Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

7.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.

  44 ตอน
  5 วิจารณ์
  42.84K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

25) ห้วงอดีตที่รวมเป็นเธอ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

แกร่ก..แกร่ก..แกร่ก..แกร่ก..แกร่ก!! (จัดไปสัก190BPMท่าจะดีนะ)




[คุณได้รับข้อความใหม่]


"ให้ตายสิ! เพราะเจ้าบ้าฮิซาชิคนเดียว...ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าหมอนั่นคนเดียว!!"


แองเจลอยด์ผู้แยกตัวเองออกจากเหล่าผู้ร่วมชะตากรรมคนอื่นๆเริ่มรู้สึกหัวเสียกับการกระทำที่ขาดๆเกินๆที่ถูกเปิดโปงออกมาโดยข้อความที่เนื้อหาขาดหายซึ่งถูกส่งเข้ามายังเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ของเธอเป็นจังหวะเดียวกับที่นิ้วอันเรียวยาวของเธอกำลังจะสัมผัสกับสัญลักษณ์เตือนข้อความที่ถูกส่งออกมาจากเครื่องเร่งอนุภาคที่สามารถบอกเล่าได้แม้แต่วิธีแก้ปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตได้อยู่พอดี


ด้วยความซุ่มซ่ามของฮิโรมินั้นเองที่ทำให้ฮานามิต้องผละออกไปจากหน้าจอระบบสัมผัสมุ่งหน้าไปสะสางปัญหา"การลุกยืนขึ้นของอนุสาวรีย์ความเป็นชาย"ของเด็กผู้ชายที่เธอพบโดยบังเอิญในทันทีจนไม่ได้เปิดอ่านข้อความที่ ไครซิส ส่งมาให้เป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมง...


และยิ่งนำมาประกอบกับชื่อของบุคคลในความทรงจำของเธอที่ฮิซาชิเอามาพูดให้เธอฟังด้วยแล้ว... จึงทำให้การที่ฮานามิจะกลับมายังสถานที่แห่งนี้ได้ก็รวบเอาเวลาไปหลายชั่วโมงอยู่



'ฉันล่ะเสียดายจริงๆที่ไม่ใช่"อัทสึชิ"อะไรนั่นของเธอที่จะได้เห็นเธอตอนน่ารักแบบนี้ ว่าแต่ที่ผ่านมาหมอนั่นเคยทักเธอเรื่องนี้หรือเปล่า!?'



"ก็ถ้าเจ้าหมอนั่นยังอยู่... หมอนั่นก็คงจะพูดแบบเดียวกับเธอนั่นแหละ"


ฮานามิเอ่ยกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่ยังคงสั่นเครือไม่เป็นจังหวะ แต่ในตอนนั้นเองที่เธอระลึกขึ้นมาได้ว่าผู้เป็นแม่นั้นไม่สมควรที่จะหลั่งน้ำตาออกมาไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังลูกของตัวเอง สาวน้อยผู้มีจิตใจที่แทบจะแตกสลายเมื่อครั้งอดีตจึงรวบรวมความกล้าทั้งหมดเท่าที่จะรวบรวมได้ในการจรดปลายนิ้วลงบนภาพสามมิติที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างสุดกำลัง


ซึ่งในครั้งนี้เธอพุ่งนิ้วออกไปอย่างเต็มกำลังจนสายข้อมูลที่ประกอบเป็นภาพนั้นถึงกับแตกกระจายไปในทีเดียว...ก่อนจะรวมตัวเข้าเป็นภาพสำเร็จรูปอีกครั้งหนึ่ง



"ไหนลองดูซิ... วิธีที่จะ..ปกป้อง..โลกได้นั้น..จำเป็นที่จะ-!?"


ฮานามิรวบรวมน้ำเสียงที่สั่นเครือจนแทบจะเก็บอาการไม่อยู่ควบแน่นเข้าด้วยกันจนกลายเป็นเสียงพูดปกติ เธออ่านข้อความบนหน้าจอซึ่งไม่มีข้อความอื่นใดจากบุคคลภายนอกรวมทั้งฮิซาชิที่ถูกปลายเท้าของเหล่าลูกสาวของเธอยำเละจนไม่สามารถกระดิกได้แม้แต่ปลายนิ้วเข้ามารบกวนได้อีกด้วยสายตาที่เพ่งพินิจลงไปโดยทั่วถึงและรอบคอบ...


ซึ่งในคราวนี้...ข้อความที่เธอได้รับจากไครซิสนั้นไม่ใช่อะไรที่จะเรียกรอยยิ้มแบบเดียวกับพวกฮิซาชิได้อีกแล้ว และหลังจากที่เธออ่านข้อความอักษรสลักซึ่งไม่มีขีดประหลาดแอบแฝงอยู่นั้นจบ... บรรยากาศรอบข้างนั้นก็เย็นยะเยือกจนทำให้seiriที่แข็งแกร่งที่สุดในขณะนี้ถึงกับขนลุกชูตั้งในบัดดล



แต่ภายใต้บรรยากาศที่เย็นเยียบนั้นเอง...พลันปรากฏรอยยิ้มที่น่าสะพรึงขึ้นมาบนใบหน้าของสาวน้อยที่เพิ่งจะถูกกลบด้วยคราบน้ำตาจนทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้เป็นเพียงความฝันที่ถูกลบออกไปจากความทรงจำของเธอ


"แกอยากจะให้ฉัน...ทำแบบนั้นสินะ!"
.
.
.



ณ ที่อยู่อาศัยอันแสนอบอุ่นซึ่งได้รับการชำระล้างมลภาวะภายในอากาศออกไปโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยน้ำยากลบกลิ่นใดๆจนบริสุทธิ์ ในขณะนี้เหล่าผู้อยู่อาศัยภายในสถานเริงรมย์แห่งนั้นเริ่มที่จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่ลอยเข้ามาปะทะกับเยื่อบุจมูกอย่างรุนแรง... บางสิ่งที่น่าสยดสยองเกินกว่าที่จะปรากฏขึ้นมาในประวัติศาสตร์การต่อสู้ของพวกมนุษย์

รวมทั้งสังหรณ์ผลลัพธ์ความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกนี้จะจารึกเอาไว้ได้อีกด้วย!



"นี่... เธอรู้สึกอะไรหรือเปล่า"

ฮิโรมิเอียงคอถามมิรันด้วยความรู้สึกคับอกในระหว่างที่กำลังก้มกราบงามๆกับความผิดครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เธอจะสามารถก่อให้กับผู้ชายเพียงคนเดียวที่เธอจะยอมคุยอย่างเปิดอกได้ทุกอย่าง

"รู้สึก...อะไรเหรอ!?"


"ไม่รู้สิ! แต่เหมือนกับทุกอย่างจะดำเนินไปในทางที่แย่ที่สุดเท่าที่พวกเราจะต้านทานได้อย่างนั้นแหละ..."


ก็จริงอยู่ที่ฮิโรมินั้นโง่... แต่ถ้าเป็นเรื่องลางสังหรณ์เกี่ยวกับเรื่องร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านั้น เธอจะสามารถรับรู้ได้ไวยิ่งกว่าหนูท่อระบายน้ำเสียอีก เพราะเช่นนั้นเองที่ทำให้มิรันที่กำลังฟังและเห็นท่าทีอยู่ไม่สุขของเธอมานานแสนนานเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นอย่างประหลาด

ส่วนฮิซาชินั้นก็กลายเป็นปาร์ตี้บุฟเฟต์ให้กับเหล่าหนอนไชขยะเป็นที่เรียบร้อย


"กลุ่มเมฆ...กำลังกรีดร้อง!"






"ตรงนั้นสินะ..."


ส่วนอีกด้านหนึ่ง ณ บริเวณอีกฟากหนึ่งของแถบเส้นลองจิจูดที่พาดยาวลงมาตัดผ่านภูมิประเทศต่างๆทั่วโลก ได้มีแองเจลอยด์ผู้ไม่ฝักใฝ่ที่จะร่วมมือกับฝ่ายใดทั้งสิ้นได้สิ่งของบางอย่างที่คล้ายกับเครื่องเล่นเกมบอยคัลเลอร์ฟูลที่ถูกดัดแปลงจนกลายเป็นอุปกรณ์ตรวจจับคลื่นความร้อนกำลังเดินเข้าไปยังมวลประจุความร้อนมหาศาลที่ค่อยๆเลื่อนเข้ามาใกล้จุดศูนย์กลางการค้นหาทีละนิดทุกๆก้าวที่เธอเหยียบย่าง

ซึ่งในตอนนี้ฮานามิได้เลือกที่จะลงเดินบนพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะปกคลุมจนกลายเป็นสีขาวโพลนหลังจากที่อาศัยปีกที่แผ่นหลังเดินทางมาเป็นระยะทางไกลนับหมื่นกิโลเมตรเพื่อเร่งรุดมายังจุดที่ผิดปกติบนผิวโลก


ซึ่งแม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยหิมะที่ตกลงมาตลอดเวลา... แต่บริเวณยอดเขาสูงเสียดกลีบเมฆนั้นกลับไม่มีละอองปุยสีขาวปกคลุมเลยตั้งแต่ช่วงกลางเขาขึ้นไป ซึ่งยังมีพื้นที่สีเขียวขึ้นปกคลุมอย่างอุดมสมบูรณ์ดีอีกด้วย



"ท่าทางจะนอนสบายจังนะ... ฉันล่ะอิจฉาแกจริงๆ"

แองเจลอยด์ที่เปลี่ยนเข้าสู่โหมดต่อสู้จริงเป็นที่เรียบร้อยจัดการเก็บเครื่องเล่นเกมชิ้นนั้นลงในกระเป๋าสัมภาระที่จัดเอาไว้เป็นอย่างดีซึ่งภายในนั้นบรรจุอุปกรณ์ทันสมัย(ของทางนั้น)เอาไว้เป็นจำนวนมาก ก่อนจะหยิบเอาอุปกรณ์ที่ดูคล้ายท่อนเหล็กกลวงสีเทาออกมาประกอบเป็นกระบอกปืนยิงหัวรบระเบิดเสร็ขในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะหันกลับไปมองที่ยอดเขาแห่งนั้นด้วยสายตาที่กดลงจนดูน่ากลัวอย่างประหลาด



"ถ้างั้นฉันจะทำให้แกหลับไม่ลงอีกเลย! โซลเนล!!"


สิ่งที่seiriสายการรบพูดออกมานั้นมีความหมายทั้งสิ้น ทันทีที่ฮานามิพูดจบก็ประสานแขนเป็นกากบาทระดับหน้าผากอย่างรวดเร็วจนมีประกายแสงสีน้ำเงินกระจายออกมาอย่างรุนแรง สาวน้อยรวบรวมพลังเอาไว้ที่มือขวาซึ่งชูขึ้นฟ้าจนกลายเป็นลำแสงพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า ในตอนนั้นเองที่ท่าไม้ตายสูงสุดของฮานามิ "นิวตรอน สตรีม" ได้ถูกกล่อมเกลาจนพุ่งออกไปยังยอดเขาที่อยู่ตรงหน้าจนเกิดแรงระเบิดและแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงมากจนพัดเอายอดเขาแห่งนั้นหายไปเกือบทั้งหมด!!


และสิ่งที่ตามมาหลังจากที่ลำแสงทำลายล้างและแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงจากการกระทำของฮานามิสงบลงก็คือ แรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงกว่าเดิมรวมทั้งลำแสงสีเหลืองจ้าปะทุออกมาจากใจกลางของผืนดินที่เคยเป็นภูเขาสูงจนเป็นที่ประทับใจของแองเจลอยด์คนนั้นเป็นอย่างมาก...


"เอาล่ะ..! ออกมายืดเส้นกันสักหน่อยดีไหม... โซลเนล!"






"เจ้านั่นมัน!! อะไรกันน่ะ!!!"

ในบริเวณที่มีอากาศอบอุ่นแม้ว่าจะถูกรายล้อมด้วยภูมิประเทศที่ดูแล้วชวนหนาวตายอยู่ภายนอกนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีผู้คนรวมตัวกันเข้ามาปักหลักเป็นที่อยู่อาศัยถาวร ซึ่งในขณะนี้กำลังจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว...


"ผู้นำมาซึ่งความวิบัติเหรอ..!? ไม่ใช่แน่!! เจ้าพวกนั้นไม่มีทางที่จะปลดปล่อยเทพผู้พิทักษ์ออกมาเด็ดขาด!!"

"หรือว่านี่จะเป็น...ฝีมือของseiri!"



อันที่จริงแล้วประชากรที่อาศัยอยู่ในชุมชนใกล้เคียงกับภูเขาเขียวขจีที่ถูกถล่มยับเยินนั้นได้เตรียมตัวที่จะอพยพได้ตลอดเวลาตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งเหตุผลที่พวกเขาคิดจะย้ายถิ่นฐานทั้งๆที่ได้มีโอกาสที่จะอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติที่สวยงามและปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะมีอยู่ในโลกแห่งนี้แล้วก็ตามก็คือ..!?


"ถ้างั้นเราต้องรีบไปห้ามแล้วล่ะ!! เพราะถ้าโซลเนลตื่นขึ้นมาจริงๆละก็... ตามจริงให้เจ้านั่นหลับอยู่อย่างนั้นไปตลอดก็ดีแล้วแท้ๆ!! ทำไมถึงต้องไปปลุกมันขึ้นมาด้วยนะ..!"


"ถ้าเจ้านั่นตื่นขึ้นมาละก็เมืองนี้... โลกใบนี้จะต้องตกอยู่ใต้แสงของดวงอาทิตย์ถึงสองดวง!!"





แม้ว่าเจตนาที่จะหยุดยั้งผู้ที่มารบกวนการหลับใหลอันแสนยาวนานนับตั้งแต่บรรพกาลจะเป็นของจริง แต่ทั้งอย่างนั้นมันก็สายเกินไปเสียแล้ว!


"เอ้า! รีบๆออกมาจากที่อยู่เดิมของแก...แล้วมาเผชิญหน้ากับแสงอาทิตย์ที่เป็นคู่แข่งของแกมาแต่บรรพกาลซะสิ!"


ทันทีที่เสียงกล่าวท้าทายของฮานามิสิ้นสุดลง ผิวดินที่แสงประหลาดนั้นแสงออกมาก็เกิดการนูนขึ้นมาจนเกิดการปะทุขึ้นสู่ชั้นอากาศเบื้องบนราวกับการปรากฏตัวอีกครั้งของอัลเกียที่สงบลงเพราะพลังที่เหลืออยู่ของฮิซาชิในร่างเด็ก หากแต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาจากผิวดินที่เปิดออกเป็นรูกว้างนั้นกลับหาใช่สัตว์สี่เท้าที่ร่างกายถูกหุ้มด้วยเกราะสีแดงอิฐไม่...


ซึ่งรูปร่างของสิ่งมีชีวิตที่เหล่านักชีววิทยาไม่เคยพบเจอมาก่อนนั้นราวกับสัตว์สี่เท้าสูญพันธุ์ที่นำมารวมกับหอยทาก หากแต่ส่วนเปลือกที่แบกอยู่กลางแผ่นหลังนั้นแทนที่จะเป็นเปลือกหอยสำหรับมุดหลบเมื่อเจอศัตรูที่แข็งแกร่งกว่านั้น...กลับมีรูปร่างเหมือนฝาหอบมือเสือที่มีร่องให้แสงสีเหลืองที่อยู่ภายในสามารถเล็ดลอดออกมาได้



ซึ่งระดับพลังงานของแสงที่วัดได้จากอุปกรณ์ของฮานามินั้นเทียบได้กับแสงอาทิตย์ที่ส่องออกมาตลอดทั้งวันเลยทีเดียว!




"แกอย่าเพิ่งเบื่อเชียวล่ะ..! เพราะหน้าที่ที่จะทำให้แกมีความสุขบนพื้นโลกนี่เป็นของฉัน!"



         ฟู่ว์...



ไม่ทันที่โซลเนลจะได้กวาดสายตามองหาผู้ที่รบกวรการนอนตีพุงอันแสนสะบายของมันได้ชัดเจน เป็นคราวของแองเจลอยด์ที่จะบรรจุกระสุนหัวรบเข้าไปในกระบอกปืนที่เธอนำมาประกอบเสร็จสิ้นก่อนหน้านี้ยิงใส่ร่างของสัตว์ประหลาดที่กำลังหงุดหงิดในทันที ซึ่งหัวรบนั้นได้พุ่งเข้าปะทะร่างของโซลเนลเข้าเต็มรักจนมันเริ่มโมโหขึ้นมากแล้ว


ก๊าซซซซ...!!   ฟุ่บ....



ด้วยการยั่วโมโหของฮานามินั้นได้ทำให้โซลเนลสามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนของจุดที่สิ่งรบกวนพุ่งเข้ามาได้อย่างชัดเจน สัตว์ประหลาดเปิดผิวเกราะที่กลางหลังของมันออกมาเผยให้เห็นลูกเพลิงสีเหลืองจ้าที่มีพลังอัดแน่นมหาศาลให้เห็นเป็นของขวัญก่อนลงนรก ก่อนที่ลูกไฟซึ่งประจุพลังทำลายสูงยิ่งกว่าท่าไม้ตาย"พลาสม่าแสลชเชอร์"ของมิรันจะถูกปล่อยออกมาจากกระดองหลังใบนั้นเข้าใส่ฮานามิอย่างรวดเร็ว


ซึ่งเธอก็สามารถใช้หลังมือกระแทกเข้าใส่ลูกพลังนั้นจนกระจายออกอย่างง่ายดายราวกับเป็นเพียงกระสุนน้ำที่ใช้เล่นสงกรานต์เท่านั้นเอง...



"แรงดีอย่างนี้สิถึงจะค่อยคุ้มที่เรียกแกออกมาหน่อย... แต่เอาเถอะ! ฉันว่าน่าจะเลิกเล่นได้แล้วนะ"


หลังจากที่ปัดป้องการโจมตีของสัตว์ประหลาดไปได้ ฮานามิก็ชักปืนสั้นรูปร่างประหลาดออกมาจากเอวเล็งไปยังโซลเนลในทันทีก่อนจะลั่นไกยิงกระสุนที่เหมือนกับตะขอเหล็กที่มีแง่งยึดมันเอาไว้กับสิ่งที่ยึดติดอย่างแน่นหนา แรงส่งของปืนกระบอกนั้นรุนแรงมากจนสามารถส่งหัวกระสุนจากจุดที่อยู่ห่างกันนับสิบกิโลเมตรไปฝังตรงแผงคอของสัตว์ประหลาดอย่างแม่นยำ ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าหากว่าสายตาของผู้ยิงไม่แม่นพอ


ซึ่งหัวกระสุนนี้ไม่สามารถที่จะเอาออกเองได้โดยเจ้าของร่างที่ถูกยิง ไม่ว่าจะใช้กำลังทั้งหมดของseiriที่วิวัฒนาการมาถึงระดับเดียวกับฮานามิคนอื่นๆมาช่วยกันกระชากก็ตามที...



"ได้เวลาทำตามแผนแล้ว!"

.
.
.
.




"นี่มัน...ของใครกันล่ะเนี่ย!?"


กลับมาที่อีกด้านหนึ่ง พวกฮิซาชิที่ทราบข่าวการทำลายล้างที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์ รวมทั้งเรื่องที่มีลำแสงและสัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้นบนพื้นโลกโดยไม่มีรูหนอนปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้าแต่อย่างใดก็รีบเตรียมตัวออกเดินทางในทันที


ซึ่งในระหว่างที่ฮิซาชิกำลังเช็ดตัวหลังจากออกแรงโยกถังขยะจนล้มได้ทันก่อนที่รถเก็บขยะจะมาถึงในสองย่างก้าวพอดีได้กลับมาอาบน้ำชำระเหล่าสิ่งมีชีวิตกระดึ๊บๆที่เกาะอยู่ตามร่างกายออกจนหมดนั้น สายตาของเขาก็ได้เหลือบไปเห็นของบางอย่างที่ไม่น่าจะมีใครลืมเอาไว้ในบ้านของคนอื่นเข้าอย่างพอดิบพอดี


ซึ่งเจ้าสิ่งนั้นคือ... "โทรศัพท์มือถือ"นั่นเอง!



"มัวทำอะไรอยู่ ฮิซาชิ!! อาบน้ำเสร็จแล้วก็รีบๆออกมาได้แล้ว!!"

"เออน่า! เธอรีบไปก่อนได้เลย!! เดี๋ยวเสร็จธุระนี่แล้วฉันจะรีบออกไปเลย...ไม่เชื่อถามยัยฮิโรมิได้!!"


ฮิซาชิรีบตะโกนปัดหน้าที่รับผิดชอบของเขาให้กับมิรันไปยังสถานที่ที่สัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้นมาก่อนที่จะมีใครเดือดร้อน ซึ่งสาเหตุที่ฮิโรมิไม่ได้ไปด้วยนั้นก็เพราะฮิซาชิเป็นคนห้ามเอาไว้เอง... เพราะพลังระดับที่สามารถทำลายภูเขาสูงให้กลายเป็นเนินเตี้ยๆในพริบตานั้นไม่ใช่ระดับที่เทอร์รารอยด์เพียงคนเดียวในบ้านจะต่อกรได้แล้ว


และอีกสาเหตุก็คือเพื่อให้ฮิโรมิที่ออกโง่ๆช่วยเป็นหูเป็นตาว่าเขานั้นรีบออกไปจริงๆ โดยในระหว่างที่ฮิซาชิกำลังแต่งตัวอยู่ในที่ๆแสนลับตานั้นก็จัดการสำรวจข้อมูลในมือถือตัวปัญหานั้นไปในตัวด้วย ซึ่งในตอนนั้นเองที่หน้าจอของมันก้ได้แสดงเบอร์มือถือของมิรันได้อย่างถูกต้อง... จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าเจ้าของมือถือเครื่องนี้ก็คือ



"รีบๆรับสายเข้าสิ... ฮานามิ!"


สัญญาณสั่นที่ฮานามิเปิดเอาไว้เพื่อไม่ให้มีเสียงรบกวนใดๆในระหว่างที่เธอกำลังทำธุระที่ต่องการสมาธิเป็นอย่างมากนั้นได้หยุดลงในเวลาอันรวดเร็ว อาจเป็นเพราะในตอนนี้มิรันกำลังใช้ความเร็วสูงสุดในการเคลื่อนที่จนเข้าไปอยู่ในพื้นที่อับสัญญาณโดยบังเอิญหรืออะไรก็ตาม...แต่ในตอนนั้นเองที่ได้กลายเป็นโอกาสเหมาะที่เด็กชายจะได้เปิดฝาเครื่องออกมา ซึ่งสิ่งแรกที่เขาเห็นทันทีที่แสงพื้นหลังสว่างขึ้นมาก็คือ


รูปของเขาและพวกseiriอีกสองคนที่กำลังกดปุ่มบังคับตัวละครในเกมเทคเค่น124ให้ใช้ทักษะการต่อสู้ที่เหนือชั้นในการเอาชนะสัตว์ประหลาด"อาซาเซล"ที่เลื่อนระดับความแข็งแกร่งขึ้นมาเนื่องจากจำนวนผู้เล่นที่เพิ่มขึ้นจาก3เป็น4นั่นเอง! และที่ใต้รูปนั้นก็มีข้อความที่ฮานามิจัดแต่งเอาไว้ด้วย...


"เพื่อนของฉัน...งั้นเหรอ!?"


ฮิซาชิยิ้มออกมาพักหนึ่งก่อนที่จะเปิดรายชื่อของผู้ที่เธอเคยติดต่อหาในช่วงตลอดที่เธอมีชีวิตอยู่ขึ้นมาสำรวจดู ซึ่งภายในนั้นมีรายชื่อของบุคคลที่ฮิซาชิรู้จักและไม่รู้จักปะปนอยู่นับ20รายชื่อ ซึ่งสำหรับผุ้หญิงอย่างฮานามิแล้วจำนวนแค่นั้นนับว่าน้อยมาก



หากแต่เมื่อฮิซาชิสังเกตดูดีๆแล้ว... รายชื่อเกือบทั้งหมดที่ปรากฏขึ้นมานั้นนอกจากมิรัน,ฮิโรมิและตัวเขาเองนั้น ที่หลังรายชื่อเหล่านั้นได้มีเครื่องหมายกำกับเอาไว้อย่างชัดเจน... และไม่ได้มีแค่ภาษายุ่นปี่เท่านั้นด้วย


"ฮันดะ ทาคาฮาชิ 0xxxxyyyy $"
"อิซาโยอิ มิกิ 5saawwaa @"
"แม็กซ์เวล อันทารี่ 954igje094 &"


เจ้าเครื่องหมายกำกับพวกนี้มันหมายความว่ายังไงกันแน่..!? ถ้าเป็นเครื่องหมาย"&"ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกว่าคือผู้ประสานงาน แต่ชื่อ"ฮันดะ ทาคาฮาชิ"นี่... คนๆนี้เป็นถึง"หัวหน้ากองกำลังป้องกันตนเองแห่งสมาพันธ์โลก"ไม่ใช่เหรอ!!


แต่ที่แปลกยิ่งกว่าแปลกก็คือ... ในบรรดารายชื่อที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์นี้ทั้ง20กว่ารายชื่อนั้น...


                          ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของคนที่ชื่อ"อัทสึชิ"แม้แต่คนเดียว!!!



"หมายความว่ายังไงกันแน่...ก็อัทสึชิที่ว่านั่นคือคนสำคัญที่สุดของยัยฮานามิไม่ใช่เหรอ!? แล้วทำไมยัยนั่นถึงไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเจ้านั่นเลย... จะว่าไปแล้ว! โทรศัพท์อันนี้ก็เป็นเครื่องเดียวกับของยัยนั่นเมื่อตอนที่เราเจอกันอีกทีตอนม.ต้นนี่หว่า...ตอนนั้นก็ไม่เห็นมีบันทึกรายชื่อของใครเลยนอกจากของพวกseiriและเราเลยนี่!?"



มันยังไงกันแน่..! เหมือนกับว่ายิ่งฮิซาชิล้วงลึกเข้าไปในเหตุการณ์ในอดีตมากขึ้นเท่าไหร่...เหมือนกับว่าเรื่องราวต่างๆมันจะยิ่งซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆจนผสมตีกันมั่วไปหมดแล้ว แล้วยิ่งพยายามที่จะรับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของฮานามิไปมาเท่าไหร่...มันก็ยิ่งเหมือนกับว่าสถานภาพระหว่างทั้งสองคนมันจะยิ่งห่างไกลยิ่งกว่าเพื่อนสมัยเด็กที่ทั้งสองคนเคยเป็นมาจนแทบจะมองไม่เห็นกันแล้ว


และในตอนนั้นเองที่สมองของฮิซาชิเกิดบีบรัดตัวจนเจ็บปวดไปหมด เด็กชายจึงละมือจากบัญชีรายชื่อผู้ติดต่อไปยังถาดเข้าข้อความแทน ซึ่งครั้งนี้ฮิซาชิได้เดิมพันไปเลยว่า...


"ถ้าฮานามินั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหายนะที่เกิดขึ้นในปี2170นี้จริงๆ... ที่ถาดเข้าของเธอตลอดหนึ่งสัปดาห์มานี้จะต้องไม่มีข้อความใดๆเข้ามาแทรกกลางระหว่างข้อความของเขาเลยนอกจากคอลล์เซ็นเตอร์ที่มีอิสระเต็มที่ในการส่งข้อความหาลูกค้า!"



และแล้วในข้อความที่สองถัดจากข้อความที่ถูกส่งออกไปอย่างตกหล่นของฮิซาชินั้น...ก็ได้ปรากฏชื่อผู้ส่งปริศนาที่ทำให้ร่างกายของเขาเกิดสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก และยิ่งฮิซาชิกดเปิดอ่านข้อความนั้น...รูขุมขนทั่วร่างของเด็กชายก็เปิดออกจนของเหลวใสๆถูกขับออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้าหากว่าฮานามิไม่ลืมโทรศัพท์ทิ้งเอาไว้ที่นี่...เขาก็ยังคงคลำทางไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายต่อไป


ซึ่งดูเหมือนว่าฮานามิจะจงใจทิ้งโทรศัพท์ที่บรรจุข้อมูลสำคัญเอาไว้ที่นี่มากกว่า!!



"แย่ที่สุด! ต้องรีบไปเตือนยัยนั่นแล้ว!!"


ทันทีที่ตั้งสติได้ ฮิซาชิก็รีบจัดแจงเปลี่ยนเข้าสู่ชุดต่อสู้ก่อนจะบินออกจากบ้านทางหน้าต่างที่ถูกกั้นด้วยผ้าม่านสีชาทันทีด้วยความเร็วสูงที่สุดเท่าที่จะเร่งได้ โดยก่อนออกไปเขาก็ไม่ลืมที่จะวางมือถือนั้นเอาไว้บนตู้เสื้อผ้าที่อยู่สูงเกินกว่าที่สาวน้อยอย่างฮิโรมิจะรู้สึกตัวด้วย


แต่ถึงอย่างนั้นฮิซาชิก็สะเพร่ามากที่ลืมปิดข้อความที่อ่านค้างไว้นั้นให้อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถรับรู้ได้จากภายนอกเอาไว้ก่อนจะออกไป ซึ่งบนหน้าจอที่มีแสงสว่างขึ้นมานั้นได้แสดงข้อความที่ถูกส่งออกมาจากไครซิสเอาไว้พักหนึ่งก่อนที่จะเลือนหายไปด้วยระบบประหยัดไฟที่ตั้งเวลาเอาไว้อย่างพอเหมาะพอเจาะ





การที่จะปกป้องโลกนั้น...จำเป็นที่จะต้องชำระล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้หมดไปเสียก่อน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา