Decisive wars สู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

7.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.46 น.

  44 ตอน
  5 วิจารณ์
  42.84K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

39) ลางสังหรณ์แห่งการทำลายล้าง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"ฮิซาชิคุง... มีธุระอะไรกับฉันอย่างนั้นเหรอ!?"


"ฮานามิ..! เปลี่ยนความคิดตอนนี้ยังทันนะ! ล้มเลิกความคิดที่จะล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปซะเถอะ!!"






การเดินทางของฮิซาชิในครั้งนี้รวดเร็วกว่าเมื่อก่อนมากด้วยการเผาผลาญพลังในร่างเกือบครึ่งสำหรับเร่งความเร็วให้สูงยิ่งกว่าเท่าตัวของมิรันที่ออกเดินทางก่อนหน้าเขาเป็นเวลาราวๆ10นาทีเพื่อที่จะไปให้ถึงตัวฮานามิให้ได้ก่อนที่มิรันจะลงมือทำอะไรบ้าๆลงไปจนกำลังรบของมนุษย์ในการต่อกรกับผู้นำมาซึ่งความวิบัติต้องพบกับความหายนะก่อนที่การต่อสู้จริงจะเริ่มต้นขึ้น



และฮิซาชิที่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนของฮานามิดีกว่ามิรันก็ได้ใช้เวลาไปเพียง15นาทีในการเดินทางข้ามประเทศเพื่อพบกับเป้าหมายของเขาที่กำลังรออยู่บนชายหาดที่เงียบสงบซึ่งไม่มีทางที่ผู้อื่นจะเข้ามาสอดรู้ในการเจรจาของพวกเขาได้อย่างแน่นอน





"เธอจะให้ฉันบอกกับเธออีกสักกี่ครั้งกันว่าฉันไม่มีทางเปลี่ยนความคิดของตัวเองแน่... เธอเอาเวลาที่มาคุยกับฉันไปใช้จัดการเรื่องระหว่างเธอกับมิรันน่าจะมีประโยชน์กว่านะ"


"ฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ในเมื่อเพื่อนคนสำคัญของฉันกำลังเดินไปบนเส้นทางของคนบาป...มันก็เป็นหน้าที่ของฉันที่ต้องชักนำเธอกลับไปบนเส้นทางที่ถูกต้องไม่ใช่เหรอ!?"



"ดูเหมือนว่าเธอจะดื้อด้านซะเหลือเกินนะฮิซาชิคุง... ทั้งๆที่ฉันตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเหลือเธอเอาไว้เป็นมนุษย์คนสุดท้ายของโลกแล้วแท้ๆ ถ้าเธอยังจะเข้ามาขวางฉันอีกละก็...คงไม่มีประโยชน์อะไรที่ฉันจะไว้ชีวิตเธออีกต่อไป"




สายตาของฮานามิเขม่นลงมาเป็นสัญญาณว่าเธอตั้งใจจะทำตามสิ่งที่พูดเอาไว้จริงๆ ตอนนี้ในอุ้งมือที่โค้งงอเข้ามาเล็กน้อยของเธอมีประกายแสงสีน้ำเงินกระจายออกมาจางๆตามอารมณ์ที่เริ่มจะขุ่นมัวจากลูกตื๊อของฮิซาชิเป็นสัญญาณเตือนให้เด็กชายแปลงเข้าสู่ร่างโคโรน่าในทันที แต่หากจะมีสิ่งที่ไม่เป็นไปตามการคาดเดาของเธอเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เกิดขึ้นมาในฐานะเซย์ริก็เป็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น...




"ก็คงจะเป็นอย่างนั้นล่ะนะ... เพราะยังไงฉันก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกัน การที่เธอจะล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์โดยที่ละเว้นฉันเอาไว้เพียงคนเดียวมันก็ฟังดูขัดกันเกินไปหน่อยนะ... เหมือนกับในใจของเธอเองก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้สักเท่าไหร่เลย"




สายตาที่สบกันโดยบังเอิญระหว่างฮิซาชิกับฮานามินั้นมีพลังถูกส่งออกมารุนแรงมากจนทำให้แองเจลอยด์ที่เป็นสาวเงียบแทบจะไร้อารมณ์รู้สึกสะอึกชั่วครู่โดยไม่รู้ตัว เพราะที่ผ่านมาฮิซาชิเคยทำสายตาแข็งเพื่อยืนยันเจตนารมย์ของตัวเองที่จะขัดขวางแผนการของเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่มันก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนในครั้งนี้... ภายใต้ดวงตาที่แฝงความตั้งใจจริงเอาไว้ของฮิซาชินั้นยังมีอีกความรู้สึกหนึ่งแฝงอยู่ด้วย




                    เป็นอีกหนึ่งความรู้สึกที่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะแสดงออกมาเสียด้วยซ้ำ..!





ถึงอย่างนั้นด้วยสิ่งที่มองเห็นภายในแววตาของเด็กชายที่กล้ายืนเผชิญหน้ากับแองเจลอยด์ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่หวาดกลัวในพลังอำนาจมหาศาลก็ได้ทำให้ฮานามิรู้สึกแปลกใจในความรู้สึกของตัวเองขึ้นมานิดหน่อย เพราะฮานามิรู้ดีว่าคนอย่างฮิซาชินั้นไม่มีวันตัดใจฆ่าผู้อื่นได้ลงคออย่างแน่นอน หากว่าเขาแปลงเข้าสู่ร่างโคโรน่าหรือกำหมัดเข้าต่อสู้กับผู้อื่นนั้นแสดงว่าเขาเหลืออดแล้วจริงๆ และด้วยความสามารถในการประมวลผลของสายตาที่สูงมากของฮานามินั้นก็ได้บอกเธออีกเรื่องหนึ่งว่าฮิซาชินั้นไม่ได้มาอยู่ตรงนี้เพื่อที่จะต่อสู้ เหมือนกับว่าเขากำลังเลียนแบบพวกตัวเอกในการ์ตูนวิทยายุทธ์จีนที่กำลังรวมพรรคพวกไปต่อสู้กับจอมมารมากกว่า





"มิรัน... ใช่หรือเปล่า!?"  ฮานามิหันหน้ามาคุยกับฮิซาชิตรงๆหลังจากที่หันข้างให้มาตลอด ราวกับเธอเปลี่ยนแปลงตัวเองไปได้นิดหน่อย และดูเหมือนว่าคู่สนทนาของเธอจะมีสีหน้าเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่หลุดออกมาเมื่อครู่เลยก็ตาม



"ฉันหมายถึง... มิรันเป็นคนฝากเธอมาบอกงั้นเหรอ"



"เปล่าหรอก! ฉันตั้งใจมาบอกเธอเอง... อีกอย่างพวกเราน่าจะเปลี่ยนบรรยากาศการพูดคุยกันหน่อยดีกว่าไหม อีกเดี๋ยวมิรันก็คงมาถึงแล้ว..."




"ฮะๆ..! เธอนี่ชักจะเหมือนพวกขี้หลีเข้าไปทุกวันๆเลยนะ ตั้งแต่ทฤษฎีจับหัวใจลูกสาวฉันเมื่อวานนี้แล้ว...เธอตั้งใจจะเล่นสนุกกับฉันอีกคนหรือไง!?"



"ก็ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะเล่นอย่างนั้นอย่างนี้กับเธอตั้งแต่เมื่อ7ปีก่อนเหมือนกันนั่นแหละ แต่เพราะเธอยอมให้ฉันง่ายเกินไปแถมยังไม่ค่อยจะปฏิเสธลูกตลกของฉันสักเท่าไหร่ด้วย... เพราะงั้นฉันเลยไม่เคยได้ลองรสสัมผัสอ่อนนุ่มของเธอสักทีไงล่ะ!"




ฮิซาชิยกประเด็นความปรารถนาชวนงงขึ้นมาให้สาวน้อยในช่วงอดีตใช้ความคิดหนักเล่นๆก่อนที่จะกระโดดส่งตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วที่ฮานามิพอจะตามทันสำหรับหลีกหนีชะตากรรมอันเลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไม่กี่อึดใจ แม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะสายเกินไปแล้วก็ตาม... 






"ฮิซาชิคุง... สรุปว่านายเลือกจะเข้าข้างฮานามิงั้นสินะ! ถ้าอย่างนั้นฉันจะพิสูจน์ให้นายเห็นว่าใครกันแน่ที่คิดถูกต้อง..."



อีกด้านหนึ่งสาวน้อยที่กำลังจับตาดูหนุ่มสาวทั้งสองยืนคุยกันมาตั้งแต่ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้อย่างใจจดใจจ่อเริ่มกัดฟันด้วยความรู้สึกอคติอย่างรุนแรงที่มีต่อแองเจลอยด์ผู้ให้กำเนิดพร้อมกับสยายปีกสีขาวที่กลางแผ่นหลังออกจนบดบังแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมากลายเป็นเงาสีดำขนาดใหญ่ที่ผิวทะเลเบื้องล่าง และในทันทีที่ฮิซาชิและฮานามิบินอยู่กลางท้องฟ้าในแนวเดียวกันกับหน้าผาที่เธอกำลังยืนอยู่นั้นเอง...ร่างของมิรันก็ย่อลงเพื่อเพิ่มพลังกระโดดให้สูงจนสามารถเข้าถึงตัวทั้งคู่ได้ในเวลาอันสั้น




                           "ฉันจะพิสูจน์ให้นายรู้ไปเลยว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้ปกป้องโลกที่แท้จริง!!!!"







หาดทรายสีขาวตัดกับน้ำทะเลสีใสอาดที่สะท้อนแสงอาทิตย์จนกลายเป็นประกายแสงที่สวยงามจนยากจะพรรณนา ฟองคลื่นสีขาวที่เหมือนกับครีมสดที่ราดบนผิวน้ำสีน้ำเงินราวกับก้อนเค้กที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกจะมีได้นั้นกำลังทำหน้าที่ในการเติมพลังชีวิตให้กับเหล่าสรรพชีวิตที่อาศัยอยู่ภายใต้ท้องน้ำที่สงบเยือกเย็นนั้นทำให้แองเจลอยด์ที่ไม่เคยมองเห็นถึงความสวยงามของสิ่งที่เห็นเป็นปกติจนชินตาแล้วนั้นรู้สึกโชคดีมากที่ได้มีชีวิตอยู่ และความปลาบปลื้มในใจของเธอคนนั้นจะมีไม่ได้เลยหากไม่ได้อยู่เคียงข้างเด็กชายที่เริ่มจะเปลี่ยนแปลงจิตใจของเธอไปได้ทีละนิดแบบค่อยเป็นค่อยไป


ส่วนเด็กชายที่มองเห็นความสำคัญของทุกชีวิตแม้แต่เหล่าอาวุธชีวภาพที่ถูกนำมาใช้เพื่อการสงครามที่เคยแสดงแสนยานุภาพเป็นที่หวาดกลัวของเหล่ามนุษย์ที่หายสาปสูญไปตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนนั้นก็กำลังมีความสุขกับการที่ได้เป็นสิ่งหล่อเลี้ยงแรงปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อตัวเองของเหล่าชีวอาวุธพวกนั้น ถึงที่ผ่านมาเขาจะเคยทำสิ่งที่ผิดพลาดมามากก็ตาม... แต่เขากลับรู้สึกโชคดีมากที่พระเจ้าทรงมอบโอกาสให้เขาได้กลับมาแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดเหล่านั้นอีกครั้งหนึ่ง




แต่แล้วความสุขของทั้งสองคนนั้นก็ไม่ได้ยั่งยืนสักเท่าไหร่... เมื่อด้านหลังของพวกเขามีเสียงอะไรบางอย่างกำลังฝ่าม่านอากาศตรงเข้ามาด้วยความเร็วที่สูงกว่าจนเข้าประชิดติดขอบประตูหลังเรียบร้อยแล้ว




          "ฮานามิ... นี่!"



     "อืม..."



สาวน้อยอีกคนหนึ่งที่ไล่ตามทั้งสองคนมาจากด้านหลังตั้งแต่เมื่อสักครู่นี้เร่งความเร็วขึ้นมาขนาบข้างฮานามิเอาไว้ก่อนจะกดนิ้วหัวแม่มือลงเป็นสัญญาณให้การเคลื่อนที่ของเธอเปลี่ยนไปจากทิศทางเดิมที่ฮิซาชิกำหนดเอาไว้ ซึ่งฮานามิก็พยักหน้ารับและลดระดับความสูงและความเร็วลงเพื่อที่จะลงไปยังชายหาดด้านล่างตามกำหนดการชีวิตที่ถูกขีดเอาไว้ตั้งแต่แรก...





               ตึ่ก..!       ตึ่ก..!




ความเร็วในการลงสู่พื้นของแองเจลอยด์ทั้งสองคนนั้นเรียกได้ว่าต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว เพราะที่ผ่านมาพวกเธอตั้งใจที่จะต่อสู้กับสัตว์ประหลาดและคู่ต่อสู้ที่ตั้งใจจะทำลายความสงบสุขของพวกมนุษย์มากกว่าที่จะสนใจเรื่องความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับพื้นดินจุดที่พวกเธอร่อนลงมาที่เห็นเป็นการกระแทกลงมาอย่างเต็มแรงจนเศษดินลอยขึ้นไปบนอากาศราวกับเลียนแบบฉากการปรากฏตัวของตัวเองซีรี่ส์ที่พวกเธอชื่นชอบ เพราะในครั้งนี้ทั้งสองคนไม่จำเป็นที่จะต้องข่มขวัญกันและกันอีกต่อไปแล้ว





"เธอโตขึ้นอีกแล้วนี่นา...มิรัน! ดูเหมือนว่าการที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับฮิซาชิคุงมาตลอด4เดือนมานี่จะทำให้เธอทำใจเรื่องการจากไปของอัทสึชิคุงได้แล้วนะ แถมเธอยังเป็นเซย์ริเพียงคนเดียวที่สามารถเข้าใจความรักได้ด้วย..."



"ฉันไม่ต้องการให้คนที่ยกตัวเองเป็นแม่ทูนหัวมาเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของฉันนักหรอกน่า ถ้าเธออยากจะทำแบบนี้จริงๆก็น่าจะอยู่ดูแลฉันตั้งแต่สองปีที่แล้วไม่ใช่เหรอ!?"




มิรันและฮานามิหันหน้าเข้าทำสายตาเขม่นใส่กันราวกับเด็กประถมกำลังทะเลาะกันอยู่จนฮิซาชิที่แม้จะมีรูปร่างเป็นเด็กแต่กลับมีจิตใจที่เป็นผู้ใหญ่ต้องเข้าไปแทรกกลางระหว่างความขัดแย้งของทั้งสองคนโดยเร็วที่สุด ก่อนที่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดจะบังเกิดขึ้นมาจนไม่อาจแก้ไขได้อีกต่อไป... และในจังหวะนั้นเองที่ร่างกายของเขาถูกม่านพลังที่แข็งแกร่งครอบเอาไว้สองชั้นจนไม่สามารถขยับไปทางไหนได้อีกแล้ว ไม่สามารถทำได้แม้กระทั่งจะขยับปลายนิ้วเพื่อที่จะบรรเทาอาการคันบนใบหน้าของเขาเอง




"เธอไม่ต้องเข้ามายุ่งหรอก นี่เป็นการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยศักดิ์ศรีระหว่างลูกผู้หญิงของเรา... ผู้ชายอย่างเธอน่ะรอดูอยู่เฉยๆเถอะ!"




"จะไม่ให้เข้าไปสอดได้ยังไง!! พวกเธอน่ะเป็นเพื่อนคนสำคัญของฉันนะ!! การที่จะอยู่เฉยๆดูเพื่อนที่ตัวเองรักกำลังจะฆ่ากันเองน่ะไม่ใช่สิ่งที่ลูกผู้ชายจะทำไม่ใช่เหรอ!!!"




ฮิซาชิตะโกนออกมาเต็มเสียงจนทะลุผ่านม่านเอจิสที่มิรันและฮานามิกางเอาไว้เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับเขาแน่ๆหากเข้ามาคั่นกลางระหว่างการต่อสู้ของทั้งสองที่มีการปลดปล่อยความสามารถและพลังภายในอย่างไม่มีหมกเม็ดใดๆจนทะลวงเข้าไปถึงทุกเส้นประสาททั่วร่างของแองเจลอยด์ทั้งสองคนที่กำลังจะพุ่งเข้าไปแลกหมัดกันในไม่ช้าจนสั่นสะท้านไปทั้งทรวง ซึ่งสิ่งเดียวที่ตอบสนองออกมาจากการรับรู้ของเหล่าแองเจลอยด์นั้นก็มีเพียงหยดน้ำตาที่ถูกเช็ดออกครั้งหนึ่งเท่านั้นเอง





                              "ขอบใจนะ...ที่มนุษย์อย่างนายยอมรับเซย์ริอย่างฉันเป็นเพื่อน" 






เมื่อฝุ่นทรายที่กระเด็นขึ้นมาจากพื้นเมื่อครั้งที่สาวน้อยทั้งสองร่อนลงสู่พื้นอย่างสวัสดิภาพถูกสายลมบางเบาพัดลอยออกไปจนหมด การเผชิญหน้าที่จะไม่มีแม้แสงอรุณของวันพรุ่งก็ได้เปิดฉากขึ้นมาในที่สุด!!!



เป็นจังหวะเดียวกับที่ทั้งสามคนไม่รู้สึกตัวเพราะสายตาที่จดจ่อไปยังการต่อสู้ที่รอคอยอยู่บนทางข้างหน้า... ท้องฟ้าที่มีกลุ่มเมฆและดวงตะวันสาดแสงอยู่เบื้องบนก็ได้มีการบิดเบี้ยวเป็นวงกลมเล็กน้อยราวกับเป็น "ลางสังหรณ์แห่งการทำลายล้างที่แท้จริง"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา