Forever ความรัก กาลเวลาและการรอคอย

-

เขียนโดย Zindy

วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 21.12 น.

  9 ตอน
  2 วิจารณ์
  10.96K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556 21.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) นักเรียนใหม่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ในดวงตาที่พร่าเลือน ความเจ็บที่เสียดแทงทุกอณูกาย แต่เสียงขอใครคนนั้นยังดังก้องอยู่อย่างชัดเจนในโสตประสาท ทั้งที่เจ็บขนาดนี้ ทั้งที่ร่างกายคงจะคงอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ทำไมทุกคำถึงได้ชัดเจนขนาดนี้กันนะ บางทีมันอาจจะดังอย่างนี้ไปเรื่อยๆก็ได้นะ ดังไปเรื่อยๆเช่นคำพูดของเขา

                ‘รอ… จะรอนะ… จะรอเสมอ ฉันจะรออยู่ตรงนี้ แม้ว่าจะรอมากกว่านิรันดร์ ยาวนานกว่าตลอดไป ฉันก็จะรออยู่ตรงนี้’

เพื่อรอคอยเพียงเธอ

 

“ฮ้าว~”เด็กสาวบิดขี้เกียจหลังจากตื่นขึ้น รู้สึกเพลียๆเพราะฝันเมื่อคืน

เอ… เรื่องอะไรกันนะที่ฝัน “อืม… ช่างเหอะ”เด็กสาวเลิกคิดแล้วเดินไปอาบน้ำเตรียมตัวไปโรงเรียน

                “อนันต์! ทำไมออกจากหอพักช้าจัง เรามารอตั้งนานแล้วนะ”สาวิกาเพื่อนเธอแหวทันทีที่เห็นเธอเดินออกมา แต่มันก็เป็นเรื่องปกตินี่นา เธอเลยหันไปทักเพื่อนอีกคนแทน

                “อรุณสวัสดิ์จ้า พรประภา”

                “อรุณสวัสดิ์จ้ะ”สาวผมหางม้าตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ทั้งสามออกเดินพร้อมกันไปโรงเรียนคุยเรื่อยๆจนกระทั่งเข้าเรียน

                “เอ้าๆ นักเรียนฟังกันหน่อย”คุณครูยืนตะโกนอยู่หน้าห้อง

                “วันนี้จะมีนักเรียนเข้ามาใหม่นะ…”

เงียบกริบ…

ปัง!! ฝ่ามือหนักๆของท่านอาจารย์ตบที่กระดานหน้าห้อง

“นี่พวกเธอ! ไม่คิดจะตื่นเต้นกันบ้างเลยเร้อ~!”แต่ก่อนที่อาจารย์จะยั้วขนาดทิ้งระเบิดลงห้องก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

“อาจารย์ครับ ผมเข้าไปได้รึยังครับ…”

“เอ่อ… จ้ะ… เข้ามาได้เลยนิรันดร์กาล”

‘เอ๋ อนันต์ญกาลกับนิรันดร์กาล ชื่อเหมือนเราเลยแฮะ’ อนันต์ญกาลคิด

ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องอย่างช้าๆ แต่ทุกคนก็ต้องตาค้างเมื่อชายหนุ่มผมสีทองมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องแล้วค่อยๆหันมาช้าๆเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาดูสมวัยและดวงตาสีฟ้าเช่นเดียวกับคนต่างชาติ

                “หวาว~”เสียงดังจากฝ่ายหญิงทั้งหลาย

                “แหม… นักเรียน พอรู้ว่าเป็นหนุ่มหล่อตื่นเต้นกันใหญ่เชียวนะ เมื่อกี้ยังเงียบกริบกันอยู่เลย”อาจารย์เอ่ยเสียงเย็นจนเสียวสันหลัง แต่ก็เป็นอีกครั้งที่นักเรียนใหม่แทรกขึ้น

                “สวัสดีครับ ผมชื่อนิรันดร์กาล เรียกผมสั้นๆว่า ‘นิรันดร์’ ก็ได้ครับ”พูดจบก็ยิ้ม

                “คุณนิรันดร์เป็นลูกครึ่งหรอคะ”

                “ใช่ครับ”

                “ครึ่งไหนคะ”

                “ยุโรปครับ”

                คำถามมากมายยิงมาที่นักเรียนใหม่สุดหล่อจนฟังแทบไม่ทัน อาจารย์เลยต้องห้ามไว้ก่อนที่จะหมดโฮมรูม

                “เอ้า! พอก่อน เอาไว้ถามตอนพัก นิรันดร์กาลเธอไปนั่งอนันต์ญกาลละกัน แต่ทำไมพวกเธอสองคนชื่อความหมายเดียวกันเลยนะ…”อาจารย์พึมพำแต่กลับมีนักเรียนตะโกนขึ้นมาว่า

                “พรหมลิขิตชัวร์!”สิ้นเสียงก็มีเสียงเฮดังขึ้นทั่วห้องจนอนันต์ญกาลหน้าแดงแจ๋ แต่ก็สบตาคนที่เพิ่งเดินมาถึง

                “เอ่อ… สวัสดีจ้ะ… ยินดีที่ได้รู้จักนะ”อนันต์ญกาลพูดพอเป็นพิธีแต่เธอกลับรู้สึกว่าใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้นดูเศร้าสร้อยขึ้นแม้จะคงรอยยิ้มอยู่ก็ตาม “ครับ… เช่นกัน”

                ‘คิดไปเองล่ะมั้ง…’

                คาบเรียนดำเนินไปเรื่อยๆจนถึงพักกลางวัน นักเรียนทั้งหมดทยอยเดินออกไป รวมถึงอนันต์ญกาลด้วยแต่กลับมีเสียงเรียกไว้ซะก่อน

                “อนันต์ญกาลครับ”

                “ค… คะ”เจ้าของชื่อขานรับ

                “คือ… ผมไปทานข้าวกลางวันกับคุณได้ไหมครับ”

                “แบบว่า… ผมยังไม่รู้จักใครเลยนอกจากคุณ…”

                “เอ่อ… ได้ค่ะ”อนันต์ญกาลตอบรับด้วยรอยยิ้ม

 

                “นั่นใครน่ะอนันต์!”สาวิกาพูดเสียงดังลั่น เธอกับสาวิกาแล้วก็พรประภาไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันซักคน แต่ก็มาทานข้าวกลางวันด้วยกันทุกวัน ที่สาวิกาพูดซะดังขนาดนั้นคงเป็นเพราะหนุ่มหล่อที่เธอพามาด้วยไปเป็นนายแบบได้สบาย

                “อ๋อ… นี่นักเรียนใหม่ห้องฉันชื่อนิรันดร์กาล”

                “เรียกผมว่านิรันดร์ก็ได้ครับ”

                “แล้วมากินข้าวกับอนันต์ได้ไงล่ะ”พรประภาถามขึ้นบ้าง

                “ก็คุณอนันต์นั่งใกล้ผมที่สุดน่ะ แล้วผมก็ยังไม่รู้จักใครมากซะด้วย… มาทานข้าวด้วย… ได้ไหมครับ”ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่แน่ใจซะแล้ว

                “ได้สิ…”สาวิกาเอ่ยทันที พลางยกนิ้วชี้ขึ้นระดับสายตาของนิรันดร์กาล ”แต่มีข้อแม้”

                “ครับ!?!”

                “ข้อที่1…”ชูหนึ่งนิ้ว

                “ห้ามลงท้ายด้วย‘ครับ’… เดี๋ยว!อย่าเพิ่งพูด… ข้อสอง…”ชูสองนิ้ว “…ห้ามนำหน้าชื่อด้วย‘คุณ’เด็ดขาด!”

                “แล้วก็ข้อสุดท้าย”คราวนี้เอานิ้วลงแล้วเอียงคอยิ้มหวาน แต่คนอื่นกลับคิดว่านั่นมันยิ้มหวานของนางมารร้ายชัดๆ!

                “…นายเลี้ยงวันนี้…”

                “สาวิกา!”เพื่อนอีกสองคนร้องทันที ก็คุณเธอคนนี้กินไม่น้อยนะ

                “เอิ่ม… ผมจะตอบได้รึยังครับ”

                “ก็บอกไม่ให้พูดครับใส่พวกเราเดี๋ยวแม่ปั๊ดเชือดทิ้งเลยนิ!”

                “อ่าๆ… ได้ค… ฮะ”

                “โอเค… ผมตอบนะคร… ตอบเลยแล้วกัน”เกือบจะเผลอหลุดไปอีกแล้วสิ

                “อันแรกน่ะผมโอเคไม่ลงท้ายด้วย ‘ครับ’ ก็ได้ ส่วนข้อสองผมไม่เรียกว่าคุณ… เอ่อ…”

                “สาวิกา!”

                “อ่า… ไม่เรียกคุณสาวิกานะแต่ผมจะเรียกว่าท่านหญิงสาวิกาแทนได้ไหม?”นิรันดร์กาลเอ่ยพร้อมเลิกคิ้วขึ้นข้างนึง เสริมให้ใบหน้าหล่อเหลาดูขี้เล่นขึ้นเป็นกอง

                “ไม่ได้! โธ่! จะเรียกอะไรพวก‘สาวิกา’เฉยๆหรือ‘ไอ้’สาวิกาก็ได้ แต่เอาชื่อเรียกน่าขนลุกแบบ ‘คุณ’ ‘ท่าน’ บลาๆ พวกนั้นได้มั้ย”สาวิกาพูดแล้วทำท่าประกอบได้สมคำพูดเด๊ะจะอนันต์ญกาลต้องเข้ามาห้าม

                “นิรันดร์จ๊ะเรียกเค้าด้วยชื่อเฉยๆเถอะ เดี๋ยวไม่ได้กินข้าวกันพอดี”อนันต์ญกาลขอร้อง แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เธอเห็นความเปลี่ยนแปลงในดวงตาของคู่สนทนา… แววตานั้นดูอ่อนโยนลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะตอบเธอ

                “ได้… ก็ได้นะ สาวิกา”พูดจบก็ทำท่าขำเมื่อเห็นท่าทีของถอนหายใจของสาวิกา

                “แล้วคนนี้…”เขาหันไปถามใครอีกคนหนึ่งซึ่งยื่นเล่นมือถือของเธออยู่เงียบๆมาตลอด

                “อ๋อ… พรประภา เรียกสั้นๆว่าประภานะ”

                “อื้อ”

                “เอ้า! รีบไปได้ละ อาหารคงหมดโรงแล้ว…”ว่าแล้วสาวิกาก็ลากทุกคนเข้าไปในโรงอาหารพร้อมรอยยิ้ม

 

อาหารมากมายถูกวางเรียงรายไว้บนโต๊ะ ปริมาณเหลือเชื่อกว่าแค่สี่คนที่นั่งอยู่จะกินหมด

                “ขนาดนี้จะกินหมดแน่หรอ”นิรันดร์กาลถาม มันเยอะจริงๆนะ “หมดสิ… ก็กินแบบนี้ทุกวัน”สาวิกาตอบเรียบๆเพราะเธอกินอาหารอยู่

“ว่าแต่นิรันดร์หมดไปเท่าไรหรอ”พรประภาเอ่ยบ้าง

                “เอิ่ม… สี่ห้าร้อยน่ะแหละ”

                พรวด! สาวิกาสำลักน้ำที่กำลังดื่มทันทีตามด้วยเสียงไออีกหลายครั้ง “ไม่ได้เป็นเพราะฉันใช่มั้ย… ใช่ป้ะ?”สาวิกาเอ่ยเสียงอ่อยๆ

                “อืม… ของสาวิกาน่ะแค่สองร้อยกว่าๆเอง…”ยิ้มอย่างให้กำลังใจ แต่ก็ตามด้วยประโยคต่อมา “เป็นส่วนใหญ่เท่านั้นเอง…”เป็นเหตุให้สาวิการ้องสะบัดหน้าไปอีกทาง “เชอะ!”
                ทุกคนหัวเราะออกมาหลังจากเห็นท่าทีของเพื่อนสาว จนหมดพักกลางวันทุกคนจึงแยกย้ายไปห้องตัวเอง

 

                การเรียนภาคบ่ายเริ่มต้นขึ้น อนันต์ญกาลแปลกใจไม่น้อยกับความสามารถของเพื่อนใหม่ นิรันดร์กาลเป็นคนที่เรียนเก่งมากไม่ว่าจะคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม และเก่งที่สุดก็เป็นภาษาโดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่สำเนียงของเขาตอนพูดเหมือนกับเจ้าของภาษา... แต่เอ... นิรันดร์ก็เป็นลูกครึ่งนี่นา...

                ‘แบบนี้คงจะไม่เก่งวิชางานบ้าง,หัตกรรมไปด้วยหรอกนะ’ อนันต์ญกาลคิดแล้วก็ลองจินตการภาพนิรันดร์กาลนั่งร้อยมาลัยหรือนั่งเย็บผ้าดู คิดแล้วก็นั่งยิ้มอยู่คนเดียว

            ‘ชักบ้าแล้วสิเรา...’

                “หึๆ”เสียงหัวเราะแผ่วเบาลอยมาเข้าหูอนันต์ญกาล ทำให้เธอหันควับไปมองผู้มาใหม่ทันที! แต่คนที่เธอแอบนินทาอยู่ในใจก็หันมองนอกหน้าต่างอย่างไม่มีท่าว่าจะสนใจเธอ

                ‘คิดไปเองรอบที่เท่าไรแล้วนะ... เฮ้อ’ อนันต์ญกาลถอนหายใจกับตัวเอง แต่เธอไม่รู้หรอกการที่เขาหันไปทางหน้าต่างทำให้เธอไม่เห็นสีหน้าของเขา...

...ซึ่งกำลังยิ้มอย่างถูกใจอะไรบางอย่าง...

                พอตกเย็นอนันต์ญกาลก็ได้รู้ว่านิรันดร์กาลพักอยู่หอพักของโรงเรียนเหมือนกับเธอ หอพักนี้แยกชายหญิงไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงความปลอดภัยของฝ่ายหญิงเท่าไร

                แต่ด้วยความที่ว่าเพื่อนของเธออีกสองคนพักอยู่ที่บ้านของตัวเองทั้งหมด ส่วนใหญ่เธอเลยต้องเดินกลับบ้านคนเดียว... แต่วันนี้ไม่เหมือนปกติ...

                “ขอบใจที่เดินมาส่งนะนิรันดร์”

                “ไม่เป็นไร... ทางเดียวกันอยู่แล้ว”นิรันดร์กาลว่าตอบอย่างเชิงว่าไม่เป็นปัญหา อนันต์ญกาลเงียบไป...

                                อาทิตย์ยามอัสดงทอประกายสีส้มทอง บกบอกว่าตะวันของวันนี้ใกล้จะลาลับขอบฟ้า แสงทอดสู่พื้นก่อเกิดเงาของสองร่างที่กำลังเดินคู่กัน

                แต่หญิงสาวกลับเป็นฝ่ายหยุดเดิน

                นิรันดร์เดินเลยไปสองสามก้าวก่อนตะหยุดตามคนข้างกายพร้อมกลับไปเพื่อถามสาเหตุที่เธอหยุดเดิน

                “มีอะไรรึเปล่า”

                “นิรันดร์... ฉันมีเรื่องอยากถาม...”อนันต์ญกาลเอ่ยเสียงแผ่วคล้ายไม่แน่ใจในสิ่งที่พูด

                “อืม... ถามเลย”นิรันดร์กาลเอ่ยพร้อมกับสังเกตท่าทีการแสดงออกของคนถามที่คล้ายกำลังกังวล

                “คือ...”แล้วก็เว้นจังหวะการพูดเพื่อรวบรวมความกล้า

                “เรา... เคย ‘รู้จัก’ กันมาก่อนรึเปล่า”ในที่สุดก็ถามออกไปเธอเลือกใช้คำว่า ‘รู้จัก’ แทนคำว่า ‘เจอ’ ก็เพราะเธอรู้สึกคุ้นเคยกับนิรันดร์อย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่แค่คุ้ยหน้าแต่เป็นคุ้ยเพราะรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ดูเหมือนแฝงอะไรเอาไว้... เธอเคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้มาก่อน หากเธอเคยเพียงแค่เดินผ่านเขา คงไม่รู้สึกแบบนี้เป็นแน่

                ในขณะที่อนันต์ญกาลกำลังก้มหน้าคิดอยู่นั้น นิรันดร์ก็ได้แต่ยืนนิ่งอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ดวงตาที่เบิกกว้างตั้งแต่ฟังคำถามจนจบค่อยๆปิดลงอย่างคนกำลังตั้งสติและกำลังตัดสินใจด้วยความรอบคอบว่าควรจะตอบยังไง                     

                อนันต์ญกาลกลัวว่าเขาจะหาว่าเธอไร้สานะที่คิดมากกับเรื่องพรรณนี้ แต่เขากลับทำในสิ่งที่เธอคาดไม่ถึง... นิรันดร์กาลค่อยๆใช้มือเชยคางขึ้นมาอย่างนิ่มนวล เชยคางของเธอขึ้นเพื่อให้เธอสบตาเขาพร้อมให้คำตอบที่เบาดั่งเสียงกระซิบแต่กลับได้ยินอย่างชัดเจนว่า

                “คำตอบนั้นมีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ ลองค้นหาคำตอบดูสิ ไม่ว่ามันตะเป็นอย่างไร มันก็คือคำตอบที่เธอต้องการนั่นแหละ”      

                ตอนนี้เงาของสองร่างที่เคยยืนเคียงกันได้ทาบทับเป็นเงาเดียวทอดยาวออกไป ก่อนที่ฝ่ายชายจะผละออกไปแต่ก็ยังจับข้อมือของหญิงสาวไว้แล้วเดินกึ่งดึงหญิงสาวให้ออกเดินไปด้วย

                “รีบเดินเถอะ อาทิตย์จะตกดินแล้ว”อนันต์ญกาลได้แต่พยักหน้ารับเงียบๆ อยากถามเหลือเกินว่าสิ่งที่เขาพูดมันหมายความว่าอย่างไร แต่พอเห็นสีหน้าของเขาตอนตอบเธอแล้ว การปิดปากเงียบรอคำตอบเงียบๆดีกว่า... ไม่สิ เธอต้องเป็นคนหาคำตอบสินะถ้าเป็นไปตามที่เขาบอก

                ทั้งสองคนเดินไปอย่างเงียบๆโดยไม่ทันได้สังเกตเงาของใครบางคนซึ่งซ่อนตัวหลังต้นไม้แถวนั้น ที่กำลังมองมาด้วยสายตาไม่แสดงอารมณ์

_________________________________________________________________

ตอนแรกนี้แต่งไว้นานมากแล้วค่ะ ตอนเอามาให้อ่านดูก่อน สำนวนอาจจะยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไรนะึคะ>.<

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา