Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

7.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.

  44 ตอน
  5 วิจารณ์
  42.84K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) ผู้สร้างอีกคนหนึ่ง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"เอ่อ...คุณลุงครับ ผมมีเรื่องอยากจะถามเพิ่มอีกสักหน่อยน่ะครับ คือถ้าพวกseiriแข็งแกร่งในตัวอยู่แล้ว... ทำไมถึงต้องเอาอุปกรณ์เสถียรพลังใส่เข้าไปในร่างกายอีกล่ะครับ"

ฮิซาชิยิงคำถามใส่อดีตนักวิทยาศาสตร์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการสังเคราะห์สายพันธุกรรมของเหล่านางฟ้าดัดแปลงอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคราวนี้ชายชราก็ถึงกับเพ่งสายตามองมายังเขาด้วยท่าทีประหลาดใจ


"เธอกำลังหมายถึง...'แกนปีกคงรูป'นั่นน่ะเหรอ ในช่วงแรกๆพวกเราไม่คิดที่จะประดิษฐ์มันขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ แต่ในระหว่างขั้นตอนการปลุกสัญญาณชีพของพวกseiri ด้วยพลังแฝงของโครโมโซมคู่ที่25ที่รุนแรงเกินกว่าที่ร่างกายของมนุษย์ที่ผ่านการเปลี่ยนสายพันธุกรรมนั้นจะรับไว้ได้กลับย้อนกลับมาฆ่าพวกเธอที่ปรับสภาพไม่ทันจนกลายเป็นเมล็ดพืชที่แตกออกทันทีที่ถูกสร้างขึ้นใต้เนื้อผลไม้ เพราะงั้นพวกเราจึงมีแนวคิดที่จะออกแบบอุปกรณ์สงวนการแสดงผลของเจ้าโครโมโซมตัวปัญหานั้นไว้ในระดับที่ร่างกายของพวกเธอพอจะรับได้"

"เจ้าแกนปีกนี้จะทำหน้าที่ในการจำกัดการเร่งเร้าพลังในร่างกายของโครโมโซมคู่ที่24เอาไว้ และยังทำหน้าที่ในการกักเก็บโครโมโซมคู่ที่25เอาไว้ภายในนั้นจนกว่าจะมีสิ่งเร้ามากระตุ้นให้ปลดปล่อยออกมาครั้งละไม่เกินหนึ่งในสามของจำนวนทั้งหมดที่มีอยู่ภายในนั้น ซึ่งเจ้าแกนปีกนี้จะทำการปล่อยตัวการที่จะเพิ่มพลังในร่างกายขึ้นอย่างมหาศาลเพียงแค่สามครั้งเท่านั้น ตามขั้นตอนของวิวัฒนาการไงล่ะ"

"แต่มันก็มีบางกรณีเหมือนกันนะที่แกนปีกจะรับเอาโครโมโซมที่กักเก็บไว้ไม่ไหวจนแยกออกเป็นสองส่วนเพื่อปลดปล่อยของที่สะสมเอาไว้ออกมาให้เสถียรด้วย... แบบในกรณีของการสร้างอควารอยด์ที่ชื่อ'ชิบุกิ'เมื่อสี่ปีก่อนนั่นยังไง"


ฮิซาชินึกบางอย่างออกทันทีพร้อมกับหยิบเอาชิ้นส่วนแกนปีกที่ถูกบั่นทอนพลังลงกว่าครึ่งของอดีตเพื่อนและครอบครัวของเขาออกมาจากกระเป๋ากางเกง ซึ่งจากที่มิรันได้บอกกับเขาเอาไว้...แกนปีกลูกผสมนี้สามารถปลดปล่อยและคงประสิทธิภาพเอาไว้ได้เพียง1/3ของที่ควรจะเป็นเท่านั้น

ซึ่งนั่นเป็นอุปสรรคในการต่อสู้จริงเป็นอย่างมากเพราะคู่ต่อสู้ของเธอที่ผ่านมามีแต่หินๆทั้งนั้น แต่จะว่าไปแล้ว...ใครเป็นคนสร้างอุปกรณ์เสถียรพลังที่ไม่สมบูรณ์นี้ขึ้นมากันนะ



"จริงสิครับ..! ผมเคยได้ยินมาว่าช่วงหลังๆมานี่พวกseiriไม่ได้ถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือของมนุษย์แล้วนี่ครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงแล้วใครเป็นคนรับหน้าที่ต่อจากพวกเขาล่ะครับ!?"

ฮิซาชิเปิดประเด็นคำถามใหม่ให้ชายชราที่รู้เรื่องราวของเหล่านางฟ้าในร่างมนุษย์ยิ่งกว่าseiriจริงๆช่วยตอบคำถามที่ค้างคาใจนั้นให้คลี่คลายไปเสียที... ถึงแม้ว่าตัวเขาเองนั้นจะรู้คำตอบอยู่ก่อนแล้วก็ตาม

"เธอรู้ลึกถึงระดับไหนกันเนี่ย...ฉันบอกเธอก็ได้! เมื่อประมาณ10ปีก่อน โครงการการสร้างอาวุธชีวภาพเพื่อต่อกรกับศัตรูที่มีพลังเพียงพอที่จะทำลายโลกทั้งใบในชั่วพริบตานั้นจำเป็นต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมากเพราะพวกเขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน พวกนักวิจัยจึงทำการวางแผนที่จะฝึกฝนseiriให้สามารถรับช่วงต่อในการตัดต่อพันธุกรรมของพวกเดียวกันได้โดยสอนเทคนิกทั้งหมดให้"

"ต่อมาใน5ปีให้หลัง... seiriที่มีความสามารถในการสร้างพวกเดียวกันได้ก็ถือกำเนิดขึ้นมาสองคน"


สองคน...สองคนงั้นเรอะ!!!


"คนแรกนั้นเป็นseiriสังกัดแองเจลอยด์ นางฟ้าผู้มีพลังแข็งแกร่งเพียงพอที่จะต่อสู้กับทัพป้องกันของประเทศต่างๆได้ด้วยตัวคนเดียวแม้จะในร่างเริ่มต้น... 'เนพติสท์' ฟูจิมิยะ ฮานามิ"

ฮิซาชิถึงกับกลั้นหัวเราะเอาไว้ทันทีที่ชายชราเอ่ยชื่อเธอราวกับกำลังแนะนำตัวนักมวยปล้ำที่กำลังจะขึ้นสังเวียนในไม่ช้า แต่สิ่งที่เด็กชายต้องการจะฟังจริงๆนั้นคือ... บุคคลที่กำลังจะถูกเอ่ยถึงถัดจากนี้ต่างหาก

"แล้ว...seiriอีกคนล่ะครับ!?"

"อืม... อีกคนหนึ่งเป็นseiriสังกัดอควารอยด์ เป็นseiriที่แปลกประหลาดจากพวกมากเลยล่ะ!"

"แปลกเหรอ... แปลกยังไงกันครับ"

ฮิซาชิในตอนนี้เหมือนต้องมนต์สะกดของความอยากรู้อยากเห็นเข้าครอบงำไว้จนไม่สามารถปลีกตัวออกไปได้อีกแล้ว ในขณะที่ชายชราคนนั้นเองก็ดูเหมือนมีท่าทีกังวลอะไรสักอย่างก่อนจะบอกในสิ่งที่พอจะรู้ออกมา



"จะว่าไงดีล่ะ seiriคนนี้ต่างไปจากคนอื่นตรงที่ว่า...ปกติแล้วseiriที่ถือกำเนิดขึ้นมานั้นจะมีรูปร่างเป็นผู้หญิง ยกเว้นเทอร์รารอยด์เท่านั้นที่จะมีร่างคู่ขนานเป็นผู้ชาย แต่ว่าอควารอยด์คนนั้นเป็นผู้ชายมาโดยกำเนิด ซ้ำยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าฟูจิมิยะ ฮานามิจนเจ้าตัวเทียบไม่ติด..."

"อควารอยด์ผู้เป็นต้นกำเนิดของชื่อโปรแกรมวิวัฒนาการและการพัฒนาแกนปีกแปรรูป 'ลิมนาเดส' xxxx xxx"


ชื่อจริงของseiriคนนั้นที่ต้องใบหูของฮิซาชินั้นได้ทำให้ร่างกายของเขาเกิดสั่นไม่เป้นจังหวะในทันที ความรู้สึกที่เด็กชายสัมผัสได้ในขณะนี้นั้นได้ตกอยู่ภายใต้อีกความรู้สึกหนึ่งที่จะสัมผัสได้ในระหว่างที่กำลังต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเท่านั้น...

"ไม่จริงน่า... ไม่จริงใช่ไหม!"




ห้วงเวลาผ่านไปเร็วมากราวกับปลาไหลไถลบนวาสลีน เพียงชั่วพริบตาจากบ่ายสองโมงอันเป็นเวลาที่พวกฮิซาชิเดินทางมาถึงเมืองแห่งนี้ก็กลายเป็นหกโมงเย็นอย่างรวดเร็วในระหว่างที่ฮิซาชิได้ชวนชายชราคนนั้นคุยแก้เหงา แน่นอนว่าในเวลานานขนาดนี้นั้นมิรันก็ได้ผลาญทรัพยากรอาหารในเมืองนี้จนแทบจะเกลี้ยงคลังไปแล้ว แต่ในระหว่างที่เธอกำลังก้มหน้าทรุดลงบนปากถังขยะโดยมีฮิโรมิช่วยลูบบรรเทาอาการคลื่นไส้นั้นเอง...

"เลิกกินได้แล้วยัยบ้า!!!"


ก้อนเนื้อหนัก52กิโลกรัมรวมกับน้ำหนักถ่วงในท้องของเธออีกกว่า10กิโลฯได้เงยหน้าขึ้นหันไปตามเสียงเพรียกของเด็กชายที่ผละออกมาจากการพูดคุยอันแสนยาวนานนั้นราวกับได้เวลากลับบ้านของพวกเธอแล้วอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เด็กชายคนนั้นกลับส่งสายตาบอกว่า"เอ็งไม่ได้กลับแน่ๆ"ให้เธอแทน

และในตอนนั้นเองที่สายตาของเธอได้เหลือบไปเห็นอะไรอย่างหนึ่งที่ไม่ชอบมาพากล...


"มีอะไรเหรอคะ... คุณลุง"


คำพูดของมิรันนี้ไม่ใช่การล้อเลียนแต่อย่างใด หากแต่เธอเห็นชายชราด้านหลังของฮิซาชินั้นกำลังลุกขึ้นเดินมาหาพวกเธออย่างช้าๆราวกับว่าเขาลืมบอกอะไรไปอย่างหนึ่ง และเมื่อมิรันหันไปมองรอบๆตัว เธอก็เห็นทุกคนในเมืองค่อยๆเดินออกมาจากที่พักเข้ามาล้อมพวกเธอทั้งสามคนเอาไว้อย่างเนืองแน่น


"นี่มันการต้อนรับอย่างอบอุ่นงั้นเหรอ...ฮิโรมิ อะ-!"


เมื่อฮิซาชินึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ปกเสื้อด้านหลังของเขาก็รู้สึกได้ถึงนิ้วของใครบางคนออกแรงดึงน้อยๆจนรู้สึกได้ถึงความหวาดหวั่นในใจของเจ้าของนิ้วคู่นั้นที่แผ่เข้ามายังต้นคอของเขา ทั้งเขาและมิรันเห็นฮิโรมิกำลังยืนตัวสั่นระริกราวกับคนเห็นผี แววตาของเธอที่ก้มลงพื้นนั้นไม่ได้ต่างอะไรไปจากเลนส์กล้องที่ไม่ได้โฟกัสไปที่จุดๆใดเลย

อันที่จริง... สาวน้อยคนนั้นอาจจะมองอะไรไม่เห็นแล้วด้วยซ้ำ!


"รีบพาฉันออกไปที... รีบพาฉันออกไปที... รีบพาฉันออกไปที..!"

เสียงบ่นกับตัวเองเบาๆซ้ำไปซ้ำมาของฮิโรมินั้นดูสั่นๆราวกับคนที่มีท่าทางหวาดกลัวราวกับจะโดนจับกินทั้งเป็น ทำให้ฮิซาชิกับมิรันเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเอาเสียมากๆ


ทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้ได้มายืนล้อมแขกผู้มาเยือนทั้งสามคนอยู่ ณ จุดๆเดียวแล้ว ซึ่งหากดูจากท่าทีการเดินและจังหวะการลงเท้าแล้ว... พวกเขาทั้งหมดในตอนนี้ไม่ได้ถูกสะกดจิตให้ทำตามคำสั่งแต่อย่างใด

"ก็ว่าอยู่ทำไมยัยฮิโรมิถึงได้เอาเรื่องห่วงโซ่ความเกลียดชังมาอ้าง เพราะทุกคนที่จะทำร้ายเธอยังคงมีสติดีอยู่นี่เอง!!"



"ก็ถ้ายังมีสติดีอยู่ทุกคนมันก็ช่วยไม่ได้นะ..."

เมื่อภายในหัวคิดแผนการเอาตัวรอดเสร็จแล้ว ฮิซาชิก็จัดการหันเข้าหาseiriทั้งสองคนพร้อมทั้งดึงแขนของพวกเธอเป็นสัญญาณให้โน้มตัวลงมาฟังในสิ่งที่เขาจะพูดต่อจากนี้ให้ดังอยู่แต่ในวงล้อมนั้นเท่านั้น


"นายต้องการอะไรกันแน่... หรือว่าอยากจะให้พวกเราประสานท่า'อาเธน่าเอ็กซ์คลาเมชั่น'กับไอ้คลังมุขเหนือสะดือขึ้นมาหน่อยอย่างนายน่ะเหรอ ไปตายซะเหอะ!"

"ก็...ประมาณนั้นน่ะแหละ! ท่านี้จำเป็นต้องทำสามคนพร้อมกันถึงจะสัมฤทธิ์ผล"


ฮิซาชิจัดการวางแผนพร้อมทั้งดำเนินการซักซ้อมจังหวะในการประสานท่าไม้ตายที่จะช่วยให้พวกเขามีชีวิตรอดกลับไปจากเมืองแห่งนี้ให้ได้โดยไม่จำเป็นต้องทำร้ายประชาชนที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้แม้แต่คนเดียว แน่นอนว่าแม้แต่ฮิโรมิที่มีกลัวจนอยากจะบินออกไปในตอนนี้ก็ต้องทำด้วยเช่นกัน...



"เอาล่ะ... พวกเธอพร้อมนะ!?"
เด็กชายส่งสายตาและสัญญาณมือให้กับสมาชิกร่วมตายทั้งสองคนอย่างรู้ใจ ซึ่งพวกเธอพร้อมที่จะดำเนินการตามแผนมาตั้งแต่เริ่มประชุมแล้ว

"กลยุทธ์ดักแก่ฉบับ372 เริ่มได้!!!"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา