Vampiric Murderer ปริศนารักคดีแวมไพร์

8.5

เขียนโดย Zindy

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 00.16 น.

  8 ตอน
  13 วิจารณ์
  12.37K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 กันยายน พ.ศ. 2557 22.07 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) แรกพบ (Rewrite)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

        

         

 ‘เมื่อวานนี้ได้พบศพหญิงสาวไม่ทราบชื่อเสียชีวิตอยู่ที่ตรอก ณ ซอยสาม ศพถูกพบในลักษณะที่ไม่มีรอยแผลใดนอกจากรอยกัดคาดว่าเกิดจากเขี้ยวของสัตว์ แต่ด้วยสภาพศพแล้วมีหลายความเห็นเชื่อว่าคนร้ายคือ ‘แวมไพร์’ค่ะ ต่อไปขอเชิญพบกับความรู้เกี่ยวกับแวมไพร์จากผู้เชี่ยวชาญเลยค่ะ’

          ‘แวมไพร์คือชื่อเรียกของมนุษย์สายพันธุ์หนึ่งที่ต้องดื่มเลือดเพื่อใช้ในการดำรงชีวิต เชื่อกันว่ามีนิสัยดุร้ายและโหดเหี้ยม เคยมีตัวตนจริงและปรากฎหลักฐานแน่ชัด แต่ได้หายสาบสูญไปเมื่อหลายร้อยปีจากการกวาดล้างแวมไพร์ในยุคนั้น...’

          เสียงนักวิชาการดังเรื่อยๆออกมาจากโทรทัศน์ในยามเช้า แต่มันกลับไม่เข้าหูของหญิงสาวผมสีทองส้มประกายสว่างเลยแม้แต่น้อย ร่างของเธอหันข้างเข้ากับโทรทัศน์ที่รายงานข่าวฆาตรกรรมตั้งแต่เช้าพร้อมๆกับจัดการอาหารมื้อแรกในวันนี้ของเธอไปเรื่อยๆ

          “แวมไพร์อย่างนั้นหรอ...”

          แม้ว่าเธอจะไม่สนใจนักวิชาการคนนั้น แต่เนื้อหาของข่าวอันแปลกประหลาดที่เพิ่งจะเคยมีให้เห็นเป็นครั้งแรกเรียกความสนใจจากเธอได้ในระดับหนึ่ง ที่สำคัญคดีนี้เกิดในเมืองติดกับเมืองของเธอ และเนื้อหาที่เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ที่สาบสูญนามแวมไพร์ไม่เคยมีออกมาเด่นชัดขนาดนี้

แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่นานก็ต้องเลิกสนใจมันเพราะเสียงแม่ที่ดังมาจากในครัว

          “ซารีน่า กินเสร็จก็รีบๆไปเรียนสิ อย่าไปสายทั้งที่เป็นวันเปิดเทอมวันแรกนะ”

          “ค่า” เจ้าของเสียงร่าเริงนามซารีน่าขานรับ เธอยิ้มให้กับคำพูดของแม่ที่น่าจะกำลังซักเสื้ออยู่ในห้องครัว ทั้งที่จริงแล้วเธออยากจะฟังรายละเอียดข่าวต่ออีกหน่อย “นักเรียนดีเด่นอย่างหนูไม่สายหรอกค่ะ”

          แม่ของเธอหัวเราะกลับมาเบาๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่เธอทานอาหารเสร็จพอดี

          "แม่คะ หนูไปก่อนนะ"

          ข่าวยังคงดำเนินต่อไป แต่เวลาดันไม่เอื้ออำนวยให้นานนัก เมื่อวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของภาคการเรียนชั้นมัฐยมปลายปลายปีสุดท้าย หากไปสายคงไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเท่าไร

          "รีบกลับนะลูก" เสียงแม่ของเธอตะโกนไล่หลัง

          ซารีน่าตรวจสอบเครื่องแต่งกายสีขาวที่มีขอบเป็นสีดำซึ่งเป็นเครื่องแบบนักเรียนอีกครั้งที่หน้าประตู เคาะปลายรองเท้าให้เข้าที่ก่อนจะเดินออกจากบ้าน

แสงแดดยามเช้าในช่วงนี้ทำให้รู้สึกร้อนทันทีเมื่ออาบไล้ผิว และสายลมอ่อนๆได้พัดมากระทบตัวเธอแล้วผ่านไป ซารีน่ามองไปยังสถานที่ซึ่งนำลมได้พัดพามา ...เนินเขาเล็กๆได้ตั้งที่ที่ตรงนั้น ไม่ใกล้ไม่ไกลกว่าสุดสายตาจะมองเห็น

เธอชอบไปที่นั่นอยู่บ่อยๆ เพราะเมื่อขึ้นไปบนยอดเนินเขาแล้วเธอจามารถเห็นอีกเมืองที่อยู่ติดกันได้อย่างชัดเจนและเงียบสงบ

          "...สายจริงๆด้วยแฮะ"  มองดูนาฬิกาแล้วก็ไม่น่าไปพูดแบบนั้นกับแม่จริงๆด้วย หลายครั้งเธอก็รู้สึกว่าบางครั้งนิสัยเสียๆอย่างการปากดีของเธอก็ทำงานออกมาทีเผลอ ทั้งแม่ ทั้งเพื่อนต่างก็ชินกันหมดแล้ว แต่ยังไงซะปากครั้งก็อดคิดมากไม่ได้อยู่ดี

          ว่าแล้วเท้าก็เริ่มเร่งความเร็วเพราะเวลาอันกระชั้นชิด ปกติแล้วส่วนใหญ่คุณพ่อมักจะไปส่งที่ป้ายรถประจำทาง หรือส่งโรงเรียนเลยก็มี ขณะที่วันนี้ต่างออกไป คุณพ่อออกไปทำงานแต่เช้า เธอเลยต้องเดินไปนั่งรถประจำทางไปเรียนเอง ปกติแล้วรถจะมาเวลาเป็นช่วงๆ แม้ช่วงรถสายที่จะนั่งอาจจะมาในอีกหลายนาทีก็จริง เธอก็ยังรีบเผื่อไว้เกิดผิดพลาดดีกว่า

          ปึก!

          "ว้าย!" ด้วยความที่เดินไปดูนาฬิกาไปทำให้ไม่ได้มองทางข้างหน้าบวกกับความเคยชินที่เดินทางในหมู่บ้านประจำ เธอเลยเดินไปชนกับใครคนหนึ่งเข้าอย่างไม่ทันระวังตัวจนเซไป หลังจากที่ทรงตัวได้แล้วเธอก็ได้ยินทุ้มนุ่มของบุคคที่คาดว่าจะเป็นคู่กรณีของเธอ

          "ขอโทษนะครับ ผมมัวแต่เดินไปดูทาง เป็นอะไรรึเปล่าครับ" ชายหนุ่มที่ไม่แน่ใจว่าเขาเดินมาชนหรือซารีน่าเดินไปชนเขาเองกันแน่ชิงขอโทษก่อนอย่างไม่รีบร้อน

...บางทีเธอน่าจะเป็นคนพูดมากกว่า

  "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันผิดเอง ขอโทษนะคะ" ซารีน่าเองก็รีบเอ่ยขอโทษหลังจากทรงตัวได้ ส่วนสูงของชายคนนั้นทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย  แล้วเธอก็ชะงักไป

...เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี หางตาของดวงตาสีดำขลับชี้ขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าเรียวยาวและยังให้ความรู้สึกเป็นมิตรจากมุมปากที่ยกเป็นรอยยิ้มน้อยๆ แต่ว่าที่เธออึ้งไปไม่ใช่เพราะใบหน้ากระชากใจสาวนั่นหรอก แต่เป็นเพราะผมยาวสลวยสีดำขลับที่มัดรวบต่ำไว้ด้านหลัง ผมด้านหน้าก็ไว้ยาวข้างหนึ่งเกือบปิดบังดวงตาสีเดียวกัน แล้วยังการแต่งตัวที่ใส่ชุดสูทเต็มคราบนั่นอีก มันทำให้รู้สึกว่าเป็นคนหล่อที่แต่งตัวได้แปลกจริงๆ

          “...ไม่คุ้นหน้าเลย เพิ่งมาที่นี่หรอคะ”

          ที่ถามออกไปแบบนั้นอาจดูเสียมารยาท แต่เพราะหมู่บ้านนี้ไม่ใช่หมู่บ้านที่ใหญ่อะไรมาก ค่อนข้างจะห่างจากใจกลางเมืองด้วยซ้ำไป ดังนั้นคนเกือบทั้งหมู่บ้านก็จะรู้จักกันดี การที่อยู่ๆจะมีคนแปลกหน้าเข้ามาเป็นเรื่องที่หาได้ยากทีเดียว

          "ครับ เพื่อนของผมเพิ่งย้ายบ้านมาแถวนี้ก็เลยลองมาตามหาดูน่ะครับ แต่หาไม่เจอซักที คุณพอจะช่วยผมได้มั้ยครับ" เขาส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจมาให้ ตีความได้ว่าหวังให้ช่วยเต็มที่ แบบนี้ยังไงก็คงปฏิเสธไม่ได้แม้ว่าเธอกำลังรีบอยู่ก็ตาม

          "ยินดีค่ะ" ซารีน่ายิ้มตอบกลับไป

          ชายหนุ่มยืนกระดาษแผ่นเล็กๆมาให้ จุดหมายในแผนที่ไม่ไกลจากบ้านของเธอมาก ห่างไปแค่ไม่กี่ถนนสายเล็ก ...แต่ไม่น่าแปลกใจเท่าไรที่เขาคนนี้จะหาไม่เจอ เพราะแผนที่นี้วาดได้ชุ่ยจนเธอที่เชี่ยวชาญเรื่องเส้นทางแถวนี้ดียังแอบอดที่จะมึนงงไม่ได้

          "เอ่อ...เดินตรงไปจากตรงนี้สองซอย แล้วเลี้ยวขวา ไล่หาจากทางขวาอีกทีน่าจะเจอค่ะ"

          "ขอบคุณครับ" เขาโค้งตัวน้อยๆให้เธอ ไม่วายส่งยิ้มให้ก่อนจะเบี่ยงตัวหลับแล้วเดินตรงไปทางที่เธอบอก

          "แปลกจัง ไม่เห็นได้ยินว่าจะมีใครย้ายมาเลยนี่นา"

          ความสงสัยอยู่ได้ไม่นานก็ต้องหายวับไป ซารีน่ามองนาฬิกาอีกครั้งก็ต้องลืมเรื่องคนที่เดินชนไป เร่งฝีเท้ากว่าครั้งแรก และหวังว่าคราวนี้จะไม่ไปเดินชนใครอีก ไม่งั้นเธอคงได้ไปสายจริงๆแน่ๆ

 

          “อ้าว ว่าไงคุณประธานนักเรียน มาเกือบสายนะ”

          ซารีน่ากำลังยืนอยู่ที่บอร์ดหน้าอาคารเรียนเพื่อดูว่าปีนี้เธอจะได้อยู่ห้องไหน เสียงผู้หญิงอ่อนหวานที่เธอคุ้นเคยก็ทักมาจากทางด้านหลัง

          ‘ประธานนักเรียน’ดูเหมือนว่าคำๆนี้จะกลายเป็นชื่อเล่นของเธอซะแล้ว ด้วยเหตุที่ว่าเธอได้รับเลือกเป็นประธานของชั้นปีติดกันตั้งแต่มัธยมต้น

          “ว่าใครมาสายน่ะ ตัวเองก็เพิ่งมาเหมือนกันไม่ใช่หรอ”

          คนที่ทักเธอเมื่อครู่คือลอลินที่เพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่มัธยมต้น  ลอลินเป็นสาวตัวเล็กกว่าเธอเล็กน้อย ผมสีน้ำตาลอ่อนตัดเป็นบ๊อบสั้น และเธอก็ยังมีดวงตาสีฟ้าที่ดูสงบนิ่ง

          “ปีนี้เราก็ได้อยู่ห้องเดียวกันนะ” ซารีน่าชี้ลงบนบอร์ดในช่องของห้องสองที่มีทั้งชื่อของเธอและลอลินอยู่ แล้วทั้งสองก็ยิ้มให้กัน พวกเธอเป็นเพื่อนสนิทกันมาได้เป็นปีที่สี่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่าปีนี้หรือปีหน้า รวมถึงปีต่อๆไปก็คิดว่าจะยังคงสนิทกันไปเช่นนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

          “เอ๊ะ แต่ว่านะซารี่ นี่ชื่อใครหรอ” ลอลินก้มตัวเล็กน้อยลงไปดูชื่อที่อยู่ล่างสุดของห้องสอง สิ่งที่ลอลินกำลังดูอยู่เป็นชื่อที่ไม่เคยเห็นมาก่อน “ฮาลวิลลิส เอเซรอท... ไม่มีชื่อนี้ในชั้นเรานี่นา”

          ซารีน่าลองย่อตัวลงไปดูตามลอลินบ้าง โชคดีที่พวกเธอมาโรงเรียนเกือบจะสาย นักเรียนส่วนใหญ่เลยไปรวมกันที่ห้องประชุมที่จะมีการปฐมนิเทศตั้งนานแล้ว บริเวณบอร์ดเลยมีคนอยู่ไม่มาก พวกเธอจึงสามารถอยู่กันที่หน้าบอร์ดได้เป็นเวลานานๆโดยไม่โดนไล่ไปซะก่อน

          “ฉันว่าเป็นนักเรียนใหม่นะ คงไม่มีเพื่อนเราเปลี่ยนทั้งชื่อกับนามสกุลหรอก” เธอแสดงความเห็นลงท้ายด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ค่อนข้างแน่ใจเลยชื่อนั้นว่าเป็นนักเรียนใหม่ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นไม่บ่อยก็ตาม

          “นั่นสินะ...หวังว่าจะเข้ากับเพื่อนได้นะ”

          ซารีน่าเห็นรอยยิ้มอ่อนๆของลอลินที่แต้มบนใบหน้า หลายปีมากแล้วที่ระดับชั้นของเธอไม่มีนักเรียนย้ายเข้ามาใหม่ ก็เลยมีความหวังว่าผู้ที่ย้ายเข้ามาจะสามารถเป็นเพื่อนกับตนได้ ที่สำคัญ นี่เป็นนิสัยติดตัวของลอลินที่เป็นคนอ่อนโยนเสมอ แม้ในตอนนี้เองเธอก็กำลังเป็นห่วงนักเรียนใหม่ที่ไม่เคยจะเห็นหน้า

          นั่นทำให้คนที่อยู่ข้างๆพลอยรู้สึกดีไปด้วย เหมือนกับซารีน่าที่ตอนนี้กำลังยิ้มอย่างอ่อนใจกับคำพูดของเพื่อน

          “ลอลิน เข้าตึกประชุมกันเลยเถอะ นักเรียนใหม่คงจะอยู่ที่นั่นแล้วล่ะ”

          คนตัวเล็กกว่าละสายตาจากบอร์ดที่เรียงรายไปด้วยชื่อนักเรียนมากมายพร้อมๆกับยืดตัวขึ้น “นั่นสินะ ไปกันเถะซารี่”

 

          นักเรียนมาเต็มเกือบทั้งหอประชุมแล้ว ที่นั่งเหลือแค่แถวสุดท้ายกับแถวอื่นอย่างละนิดละหน่อย พวกเธอจึงเลือกเข้าไปนั่งที่แถวรองสุดท้ายที่เหลือแค่ประมาณสี่ห้าที่ ข้างๆนั้นคือนักเรียนจากชั้นอื่นที่ไม่ค่อยได้พบหน้ากันเท่าไรจึงไม่ได้อะไรทักทายกัน

          ไม่นานนักผู้อำนวยการโรงเรียนก็เดินเข้ามาบนเวทีที่โพเดียม

          “ยินดีต้อนรับสู่ปีการศึกษาใหม่นะนักเรียนทุกคน” เขาเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เข้าสู่ปีการศึกษาใหม่พวกเธอก็เติบโตขึ้นจากปีที่แล้ว...”

          ผู้อำนวยการยังพูดไปเรื่อยๆ ที่ไม่ต่างจากที่พอจะเดาได้เท่าไรนัก อย่างเช่นเรื่องการตั้งใจเรียนในระดับชั้นใหม่ การเลือกคณะในมหาวิทลัยของมัธยมปลายปีสาม เรื่องกิจกรรมชมรมที่ต้องเลือกเข้า รวมถึงเรื่องการเลือกตั้งประธานและกรรมการนักเรียนของชั้นปี และอื่นๆอีกมากมาย จนกระทั่งผ่านไปได้หลายสิบนาทีได้แล้ว

          “...และโรงเรียนของเราในปีนี้ ได้มีนักเรียนย้ายเข้ามาด้วยกันสองคน” ทันทีที่ขึ้นประเด็นนี้ก็เรียกความสนใจจากทั้งซารีน่าปละลอลินได้ ปฏิกิริยาของคนอื่นๆก็แทบจะไม่ต่างกันเลย นักเรียนทั้งโรงเรียนคงสงสัยว่าใครคือคนที่จะย้ายเข้ามา

          ในตอนนั้นเองก็มีคนสองคนเดินออกมาจากด้านข้างเวที จอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่เหนือเวทีแสดงให้เห็นภาพแบบขยายของนักเรียนใหม่ทั้งสอง คนที่เดินออกมาเป็นคนแรกคือเด็กหญิงหน้าตาน่ารักมากคนหนึ่ง และคนที่เดินตามมาก็คือชายรูปร่างสูงโปร่ง ลักษณะที่ทั้งสองเหมือนกันคือมีผิวขาวราวหิมะกับผมและดวงตาสีดำที่ตัดกับผิว ที่สำคัญคือ...ทั้งสองหน้าตาดีมากขนาดที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ

          “คนแรกคือรีเบคก้า อลาสเทอร์ ย้ายเข้ามาในชั้นมัธยมต้นปีหนึ่งห้องสี่ ส่วนอีกคนย้ายเข้ามาในชั้นมัธยมปลายปีสอง ฮาลวิลลิส เอเซรอท”

          ภาพบนจอแสดงให้เห็นว่าเด็กหญิงที่ถูกแนะนำเอียงคอยิ้มให้กับทุกคนผิดกับอีกคนที่ยังคงทำหน้าเรียบนิ่งไม่ต่างจากตอนที่เดินออกมาเลย

          “หวังว่าเพื่อนทุกคนจะให้การต้อนรับและดูแลทั้งสองคนเป็นอย่างดี” ผู้อำนวยการกระแอมครั้งหนึ่ง “เรื่องที่จะปฐมนิเทศน์ในวันนี้ก็หมดลงแล้ว อย่างที่บอกไป ขอให้นักเรียนทุกคนตั้งใจเรียนอย่างมีความสุขปีการศึกษานี้ โรงเรียนของเราจะช่วยสนับสนุนกิจกรรมของนักเรียนเต็มที่เหมือนเคย เอาล่ะ เลิกการประชุมได้”

          นักเรียนทยอยออกจากห้องประชุมไปทีละแถว ซารี่กับลอลินจำเป็นต้องลุกออกไปก่อนเพราะพวกเธออยู่แถวเกือบท้ายสุด รวมๆแล้วมานั่งในห้องประชุมนี้ได้แค่ไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ

          จุดหมายที่ต้องไปต่อก็คือห้องเรียนที่บรรจุนักเรียนได้ราวๆห้าสิบคนต่อห้อง เดิมทีนักเรียนในห้องก็ไม่ครบอยู่แล้ว ตอนนี้ฮาลวิลลิสย้ายมาที่นั่งคงเหลือเฟือ

          ตลอดทางที่ซารีน่ากับลอลินเดินไปด้วยกันก็มีคนทักเป็นระยะๆ ส่วนใหญ่จะทักด้วยคำเดิมๆที่ได้ยินคนชินหูอย่าง ‘ไง ประธาน’ ‘สวัสดีประธาน’ และอื่นๆที่มีคำว่า ‘ประธาน’อยู่ด้วย แต่ก็ยังมีพวกกรณียกเว้นอยู่บ้าง

อย่างเช่นเขาคนนี้...

          “ไม่ได้เจอกันทั้งปิดเทอมเลยเนอะ ซารีน่า ลอลิน”

          “อ้อสวัสดี ไม่ได้เจอกันนานขนาดนั้นจริงๆนั่นแหละ ฮาเวิร์ด” เธอตอบกลับไปพร้อมๆกับหยุดเดินเพื่อคุยกับชายหนุ่มนามฮาเวิร์ด

          ลอลินเองก็ยิ้มทักทายเช่นเดียวกัน “สวัสดีจ้ะ”

          ฮาเวิร์ดเป็นชายผิวเหลือง ผมสีดำ รูปร่างสูงใหญ่ คนๆนี้ไม่เคยเรียกชื่อเธอด้วยชื่อเล่นเลยซักครั้ง ต่างจากคนอื่นๆที่เรียกกันอย่างสนุกปาก กระทั้งลอลินเองบางครั้งก็ยังมีเรียกบ้าง นั่นคงเป็นเพราะเข้าใจความรู้สึกของซารีน่าล่ะมั้ง เขาเองก็มีชื่อเล่นคล้ายๆกับเธอว่า ‘รองประธาน’เช่นกัน

          “ปีนี้ก็อย่าลืมสมัครกรรมการนักเรียนอีกล่ะ เพราะยังไงเธอก็ได้เป็นประธานนักเรียนอยู่แล้ว” ฮาเวิร์ดยิ้มให้ด้วยหน้าที่สื่อว่าต้องการจะหาคนไปลงด้วย เขาเองปีนี้ก็คงไม่พ้นตำแหน่งรองประธานเหมือนกัน

          ซารีน่าได้แต่ยิ้มแหยๆ จะบอกได้ไงล่ะว่าเธอชักเบื่อๆไปตำแหน่งประธานนักเรียนแล้ว แต่ในเมื่อรองประธานยังไม่หนีตำแหน่งไปไหน ประธานอย่างเธอก็คงต้องอยู่ไปจนเรียนจบนั่นแหละ อีกอย่างต่อให้ไม่อยากสมัครแค่ไหนก็คงทำไม่ได้อยู่ดีเพราะยังไงก็คงโดนยุจนต้องลงสมัครอีกจนได้

          “แล้ว...เอ่อ...” ฮาเวิร์ดขึ้นประโยคมาเหมือนกำลังลังเลที่จะพูดอยู่ดีมั้ย แต่สุดท้ายเขาก็พูดออกมาจนได้ “ปีนี้ได้อยู่ห้องเดียวกันนะ ...ลอลินก็ด้วย”

          “อ๋อ อืม นั่นสิเนอะ” ไม่อยากบอกไปเลยจริงๆว่าเธอตื่นเต้นที่ได้อยู่ห้องเดียวกับลอลินแล้วก็รายชื่อนักเรียนใหม่จนลืมซะสนิทเลยว่าฮาเวิร์ดก็อยู่ห้องเดียวกันด้วย

          “เด็กใหม่ด้วยนะ”

          “อะ อ้อ! นั่นสิ”

          ลอลินแค่พูดถึงเด็กใหม่เฉยๆ อยู่ดีๆฮาเวิร์ดก็ทำท่าทีแบบไม่ค่อยจะอยู่สุข ท่าทีแปลกๆนั่นทำให้ซารีน่าต้องเป็นฝ่ายถาม

          “มีอะไรรึเปล่า เด็กใหม่ทำไมหรอ”

          “ก็ได้ยินที่เพื่อนเขาคุยกันน่ะ....”

          “คุยเรื่องอะไรล่ะ” ซารีน่าขมวดคิ้วแน่น เด็กใหม่เพิ่งย้ายมาได้วันนี้เป็นวันแรก คนอื่นๆจะคุยถึงเขาขนาดนั้นเลยหรอ

          “ก็.... มีคนรุ่นเราบังเอิญไปเห็นเข้าน่ะ”

          “เห็นอะไร”

          “เขาว่ากันว่าเด็กใหม่น่ะ...”ถึงช่วงนี้น้ำเสียงทุ้มก็ถูกหรี่ให้เบาลง แบบนี้แล้วเรื่องที่จะพูดคงไม่ดีเท่าไร และมันก็ไม่ค่อยต่างไปจากที่ซารีน่าคิด เพียงแต่สิ่งที่ออกจากปากของฮาเวิร์ดนั้นน่าตกใจยิ่งกว่า

          “เด็กใหม่คนนั้น...เป็นแวมไพร์”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา