ฉันอยาก ลัก เธอ

-

เขียนโดย พีที

วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.08 น.

  2 ตอน1
  1 วิจารณ์
  4,615 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 18.16 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) พลาด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

    ในห้องนอนมืดทึบไอร้อนอบอ้าวอัดแน่ เด็กผู้หญิง นั้งเก้าอี้ไม้จ้องหน้าจอทีวี อย่างไม่กระพริบ ไม่ใช่เพราะหน้ากลัวแต่ ใบหน้าของเด็กนอยกำลังแดง ดวงตาสีดำเหมือนถูกสกดนิ่งไว้ ภาพในโทรทัศน์ช่องสาระคดี วิจารย์รูปภาพ ของจิตกร ชื่อภาพ คาราวัดโก caravaqqio ชื่อภาพว่า the musical  ชายหนุ่มที่นั้งตรงกลางโดยมีผ้าคลุมสีแดงนั้น เป็นภาพที่ เด็กน้อย ที่พึงดูโลกได้ 1 ปี ยังมีการรับรู้ว่า เขาช่างวิเศษเหลือเกิน 

   แต่แล้ว .. เมื่อเวลาผ่านไปความประทับใจนั้นก็ ค่อยๆเลือนหายไป จนหมดสิ้น ....

     เสียงแม่ค้าขายของเร่บนรถไฟ ตะโกนเรียกร้องความสนใจจนร่างของหญิงสาวผมดำสะดุ้งตื่น ด้วยความเหนื่อยล้าเพราะการเดินทางด้วยรถไฟระดับกลางนั้น ทั้งช้าลำบากและก็ปวดเนื้อตัวเสียด้วย 

"ข้าวเหนียวไก่ย่างไมจ๊ะ" น้ำเสียงแม่ค้าฟังดูอ่อนเพลียผสมกับสีหน้าบึงตึง คงเพราะ อากาศร้อนและขายไม่ค่อดี 

   ฉันต้องการเดินทางแบบนี้ไม่ใช่เพราะไม่มีทางเลือก แต่ช่วงปิดเทอมนี้ฉันอยากรู้จักตัวเอง ทำให้ยอมรับอะไรบางอย่าง ใช่แล้วฉันกำลังหนี หนีจากอะไรบางอย่างที่หน้าอายมาคนเดียว ฉันก็ถามตัวเองนะว่าเหงาไม? แน่นอนฉันต้องเหงาอยู่แล้ว ฉันหยิบสมุดโน๊ตขึ้นมา ครั้งแรกที่เห็นสมุดเล่นนี้ฉันก็อยากจะเอามันมาจดบันทึกความรู้สึกต่างๆเอาไว้ เพื่อเป็นที่ระบาย แต่ข้อเสียของมัน มันคือหลักฐานว่าคุณคิดยังไงเป็นคนยังไง และที่สำคัญเมื่อสมุดเล่นนี้ถูกเปิดโดยคนนั้นไม่ใช่คุณ นั้นแหละสิ่งที่ฉันรับไม่ได้ ฉันคิดว่า ความลับของฉัน ใหตายยังไงก็ไม่บอกหรอก ฉันพร้องที่จะตายไปกับมัน ให้ตายยังไงก็ไม่บอก 

   ฉันออกเดินทางมาพร้อมกับกระเป๋าเป้ด้านในนั้นมีเพียงสมุดวาดรูป สมุดโน๊ตตที่ถืออยู่ในมือ กล่องดินสอ สามสิ่งนี้เท่านั้น แต่ยังไม่นับที่ติดมือมาด้วย นั้นคือกระดานวาดรูปขนาดกลางและกระดาษวาดรูปอีกจำนวนไม่มากนักพร้อมตัวหนีบ เท่าที่อธิบายมา คุณคงเข้าใจว่าฉันเป็น จิตกร เร่ร่อน แต่.. ก็ประมาณนั้น และก็ยังไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางอยู่ที่ใหน ฉันขึ้นรถไปฟมาด้วยความสับสน ไม่ได้แม้แต่การเตรียมตัว ละมันก็ผ่านมาแล้ว เกือบครึ่งวัน พระอาทิตย์คลอยต่ำลงเรือยๆ สีท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยน ฉันชอบมองท้องฟ้า โดยเฉพาะตอนที่มันสดใส แต่ก็ไม่อยากจ้องตอนที่มันสว่างจ้าเกินไป ฉันเกลียดทะเล สถาณีต่อไป จังหวัดชลบุรี ฉันลังเลอยู่ว่าฉันจะลงที่นี้ดีหรือปล่าว แต่ก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก อยากทำไรก็ทำ นี้มันช่วงปิดเทอม 

   รองเท้าผ้าใบสีขาวเขียวกางเกงยีนเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินตัวโตเมื่อคนใสนั้นตัวเล็กทำให้สภาพแบกกระเป๋ายีนและกระดานวาาดรูป นั้นดูเกะกะลูกตาของผู้พบเห็น หญิงสาวมายืนอยู่ที่หน้าสถาณีข้างน้องท้องฟ้าเริ้มมืดแล้ว ฉันวางของไว้ที่เก้าอี้ไกล้ๆ ค้นหากระเป๋าตัง เมื่อรู้ตัวเองว่าในกระเป๋านั้นมีเงินเพียงหกร้อยบาทก่อนทำหน้ารำบากใจ แค่ค้าที่พักก็หมดตัวแล้ว แม้ว่าหญิงสาวจะมีวิชาความรู้ติดตัวมาน้อนนิด และก็ใช่ว่าจะเป็นวิชาแกร่งกล้าสามารถให้คนที่พบเห็นถูกใจง่าย แต่เมื่อถึงตราจนแล้ว เธอเลยตัดสินใจนั้งอยู้ที่เก้าอี้นั้นและเขียนป้ายด้วยกระดาษสีขาวบางว่า วาดรูปเหมือนราคาต่ำนั้งรอไม่นานเท่าไร ก็มีรายแรกมาประเดิม เขาเป็นชาวต่างชาติ นั้นก็เป็นปัญหาของหญิงสาวอีกแล้ว เพราะฉันไม่เก่งเรื่องพวกนี้เลย 

"I want a paie my husband" หล่อนพายยามสื่อสาารกับหญิงสาวร่างเล็กผิวแทนเจ้าของร้าน และชี้มือไปทางสามีกับหล่อน ก่อนชี้มาทางกระดาษ แล้วชู้นิ้วชี้ขึ้นตรงหน้า 

"อ๋อ" แม้การสื่อสารจะลำบาก บรรยากาศตอนทำงานให้กับสามีภรรยานั้นก็ผ่านไปด้วยดี พวกเขาพายยายามพูดกับ ฉัน แต่พวกเขาก้ได้แต่ว่า เธอชื่อ "อิม" หรือเต็มๆว่า แช่อิม 

   เมื่อมีลูกค่าคนแรกก็ย่อมมีมากลุ่มที่สอง สาม ต่อไป แม่จะเป็นที่ไม่หน้าพอใจกับผลงานนั้นแต่ก็ไม่สามารถว่าอะไรได้ เมื่อราคาของมันเพียงแค่ไม่กี่บาทต่อแผ่น เมื่อกระดาษลดจำนวนลงเพียงไม่ถึงครึ่งก็มีคนชุดเครื่องแบบเดินมาไล่ เวลานี้ท้องฟ้ามืดคลึมแล้ว เธอเดินออกมมาทางเดินที่มีรถประจำทางวกมือเรียกเกือบตลอดสองข้างทาง แต่ไม่เลือกการเดินทางแบบนั้น เธอเดินมาไกล ไกลมากพอที่จะไม่เดินกลับที่เก่าได้ สองข้างทางเต็มไปด้วยร้าน บาร์ กลางคืนมากมาย สายตาของฉันเศร้าและหดหู่ ผมสีดำยาวที่ปรกคุมหน้าและชู่มด้วยเหงือถูกมือขาวปัดขึ้นไปข้างหลัง ฟังเสียงหัวเราะ นิทา ภาษาต่างๆที่ฟังออก แต่ไม่รู้เรื่อง ฉันเลือกที่จะเดินไปเรื่อยๆ เมื่อมีสายลมพัดโกรกแรงมาที่ใบหน้า และมีเสียงคลื่นน้ำต่อเนื่อง สายตาจำจ้องไปที่ความมึดนั้นแล้วเสียงหัวใจก็เต้นผิดจังหวะ 'อิม เธอเปรียมเหมือนน้ำ เขา เปรียมเหมือนผืนดิน และ ฉันเหมือนกับลม' ตาสีดำสะบัดหน้าหนีทิวทัศน์กลางคืนอย่างปวดร้าว

   ตอนนี้ร่างของฉันก็หมดเรียงแรงที่จะเดินต่อ ฉันเลือกหยุดพักที่นี้ ที่เก้าอี้ไม้ข้างทางนี้ฉันเดินมาโดยไร้จุดหมายหาที่พักคืนนี้ไม่ได้เนื้อตัวชุ่มเหงือนั้นยังไม่รบกวนใจพอกันเรื่องความเหนียวตัวมาแจมด้วย 'ฉันเกลียดทะเล และทำไมฉันต้องมาที่นี้ด้วย!' ฉันหวิดร้องในใจ ภาพที่ขายได้และเงินที่ติดตัวมารวมกันแล้วก็มีอยู่ พันสองเท่านั้น แต่ติดที่ว่าฉันยังไม่อยากหาที่พักและไม่กลัวอันตราที่พวกผู้ใหญ่เขาค่อยระวัง ฉันเคยได้ยินเพื่อนเล่าให้ฟังว่า มาเที่ยวละเทนั้นต้องระวังตัวแม้แต่รองเท้าก็ยังหาย นึกได้ก็ขำ ฉันนั้งหัวเราะคนเดียวและทันไดนั้น ก็มีคนกระซากกระเป๋าเป๋คาตาฉันไปฉันรีบวิ่งตามไปอย่างไมาเกลงกลัวอันตรา คนร้ายเหมือนเป็นเด็กวัยรุ่นราวๆ 13 ปี เขาเลือกวิ่งข้างถนนตัดออกซอยไปที่ถนนใหญ่ ฉันออกแรงเร่มความเร็วให้ทันตรงกลางถนนเด็กชายเยียบบนเกาะกลางแต่ก่อนที่ฉันจะตามได้ทันก็มีรถยนต์วิ่งสวนมาฉันไม่รู้สึกอะไรเลย รู้เพียงแต่ว่า ในกระเป๋านั้นมีของสำคัญอยุ่ ของที่ฉันไม่อยากห่างมัน และทุกอย่างก็จบลง

    แสงสสว่างและกลิ่นเหม็นลอยติดจมูก ฉันนอนนิ่งสักพักเมื่อได้สติ ก่อนที่จะเรียงลำดับเหตุการณ์ และเข้าใจว่ากลิ่นเหม็นนั้นคือกลิ่นแอนโมเนียที่โรงยายาบ ฉันพายายามขยับตัว ก่อนที่จะรู้ตัวว่าขาข้างขาวและหลังเจ็บแปลบขึ้นมา ชาไปทั้งตัวจนต้องยอมแพ้การต่อต้านนั้น ฉันมองซ้ายขาว เห็นแก้วปล่าวและเยือกน้ำว่างอยู่แต่จนปัญญาจะบริการเอง เลยควานสายตาหาสิ่งที่หน้าสนใจที่ผ้าห้มสีขาวเขียนชื่อโรงพยาบาลไว้ นั้นก็เพียงพอกับข้อมูลตอนนี้ และสักพักร่างกายก็เริ่มชินกับอาการปวดนั้นก่อนที่จะช่วยบริการน้ำดื่มด้วยตัวเองจนสำเร็จ และหลับไปอีกเมื่อรู้สึกตัวอีกทีท้องฟ้าข้างนอกเป็นสีเทาและประตูก็เปิดออก พร้อมกับหมอชุดกาวผมหยิกตาโตตัวสูงๆ ดูก็รู้ว่าเป็นลูดเซียว ฉันนอนมองหน้าคนมาเยือนใหม่เพื่อรอคำอธิบาย 

"คุณ ตฤณ กรองจิตร์" ชายหนุ่มยิ้มสดใสมาทางนี้โดยเปิดกระดาษในมือนั้น"อุบัติเหตุ อ่า! เจอแล้ว ขาหักรักษา สามอาทิตย์ ค่าพายาบาลคู่กรณีจ่ายให้ และไม่ทรายว่าคุณพอจะมีที่อยุ่เบอร์โทรติดต่อญาติได้ไมครับ พอดีว่าเราพายายามสื่บตามบัตรที่ติดตัวคุณมาแต่ติดต่อไปแล้วแต่ไม่มีใครที่เกี่ยวข้องกับคุณเลย" ฉันคาดว่าน่าจะเป็นหมอใหม่ไม่ก็หมอฝึกหัด แต่ฉันจะเรียกเขาว่าอะไรดี "อ๊ะ !"เขาส่งเสียงขัดจังหวะความคิดหญิงสาว"อย่ามาเล่นมุขความจำเสือมนะ สาวๆสมัยนี้เขาคงอ่านนิยายเยอะผมเจอบ่อย"เขาบอก และหญิงสาวตรงหน้าเขาถึงกับหลุดขำในความขี้เล่นหลงตัวเอง 

"ยังไม่ต้องบอกพวกเขา ดีแล้ว ฉันไม่อยากให้เขารู้เรื่องแบบนี้หรอก"ฉันตอบก่อนที่ชายชุดกาวจะย้ายตัวเองมานั้งข้างๆเตียงผู้ป่วย 

"เฮ้! อย่าบอกผมนะว่าคุณหนีออกจากบ้าน" เขาทำหน้าตาไม่เห็นด้วยอย่างแรง นั้นก็ยิ่งทำให้ฝ่ายตรงข้ามลำบากใจตอบความจริง "ยังไงก็เถอะ ผมจะย้ายคุณไปห้องรวมนะ"เขาว่า ก่อนจะออกคำสั่งให้พยาบาลย้ายเตียงพร้อมคนมาห้องรวม ฉันใช่เวลาไม่นานนักกับการปรับตัวสภาพแวดล้อมใหม่ ในห้องนี้มีผู้คนเดินเข้าออก ไปมาบางตา เป็นญาติๆของผู้ป่วย 

"คุณ ตฤณ คะ คู่กรีณมาขอพบค่ะ"และข้างหลังก็ปรากฏร่างของกลุ่มคน สี่คนมีหญิงร่างอวบขาวแต่งตัวด้วยผ้าไหม เดินมาเปิดบทสนทนา

"หนู จ๋า ป้าขอโทษจริงๆ ลูกป้าไม่ได้ตั้งใจ พวกเราเห็นหนูวิ่งตามเด็กผู้ชายป้าก็บอกให้ชลอแล้วนะ แต่ไม่ทันจริงๆ" และอีกคนที่เป็นเด็กสาวหน้าตาหน้าลักผมสั้นปะบ่าเดินมาลูบหลังคาดว่าหน้าจะเป็นแม่ลูก 

"แม่ไม่ผิดหรอกค่ะ หนูผิดเองหนูไม่หน้าช่วนดูคลิปตอนนั้นเลย"เธอทำหน้าเสียใจ

"เออ"ฉันเริ่มจะตอบโต้ แต่มันพูดอะไรไม่ออกจริงๆ 

อีสองคนที่เหลือเป็นผู้ชาย หน้าจะเป็นพี่น้องกัน อายุไม่น่าห่างกันมาก คนแรกใส่เสื้อเชื้ตสีเทากางเกงสแล็ดสีกรมเอาเสื้อออกนอนกางเกงแต่งตัวไม่เรียบร้อยผมดำยาว ตัวสูงขาวอมชมพู เหมือนพ่อแม่จะเลี้ยงมาดี ยืนกอดอกมองมาทางสองแม่ลูกส่งสายตาอนิจัง และอีกคนดูเด็กกว่า ใส่เสื้อยืดคอกลมกางเกงสามส่วนรองเท้าผ้าใบส่วมเสื้อเซิ้ตลายตรางสีน้ำเงินทับมองมาที่ฉันเหมือนกำลังวิเคราะห์เหมือนที่ฉันกำลังทำ 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา