ใยรักสีเพลิง

7.8

เขียนโดย dko9Nlbiu

วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.28 น.

  10 ตอน
  4 วิจารณ์
  14.08K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556 16.43 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) ใยรักสีเพลิง 8

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

      แพขนตางอนหนากระพริบสองสามครั้งเบา ๆขณะเจ้าของร่างขยับกายเล็กน้อย สองแขนเรียวโอบรอบตัวเองไว้หลวม ๆและกระชับแน่นขึ้นรู้สึกถึงลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่อยู่ใกล้ตัว ภาริษาสะดุ้งรู้สึกตัวเมื่อความหนาวเย็นวาบเปลี่ยนเป็นอุ่นขึ้น ๆเธอดึงกระชับสิ่งที่ให้ความอบอุ่นเข้าตัวแล้วสะดุ้งตื่นในวินาทีนั้นด้วยอารมณ์ใจหาย เห็นใบหน้าหล่ออยู่ใกล้เพียงแค่คืบ วินาทีแรกเธอเกือบจะลืมตัวขยับปากต่อว่า หากสติวิ่งเข้ามาหยุดยั้งได้ทันท่วงที เธอยิ้มตอบยิ้มฝีปากหนาได้รูปที่คลี่ยิ้มอบอุ่นใจดีอยู่ตรงหน้า ลมหายใจอุ่นร้อนจากปลายจมูกโด่งของเขาย้ำให้หญิงสาวมั่นใจว่านี่คือคนที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ บรรยากาศด้านนอกมืดสนิทแล้ว ความปวดแผลจากฝ่าเท้าเข้าจับความรู้สึกเต็ม ๆแต่ก็ถูกลบล้างจนแทบหมดสิ้นเมื่อเสื้อสูทสีดำตัวหนาที่ทาบทับบนร่างของเธอปรากฏแก่สายตา ภาริษาค่อย ๆดึงออกอย่างเกร็ง ๆ

 

“คุณหลับ ผมคิดว่าคุณคงปวดแผลจนระบมเลยไม่กล้าปลุกก็เลยจอดรถอยู่ตรงนี้...บ้านคุณพลอยไปทางไหนครับ” ภาริษายิ้มเก้อ ๆดึงเสื้อสูทของเขาออกจากกายอย่างเกรงใจ

 

 “คลุมไว้ก็ได้ครับ...คุณท่าทางจะขี้หนาว ผมสาบานว่าผมไม่เป็นโรคติดต่อทางผิวหนังแน่นอนครับ”

     ภาริษายิ้มจืดให้กับคนช่างพูด ผิวของเขาขาวสะอ้านขนาดนี้ บนใบหน้าเกลี้ยงเกลาแต่ดูคมสันนั้นไม่มีแม้แต่รอยสิวเก่า ถึงไม่ออกตัวเธอก็ไม่คิดว่าเขาจะเป็นเช่นนั้นเหรอก ชายหนุ่มมองเธอเฉย ๆแต่เหมือนนัยน์ตาของเขามันยิ้มได้เองจนดูระยิบระยับ เธอบอกทางให้เขาและนั่งตัวเกร็งไปตลอดทาง จนรถเลี้ยวเข้าสู่หมู่บ้านจัดสรรและจอดสนิทเมื่อเธอบอกให้เขาหยุดรถ สายตาคู่สวยมองเลยเข้าในตัวบ้าน โรงรถว่างเปล่า ในตัวบ้านมืดสนิท ภาริษาปลดเข็มขัดนิรภัยค่อย ๆพับเสื้ออย่างบรรจงและเปิดประตูเบา ๆหันมามองหน้าคนมีน้ำใจ

 

“ขอบคุณมากนะคะ เอ่อ...ขอโทษที่เคยทำตัวไม่ดีกับคุณ” คนฟังวางใบหน้ากับพวงมาลัยรถแล้วเอียงมายิ้มกว้างใส่ตาคนพูดที่ตั้งท่าจะลงจากรถ

 

“ไม่เป็นไรครับ” ภาริษาอยากจะพูดอะไรอีกมากมายแต่เธอประหม่าจนนึกคำพูดที่เหมาะสมไม่ออกจึงก้มหน้ายิ้มให้เขาเป็นการบอกลา

 

“เอ่อ...เดี๋ยวครับคุณพลอย” เขาลังเลบางอย่างภาริษาเห็นเขาอ้ำอึ้งอยู่หลายวินาทีแต่เธอก็หยุดรอฟังอย่างตั้งใจ จนชายหนุ่มเขียนบางอย่างในแผ่นกระดาษเล็ก ๆแล้วยื่นให้เธอ ลายมือเล็กแต่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยจนภาริษารู้สึกอาย ถ้าเขาเห็นลายมือเธอคงมีหวังเอาหน้าไปซุกดินตาย ตัวบรรจงของเธอมันคนละชั้นกับลายมือที่เขาเพียงแค่ขีด ๆลงบนเศษกระดาษนี่เสียอีก

 

“เปลี่ยนคำขอบคุณ คำขอโทษ เป็น...โทรหาผมสักครั้งได้ไหมครับ” ภาริษาหน้าร้อนวูบ ผู้ชายคนนี้ ต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ไหนใครบอกว่าผู้ชายบนโลกนี้มักจะมองออกว่าผู้หญิงคนไหนผ่านผู้ชายมาแล้วหรือยัง ปัณณทัตมองไม่ออกหรือว่าเธอมีสามีและลูกแล้ว หรือจริง ๆมันก็แค่เรื่องคุยโวของผู้ชายขี้อวด หัวใจที่เต้นตูมตามสั่งให้ร่างบางยิ้มรับแทนการปฏิเสธและรีบเขยกเดินลงจากรถเข้าบ้าน ลืมไปเลยว่าเจ็บแผล ลืมไปเลยว่ากำลังทุกข์เรื่องรดิศ ลืมทุกอย่างไปชั่วขณะ จดจ้องตัวเลขสวย ๆสิบหลักบนแผ่นกระดาษอย่างตื่นเต้นจะโทรหาเขาดีหรือไม่ สุดท้ายภาริษาก็ทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว ส่งข้อความถึงปัณณทัตด้วยหัวใจระทึกในห้วงความคิดมีเพียงคนนัยน์ตายิ้มได้และภาพที่เขาปฏิบัตต่อเธอฉายซ้ำซากจนหลับไหล .

      ร่างบางบนเตียงกว้างค่อยขยับกายรับรู้ถึงสัมผัสยุ่มย่ามบนเรือนกาย ปลุกหญิงสาวออกจากนิทราอันแสนสบายทีละน้อย เปลือกตาหนาขยับเปิดออกเห็นใบหน้าคมคลอเคลียผิวแก้มไม่ห่าง ความเจ็บจากพิษบาดแผลกระจายจากฝ่าเท้าไปทั่วร่างแต่ยังน้อยกว่าความเดือดพล่านรุนแรงในหัวอก รดิศยิ้มตาเชื่อมใส่ภรรยาไล้ปลายจมูกต่ำลงระเรื่อยไปตามลำคอกลิ่นแอลกอฮอลล์โชยผ่านผิวหน้าผะผ่าว เจ้าของร่างบางปัดมือใหญ่ออกจากการเกาะกุมทรวงอกได้ยินเขาทำเสียงรำคาญแล้วเริ่มต้นรุกไล่เอาแต่ใจ ไม่ยอมแพ้หญิงสาวที่เบี่ยงร่างหนีการโลมไล้ ลมหายใจของเขาเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆตามกระแสอารมณ์เรียกร้องจากเรือนกายแข็งแกร่ง ภาริษาสะบัดตัวลุกขึ้นสุดแรง คับแค้นใจจนเหลือจะทน รดิศตบหัวแล้วลูบหลังอย่างนี้ตลอดเวลา เขาคิดว่าเธอเป็นอะไรถึงต้องยอมให้เขามาระบายความใคร่ทุกครั้งที่เขาเรียกร้อง สิ่งที่เธออยากทำคือตะโกนบอกให้เขารู้ว่าเธอรังเกียจ ไม่อยากเกลือกลั้วกับคราบราคีสกปรก ๆที่คงจะอัดแน่นอยู่ทุกรูขุมขนของเขา แต่ก็ยากจะเอ่ยได้เช่นนั้น

 

“ไม่ต้องมายุ่งกับพลอย!” เสียงใสตวาด มือนุ่มผลักใบหน้าสากที่ยื่นมาเคล้าคลออยู่ไม่เลิกรา รดิศยังยิ้มระรื่นเขารั้งร่างภาริษามาโอบกอด เธอพยายามผลักท่อนแขนที่ราวกับคีมขนาดยักษ์ออกแต่ไม่สำเร็จ ใบหน้าสากเลื่อนไล้ไปตามซอกคอขาวเนียน หวังจะปลุกความต้องการในตัวหญิงสาว ภาริษาเบี่ยงตัวหนีสุดแรงผลักรดิศออกด้วยแรงทั้งหมดที่มี เขามองใบหน้าแดงปลั่งด้วยความขุ่นข้องทำไมภาริษาต้องขัดขืนรุนแรงเช่นนี้

 

“ไม่ยุ่งกับพลอย...แล้วพี่จะยุ่งกับใคร ก็พลอยเป็นเมียพี่” รดิศเงยหน้าพูดน้ำเสียงกระเส่าออดอ้อนพลางกดจมูกลงข้างแก้มนวลแรง ๆ ภาริษาเม้มริมฝีปากจนแน่น อัดอั้นในใจจนแทบกระอัก วิธีง้อเมียของผู้ชายหลงตัวเองอย่างรดิศ คือการร่วมหลับนอนด้วย เขาคิดว่าตัวเองคือเทพแห่งสรวงสวรรค์ที่สามารถทำให้เพศตรงข้ามหลงใหลและยอมสยบแทบเท้า การสัมผัสเนื้อตัวและมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาจะทำให้ภาริษาหายโกรธและหลงรัก หลงใหลในตัวเขาไม่มีวันเสื่อมคลาย

 

“พี่ยังคิดว่าพลอยว่าเป็นเมียอีกเหรอ... !” ภาริษาเสียงแข็งรดิศยิ้มประจบแนบใบหน้าสาก ๆของเขากับหัวไหล่บอบบาง หญิงสาวเบี่ยงหลบ ด้วยนึกรังเกียจ ความปวดตรงบาดแผลแล่นเป็นริ้ว ๆไปทั่วสรรพางค์กาย หายใจหอบเหนื่อยผสานแรงสะอื้นที่ถูกเจ้าตัวกดย้ำไว้ภายใน

 

“โธ่...พลอย ก็พี่ติดลมไปหน่อยพอดีพี่ธรแวะมาหา พลอยไม่เชื่อโทรไปถามพี่ธรเลยก็ได้ จริงๆนะพลอยพี่ไม่ได้ไปไหนเลย ไปคุยเรื่องงานกันทั้งนั้น” รดิศพูดเสียงอ่อยเขายกชื่อชลันธรเพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งของบริษัทมากล่าวอ้างหวังให้ภาริษาคลายความกรุ่นโกรธลงไปบ้าง

“พี่ธรไม่ใช่พ่อพลอย ทำไมพลอยต้องเชื่อ !...พลอยจะบอกพี่หนึ่งไว้เลยนะ พลอยไม่นับถือไอ้พวกเทวดาหลายเมีย ต่อให้รวยล้นฟ้า พลอยก็ไม่แคร์”น้ำเสียงหญิงสาวยังคงดุดันไม่มีทีท่าจะคลายความโกรธลง คำพูดที่ใช้ก็เริ่มรุนแรงขึ้น จนรดิศคลายอ้อมแขนจากร่างบางทันทีเมื่อสิ้นประโยคนั้น ริมฝีปากสวยเหยียดออก รับรู้ถึงกิริยาของสามี เขาไม่พอใจที่เธอไปพาดพิงถึงเพื่อนรุ่นพี่ที่เขาสุดรัก คิดว่าภาริษาจะสนหรือ

 

“เธอนี่ ยิ่งนับวันยิ่งพูดไม่รู้เรื่องนะพลอยพี่ธรเขาเป็นผู้ใหญ่เธอไปพูดถึงเขาแบบนั้นมันสมควรแล้วเหรอ” ต่อว่าภาริษาเสียงขุ่น หญิงสาวไม่ได้รู้สึกสะเทือนใจกับคำพูดของรดิศ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเป็นแบบนี้ แต่เขาเป็นแบบนี้ทุกครั้ง

 

“สมควรหรือไม่สมควร พลอยเป็นคนแยกแยะเอง”

“แยกแยะเหรอ... ทุกวันนี้เธอแยกแยะอะไรออกบ้าง! เราทำธุรกิจก็ต้องรู้จักสังคม แล้วเธอทำอะไร ทุกวันนี้พี่เห็นเธอสนใจแต่ไอ้ร้านกาแฟบ้า ๆนั่น งานที่โรงงานเคยเข้าไปช่วยบ้างไหม เธอคิดออกไหมพลอยอันไหนงานหลัก อันไหนงานอดิเรก”

 

“คิดออก แต่พลอยไม่อยากทำ พลอยทำมาเยอะแล้ว ! พลอยเหนื่อยแทบตายสุดท้ายพลอยได้อะไร...! เงินทองหามาได้ ผัวก็เอาไปปรนเปรอพวกโสเภณี หาความสุขใส่ตัว เคยคิดถึงใจพลอยบ้างไหม...!” เสียงดุดันแทบจะเรียกตวาด แต่เริ่มสั่นเครือตามแรงอารมณ์ของคนพูด ความอุ่นร้อนเริ่มรุกรานพื้นที่ในดวงตาคู่สวยของเธออีกครั้งจนแทบจะล้นทะลัก หญิงสาวพยายามกักกั้นมันไว้อย่างสุดความสามารถ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล เครื่องปรับอากาศยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องจนอากาศในห้องเย็นฉ่ำ ช่างต่างจากความรู้สึกของภาริษาเสียเหลือเกิน มันร้อนรุ่มราวมีเปลวเพลิงสุมอยู่ภายใน ... โกรธ... เสียใจ ...ผิดหวัง เคืองแค้น ... เธอไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอย่างนั้นได้หรือไม่ รดิศเองก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกันเท่าไรใบหน้าของเขาเรียบเฉยหากแต่แววตายังแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ได้พอใจกับคำพูดของภาริษา ตรงข้ามเขากลับรู้สึกโกรธเธอเสียด้วยซ้ำ

 

“เธอคิดแค่นี้เหรอ...พี่ก็เหนื่อยเหมือนกัน โอเคพี่ยอมรับว่าพี่ไปเที่ยวผู้หญิงนอกบ้านแต่มันก็แค่เรื่องปกติของผู้ชายใคร ๆเขาก็ทำกัน...มันจะทำให้เธอถึงตายเลยเหรอไง!”

 

“ไม่ตาย! แต่ตายทั้งเป็น สักวันพลอยจะทำแบบพี่บ้าง ดูสิพี่จะรู้สึกยังไงถ้าต้องใช้เมียร่วมกับผู้ชายคนอื่น!”

 

“พลอย!!” เขาตวาดเสียงดังจนภาริษาสะดุ้ง รู้สึกตกใจกับน้ำเสียงเช่นนี้ เธอสบตาเขาอย่างไม่มีใครยอมแพ้ ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง หยดน้ำตาอุ่น ๆไหลลงจากดวงตาคู่สวยจนได้ รดิศเองก็นัยน์ตาแดงก่ำ ภาริษาไม่รู้หรอกว่าเป็นเพราะเขาโกรธหรือเขาสะเทือนใจกับสิ่งที่เธอพูดมา รู้แต่ว่าเธอทนไม่ไหวอีกต่อไปหากต้องกลั้นก้อนน้ำตาไว้ภายในอีกหลังจากที่ข่มมันไว้ทั้งวัน สองคนสบตากับนิ่งไม่มีใครยอมใคร ภาริษาจ้องนิ่งไม่ไหวติงแม้น้ำตาจะยังไหลไม่ขาดสาย นานเท่าไรไม่รู้ที่คนสองคนอยู่ในอาการเช่นนั้น

      ห้องนอนกว้างใหญ่ ประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงที่ทั้งคู่เคยช่วยกันเลือกมาตกแต่งห้องนี้ด้วยกันกำลังเกิดสงครามเงียบ ซึ่งภาริษาคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เจ็บปวดมากกว่าการด่าทอกันเสียอีก รดิศทำผิดยังมีสิทธิ์มาโกรธเธอด้วยเหรอ เขาก็เป็นแบบนี้ตั้งนานแล้วภาริษาน่าจะรู้ดี  สุดท้ายรดิศเป็นฝ่ายทนไม่ไหว เขาค่อย ๆดึงร่างบางเข้ามาสวมกอด รับรู้ได้ถึงแรงสะอื้นจากร่างนั้น ภาริษาหมดแรงจะต่อต้านเขาอีก มือใหญ่ลูบแผ่นหลังบางแผ่วเบาราวกับต้องการปลอบประโลมให้เธอคลายความรู้สึก ก่อนจะซบหน้าลงกับไหล่สั่นไหวนั้น หญิงสาวไม่รู้ว่าเขาทำเพราะเสียใจกับเหตุการณ์นี้หรือทำเพียงเพราะต้องการให้เรื่องจบๆไป เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แต่เวลานี้เธอรู้สึกเหนื่อยเกินไปแล้ว หากเธอต้องอยู่กับผู้ชายคนนี้ต่อไปเธอก็คงต้องยอมจบอย่างน้อยเขาก็เป็นพ่อของลูกเธอ เป็นคนที่เธอเลือกเอง

 

“พี่ขอโทษนะพลอย...พี่ขอโทษ...อย่าร้องไห้นะพี่รักพลอย พี่สัญญาต่อไปพี่จะปรับตัวใหม่” ยิ่งได้ฟังคำพูดของเขาภาริษาก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม

 

“พี่ผิด...พลอย พี่ผิดเอง พี่ยอมรับว่าพี่นิสัยเสียไม่รู้จักเวล่ำเวลา พลอยยกโทษให้พี่นะ... นะครับพลอย” เสียงทุ้มยังคงพร่ำออดอ้อนหญิงสาวไม่ขาดปาก

     ภาริษาไม่เชื่อในคำพูดเขาเท่าไรแต่ไร้ประโยชน์ หากเธอยังดึงดันจะทะเลาะกับรดิศด้วยเรื่องเดิมๆ ทางออกของเรื่องนี้ไม่มีอยู่จริง หรือถ้ามีก็คือภาริษาต้องตัดใจเดินออกไปจากชีวิตของชายหนุ่ม แล้วเด็กหญิงพิมพ์สิตาจะมีชีวิตอย่างเดิมหรือไม่ ลูกสาวของเธอจะเข้าใจและอยู่ในสภาพบ้านแตกได้ไหม นั่นคือสิ่งที่ทำให้ภาริษาไม่กล้าตัดรดิศออกจากชีวิตของเธอเสียที แม้เขาจะทำให้เธอช้ำใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็ตาม  

     คำขอโทษของรดิศ คำสัญญาของเขา ยังคงใช้ได้เสมอ หญิงสาวรู้แก่ใจและนี่ก็เป็นข้อเสียของเธอที่ทำให้เขาได้ใจและลดเลือนความสำคัญของภาริษาลงไปทุกวี่วัน แต่จะให้ทำอย่างไรหากยังคงต้องการเป็นครอบครัวเดียวกับรดิศ เธอก็ต้องทนรับมันให้ได้ ร่างบางขยับออกจากอ้อมแขนแกร่งเบา ๆรดิศเพิ่งสังเกตว่าฝ่าเท้าหญิงสาวมีบาดแผล

 

“พลอย...เท้าโดนอะไรมาทำไมไม่บอกพี่” ภาริษาส่ายหน้าเป็นเชิงตัดบทแล้วเดินเขยกหายเข้าไปในห้องน้ำ  เขาจะห่วงใยเธอจริงหรือไม่ภาริษาก็ไม่อยากสนใจแล้ว ขอแค่พลังใจในการทำหน้าที่ของเธอกลับคืนมาอีกครั้งก็พอ .

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา