Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

7.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.

  44 ตอน
  5 วิจารณ์
  42.83K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) หากวันนั้นมาถึง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"มันหมายความว่ายังไงกันแน่!! เรื่องที่ยัยเทอร์รารอยด์พูดออกมาเมื่อกี้..."

"เธอคิดว่าฉันรู้หรือไง..!! แต่ที่แน่ๆ...จุดยืนของฉันเริ่มจะตกต่ำลงไปถึงจุดวิกฤติแล้วล่ะ!"


เด็กชายผู้มีความสามารถในการเหาะเหินเดินอากาศซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ปรารถนาแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมาอย่างเห็นได้ชัดในระหว่างที่ร่างกายของเขากำลังพุ่งแหวกอากาศที่ขวางทางเขาอยู่เพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่เด็กสาวผมแดงที่มีทีท่าหวาดกลัวเมื่อพูดถึงมันด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่ร่างของเขาจะไม่ถูกแรงต้านอากาศฉีกจนหลุดเป็นชิ้นๆ

ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้เริ่มขึ้นหลังจากที่เขาและมิรันได้ฟังในสิ่งที่เด็กสาวคนนั้นเล่าให้ฟังเมื่อชั่วโมงก่อน...




"มันเกิดอะไรขึ้นกับเธองั้นเหรอ... ทำไมเทอร์รารอยด์ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างเธอถึงได้ไปนอนหมดสติอยู่ที่ตรอกแคบๆนั่นได้..."


คำถามนี้ถูกหยิบยื่นให้กับเด็กสาวที่เพิ่งจะสงบสติอารมณ์ลงได้หลังจากที่ฮิซาชิจัดการเอาน้ำเปล่าให้เธอดื่มเพื่อเป็นการปักธงขั้นสูงเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในระหว่างนั้นแองเจลอยด์ที่อยู่ด้วยกันกับเด็กชายก็จัดการเก็บอุปกรณ์สันทนาการทุกอย่างให้พ้นจากสายตาอันแสดงท่าทีรังเกียจของเด็กสาวที่ต่อต้านมุขใต้สะดือเข้าเส้น...

ด้วยคำถามนี้ได้ทำให้เทอร์รารอยด์คนนั้นถึงกับหยุดใช้ความคิดไปเป็นเวลานาน...ก่อนที่เธอจะรวบรวมปะติดปะต่อข้อมลความจำเท่าที่จะสามารถทำได้ในการตอบปัญหานั้นอย่างใจเย็น



"ก็นั่นน่ะสิ...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ฉันก็ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพวกมนุษย์อย่างปกติสุขแท้ๆ แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้เองที่เจ้าพวกมนุษย์ที่ให้ที่อาศัยกับฉันเริ่มมีอาการแปลกๆไป สายตาของเจ้าพวกสองขาไม่มีปีกเหล่านั้นเริ่มส่อแววรังเกียจใส่ฉันมากขึ้นทุกที ตอนแรกฉันก็นึกว่าเจ้าพวกนั้นเกิดมวนท้องขึ้นมาทั้งหมู่บ้าน..."

"แต่ในคืนนั้นเองที่พวกมนุษย์เริ่มมีอุปนิสัยซอมบี้จับอาวุธเข้ามาทำร้ายฉัน... ทั้งที่เจ้าพวกนั้นน่าจะรู้อยู่แล้วว่าแค่มีดอลูมิเนียมอันเล็กๆกับลูกตะกั่วอันกะจ้อยร่อยไม่มีทางทำอะไรผิวของฉันได้ ฉันเริ่มทนพฤติกรรมหยอกล้อเบาๆของเจ้าพวกนั้นไม่ไหวเลยรีบย้ายก้นตัวเองหนีออกมาจากที่นั่นในคืนนั้นเลย"

"แล้วฉันก็ได้รู้สึกถึงอันตรายอย่างอื่นที่เข้ามาจู่โจมฉันในวันต่อมา... ฉันพาท้องที่หิวโซเดินตุป๊ะตุเป๋เดินทางมาเรื่อยๆจนได้นายนี่แหละที่ใจดีพาฉันมาเลี้ยงไอติมฟรีน้ำฟรีที่บ้านหลังนี้นี่แหละ ขอบใจนายมากนะ!"


หลังจากเล่าประวัติโดยย่อของตัวเองเสร็จทุกหัวข้อแล้ว เด็กสาวผมแดงก็หันหน้ามาส่งสายตาแปลกๆให้กับฮิซาชิที่กำลังได้รับโทษทัณฑ์จากการขโมยไอศกรีมแท่งที่มิรันเก็บเอาไว้กินในระหว่างที่เขาออกจากบ้านไปแล้วอย่างหนัก ซึ่งทันทีที่มิรันเห็นใบหน้าอันยิ้มแย้มของเด็กสาวผมแดงนั้น...โทษประหัตของเด็กชายก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทันที



"จะว่าไปจากที่เธอเล่ามานี่... เธอปล่อยให้มนุษย์พวกนั้นทำร้ายเธออยู่ฝ่ายเดียวงั้นเหรอ!? ทำไมเธอถึงไม่ตอบโต้กลับไปให้เจ้ามนุษย์พวกนั้นได้รู้ความน่ากลัวของseiriอย่างพวกเราบ้างล่ะ!"

แองเจลอยด์ที่ได้ยินเรื่องทุกอย่างที่เด็กสาวเล่ามาตั้งแต่ต้นเริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมา ซึ่งในระหว่างที่เธอกำลังพูดอยู่นั้น...แขนขวาของฮิซาชิก็ได้พาดยาวจากช่วงขาอันเรียวยาวจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นของผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวถึง50กิโลฯไปยังร่องอกขนาดคัพBของมิรันโดยมีมือของเธอกำลังจับล็อกเอาไว้พร้อมจะจับมันหักทิ้งได้ทุกเมื่อ

"เธอ...ชื่อมิรันใช่ไหม..!? ถ้างั้นฉันขอถามเธอบ้างนะ"


"เวลาที่เธอทำร้ายคนอื่นน่ะ...เธอรู้สึกดีเหรอ!?"



ด้วยวาจาศักดิ์สิทธิ์ของเทอร์รารอยด์ที่มีพลังด้อยกว่าสาวน้อยผมฟ้ามาก... ทำให้มิรันถึงกับปล่อยแขนของเด็กชายที่ส่งเสียงแปลกๆพร้อมจะหักได้ตลอดเวลาออกในทันที


"เวลาที่มีใครทำร้ายเธอ แน่นอนว่าเธอจะต้องรู้สึกโกรธเกลียดคนๆนั้นจนอยากจะเอาคืนให้สมน้ำสมเนื้อแน่ๆ แต่ว่านะ... ผลที่เธอจะได้รับหลังจากที่ลงมือจัดการปัญหาคาใจนั้นไปแล้วก็มีแค่ความสะใจและความเกลียดชังที่จะมีแต่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้นแหละ และทันทีที่เธอทำร้ายคนๆนั้น...ห่วงโซ่แห่งความเกลียดชังก็จะเริ่มต้น!!"


มิรันทำได้เพียงนั่งอ้าปากค้างในความมีหลักการของคู่สนทนาของเธอ เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าเทอร์รารอยด์ที่เป็นพวกสมองช้าที่เพิ่งจะลืมตาดูโลกได้เพียงปีเดียวนั้นจะเป็นคนที่มีความรู้ในด้านนี้เหมือนกัน มันก็จริงที่ว่าการเอาคืนคนที่ทำร้ายเราด้วยความเกลียดชังนั้นรังแต่จะทำให้ความเกลียดชังยิ่งทรงพลังขึ้นไปอีก... แต่ในระหว่างต่อสู้นั้นมันก็ต้องมีโกรธมีเกลียดอีกฝ่ายหนึ่งเป็นธรรมดา

ซึ่งการจะให้seiriที่เกิดขึ้นมาเพื่อต่อสู้นั้นใช้ความอ่อนโยนเข้าต่อสู้แบบเดียวกับที่ฮิซาชิเคยใช้กับสัตว์ประหลาดอัลเกียเอาชนะทุกๆครั้งนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่...



หลังจากนั้นเด็กสาวผมแดงก็ได้บอกพิกัดตำแหน่งของหมู่บ้านที่เธอหนีออกมาให้ฮิซาชิกับมิรันได้รู้ ทั้งสองคนรีบเตรียมตัวออกจากบ้านทันทีโดยใช้วิธีที่รวดเร็วที่สุดหากนับจากการจราจรที่อาจจะติดขัดและจำกัดความเร็วแค่80กิโลเมตรต่อชั่วโมงของรถยนต์หรือค่าโดยสารแสนแพงของทางรถไฟความเร็วสูง...

ซึ่งก่อนที่พวกเขาจะออกจากบ้านไปโดยปล่อยให้เด็กสาวอยู่เฝ้าบ้านตามลำพัง ฮิซาชิมีเรื่องที่อยากจะคุยกับเธออีกสักเล็กน้อย


"โทษทีนะ... พวกเราคุยกันมาตั้งนานแล้วยังไม่รู้จักชื่อของเธอเลย เธอชื่ออะไรเหรอ..!?"

ทันทีที่ได้ยินคำถามของฮิซาชิ เทอร์รารอยด์คนนั้นก็ก้มหน้าหลบสายตาของเขาทันที ราวกับว่า...

"ขอโทษนะ... ฉันไม่มีชื่อหรอก ไม่ว่าใครก็ไม่อยากจะรู้จักฉันทั้งนั้น"

ฮิซาชิถอนหายใจออกมาทันทีที่ได้ฟังคำขอโทษที่ออกมาจากปากของเด็กสาวด้วยเสียงที่เบาจนแทบจะไม่ได้ยิน เด็กชายจึงพูดในสิ่งที่เขาอยากจะพูดมานานออกไปอย่างไม่สบายใจเท่าไหร่... เนื่องมาจากเนื้อในของมัน


"ถ้างั้นฉันจะคิดชื่อให้เธอเอง... นับจากตอนนี้เธอคือ ฟูจิซากิ ฮิโรมิ สมาชิกคนที่สองของบ้านฟูจิซากิ... หนึ่งในที่อยู่อาศัยของเหล่าseiri เป็นไงบ้าง..."


ฮิซาชิเตรียมขอโทษทันทีหากว่าเขาเข้าไปก้าวก่ายเรื่องของเธอมากเกินไป แต่ในตอนนั้นเองที่สายตาของเขาเหลือบไปเห็นรอยยิ้มที่แสนสดใสเข้าพอดี

"ฟูจิซากิ... ฮิโรมิ... คือชื่อของฉันเหรอ..! ใช้ได้จริงนะ!!"

"ก็นะ... ถ้าเธอไม่ชอบชื่อนี้เดี๋ยวฉันคิดชื่อใหม่ให้เธอแล้วกัน ว่าแต่เธออยากได้ชื่ออะไรล่ะ!?"


ในระหว่างที่ฮิซาชิกำลังกลับหลังหันอย่างกระวนกระวายเพราะชื่อที่เขาคิดให้นั้นแท้จริงแล้วเป็นชื่อที่ยูนะเคยตั้งให้เธอมาก่อนหน้าที่เขาจะทันรู้สึกตัวว่าค่าใช้จ่ายในบ้านกำลังจะถูกระบายออกเหมือนตอนที่เอาบิ๊กแบ๊คออกตอนน้ำท่วม เขาก็สัมผัสได้ถึงแรงกระแทกอย่างรุนแรงที่แผ่นหลังจนถลาล้มลงไปกับพื้น

จากนั้นไม่นานร่างของเด็กชายก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักถ่วงที่กดลงมายังกลางหลังจนลุกไม่ขึ้น เด็กสาวคนนั้นก้มลงมายิ้มให้กับเขาด้วยสีหน้าที่เปี่ยมสุข และน้ำหนักนั้นกลับจะยิ่งเพิ่มขึ้นอีก...


[โปรแกรมวิวัฒนาการ เฮเฟสตัส... ทำงาน!]


ทันทีที่เสียงเครื่องจักรดังออกมาจากส่วนกลางแผ่นหลังของเด็กสาวสิ้นสุดลง ร่างกายของฮิโรมิก็เปล่งแสงสีแดงออกมาตอบรับการวิวัฒนาการในทันทีก่อนจะขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว จากร่างของเด็กผู้หญิงอายุ10ขวบก็กลายเป็นสาวน้อยอายุ16ที่มีขนาดหน้าอกใหญ่ขึ้นข้ามหน้าข้ามตามิรันที่อยู่ในวิวัฒนาการระดับเดียวกันไปอย่างรุนแรง

พร้อมกับน้ำหนักตัว43กิโลกรัมที่กดทับลงมาอีกด้วย!!!


"ขอบใจนะพ่อหนู...สำหรับชื่อของฉัน"

"เออๆ...เธอชอบก็ดีแล้ว แต่รีบๆลุกออกไปได้หรือเปล่า!!!"

อะไรมันจะง่ายขนาดนั้น..! โปรแกรมวิวัฒนาการขั้นแรกที่ตอบสนองต่อมาสเตอร์คีย์ที่มีชื่อว่า"ความปลาบปลื้ม"นั้นกลับถูกเปิดใช้งานทันทีที่ฮิซาชิพูดกับเธอเพียงไม่กี่ประโยค ซึ่งแต่ละคำนั้น...


"นี่...ฮิซาชิคุง ฉันขออะไรเธออย่างนึงสิ"

ฮิโรมิสยายปีกสีดำซึ่งงอกยาวออกมาจากแผ่นหลังที่ได้รับมาจากวิวัฒนาการออกกว้างราวกับอยากให้เด็กชายที่ทำให้เรื่องเป็นอย่างนั้นได้เห็นมันทุกซอกทุกมุม ก่อนที่เธอจะโน้มตัวลงเอาใบหน้าสีขาวอมชมพูที่กำลังจะกลายเป็นสีเหลืองอ่อนในไม่ช้าลงมาใกล้เด็กชายที่ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังอย่างรุนแรง โดยที่เว้นระยะเอาไว้ช่วงหนึ่งเพื่อให้เขาได้เห็นอวัยวะอีกส่วนที่ขยายใหญ่ขึ้นด้วย...

"อะไรๆ..!? อย่าคิดจะขอฉันเป็นแฟนเธอเชียวนะ!"

"ฮิๆ! ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากอะไรนักหรอก ก็แค่..."





"ก็แค่ขอให้ฉันได้พาเธอไปส่งที่นั่นเท่านั้นเอง!"


เด็กสาวผมแดงที่ในขณะนี้กลายเป็นสาวน้อยน่ารักซึ่งควรจะอยู่เฝ้าบ้านอาบน้ำชำระตัวรอเวลาที่เด็กชายจะกลับมาได้อาสาจะนำทางไปยังที่ๆเธอจากมาด้วยตัวเอง แน่นอนว่าแองเจลอยด์ที่อยู่ด้วยกันนั้นคัดค้านเรื่องนี้เต็มที่

"มันจะดีเหรอ...ที่เอาเจ้ามนุษย์นั่นไว้ตรงนั้นน่ะ!? ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาฉันไม่รับผิดชอบนะ"

"คุณมิรันมีเรื่องอะไรจะบอกเป็นนัยๆหรือเปล่า... ถ้าคุณมีอะไรจะบอกก็น่าจะเก็บเอาไว้ให้โตอีกหน่อยจะดีกว่านะ"

ฮิโรมิพูดพลางมองไปยังส่วนเร้นลับของนางฟ้าที่มีรูปร่างเหมือนเด็กสาวอายุ14ราวกับกำลังพิจารณาบางสิ่งอยู่ ซึ่งมิรันได้ออกตัวเผยจุดสนใจของเทอร์รารอยด์ที่วิวัฒนาการแล้วอย่างเต็มที่...

"ปล่อยเอาไว้เดี๋ยวมันก็โตเองล่ะน่า!!!"


"ว่าแต่มันจะดีเหรอ...ฮิโรมิ! ถ้าเธอกลับไปที่นั่นแล้วโดนทำอะไรแบบนั้นอีก...บุคลิกอีกอย่างของเธออาจจะตื่นขึ้นมาก็ได้นะ ฉันในตอนนี้รับมือเจ้านั่นไม่ไหวหรอกนะ..!"

เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองสาวน้อยผู้มีปีกปิศาจที่กำลังอุ้มเขาบินผ่านชั้นเมฆและมวลอากาศเอาไว้แน่นเพื่อกันหล่นจนร่างของฮิซาชิสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มของช่วงเหนือสะดือของเธออย่างเต็มอัตราด้วยสายตาเป็นห่วงและจมูกที่เปื้อนคราบของเหลวสีโลหิต ซึ่งดูเหมือนฮิโรมิจะไม่เป็นห่วงอะไรเลยราวกับว่าเธอสามารถขัดขืนการเข้าแทนที่ของอีกร่างหนึ่งในตัวเธอได้อย่างนั้น...

"อืม...นั่นสินะ! เอาไว้ถึงตอนนั้นแล้วก็ช่วยจัดการฉันให้ทีก็แล้วกัน!"

ดูเหมือนว่าฮิโรมิจะไม่เป็นห่วงอะไรเลย... ทั้งๆที่แค่โดนมิรันปล่อยท่าไม้ตายแรงๆใส่ทีเดียวก็ลอยไปสู่สรวงสวรรค์ได้แล้วแท้ๆ...



"เห็นแล้วล่ะ!!"


ฮิโรมิชี้นิ้วไปยังกลางเทือกเขาที่มีต้นไม้ปูเป็นพรมสีเขียวอยู่ตรงหน้า ที่จุดนั้นทั้งสามมองเห็นจุดสีน้ำตาลเล็กๆรวมตัวกันอยู่ที่เกิดจากการถางพื้นที่ต้นไม้จำนวนหนึ่งเพื่อสร้างเป็นที่อยู่อาศัย และจุดนั้นก็เล็กเอาเสียมากๆจนเรียกได้ว่าหากฮิโรมิไม่มานำทางให้ละก็... ทั้งฮิซาชิและมิรันคงจะไม่ทันสังเกตเมืองนั้นแล้วบินผ่านไปแน่ๆ


และเมื่อทั้งสามร่อนลงยังจุดหมายในเขตชานเมือง สิ่งที่ทั้งสามสังเกตได้หลังจากที่เท้าของพวกเธอสัมผัสพื้นอิฐบล็อกสีเทาอ่อนได้ทำให้ต่อมความสงสัยและระแวดระวังของพวกเธอเริ่มทำงานขึ้นมา



"ทีนี่มัน...อะไรกันน่ะ!!"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา