่เธอเคยเฝ้าเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเล็ก จนตอนนี้เป็นสาวสะพรั่งสมวัย

“คิดถึงจังเลยค่ะคุณนม”  รับขวัญสวมกอดนมแจ่มโดยไม่รั้งรอ

“คุณขวัญของนมจริงๆ ด้วย”

“ขวัญหิ๊ว หิว มีอะไรให้ทานมั่งคะ”

“ข้าวต้มกุ้งค่ะ”

“ขอขวัญสักชามนะคะ ขวัญไม่กวนคุณนมดีกว่า”

“ไปรอที่ห้องรับประทานอาหารเถอะค่ะ เดี๋ยวนมให้เด็กยกไปให้”

“ค่ะ แต่มีข้อแม้ว่าคุณนมต้องมานั่งทานเป็นเพื่อนขวัญนะคะ

ขวัญไม่อยากทานข้าวคนเดียว”

“ค่าคุณหนู”

 

..สองวันต่อมางานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของรับขวัญ

ถูกจัดขึ้นที่ริมสระว่ายน้ำสุดหรูของบ้าน รัตนธำรงค์กูร

 ครอบครัวฐิติเศรษฐพงษ์ได้รับเชิญให้มางานนี้ด้วยเช่นกัน

ทั้งคุณหญิงธีราอร ธิดาทิพย์ นพ.อนุวัฒน์ อสมาภรณ์ รวมทั้งธีธัชด้วย

"สวัสดีค่ะพี่อร น้องทิพย์ คุณนุเชิญข้างในค่ะ

หนูแอลไม่เจอกันเลยนะจ๊ะ โตขึ้นอาเกือบจำไม่ได้

นายธีนี่ยิ่งดูก็ยิ่งหล่อยังกับพระเอกละครแหนะ"

คุณกรองแก้วทักทายรุ่นพี่คนสนิท พวกเธอรู้จักกันตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน

ที่โรงเรียนสตรีกุลนารี โรงเรียนสตรีล้วนที่มีชื่อเสียง...

และทักทายคนในครอบครัวของเธอที่สนิทชิดเชื้อกัน

อสมาภรณ์ยกมือไหว้เจ้าของบ้านทั้งสอง

แล้วก็ได้แต่ยิ้มเขินเมื่อเป็นฝ่ายถูกชม

ส่วนธีธัชก็ยิ้มรับขำๆ กับคำชม

 

"ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะน้องแก้ว"

"ขอบคุณค่ะพี่อร คุณรัฏฐ์เดี๋ยวฉันมานะคะ

เดี๋ยวฉันมาช่วยรับแขก"

กรองแก้วบอกกับผู้เป็นสามี ก่อนจะเดินนำครอบฐิติเศรษฐพงศ์ไป

 

เมื่อทักทายกันพอเป็นพิธีแล้ว รับขวัญก็ลากธีธัชให้มากับเธอทันที

รับขวัญในชุดกระโปรงสีครีม และมีลูกไม้แซมเข้ากับชุดอย่างลงตัว

และการแต่งหน้าบางๆ ก็ทำให้เจ้าของชื่อรับขวัญดูสวยสมกับวัย

เจ้าของงานพาเขาไปที่ซุ้มอาหาร เมื่อกินอิ่มพอเป็นพิธี

เธอก็พาเขามานั่งที่เรือนไทย...ที่อยู่ใกล้ๆ

 

... รับขวัญมองหน้าชายหนุ่มอย่างเคลิบเคลิ้ม

ไม่ว่ากี่ปีผ่านไป พี่ชายคนนี้ยังดูหล่อและใจดี

ในสายตาของเธอเสมอ...

“ดีใจจังเลยค่ะที่พี่ธีมาด้วย นึกว่าพี่ธีจะไม่มาซะอีก”

“ก็ต้องมาสิครับ ถ้าไม่มาคนแถวนี้จะพาลโกรธพี่แย่”

ธีธัชตอบแกมกระเซ้าหญิงสาวเล็กๆ

“รู้ก็ดีแล้วล่ะค่ะ แต่ไหนล่ะคะของขวัญน่ะ”

“รีบทวงจังเลยนะ”

“แน่นอนสิค่ะ ก็ขวัญกลัวพี่ธีจะเบี้ยวนี่นา”

“หึหึ นี่ครับของขวัญของน้องขวัญสาวน้อยของพี่”

ชายหนุ่มขำเล็กๆ ก่อนจะหยิบของขวัญ

กล่องขนาดกระทัดรัดออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทด้านใน

“อะไรน้า แพงรึเปล่าเนี่ย” 

รับขวัญเขย่ากล่องของขวัญเบาๆ ก่อนจะแกล้งพูดออกไป

“ก็สมราคานั่นแหละ ลองเปิดดูสิ ไม่รู้ชอบรึเปล่า”

“ไม่เอาหรอก ขวัญจะเอาไปเปิดดูคนเดียว”

“แล้วพี่จะรู้ได้ไงว่าน้องขวัญชอบหรือไม่ชอบ”

“ของที่พี่ธีให้ ขวัญชอบทุกอย่างนั่นแหละค่ะ”

 

แต่แล้วการสนทนาระหว่างธีธัชและรับขวัญก็ต้องชะงะกลง

เมื่อมีเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มอีกคนเดินมา...

 

“น้าธีคะ คุณยายให้มาตามค่ะ เราจะกลับกันแล้ว”  

อสมาภรณ์เดินมาขัดจังหวะการสนทนาของธีธัชและรับขวัญ

รับขวัญทำหน้าเซ็งเล็กๆ ที่พี่ชายที่แสนดีอย่างธีธัชจะถูกลากตัวกลับ

ทั้งทีเขาอยู่คุยกับเธอได้ไม่ถึงชั่วโมงแท้ๆ

“เราไปบอกคุณยายนะ เดี๋ยวน้าตามไป”

“ค่ะ”

 

ความจริงแล้วรับขวัญไม่ชอบหน้าอสมาภรณ์เอาซะเลย

ก็เพราะตั้งแต่อสมาภรณ์เกิดมา เธอก็เป็นอีกคนที่ธีธัชมักจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ

รับขวัญได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี จนเธอเองต้องเป็นที่หนึ่งสำหรับทุกคน...เท่านั้น

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา