The Smile Devil นายปีศาจตัวร้ายกับยัยตัวเเสบ

9.7

เขียนโดย winter

วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 10.04 น.

  21 #
  7 วิจารณ์
  25.12K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557 12.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) Chapter 7 แหวนสีฟ้ากับสาวน้อยปริศนา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter VII

แหวนสีฟ้ากับสาวน้อยปริศนา

 

หลังจากฉันเดินออกจากโรงยิมของโรงเรียน ฉันก็แวะมาที่สวนสาธารณะหน้าหมู่บ้าน มันช่างสงบเสียจริงๆเลยนะ แม้ยามเย็นและตอนนี้ก็ยังไม่ค่ำซะด้วย แต่ทำไมไม่คอยมีคนเลยนะ ตอนนี้เลยมีแค่ฉันเพียงคนเดียวใจหวิวๆแฮะคงไม่มีใครหรือตัวอะไรบ้าๆโผล่ออกมาให้ฉันตกใจนะ แต่พอนั่งได้ซักพักก็มีหญิงชราอายุน่าจะประมาณซัก หกสิบหรือเจ็ดสิบได้มองมาทางฉันที่ฉันนั่งและพยายามเรียกหาใครอยู่

 “หนูจ๊ะ หนู” เอ๊ะเรียกฉันหรือเปล่านะ แต่แถวนี้มีแค่เราซะด้วย

             “เรียกหนูเหรอค่ะ” คงใช่แน่เพราะเขาพยักหน้าด้วย

             “มีอะไรเหรอคะยาย”

             “ช่วยซื้อของยายหน่อยสิไม่แพงหรอก”

             ที่แท้ก็จะขายของนี่เอง ว่าแล้วยายคนนั้นก็หยิบกล่องที่ไม่ใหญ่นัก ออกมาวางข้างๆฉัน พอเปิดดูก็เป็นพวกเครื่องประดับสวยงาม มีทั้งสร้อย แหวน กำไร ต่างหู ฉันมองดูซักพักก็ถูกใจกับสิ่งหนึ่งนั้นคือ ต่างหูรูปพระจันทร์เสี้ยวสีเงินไม่รู้ว่าทำจากเงินจริงๆไหมนะ แต่มันสวยมากเลยล่ะ

              “ยายคะ ต่างหูคู่นี้สวยจัง เท่าไหร่ค่ะ” คงไม่แพงนะ

             “พันห้าร้อยเยนจ๊ะ ทำจากเงินแท้” ไม่แพงจริงด้วย แถมทำจากเงินแท้ด้วยแฮะ

             “นี่ค่ะยาย” ฉันหยิบเงินในกระเป๋าสตางค์ให้ยายไปสองพันเยน

             “โทษทีนะหนู ยายไม่มีทอน” ไม่มีทอนเหรอเอาไงดีล่ะ ฉันเลยพยายามหาเงินในกระเป๋าต่อเผื่อมันจะพอมีอยู่บ้าง

             “เอางี้นะจ๊ะ ยายให้แหวนวงนี้แทนเงินทอนล่ะกันนะ”

             หญิงชราคนนั้นก็หยิบแหวนวงหนึ่งขึ้นมา สภาพดูเก่านิดๆแต่มันก็ดูสวยมากตัวแหวนทำจากเงินเช่นกัน หัวแหวนประดับพลอยสีฟ้าเข้มออกน้ำเงินซะมากกว่า และตัวแหวนสลักลวดรายที่วิจิตรบรรจงไว้ได้เข้ากับพลอยเม็ดนั้นมากๆ คงเป็นเงินแท้แน่เลย เป็นแหวนที่ดูแล้วเก่าแก่มากเลยล่ะ

             “จะดีเหรอค่ะ ดูแล้วน่าจะแพงนะ” ตอนนี้เอาค่าขนมมาน้อยด้วยสิถ้าจ่ายเพิ่มคงไม่พอแน่

             “รับไว้เถอะ ยายให้ แต่แหวนนี้มันเก่าแก่มากอย่ายกให้ใครล่ะ”

             “ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

             ฉันขอบคุณหญิงชราใจดีคนนั้นอยู่พักหนึ่งแล้วเขาก็เดินหายไปคงกลับบ้านและล่ะมั้ง ฉันนั่งดูแหวนวงสวยราคาห้าร้อยเยนด้วยความเพลิดเพลิน โชคดีจังที่ได้เครื่องประดับสวยๆและราคาถูกแบบนี้ แต่เมื่อกี้เราคงจะมองมันนานไปหน่อยเลยเห็นมันส่องแสงสีฟ้าอ่อนๆออกมา คงเรืองแสงในความมืดได้ล่ะมั้ง เพราะตอนนี้เริ่มมืดแล้วด้วย แต่แหวนแบบนี้ไม่น่ามีลูกเล่นแบบนั้นได้นี่ แต่ช่างเหอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ใส่ไปอวดยัยอากิหน่อยละกัน ยัยนั้นเห็นแล้วคงอยากได้แน่ๆเลย เฮ้อ...แต่เรื่องที่หนักใจของฉันหายไปทันทีเลยนะ

             เช้าวันต่อมา

             ฉันยังคงหลับสบายอยู่บนเตียงนอนของฉันต่อไปแม้ว่าจะมีแสงแดดยามเช้าส่องผ่านผ้าม้านมาก็ตาม เรื่องราวต่างๆที่เกิดประหลาดยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฉันตลอดเวลา แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ นายเก็น หมายถึงไม่ได้ห่วงเขานะแต่ห่วงตัวเองซะมากกว่า เพราะนายนั้นถึงเป็นแค่ลูกครึ่งปีศาจแต่นายนั้นน่าจะรู้ เรื่องเลือดของเรา หวังแค่ว่านายนั้นคงไม่อยากหม่ำฉันเหมือนปีศาจตัวอื่นๆที่นายเรียวเล่าให้ฟังหรอกนะ แต่ถ้าอีกไม่นานจะมีปีศาจมาไล่ล่าเราจริงๆ แล้วคนอื่นที่ไม่รู้เรื่องด้วยจะถูกลูกหลงจากเราไหมนะ เฮ้อ...ได้แต่ถอนหายใจ

 

            ก๊อก ก๊อก ก๊อก

            เสียงเคาะประตูดังขึ้นคงเป็นแม่ล่ะมั้ง

             “นามิ....ตื่นหรือยังจ๊ะ เดี๋ยวไปโรงเรียนสายหรอก” แต่เอ๊ะ ไม่ใช่เสียงแม่ เสียงใครกันนะ คงเป็นพี่เราล่ะมั้ง

             “ค่า...ตื่นแล้ว” แต่พี่เราร้อยวันพันปีไม่เคยมาปลุกเราเลย

             “ถ้าตื่นแล้ว ก็ลงมาทานข้าวเช้านะเตรียมไว้นานแล้ว” ไม่ใช่พี่เราแน่

             ฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ก็จัดอุปกรณ์การเรียนใส่กระเป๋าเรียนแล้วลงมาทานเข้าเช้า แต่ยังข้องใจกับเสียงนิรนามที่มาเคาะปลุกเราเมื่อเช้า แปลกๆแฮะ

             ฉันเดินลงบันไดลงมาก็พบกับพี่ฉันกำลังอ่านหนังสือพิมพ์และจิบกาแฟ และแม่ฉันที่กำลังทานอาหารเช้า คงเป็นใครในสามคนนี้ล่ะมั้งที่ไปปลุกเรา แต่เอ๊ะสามคนเหรอ ที่บ้านฉันอยู่กันแค่สามคน และถ้าตัดฉันออกเมื่อกี้ก็น่าจะเหลือแค่สอง แต่นี่ทำไมฉันเห็นคนตรงหน้าที่นั่งรวมโต๊ะอาหารมีสามคนได้ยังไงกัน ไม่ใช่แล้วนี่ฉันไม่ได้ตาฝาดแล้วเขาเป็นใครกันผู้หญิงคนนี้

             “แม่คะ! ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันคะ” ฉันรีบลุกพรวดจากเก้าอี้แล้วถามแม่ฉัน

             “อ้าว นามินี่ลูกลืมคุเรย์ไปแล้วเหรอ เขาเป็นญาติเราไง” ยัยนี่สินะที่มาปลุกเรา ว่าแต่ญาติเหรอ

             “เรามีญาติชื่อนี้ด้วยเหรอ ไม่เห็นหนูจำได้เลย” นั้นสิแปลกๆนะ เมื่อวานตอนเย็นยังไม่เจอเลยมาตอนไหนกัน

             “ช่างพี่เขาเถอะคะคุณป้า คงจำหนูไม่ได้จริงๆแหละ”

             ไม่ใช่แค่จำไม่ได้นะไม่รู้จักเลยซะมากกว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่คุ้นหน้าเลยซักนิด เธอเหมือนลูกครึ่งนะ ผมสีบลอนด์ยาวถึงเอว ขนตางอนยาว นัยน์ตาสีน้ำเงิน ปากสีแดงนิดๆคงทาริปสติกมา อายุก็คงรุ่นเรา สูงก็พอๆกับเรา แต่เมื่อกี้เรียกฉันว่าพี่ด้วย คงอ่อนกว่าเราสินะ

             “ชื่อคุเรย์ค่ะ ไม่ได้เจอกันนานคิดถึงจัง” เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วโค้งคำนับฉันพอเป็นมารยาท

             “เอ่อ...เช่นกันค่ะ ฉันนามิค่ะ” พูดไม่ค่อยออกแฮะ

             ว่าแต่เคยเจอกันจริงๆนะเหรอ แต่...แม่กับพี่ไม่เห็นแปลกอะไรเลยใจเลย

              “ไม่ต้องค่ะขาก็ได้ หนูอ่อนกว่าพี่สองปีนะ” เขายิ้มและพูดขึ้น

             “ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่นี่เหรอ” ฉันถามเพราะยังสงสัย

             “คือ..หนูจะมาพักที่นี่ซักระยะค่ะ พอดีคุณหนูพ่อมาทำธุระเลยพาหนูมาฝากไว้ที่นี่น่ะคะ” จริงเหรอ ไม่ค่อยน่าเชื่อเอาซะเลยเลย

              “งั้นเหรอนึกว่า...” อะไรดีล่ะนึกไม่ออกแฮะ

             “นึกว่าอะไรเหรอคะ”

             “ไม่มีอะไรหรอก ทานข้าวเถอะ” ยัยนี่เป็นใครกันนะ

             หลังฉันกินข้าวเสร็จฉันก็รีบออกจากบ้านไปโรงเรียนทันที นี่ก็ไม่สายเท่าไหร่นะ แต่ขืนอยู่ต่อคงทำให้ฉันสงสัยกว่านี้แน่เลย เพราะญาติปริศนาที่โผล่มาจากไหมก็ไม่รู้ ฉันถามตัวเองหลายรอบซ้ำๆไปมาว่า ใช่ญาติฉันจริงๆนะเหรอ

 

             ก่อนคาบแรก

             ฉันนั่งใจลอย อยู่ในห้องเรียนส่วนยัยอากิก็ยังเมาส์เรื่องละครที่ดูเมื่อคืนกับเพื่อนคนอื่นๆ ส่วนนายเก็นก็ยังนั่งยิ้มหยดย้อยแล้วมองมาที่ฉันตามเคย ท่าจะบ้านะนายนี่ยิ้มให้เราอยู่ได้ทั้งวันชอบส่งสายตาแปลกให้ฉันด้วยสิ ว่าแต่นายนี่นั่งหลังเราไม่ใช่เหรอแล้วไหงมานั่งโต๊ะหน้าฉันได้ล่ะ แต่สองพี่น้องอาโอกินั้นยิ่งแปลกเขาไปใหญ่มองฉันตั้งแต่เดินเขาห้องมาจนเดินมานั่งข้างๆก็ยังมองไม่เลิก นี่ฉันลืมใส่กางเกงในมาเรียนหรือไงกันมองอยู่ได้

             “นี่...พวกนายจะมองฉันกันอีกนานไหม” ฉันถาม

             “ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากมองของสวยๆงามๆเท่านั้นเอง” ไอ้บ้าเก็นพูด ชมฉันเหรอนี่ *////*

             “เหรอ...” ฉันก็ได้แต่เขินเท่านั้นอยู่ๆมาชมกันได้ *////*

             “นี่...เธอ” นายเรียวถามขึ้น

             “อะไรพูดมาสิ”

             “ฉันได้กลิ่นของปีศาจชั้นสูงจากตัวเธอ มีใครที่ดูแปลกหน้ามาใกล้เธอหรือเปล่า”

             พูดตรงมากเลยนะ ไม่ห่วงว่าคนอื่นเขาได้ยินเรื่องที่เราคุยกันหรือไงกันนะนายนี่ แต่คนแปลกหน้านะเหรอ

             “คนแปลกหน้าเหรอ อืม.....” ก็มีแต่ยัยญาติไม่คุ้นหน้าเท่านั้นแหละ

             “ก็มีแต่...”

             “เฮ้ย  ใครเข้ามาในโงเรียนเราน่ะสวยชะมัด แต่งตัวเครื่องแบบเราซะด้วย”

             เสียงของนักเรียนชายในห้องดังขึ้นทำให้พวกฉันถึงกับต้องหันไปดู แล้วพวกเราก็เดินไปดูตรงหน้าต่างของห้อง ก็ปรากฏว่า ผมสีบลอนด์ยาวถึงเอว ขนตางอนยาว นัยน์ตาสีน้ำเงิน ปากสีแดงนิดๆชัดเลย ญาติที่มาพักกับเราที่บอกว่าชื่อคุเรย์นี่

             “ยะ...ยัยนี่ไง” ฉันพูดขึ้นข้างๆนายเรียว

             “แย่ละสิ” นายเรียวพูดขึ้น แย่อะไรกัน

             “แย่อะไรกัน บอกมาซิเรียว” นายเก็นถามขึ้น แต่นายเรียวกับซากุระกลับชวนพวกฉันไปคุยกันที่หลังโรงยิมแทน

 

             หลังโรงยิม

             นายเรียวทำหน้าดูเครียดมากๆ ดูท่านายนี่คงมีเรื่องใหญ่จริงๆแน่(แต่นายนี่ก็ไม่เคยทำหน้าอย่างอื่นนอกจากหน้าเครียดๆแบบนี้นะ)

             “เธอเจอผู้หญิงคนนั้นที่ไหน ละเขาใกล้เธอนานไหม” นายเรียวพูดขึ้นแบบจริงจังอีกครั้ง

             “ถามทำไม” นายเรียวตรงมาบีบแขนฉันทันที

             “บอกมาสิ นี่เรื่องใหญ่นะ!” อึ๋ย นายนี่กินรังแตนมาหรือไง

             “ใจเย็นๆสิไอ้เรียว! ทำแบบนี้นามิเจ็บนะ!”

             นายเก็นพูดขึ้น ว่าแต่นายเก็นมาอยู่ร่วมกับพวกนี้ได้ตอนไหนล่ะเนี้ย ไม่กลัวถูกสองคนนี่ฆ่าหรือไงกัน

             “โทษทีละกัน แต่บอกมาสิ” นายนี่ขอโทษเป็นด้วยเหรอเนี่ย

             “ได้ๆ ฉันเจอยัยนั้นที่บ้าน เธอบอกว่าเป็นญาติฉัน ชื่อคุเรย์ไน” นายเรียวตาโตขึ้นมาทันที

             “ว่าไงนะ! ยัยนั้นอยู่บ้านเธอเหรอ!”

             “เอ่อ...ใช่”

             “แย่ซะยิ่งกว่าแย่อีก” คุณซากุระพูดขึ้น

             “แย่ยังไงเหรอ” นายเก็นถามขึ้น

             “เธอคิดว่ายัยนั้นเป็นญาติเธอไหม” นายเรียวถาม

             “ก็...ไม่น่าใช่นะเพราะไม่คุ้นหน้าเลย แต่แม่ฉันกันพี่นี่นะสิไม่แปลกใจเอาซะเลย”

             “ว่าแล้ว”

             “ว่าแล้วอะไรของนายอีกล่ะฉันงงนะ”

             “ยัยนั้นเป็นปีศาจ แถมแข็งแกร่งและร้ายกาจที่สุด เป็นตัวร้ายๆระดับต้นๆ หรือหนึ่งในห้าที่แข็งแกร่งเลยก็ว่าได้”

             “ว่าไงนะ ยัยคุเรย์อะไรนั้นเป็นปีศาจร้ายงั้นเหรอ แถมปีศาจที่นายว่าร้ายยังมีอีกห้าตัวเลยเหรอ”

             “มีอีกสี่นับให้ถูกหน่อยสิ เพราะอีกตัวมันอยู่ที่บ้านเธอ”

             “ฉันรู้แล้ว!งั้นแม่กับพี่ฉันต้องโดนยัยนั้นสะกดจิตแน่ๆเลย อะไรกันนักกันหนานะชีวิตฉัน”

             “ใจเย็นๆนามิ ฉันว่าถ้ายัยปีศาจนั้นมีเจตนาทำร้ายจริงเธอคงถูกเล่นไปแล้วล่ะ” นายเก็นพูดขึ้น

             “นายจะไปรู้ได้ยังไงกัน มันไม่ได้อยู่ในบ้านนายนี่อีกอย่างปีศาจชอบทำร้ายมนุษย์ไม่ใช่เหรอ”

             “นี่...นามิ เธอเห็นปีศาจเป็นตัวอะไรถึงได้อัคติขนาดนั้น ปีศาจมันมีดีมีชั่วนะแยกแยะหน่อยสิ”

             “ปีศาจมันก็เหมือนๆกันนั้นแหละ ไม่มีดีมีชั่วหรอก”นายเรียวพูดขึ้น

             “หุบปากไปเลย ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับพวกนายเลยนะที่วางยาฉันวันนั้น” นี่ยังแค้นกันอยู่อีกเหรอ

 

             แอ๊ด....

             เสียงประตูโรงยิมดังขึ้น ปรากฏร่างของคนที่ทำให้เราเคร่งเครียดกัน ผมสีบลอนด์ยาวถึงเอว ขนตางอนยาว นัยน์ตาสีน้ำเงิน ปากสีแดงนิดๆชัดเลย ยัยคุเรย์ เดินยิ้มเข้ามาภายในโรงยิมที่พวกเราคุยกันอยู่

             “อยู่กันที่นี่เองเหรอพี่นามิหาตั้งนาน” เธอคนนั้นทักขึ้น

             “แกมาที่ เพื่อจุดประสงค์อะไร” นายเรียวถ้าขึ้น แต่คุณซากุระหยิบแผ่นกระดาษอะไรซักอย่างออกมา

             “อะไรกันคะพี่นามิ พวกนี้เป็นใครกัน ถามอะไรหนูแปลกๆด้วย” คุเรย์ยังคงยิ้มอยู่เหมือนเดิมแล้วถามฉัน

              “บอกมาซะดีกว่า พวกฉันไม่อยากลงไม้ลงมือกับเธอ” นายเก็นถามขึ้นมาบ้าง

             “พวกพี่จะทำอะไรหนูน่ะ หนูกลัวนะ” คุเรย์ยังคงตีหน้าเศร้าต่อ

             “บอกเขาไปเถอะ ถ้าบริสุทธิ์ใจจริง” ฉันพูดขึ้นเผื่อยัยนี่จะไม่ได้เป็นปีศาจ

             “งั้นขอพิสูจน์ อะไรหน่อยนะคะ”

             คุณซากุระพูดขึ้นแล้วโยมกระดาษสีขาวที่เขียน รูปดาวหกแฉกและมีตัวหนังสือภาษาอะไรบางอย่างไว้ ปลิวว่อนในอากาศ แล้วก็รวมตัวรอบๆคุเรย์ แต่แล้วกระดาษพวกนั้นก็ค่อยๆไหม้ทีละนิดด้วยเปลวเพลิงสีฟ้า แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นคือ ดวงตาสีฟ้าของคุเรย์เปลี่ยนเป็นน้ำเงินเข้ม แต่เธอก็ยังคงยิ้มอยู่เช่นเดิม และก็อากาศภายในห้องในตอนนี้ชักร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วสิ มันอะไรกันนะ

             “นี่มันอะไรกันคะ พวกพี่เล่นอะไรกันเหรอ”

             “ยังไม่ยอมพูดอีกเหรอยัยนี่” นายเก็นพูดขึ้นแล้วกางปีกสีเทาของเขาออกแล้วพุ่งใส่คุเรย์ทันที

             “ปีกสีเทางั้นเหรอ” เสียงคุเรย์พูดขึ้นอย่างเรียบๆแถมเธอยังไม่แปลกใจอะไรกับปีกที่เห็นนั้น

             “!!!!อ๊าก....ร้อน!!!!”  เสียงนายเก็นร้องลั่นขึ้นและกระเด็นออกมาจากคุเรย์ทันที

             “เก็น!!!”

             ฉันร้องลั่นแล้ววิ่งเข้าไปหานายเก็นทันที แถมสภาพตอนนี้นายเก็นมีแต่แผลไฟไหม้เต็มตัวไปหมด เขาเป็นอะไรกัน แต่ไม่เห็นยัยนั้นขยับตัวไปไหนหรือทำอะไรเลยซักนัด ตอนนายเก็นพุ่งเขาไปหาเธอ แล้วแผลพวกนี้เกิดจากอะไรนะ

             “แค่นี้เองเหรอเจ้าลูกครึ่ง แล้วอย่างนี้นายจะปกป้องคุณพี่ได้ยังไงกัน” คุเรย์พูดขึ้นทำทีเยอะเย้ยนายเก็น

             “ถึงตาพวกฉันออกโรงแล้วสิ”

             ว่าแล้วนายเรียวก็พุ่งใส่คุเรย์ทันที และนายเรียวก็หยับบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง อ๊ะ นายนั้นหยิบสร้อยไม้กางเขนเงินออกมาทำไมกัน เอาออกมาคล้องคอยัยนั้นก็หมดฤทธิ์แล้วงั้นเหรอ

              “จะบ้าเหรอไอ้เรียวแค่นั้นจะทำอะไรยัยนั้นได้” นายเก็นพูดขึ้น

             “อย่าดูถูกมันนักสิ ไอ้กระจอก”

             แล้วนายเรียวก็กระโจนขึ้นเหมือหัวของคุเรย์ แล้วพรึมพรำอะไรบ้างอย่าง แล้วก็เกิดแสงสีขาวขึ้นที่ไม้กางเขนเงินนั้นแล้วปรากฏเป็นแสงขนาดใหญ่ขึ้นแล้วแสงนั้นก็กลายเป็นรูปร่างธนูสีขาวใสทันที

           “!!!ศรขจัดมาร!!!”

             แล้วนายนั้นก็โก่งคันศรออกแล้วยิงลูกศรธนูแสงออกไปทีเดียว แต่ลูกศรกลับแตกออกเป็นหลายร้อยหลายพันลูก พุ่งใส่คุเรย์ที่ยังยืนนิ่งอยู่

             “สำเร็จ!!!” นายเก็นพูดขึ้น แต่นายเรียวยังคงทำหน้าเครียดเหมือนเดิม

             “ยังหรอก มันยังไม่ตาย” อะไรนะยังไม่ตายเหรอ ถ้าเป็นฉันที่โดนบ้างฉันคงม่องไปแล้วแน่ OoO

             หลังจากควันจากการต่อสู้เริ่มจาง ก็ปรากฏเป็นร่างที่ยังยืนนิ่งของคุเรย์ แต่ตามตัวของเธอยังมีแต่ลูกศรธนูของนายเรียวปักอยู่เต็ม เลือดสีแดงของเธอไหลนองพื้นเต็มไปหมด แต่เธอไม่เป็นอะไรเลยแถมยืนยิ้มเช่นเดิม สรุปยัยนี่ไม่ใช่คนแน่ๆ

             “เธอเป็นใครกันแน่!” ฉันถามขึ้น

             “ฉันคงแนะนำตัวช้าไปสินะ ฉันปีศาจแห่งเพลิงสีฟ้า ฮารุนะ  คุเรย์ไน ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ นายหญิง”

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา