Time Crime บทเพลงและกาลเวลา

10.0

เขียนโดย HirariYurari

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 17.25 น.

  15 chapter
  6 วิจารณ์
  15.81K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 กันยายน พ.ศ. 2556 09.24 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) ทำไมถึงเป็นเธอ?

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

-11-

ทำไมถึงเป็นเธอ?

 

เขาไม่มีความกล้า....พอที่จะไปพบหน้าเธออีกต่อไปแล้ว...

เพสรู้ดี...เรื่องราวทั้งหมดทุกอย่างนั้นมันเกิดขึ้นมาก็เพราะตัวเขานั้นได้ไปหาคุนทาเร่บนยอดเขานั้นเอง...เพราะเขาไปหาเธอก่อนเอง เพราะฉะนั้นไม่คุนทาเร่และเจโลจึงต้องตาย...

ถ้าเขาไม่ไปหาเธอคนนั้น...เรื่องราวทุกอย่างก็คงจะไม่เกิดขึ้น...นั่นคือสิ่งที่เขารู้สึกตัวขึ้นมาได้หลังการย้อนเวลากลับมาในครั้งที่สาม...

“พอเถอะ....ไม่ไปไหนอีกแล้ว...” เพสทรุดตัวลงไปบนเตียง คลุมโปงอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ของตน ปล่อยให้หยาดน้ำตาของตัวเองค่อยๆ ไหลลงไปภายในผืนเตียงอย่างเงียบๆ

ตัวเขาเอาแต่ใจเกินไป...เพราะความเอาแต่ใจของเขาจึงทำให้คนอื่นๆ ต้องตาย...

ถ้าเขาไม่ไปพบเธอที่อยู่บนยอดเขานั้นเพราะความต้องการของตัวเอง...คุนทาเร่ก็จะไม่ต้องตาย...จากนั้นเจโลก็จะไม่ต้องตาย...ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นก็เพียงเพราะความเอาแต่ใจของเขาเท่านั้น...

“จากนี้ต่อไป...จะไม่ไปไหนอีกแล้ว...จะหลบอยู่แต่ในบ้านนี่แหละ...” เขาบ่นพึมพำออกมากับตัวเอง ซุกตัวลงไปในผืนผ้าห่มเช่นนั้น พลางปล่อยให้น้ำตาไหลซึมเข้าไปในเตียงเรื่อยๆ...

ปาฏิหาริย์ครั้งนี้...จะใช้ได้อีกสักเท่าไรกัน?

ปาฏิหาริย์ย้อนเวลาในครั้งนี้...เขาจะสามารถใช้มันได้อีกสักกี่ครั้งกัน?

เขาไม่รู้....และเพราะไม่รู้จึงไม่กล้าทำอะไรตามใจชอบอีก อีกทั้งเขายังไม่อยากเห็นภาพที่บาดตาตัวเองแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สามแล้ว...

“ฉันจะหยุดมัน...” เขาพึมพำออกมาเบาๆ เงยหน้าขึ้น มองไปยังนาฬิกาที่วางอยู่บนหมอนเบื้องหน้าเขา

นาฬิกาเรือนนี้....จะไม่จำเป็นต้องแสดงปาฏิหาริย์ของมันอีกต่อไปแล้ว...เขาจะเปลี่ยนแปลงอดีตเหล่านั้นเอง...จะทำให้เรื่องทุกอย่างจบสิ้นลงในคราวนี้

แม้ว่ามันจะทำให้เขา...ไม่ได้พบเจอกับคุนทาเร่อีกเลยก็ตาม...

*************************************************

หลังจากวันนั้นเพสก็ได้ตัดสินใจ...เขาตัดสินใจที่จะไม่ออกไปไหนอีก เรื่องโรคร้ายอะไรของเขานั่นจะเป็นอย่างไรเขาก็ไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว...

ขอแค่ให้คุนทาเร่และเจโลไม่ต้องตายไป...ไม่ว่าเขาจะต้องแบกรับโรคร้ายของเขาต่อไปเท่าไร เขาก็จะยอม...

“อ้าว อ้าว อ้าว...วันนี้เพสอาการดีขึ้นนะ ปกติไม่เคยอาการดีขนาดนี้เลยนี่นา ดูเหมือนเด็กปกติเลย น่าประหลาดใจจัง...”

“.....” เมื่อยามเช้ามาถึง แม่ของเขาก็ได้ยกข้าวต้มเดินเข้ามาหาเขาถึงที่ห้องเหมือนเช่นเคย...นั่นก็เป็นเพราะแม่ของเขาในช่วงเวลานี้ยังคงคิดว่าตัวเขาอ่อนแออยู่ และเขาเองก็ไม่ได้ต้องการให้แม่เขาดีใจไปเองเช่นเดียวกัน...

เพราะอีกไม่นาน...ตัวเขาก็จะกลับไปเป็นคนอ่อนแอขี้โรคเหมือนแต่ก่อนแล้ว...

“ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้นแหละฮะแม่ อีกไม่นานเดี๋ยวมันก็กลับเป็นเหมือนเดิมอยู่ดี”

“งั้นเหรอ...แต่ถึงยังไงก็ยังถือเป็นโอกาสดีไม่ใช่เหรอ? ได้มีร่างกายที่แข็งแรงเดินเหินสะดวกแบบนั้นถึงจะเป็นสักระยะก็เถอะ....แต่มันก็ทำให้รู้สึกดีใช่ไหมล่ะ?”

“ก็...ประมาณนั้นมั้งครับ....” เขาตอบกลับไป พยายามหลีกสายตาไปไม่มองแม่เขา เพราะยิ่งมองก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นแม่ของเขากลับยิ้มให้เขาอย่างไร้ความกังวล วางข้าวต้มของเขาลงบนโต๊ะข้างเตียง จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป

เขาตัดสินใจแล้ว...ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ไปที่เขานั่น...ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ออกไปจากห้อง...เพราะฉะนั้นจากนี้ต่อไปอีกไม่กี่วันฤทธิ์บทเพลงของเธอก็จะหมดลง จากนั้นเขาก็จะกลับเป็นเหมือนปกติ...

เรื่องแบบนั้น...เขาไม่จำเป็นจะต้องบอกแม่เขาให้แม่ของเขารู้สึกกังวลไปเองหรอก...

“เงียบจังเลยนะ...” ยามเมื่อเขาหยิบข้าวต้มขึ้นมาเป่ากิน ความเงียบรอบกายกลับพลันให้เขาเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมา...

หรือว่าตัวเขาจะ...รู้สึกเหงาไปเองงั้นเหรอ...? เพราะจากนี้ต่อไปจะไม่ได้พบกับเธออีกแล้ว...เพราะฉะนั้นเขาจึงได้รู้สึกเหงางั้นเหรอ...?

ไม่เป็นไรหรอก....ไม่เป็นไร...เพราะยังไงเราก็ยังมีเจโลอยู่นี่นา...

ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ได้ยินเสียงใสๆ ของเจโลดังขึ้นมาจากบริเวณด้านนอกประตูห้องของเขา...

*************************************************

วันเวลาได้ผันผ่านไป...มันผ่านไปอย่างรวดเร็วจนในที่สุดวันต่อมาก็ได้มาเยือน...ทว่าในวันนี้กลับเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นมา

“อ้าว...เตาแก๊สเสียซะแล้ว...ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปก็ทำอาหารอะไรไม่ได้สิ...ทำยังไงดี....”

“?” ตัวเพสที่เริ่มเกิดความรู้สึกอยากออกไปเดินเล่นข้างนอกขึ้นมาได้เดินผ่านห้องครัวไปและได้ยินเสียงพึมพำนั้นของแม่เขา...เพราะวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เขาได้เดินเหินอย่างสะดวกสบายเช่นนี้....เพราะฉะนั้นเขาจึงรู้สึกอยากจะเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้วันนี้เป็นวันสุดท้าย

“มีอะไรเหรอครับแม่?” เขาได้ตัดสินใจเดินเข้าไปหาแม่เขา แม่เขาหันมามองเขาด้วยสีหน้าตกใจ ทว่าเมื่อสังเกตเห็นว่าตัวเขามีสภาพร่างกายที่ปกติเหมือนเช่นเมื่อวาน เธอก็เริ่มรู้สึกเบาใจขึ้นเล็กน้อย

“ก็เตาแก๊สน่ะสิลูก....อยู่ดีๆ มันก็เกิดเสียขึ้นมา...แก๊สจะรั่วหรือเปล่าก็ไม่รู้ น่าเป็นห่วงเหมือนกันนะ...”

“ถ้าออกไปเรียกช่างมาซ่อมในตอนนี้จะไม่ได้เหรอ?” เขาเอ่ยถามออกไป เงยหน้ามองผู้เป็นแม่เขาด้วยสีหน้าสงสัย ทว่าผู้เป็นแม่ของเขากลับเผยสีหน้ากังวลใจออกมาแล้วส่ายหน้าไปมา “ถ้าเกิดแม่ทิ้งลูกเอาไว้ที่บ้านคนเดียวก็แย่น่ะสิ...เกิดลูกอาการแย่ลงไปแม่ก็ไม่รู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น...อ่า...วันนี้เจโลก็ไม่ได้มาด้วยสิ...”

“เจโล ไม่ได้มา....งั้นเหรอ...?” เพสรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาหันออกไปมองทางประตูทางเข้าห้องครัวนั้น มองลอดเข้าไปจนถึงบริเวณห้องนั่งเล่นที่อยู่ด้านนอก...

อาจจะเป็นเพราะตอนนี้ยังเป็นช่วงเช้าอยู่ ดังนั้นเจโลจึงยังไม่มา...แต่ถึงยังไงเรื่องแก๊สหรือเรื่องอาหารนั้นก็ต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นจะผิดเวลาในการกินอาหารไป...ทว่าแม่ของเขาก็คงจะไม่ยอมปล่อยเขาให้อยู่ที่บ้านคนเดียวด้วย แม้ว่าตัวเขาในตอนนี้จะไม่เป็นอะไรก็ตาม...ถ้าอย่างนั้นวิธีแก้นั้นก็มีอยู่แค่วิธีเดียว...

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้วยกันทั้งสองคนเลยสิครับ ถ้าผมอาการแย่ลงเมื่อไหร่ก็ค่อยดูแลเมื่อนั้นก็เท่านั้นเอง”

“เอ๋?” ผู้เป็นแม่ของเขาเบิกตากว้าง จับจ้องมองเขาด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

“จะทำแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะ ลูกเป็นคนป่วยนะ ให้ออกไปเดินเล่นข้างนอกแบบนั้นคงไม่ได้หรอก”

“แต่วันนี้ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่นา อีกทั้งผมเองก็ยังรู้สึกอยากออกไปเดินเล่นอยู่ด้วย...ถ้าไปเดินเล่นคนเดียวเดี๋ยวแม่ก็เป็นห่วงอีก ถ้าอย่างนั้นถือโอกาสนี้ให้ผมไปช่วยแม่ด้วยจะไม่ดีกว่าเหรอครับ? ยังไงซะแม่เองก็คงไม่ปล่อยให้ผมอยู่บ้านคนเดียวอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ? เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกทีเดียวสองตัวด้วยไง?”

“นั่นมันก็ใช่...ล่ะนะ แต่ว่า....” แม่ของเขายังคงรู้สึกกังวลใจ...เขาเองก็เข้าใจความกังวลใจของแม่เขานั้น ทว่าตัวเขาในตอนนี้รู้ตัวว่าตัวเองสบายดีและจะไม่ต้องกลายไปเป็นภาระของแม่เขาแน่นอน...เพราะฉะนั้นเขาจึงได้กล้ายืนยันออกไปเต็มปาก

“ในเมื่อผมเองก็มีโอกาสได้เดินเหินอย่างอิสระแบบนี้แล้ว ผมเองก็อยากจะออกไปช่วยแม่ทำงานหรือจับจ่ายซื้อของเหมือนกันครับ ยังไงซะก่อนหน้านั้นก็ต้องไปซื้ออาหารเช้ามาในส่วนที่ทำไม่ได้ด้วยใช่ไหมครับ? ให้ผมช่วยเถอะครับ ยังไงซะผมเองก็รู้สึกอยากจะช่วยแม่อยู่แล้ว ตอบแทนบุญคุณ...........ที่แม่เคยดูแลผมมาตลอดไงครับ......”

“เพส.....” ผู้เป็นแม่ของเขาเบิกตากว้าง จ้องมองตัวเขาด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ....ทว่ากับตัวเพสที่ได้เอ่ยพูดประโยคเช่นนั้นออกไปกลับรู้สึกอายตัวเองและก้มหน้าลงไปไม่ยอมเงยหน้าขึ้นไปมองแม่เขา....

หลังเงียบไปไม่นาน ท้ายที่สุดแม่ของเขาก็ได้ยิ้มและเอ่ยออกมา “เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นฝากด้วยนะ คุณผู้ช่วยคนสำคัญของแม่”

“..............ครับ!!!!” เพสรู้สึกดีใจ...เขาดีใจมากที่แม่ของเขายอมฝากความหวังไว้กับเขาเช่นนี้...

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่การไปช่วยแม่ของเขาถือของก็เถอะ....ทว่าเขากลับรู้สึกดีใจเกินกว่าที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้...

นี่เป็นครั้งแรกที่ตัวเขาได้มีโอกาสเดินไปเข้าตลาดจับจ่ายซื้อของกับแม่ของเขา เป็นครั้งแรก....ที่เขาได้มีโอกาสเดินมาเคียงคู่กับแม่ของเขาในตลาดเช่นนี้...

“อ้าว!? เพสหรอกเหรอ? วันนี้ไม่เป็นอะไรแน่เหรอ ออกมาเดินซื้อของแบบนี้...”

“?” ในตอนนั้นเขาก็ได้ยินเสียงร้องทักทายดังมาจากคุณลุงร้านขายเนื้อ เขายื่นมีดมาด้านหน้าอย่างไม่ระมัดระวัง ทว่าสีหน้าของเขากลับแลดูเป็นห่วงตัวเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

“นี่ คราส....ช่วยระวังมีดของคุณหน่อยนะ เกิดมีดของคุณกระเด็นมาเฉือนลูกของฉันจนต้องล้มหมอนนอนเสื่อลงไปอีกจะทำยังไง!?”

“อ่า...ขอโทษทีทารีน....ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้นหรอกนะ แต่แบบว่า....มือมันก็เผลอไปเองน่ะ.....ยังไงๆ ก็เถอะ....ขอโทษนะ!!” คุณลุงร้านขายเนื้อคนนั้นยกมือขึ้นประนมเบื้องหน้าตน เอ่ยขอโทษอย่างจริงๆ จังๆ ทว่าในมือของเขาก็ยังคงถือมีดอยู่เช่นนั้นไม่วางลงไป...ดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นนิสัยส่วนตัวของเขาไปแล้วจริงๆ...แม่ของเขาได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ

“อย่างน้อยก็ช่วยรักษานิสัยที่ชอบถือมีดเดินไปเดินมาแบบนั้นหน่อยจะได้ไหม...วางลงไปก่อนทักทายคนอื่นก็ได้นะ...ไม่อย่างนั้นเกิดมันบินไปเฉาะหัวคนอื่นจะได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งกว่าเอื้อมมือไปหยิบมีดหั่นหมู่ไม่ทันเสียอีกนะ..."

“อ่า...มันเป็นนิสัยน่ะ ขอโทษที บางทีพอเหวี่ยงมีดไปมาแบบนี้แล้วมันทำให้รู้สึกสดชื่นนะ...ให้ความรู้สึกปลอดโปร่งไปหน่อยเลยเผลอไป ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!” คุณลุงเจ้าของร้านขายเนื้อส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างพออกพอใจ ดูจะไม่ได้สนใจเลยว่าแม่ของเขากำลังโกรธแค่ไหน ส่วนตัวแม่ของเขานั้นก็ได้ขมวดคิ้วไปครู่หนึ่ง เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าโกรธเคือง “ถ้ากระเด็นมาโดนหัวฉันกับลูกจริงๆ ฉันจะวิ่งไปฟ้องตำรวจมาจับนายจริงๆ ด้วย”

“โอ้!! เจ้านั่นงั้นเหรอ....ถ้าเป็นเจ้านั่นก็คงจะเถียงไม่ออกหรอกนะ คงจะกล้าจับฉันไปจริงๆ ด้วย แหม...น่ากลัวจริงๆ...” เจ้าของร้านขายเนื้อคนนั้นส่งเสียงหัวเราะออกมา เพสแอบรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่แม่ของเขากล้าพูดคุยสนิทสนมกับคุณลุงที่หน้าตาน่ากลัวเช่นนี้....แต่เมื่อคิดไปว่าแม่ของเขามักจะเข้ามาจับจ่ายซื้อของที่นี่บ่อยๆ เขาเองก็เริ่มที่จะรู้สึกเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย

“สนิทกันจังเลยนะฮะ” เพสเอ่ยถาม หลังเดินจากเจ้าของร้านขายเนื้อคนนั้นมาเขาก็ได้หันกลับไปมองเบื้องหลังอีกครั้ง ส่วนแม่ของเขาเมื่อได้ยินคำถามของเขาก็ได้ส่งเสียงหัวเราะออกมา “ทุกคนในตลาดนี้น่ะสนิทกับแม่หมดนั่นแหละ ตามความจริงแล้วแม่เองก็เคยฝันนะว่าอยากจะพาลูกมาเดินทำความรู้จักกับคนอื่นๆ ในตลาดแบบนี้...ไม่คิดเลยนะว่ามันจะได้กลายมาเป็นความจริงในวันนี้...แค่นี้แม่ก็รู้สึกสบายใจแล้วล่ะ...”

“.......” เพสยิ้มออกมา...เขาเงยหน้ามองรอยยิ้มสบายใจของแม่เขาแล้วยิ้มออกมา....

ต่อให้เขาได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับการออกมาตลาดในครั้งนี้ก็เถอะ....ทว่าถ้าหากมันทำให้แม่ของเขารู้สึกดีใจได้ เขาเองก็พลอยรู้สึกดีใจไปด้วย...

“อ่า...ก่อนอื่นไปซื้อกับข้าวสำเร็จก่อนดีกว่านะ...พอไปบอกช่างเขาจะได้ตามไปที่บ้านได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาหรือทำให้เขารอนานด้วย”

“อืม ถ้าอย่างนั้นให้ผมช่วยถือนะครับ”

“หุ หุ หุ แม่เองก็อยากได้ผู้ช่วยมือดีแบบนี้มานานแล้วนะ....” แม่ของเขาส่งเสียงหัวเราะออกมา ยื่นมือเข้ามาลูบหัวของเขาด้วยความเอ็นดู ตัวเขาเองก็พลอยรู้สึกดีใจไปด้วยที่แม่ของเขารู้สึกภูมิใจในตัวเขา...

พวกเขาทั้งสองไปซื้อกับข้าวสำเร็จรูปที่อีกด้านหนึ่งของตลาด เพราะยังไม่ค่อยแน่ใจในอาการของเพสเสียเท่าไร แม่ของเขาจึงยังคงตัดสินใจซื้อข้าวต้มให้เขาเหมือนเช่นเคย ในระหว่างนั้นแม่ของเขาก็คอยเป็นห่วงในอาการของตัวเขาไปด้วย

“เพส...ลูกไม่เป็นอะไรแน่นะ?”

“เอ๋?” หลังซื้ออาหารส่วนของแม่เขาเสร็จ และเขาได้รับถุงกับข้าวนั้นมาไว้ แม่เขาก็ได้หันมาเอ่ยถามเขาด้วยสีหน้ากังวลใจเป็นครั้งที่เท่าไรเขาเองก็ไม่ทราบได้...ทว่าเขาก็ยังคงเงยหน้าขึ้น หันไปยิ้มให้แม่เขาด้วยรอยยิ้มสบายใจ “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมบอกแล้วไงว่าวันนี้ผมแข็งแรงเป็นพิเศษ!”

“งั้นเหรอ...ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะลูก...” แม่ของเขาเอ่ยออกมา...แม้สีหน้าของเธอจะดูเป็นกังวลอยู่บ้างทว่าเธอก็ยังดีใจที่เขากล้าเอ่ยออกมาอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ และดีใจ...ที่เขายังคงแข็งแรงไม่เป็นอะไรเช่นนี้...

“ต่อไปก็ไปที่ร้านซ่อมอุปกรณ์ล่ะนะ...เราไปกันเถอะ”

“ครับ แม่” เขาได้เอ่ยตอบแม่ของเขาไป จากนั้นก็ถือถุงกับข้าวในส่วนของทั้งสองคนแล้วเดินตามแม่เขาไป....แม้ว่าแม่เขาจะบอกว่าให้แบ่งมาให้เธอถือบ้างได้ แต่เขาก็ยืนยันว่าตัวเขาเองจะถือเองทั้งหมด...แค่ถือของแค่นี้...ไม่ได้หนักหนาเท่าเรื่องที่แม่ของเขาดูแลเขามาตลอดตั้งแต่เขายังเด็กหรอก...เขาคิดเอาไว้เช่นนั้น...

ในที่สุด พวกเขาก็ได้เดินไปจนถึงบริเวณด้านหน้าร้านซ่อมอุปกรณ์ ทว่าหลังจากเดินมาจนถึงบริเวณนั้นแล้ว แม่ของเขาก็ได้หันกลับมามองเขา ก้มตัวลงมาแตะบ่าของเขาพร้อมเอ่ยบอกกับเขาไว้ “เพส...ร้านขายอุปกรณ์นั้นมีฝุ่นกับกลิ่นแรงๆ ค่อนข้างเยอะ แม่ว่าลูกอย่าเข้าไปจะดีกว่า เกิดมันไปทำให้อาการลูกแย่ลงไปเดี๋ยวมันจะยิ่งเป็นผลร้ายมากไปกว่าเดิมอีก”

“?” เพสรู้สึกประหลาดใจที่แม่ของเขาพูดออกมาแบบนั้น และแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเหล่านั้นก็ตาม...

“ถ้าเกิดแม่ไม่อยากให้ผมเข้าไปก็ไม่เป็นไรครับ ผมจะยืนรออยู่หน้าร้านนี่แหละ”

“อืม...อีกไม่นานเดี๋ยวแม่ก็ออกมา รออยู่ตรงนี้ดีๆ อย่าไปไหนนะ แล้วก็อย่าตามคนแปลกหน้าไปนะลูก ถ้าเกิดมีใครท่าทางน่าสงสัยทำท่าจะชวนลูกไปที่อื่นก็รีบตะโกนเรียกให้คนอื่นช่วยเลยนะ!”

“แม่ห่วงเกินไปแล้วน่ะครับ...รีบๆ เข้าไปเถอะครับ ผมไม่เป็นไรหรอก”

“ถ้าอย่างนั้น...ก็ระวังตัวด้วยนะ...” แม่ของเขาหันกลับมามองเขาด้วยสีหน้าเป็นกังวลครั้งสุดท้าย ทว่าหลังจากที่เธอตัดสินใจได้เธอก็ได้กลับหลังหันเดินเข้าร้านซ่อมอุปกรณ์นั้นไป

เฮ้อ.....

เพสแอบลอบถอนหายใจออกมาครู่หนึ่ง เขาไม่คิดว่าแม่ของเขาจะเป็นห่วงเขามากขนาดนี้...ทว่าเมื่อคิดเรื่องที่ว่าตัวเขานั้นแทบไม่ค่อยได้ออกมานอกบ้านแล้ว...จะให้แม่ของเขาเป็นห่วงก็คงจะเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เสียเท่าไร...

เขาได้ยืนรอแม่ของเขาอยู่หน้าร้านนั้น พลางปรายสายตามองไปรอบๆ อย่างไม่มีอะไรทำ...บริเวณโดยรอบนั้นมีผู้คนมากมายมาเดินจับจ่ายซื้อของกัน...บริเวณที่เขายืนอยู่นั้นเป็นบริเวณขายอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ทั่วไป ดังนั้นจึงไม่มีคนคึกคักมากมายเท่าบริเวณขายของกิน แต่ถึงอย่างนั้นกิจกรรมของผู้คนโดยรอบก็ยังทำให้เขารู้สึกสนใจอยู่ดี

“ให้ถือว่าเป็น...วันสุดท้ายที่ได้ออกมาข้างนอกก็แล้วกันนะ...” เขายิ้มพลางเอ่ยพึมพำออกมาเช่นนั้น กวาดตามองไปรอบๆ ด้วยรอยยิ้มระคนสบายใจต่อไป...

“?” ทว่าเมื่อกวาดตาไปได้สักพัก เขาก็ได้หันไปสังเกตเห็น....อะไรบางอย่างที่ชวนติดตาเขาเสียจนไม่อาจเหลือบสายตาหันไปมองทิศใดต่อไปได้...

สีทองนั่นมัน...

สีทองของเส้นผมที่เปล่งประกายเป็นพิเศษ....เป็นสีผมที่เขารู้สึกคุ้นเคยดี ทว่าเขากลับไม่สามารถจินตนาการได้ ว่าเพราะอะไรบุคคลที่มีเส้นผมเช่นนี้จึงได้มาอยู่ที่นี่ได้

เธอคนนั้นคือ....

เขาค่อยๆ ไล่สายตาขึ้นไปมองด้วยความสงสัย หัวใจที่อยู่ภายในอกเต้นเร้าขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ...สุรเสียงรอบกายพลันจางหายไปอย่างช้าๆ ราวกับถูกลบเลือนให้หายไป...ผู้คนที่เดินอยู่โดยรอบก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวช้าลง...ราวกับตัวเขานั้น ได้หลงเข้าไปอยู่ในมิติไหนสักมิติก็ไม่ปาน...

ภาพของเธอคนนั้นเด่นชัดขึ้นมาท่ามกลางการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้านั้น...ทั้งๆ ที่คนอื่นกำลังก้าวเดินไปอย่างเชื่องช้า ทว่าท่าทางและการเคลื่อนไหวของเธอกลับดูเรียบนิ่งเป็นปกติ...ทั้งๆ ที่ผู้คนรอบกายเริ่มมีสีสันต์ที่หม่นหมองลงไป ทว่าตัวเธอกลับเปล่งประกายอยู่ท่ามกลางสีสันต์ที่หม่นหมองนั้น...

ตัวเธอ...เป็นคนที่เขารู้จัก...แม้เขาจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอจึงมาอยู่ที่นี่ ทว่าเขาสามารถบอกได้ทันทีว่าเธอเป็นใคร...

“คุนทาเร่....?” เขาเอ่ยเรียกชื่อนั้นออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา...ชื่อของเธอคนนั้น...ชื่อของเธอผู้ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่ไร้สีสันต์ผู้นั้น...

เธอคนนั้นกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าแผงลอยแผงหนึ่ง จับจ้องมองของที่วางโชว์อยู่บนแผงลอยนั้นด้วยสีหน้าท่าทางสนอกสนใจ ในขณะเดียวกันเงาคนขายไร้สีที่นั่งอยู่ด้านหลังแผงลอยนั้นก็ได้เปิดปากพูดอะไรบางอย่างออกมา เขาไม่รู้ว่าคนคนนั้นกำลังพูดอะไรกับเธอ สิ่งที่เขาได้ยินและมองเห็นอยู่ในตอนนี้....มีอยู่เพียงแค่เสียงและใบหน้าของเธอเท่านั้น...

ทำไม....เธอถึงได้มาอยู่ที่นี่?

ไม่ได้! จะมองไปมากกว่านี้ไม่ได้....ต่อให้ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่ก็เถอะ แต่เขาก็จะเดินเข้าไปทักเธอไม่ได้...

จะให้เรื่องราวแบบในคราวนั้นเกิดขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สามไม่ได้!!

“?”

“!!” แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็ได้บังเกิดขึ้น เมื่อเธอได้รู้สึกตัวและหันมามองทางเขาด้วยความสงสัย ตัวเขาแทบจะยืนนิ่งแข็งไปทั้งตัว ไม่สามารถหลบเลี่ยงสายตาหรือหันไปมองทางอื่นที่ไม่ใช่เธอได้เลย...

โดนเจอตัวแล้ว...โดนเจอตัวเข้าเสียแล้ว...

แล้วอย่างนี้ตัวเขา...จะทำยังไงดีล่ะ?

หนี...หนีไป...หนีไปจากที่นี่ซะ...

หนีไปจากที่นี่...ไม่อย่างนั้นเหตุการณ์เช่นนั้นก็จะบังเกิดขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สาม!!

เขาไม่สามารถปล่อยให้เรื่องราวเหล่านั้นเกิดขึ้นมาได้...ไม่อาจปล่อยให้ใครบางคนต้องตายลงไปเพราะเขาอีกได้ เพราะฉะนั้นหนีไปสิ...วิ่งหนีไปเสียตอนนี้เลยสิ!!

ทว่าเขาก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้...ขาของเขาไม่อาจก้าวไปตามที่เขาสั่งได้...ราวกับประสาทสัมผัสของเขา ได้ถูกตัดแบ่งออกเป็นส่วนความคิดและส่วนร่างกาย ไม่เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันใดๆ อีกต่อไปแล้ว...

“นี่...นายน่ะ เห็นจ้องฉันมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว...เป็นอะไรไปเหรอ?”

“อะ...เอ๋?” ในที่สุดเพสก็รู้สึกตัว...กว่าจะรู้สึกตัวขึ้นมาเขาก็พบว่าคุนทาเร่นั้น ได้เดินมาหยุดมองเขาเบื้องหน้าเขาแล้ว...

“วะ...หวา!!!?”

“!?” ตัวเขารู้สึกตกใจมาก...กระเด้งไปด้านหลังหมายจะถอยห่างจากเธอออกไป ทว่ากลับกลายเป็นเขาไม่อาจทรงตัวอยู่ได้จนต้องล้มลงไปกองกับพื้นเสียเอง มิหนำซ้ำเพราะความตกใจเธอยังได้เผลอก้าวถอยไปด้านหลัง ไม่ทันได้เอื้อมมือไปจับมือเขาเอาไว้อีกด้วย

“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” คุนทาเร่เอ่ยถามออกมา ก้มตัวลงมามองเขาด้วยสีหน้าสงสัย เขาส่งเสียงอวดครวญออกมาเล็กน้อย จากนั้นจึงค่อยเงยหน้าขึ้นไปมองเธออีกครั้ง

เป็นเธอ....เป็นเธอจริงๆ ด้วย...

เป็นคุนทาเร่...จริงๆ ด้วย...

เธอคนนั้นมักจะใจดีกับตัวเขาอยู่เสมอ...ยามเมื่อเขาเป็นอะไรไปแม้เพียงเล็กน้อยก็ตามเธอก็มักจะเดินเข้ามาถามเขาด้วยสีหน้าเป็นห่วง...ถามว่า ‘เป็นอะไรไหม?’ พร้อมใช้บทเพลงรักษาขนานเล็กรักษาแผลให้เขาจนหายเป็นปลิดทิ้ง...เธอที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของตัวเขาก็คือคุนทาเร่...เป็นคุนทาเร่ตัวจริงเสียงจริง ไม่ใช่เพียงแค่ภาพลวงตาของเขาแต่อย่างใด...

“มะ...ไม่เป็นไร...หรอก...”

“?” คุนทาเร่เบิกตากว้าง เอียงคอไปเล็กน้อยด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินเสียงตะกุกตะกักของเขา...เธอยังคงจ้องมองเขา...เขาเองก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองเธอ...จะให้เขามองหน้าเธอได้อย่างไร?....ในเมื่อตัวเขาเองเป็นคนที่ตั้งใจหนีจากเธอมาเองนี่นา...

“นายเนี่ย....เป็นคนที่แปลกจังเลยนะ...”

“.....?” เพสเงยหน้าขึ้นไปมองเธอเป็นครั้งแรก เขาเผยสีหน้าสงสัยออกมาพลางเหลือบตามองเข้าไปภายในดวงตาของเธอตรงๆ ในตอนนั้นเองเธอก็ได้เผยรอยยิ้มแสนสดใสออกมา ทำให้เขารู้ว่าตัวเขานั้น...ได้เผลอติดกับดักของเธอเข้าไปเสียแล้ว...

“มาแล้วนะเพส.....อ้าว? แล้วนั่นใครล่ะลูก?”

“เอ๋? อ่า...คือ....” ผ่านไปจากนั้นไม่นาน ท้ายที่สุดแม่ของเขาก็ได้เดินออกมาพร้อมช่างซ่อม พวกเขาทั้งสองหันไปมองคุนทาเร่โดยพร้อมเพียงกัน จากนั้นช่างซ่อมคนนั้นก็ได้อ้าปากหวอและเอ่ยออกมา “อ้อ! เธอคนนี้คนที่เป็นนักท่องเที่ยวในช่วงนี้ไง!! แหม...เมืองของเราเองก็ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมบ่อยๆ หรอกนะ...หน้าแบบนี้ไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านด้วย ไม่คุ้นเลย...แถมยังได้ยินจากคนอื่นว่ามีนักท่องเที่ยวผมทองหน้าสวยๆ คนหนึ่งเข้ามาด้วย...คงจะเป็นเธอสินะ นักท่องเที่ยวคนนั้นน่ะ?”

“ใช่แล้วค่ะ? ฉันเพิ่งจะเข้ามาในเมืองวันนี้เอง กำลังตามหาโรงแรมพักอยู่ แต่ยังไม่เจอเลยน่ะค่ะ” คุนทาเร่ได้ยินที่นายช่างคนนั้นถามก็หันไปตอบด้วยรอยยิ้มมีความสุข นายช่างคนนั้นและแม่ของเขาต่างก็อ้าปากกว้างไปครู่หนึ่ง...สีหน้าเหมือนเข้าอกเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว...

“.......” ทว่าเพสกลับเริ่มรู้สึกไม่เข้าใจ....คุนทาเร่นั้นปกติมักจะไปพักที่หน้าผาของตัวเองเป็นประจำ เพราะอะไรเธอถึงได้ลงมาที่เมืองนี้?

หรือว่า...เธอจะอยากลงมาพักแรมตามปกติดูบ้างอย่างนั้นเหรอ....?

“อ่า....ถ้าพูดถึงโรงแรมนี่คงหายากหน่อยแหละนะ...เมืองนี้แทบไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเลย เลยไม่มีใครเปิดโรงแรมกัน...ส่วนใหญ่ก็จะให้พักนอนกันที่บ้านของชาวบ้านนั่นแหละ...ส่วนค่าพักก็แล้วแต่แต่ละคนจะกำหนดไป....ว่ายังไงล่ะ? สนใจจะมานอนค้างที่บ้านฉันไหม? ฉันคิดค่าห้องให้ถูกเป็นพิเศษเลยนะ!!”

“อย่ามาทำเป็นพูดเลย ชิฟ! ก็แค่ตั้งใจจะชวนสาวสวยๆ ไปนอนพักที่บ้านตัวเองไม่ใช่เหรอ!!?......แต่ว่า นักท่องเที่ยวเหรอ...ไม่ได้เจอแบบนี้มาก็ตั้งนานแล้วนะ...จะไปพักที่บ้านของฉันก็ได้นะ นอนพักได้ฟรีเลย แต่เรื่องอาหารนี่ต้องออกเองนะจ๊ะ”

“มะ....แม่!!” เพสตกใจมาก เขาไม่คิดว่าท้ายที่สุดเรื่องจะกลายมาเป็นแบบนี้ แต่ทว่าแม่ของเขาก็ได้หันไปยิ้มให้เขาด้วยสีหน้าพออกพอใจ “นักท่องเที่ยวมาได้ไม่บ่อยนะลูก ยังไงๆ ก็ควรจะต้องต้อนรับขับสู่กันให้ดีๆ ถึงจะถูก...ลูกเองเมื่อกี้ก็เห็นพูดคุยกับเขาอยู่อย่างสนิทสนมเลยไม่ใช่เหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่นา”

“แต่ว่า.....” เพสพึมพำออกมา เขาเริ่มรู้สึกกังวลใจขึ้นมา...กลัวว่าการตัดสินใจของแม่และการพบเจอของพวกเขาในครั้งนี้จะทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นมา...ทว่าแม่ของเขาไม่อาจรู้เรื่องที่เขากำลังรู้อยู่ได้...ตัวเขาเองก็ไม่อาจอธิบายเรื่องที่เขารู้อยู่ให้เธอฟังได้....ใครจะไปเชื่อกันล่ะ...เรื่องย้อนเวลากลับมาแก้ไขอดีตนั่น...แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเรื่องเหล่านั้นเลย...

“ฉันชื่อ ‘ทารีน’ นะ....ส่วนนี่ลูกชายฉัน ชื่อว่า ‘เพส’ ถึงตามปกติเขาจะชอบป่วยออดๆ แอดๆ อาการไม่ค่อยดีก็เถอะ แต่วันนี้ดูเหมือนว่าอาการของเขาจะดีขึ้นกว่าเดิมมากเลยขอออกมาข้างนอกด้วย...เป็นลูกชายที่ไม่ได้เรื่องของฉันเอง ในระหว่างนี้ก็ต้องฝากดูแลเขาด้วยนะ”

“เพส....งั้นเหรอ?”

“........” คุนทาเร่หันมามองทางเขา ตัวเขาเองเมื่อสังเกตเห็นสายตาของเธอก็ได้หลีกสายตาไปอีกทาง พยายามไม่มองใบหน้าของเธอโดยตรง

และแล้ว...คุนทาเร่ก็ได้มีโอกาสเข้ามาพักที่บ้านของเขาดังที่แม่ของเขาได้เชิญชวนเอาไว้จริงๆ....

*****************************************************

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา