Mobile Suilt Gundam UC.0179 New Destiny

-

เขียนโดย ไีรโฮ

วันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.25 น.

  19 ตอน
  0 วิจารณ์
  20.94K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556 11.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

18) รักข้ามฝ่าย และ รักต้องห้ามที่กำลังก่อตัว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บริเวณป่าแห่งหนึ่ง

เอวิลเดินอย่างทุลักทุเลออกมาจากค็อกพิทของกันเลโอ แล้วหันไปมองสภาพของกันเลโอ

‘ยับเยินขนาดนี้เลยเหรอ’

เอวิลหันไปด้านหลัง ขณะนั้นเองเชลด้าก็เล็งปืนมาที่เอวิลแล้ว

“นาย..คือไพล็อตของโมบิลสูทนั้นสิน่ะ..”เชลด้าพูดพลางหน้าแดงเล็กน้อยใจเต้นรั่ว

“เวลาแบบนี้แทนที่จะมาฆ่ากัน  มารวมมือกันสักพักเอาชีวิตรอดในป่านี้ก่อนจะเป็นไรไป”

‘บ้าน่า ทำไหมหัวใจเราเต้นแรงขนาดนี้’

เอวิลเอามือปัดปืนออก แล้วเดินผ่านตัวเชลด้าไป

“จะไปไหนน่ะ!”

“ถ้าเธออยากหนาวตายก็ไม่ต้องหาฝืนละกัน นี้ก็ใกล้จะมืดแล้ว”

เอวิลเดินไปหักกิ่งไม้แถวนั้นและมองหากิ่งไม้ที่พอจะมาก่อไฟได้  เชลด้ามองดูเอวิลพลางหัวใจเต้นแรง

‘นี้เรา รู้สึกชอบเขาเหรอบ้าน่า แค่เจอกันครั้งแรก’

อีกด้าน

“ว่าไงน่ะ เชลด้าหายสาบสูญเรอะ!!!!!!”อินเวดพูดด้วยความตกใจ

“ดูเหมือนว่าเชลด้าจะประมาณไปหน่อยน่ะ ยังไงเราก็ต้องส่งหน่วยตามหาออกไป”มุรามาซะพูดขึ้น

ขณะนั้นเองโซลเดอร์ก็เปิดผ้าม่านดูพระอาทิตย์ที่ใกล้จะตกดิน

“ไม่คิดจะพูดอะไรเลยเหรอ โซลเดอร์”

“เชลด้า น่ะน่าจะเอาตัวรอดได้แต่ถึงยังงั้น รีบส่งหน่วยตามมหาออกไป”

ด้านยานสปิริต

ทุกคนกำลังนั่งตึงเครียดอยู่ในห้องโถนใหญ่

“นี้ก็จะ 1 ชั่วโมงแล้วน่ะเรายังติดต่อเอวิล ไม่ได้เลย”แอนนาเปิดฉากพูดขึ้น

“ใกล้ค่ำแล้ว แถมในแทบป่าเราก็ยังไม่รู้ว่ามีอะไร ขืนปล่อยไว้แบบนี้อาจเกิดอันตรายแก่เอวิล ได้น่ะ”ชินารุพูดสนับสนุน

“งั้นเราก็ส่งหน่วยตามหาออกไป กันเลย”นาธานเสนอความคิดเห็นขึ้น

“มันก็อยากส่งออกไปอยู่หรอกน่ะ แต่ว่าอย่าลืมสิฝั่งแอมไพรเองก็หายสาบสูญไปเหมือนกัน ขืนเกิดการปะทะกันขึ้นจะแย่แน่”ส้มเตือนขึ้น

“เอายังงี้ละกันครับ เราจะส่งหน่วยตามหาออกไปทุกๆ  1 ชั่วโมง และเว้นช่วง 30 นาที ตามหาบริเวณที่หายสาบสูญไปทุกตารางเมตร”ริปเปอร์เสนอความคิดเห็นขึ้น

“แบบนั้นก็ดีน่ะ เอาเป็นว่า เบล ใช้เซต้าของเธอออกตามหา ส่วนนาธาน ให้บินตามเบลไปและค่อยคุ้มกัน”

เวลาต่อมา 18.40 น.

เอวิล ก่อกองไฟให้สว่าแล้วนั่งรอบๆกองไฟ พลางค้นหาอาหารในกระเป๋าที่เอาออกมาจากค็อกพิทของกันเลโอ แล้วหยิบอาหารกระป๋องขึ้นมาสองอัน

“กินไหม?”เอวิลยืนอาหารกระป๋องให้เชลด้า

“ขะ..ขอบใจ”เชลด้ารับอาหารกระป๋องมาแล้วเริ่มแกะออก

เอวิลค่อยๆกินอาหารกระป๋องอย่างช้าๆ พลางระวังภัยรอบด้าน

“ไม่คิดจะชวนคุยอะไรบ้างเลยเหรอ”เชลด้าทักขึ้น

“ก็ไม่มีอะไรจะคุยด้วยนี้ แต่ว่าเธอนี้ก็แปลกดีน่ะรับของจากศัตรูง่ายๆแล้วก็ชวนคุยอีก”

“เขากฎห้ามชวนศัตรูคุยด้วยเหรอ?”

“มันก็ไม่มีหรอกน่ะ เพียงแต่ว่าแม้จะไม่รู้จักกันแต่ถ้าเป็นศัตรูกัน ยอมมีความระแวงกันเป็นเรื่องธรรมดา และการที่ช่วยเหลือศัตรูรวมทั้งปล่อยศัตรูไป ก็มีโอกาสโดนจับขึ้นศาลทหารได้ง่ายๆ”

“ฉันทำให้นาย จะโดนเรียกขึ้นศาลทหารหรือเปล่า

เอวิลจ้องหน้าเชลด้า

“จะ..จ้องหน้าทำไมกัน”เชลด้าพูดพลางหน้าแดง

“เกิดมาพึ่งเคยเจอ ศัตรูที่ให้ความเป็นห่วง  ห่ะๆ องกรค์ทหารแบบนี้ไม่มีศาลทหารหรอก”เอวิลยิ้มมุมปาก

“อย่างนี้โล่งอกไปหน่อย”

“ฮ่าๆๆ  เธอนี้แปลกคนจริง ถ้าทั้งโลกมีคนแบบเธอคงสงบสุขไม่ใช้น้อย”

“คนแบบฉันเหรอ”

“ใช้ ไม่ใช้อยากให้มีแค่โลก ทั้งจักรวาลเลยก็ยิ่งดี แต่ว่า นิสัยแบบเธอดูยังไงก็ไม่เหมาะจะร่วมสงครามเรื่องเป็นไงมาละเนี่ย”

“ฉันไม่ใช้ทหารอยู่แล้ว ฉันเป็น สังฆราชคนที่ 4”

“สังฆราช หรือเธอคือพวก 4 สังฆราช!?”เอวิลตะลึงเล็กน้อยแต่ก็ยังนิ่ง

“ใช้ เพราะฉันมีพลังจิตก็เลยโดนดึงเข้ามาเป็นสังฆราชตั้งแต่เด็ก และฉันสนใจในเทคเนโลยีโมบิลสูท ก็เลยเป็นคนเดียวในกลุ่มสังฆราชที่ขับโมบิลสูท คงเป็นเพราะฉันถล่มกองยานรบของดวงดาวที่แข็งข้อกับแอมไพร มาเยอะละมั้งเลยได้ฉายา อสูรสาวแห่งไวทเวิล”

“งั้นเหรอ ฉันก็โดนสถานการณ์บังคับให้ขับโมบิลสูทตั้งแต่เด็กเหมือนกัน แต่ว่ามันเป็นโชคชะตาต่างหาก โชคชะตาที่มีพ่อเป็นนิวไทป์ที่แข็งแกร่ง โชคชะตานิวไทป์ที่ต้องผัวพันกับสงคราม”

“นิวไทป์คือพวกที่มีพลังจิตสำหรับที่นี้นะเหรอ”

“ใช้ แต่ว่าสัมผัสพลังของเธอมันไม่เชิงนิวไทป์”

“สัมผัสพลังของคนอื่นได้ด้วยเหรอ นิวไทป์เนี่ย”

“อย่าบอกนะว่าเธอสัมผัสพลังคนอื่นไม่ได้!!??”

“ใช้ ในกลุ่มพวกเรามีแค่มุรามาซะ คนเดียวที่สัมผัสพลังคนอื่นได้”

เอวิลวางอาหารกระป๋องลงเพราะหมดแล้ว ก่อนที่จะหยิบขวดน้ำออกมา แล้วค่อยๆเปิดฝา

“มีน้ำขวดเดียว กินประหยัดๆหน่อยละกัน”เอวิลยืนขวดน้ำให้เชลด้าก่อน

“ให้ฉันก่อนเหรอ”

“รับไปเถอะน่า ยังไงฉันก็ไม่ใจร้ายขนาดกินก่อนหรอกน่า”

เชลด้ารับขวดน้ำมาแล้วดื่มเข้าไป 3 อึก แล้วยืนคืนให้เอวิล เอวิลรับมาแล้วดื่มเข้าไป 2 อึก ก่อนที่จะปิดฝาขวาดแล้ววางลง

“พูดถึงการถล่มกองยานของเธอแล้ว ทำให้ฉันนึกถึงไพล็อตในตำนานคนหนึ่ง”

“ใครเหรอ?”

“ชาร์ อัสนาเบิ้ล ไม่สิ แคสวัล เรม ไดคุม   ฉายาของเขาคือ ดาวหางสีแดง ฉายานี้ได้มาจากการที่ใช้แซ็คสีแดงถล่มกองยานของสหพันธ์ไป 5 ลำด้วยตัวคนเดียวในสมรภูมิลมในสงคราม 1 ปีในศักราช 0079”

“เก่งขนาดนั้นเชียวเหรอ”

“ถ้าโมบิลสูทที่เขาขับในตอนนี้มันประสิทธิภาพสูง คงจะถล่มได้เยอะกว่านี้ เขาเป็นคู่ปรับของอามุโร่ เรย์ หรือปีศาจขาว การต่อสู้ของทั้งสองจบลงในศักราช 0093 พร้อมกับการหายสาบสูญไป หลังจากที่สู้กันหรือเคยร่วมมือกันมาในสมัยสงครามระหว่างเอวโก้และทีทาน”

“จากที่ฟังมา เทคโนโลยีโมบิลสูทของโลกมีมานานแล้วแต่ทำไหมของพวกเรากลับก้าวกระโดดไปได้ไกลกว่าอีกล่ะ”

“เทคโนโลยีโมบิลสูทเราดีก็จริง แต่ว่าพวกเราไม่มีเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำให้ประยุคมากนัก แต่ว่าแอมไพรเองได้ข้อมูลโมบิลสูทในสมัยสงคราม 1 ปีมาจากไหนกัน”

“รู้สึกว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับระดับสูง”

ขณะนั้นเองก็มีเสียงสัญญาญติดต่อมาจากค็อกพิทของไวทเวิล เชลด้าเดินไปที่ค็อกพิทของไวทเวิลแล้วกดรับสัญญาญติดต่อที่เป็นสัญญาญขาดๆหายๆ

“กรุณา...... ระบุพิกัดด้วยทราบแล้วเปลี่ยน”เสียงขาดๆหายๆ

เชลด้ายืนครุ่นคิดสักครู่ แล้วเอื้อมมือไปปิดสวิทซ์สัญญาญไว้ แล้วหันไปด้านหลังจะเดินกลับไปนั่งแต่เอวิลก็ยืนอยู่ด้านหลังแล้ว

“ทำไมปล่อยโอกาสทิ้งไปล่ะ”เอวิลถามขึ้น

“โอกาสอะไรเหรอ?”

“ฉันเป็นคนที่โดนหมายหัวอันดับ 1 ของพวกแอมไพรบนกาแล็คซี่นี้ ถ้าเธอระบุพิกัดแล้วจับฉันกลับไป ความน่าเกรงขามของตัวเธอก็จะเพิ่มขึ้นเยอะ อีกอย่างกันเลโอของฉันก็เสียหายไม่สามารถต่อสู้ได้อยู่แล้ว”

“เอ่อ..... ไม่รู้สิจู่ๆก็ไม่อยากทำแบบนั้นขึ้นมา”

“แปลกคนดีจริงๆ”

อีกด้านยานเซรามิสของหน่วยเดสทรอยเยอร์กำลังเคลื่อนที่ไปที่ไหนสักแห่ง

“ในที่สุดภารกิจนี้ก็เป็นหน้าที่ของเรา”แม็กซ์พูดด้วยน้ำเสียงแค้นเล็กน้อย

“ตื่นเต้นมากไปไหม แม็กซ์”ลิซาถามแม็กซ์ขึ้น

“ไม่เป็นไรหรอก  ความแค้นที่มีต่อพวกสังฆราชนั้นจะชำระให้หมด!!!!!”

“ก็พอเข้าใจน่ะ ตอนนั้นฉันก็หนีทุลักทุเลออกมาจากที่นั้นในตอนนั้นเหมือนกัน แต่ว่าอย่าลืมสินายไม่มีพลังจิตพอที่จะไปต่อกรกับพวกสังฆราชแบบซึ่งๆหน้าได้”

“ถ้าคิดจะทำยังไงก็ต้องทำมันห้ามกันไม่ได้”

“นายมันใจว่ามีพลังพอที่จะสู้กับอสูรสาวแห่งไวทเวิล เหรอ”

“ไพล็อตบนโลกนี้ ถ้าเอาจริงมันเก่งกว่าเจ้าของฉายานั้นอีก”

ขณะนั้นเองสัญญาญติดต่อก็ดังขึ้น ลิซากดเปิดรับสัญญาญที่หน้าจอที่ติดกับกำแพง แล้วปรากฏขึ้นสัญญาญเสียง

“ตอนนี้พวกสังฆราชได้หาย 1 ไปคนหนึ่ง ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะรีบทำตามแผน”

“รับทราบครับ จะรีบดำเนินการเดี๋ยวนี้”แม็กซ์ลุกขึ้นยืนแล้วมุ่งหน้าไปยังโรงเก็บโมบิลสูท

ด้าพวกเอวิล

เอวิลหยิบถุงนอนออกมาจาก กระเป๋าแล้วค่อยๆกางออก

“เตรียมไว้เยอะจังเลยน่ะ”เชลด้าที่นั่งกอดเข่าอยู่ถามขึ้น

“ปกติ การลุยเดี่ยวและอยู่ไม่เป็นหลักเป็นแหล่งก็เป็นงานปกติอยู่แล้ว ไม่แปลกหรอกที่จะมีของพวกนี้อยู่ในค็อกพิท ว่าแต่เธอ ไม่ได้พกที่นอนอะไรมาด้วยเหรอ”

“ไม่นี้”

“งั้นก็เอาที่นอนฉันไปละกัน”

“แล้วนายจะนอนไหนล่ะ ถ้าเอาที่นอนนั้นมาให้ฉัน”

“หาอะไรปูพื้นก็สิ้นเรื่อง”

“แต่ว่า ในป่าบนพื้นมันอันตรายนี้น่า”

“เธอก็อันตรายเหมือนกันแหละน่า นอนบนพื้นเหมือนกัน   อยู่ใกล้ๆกองไฟไว้ก็แล้วกันส่วนพวกสัตว์เล็กๆก็ระวังเอาเอง”

เอวิลโยนถุงนอนให้เชลด้า เชลด้ารับมาแล้วค่อยๆปูออก ส่วนเอวิลหยิบผ้าปูพื้น ปูลงกับพื้นแล้วทิ้งกายลงกับพื้น เชลด้านั่งมองเอวิลสักพัก

“นอนเร็วจังน่ะ”

“ในป่าแบบนี้มันมืดเร็วดี นอนตั้งแต่หัวค่ำสักหน่อยก็ดี”

“ไม่หนาวเลยเหรอ”

“หนวยเหรอ  จริงสิน่าทนๆไปสักหน่อยก็แล้วกัน”

เชลด้าลุกขึ้นแล้วเดินใกล้เอวิลแล้วเอาถุงนอนที่แกะออกมาเป็นผ้าห่มให้เอวิล แล้วตัวเองนอนลงข้างๆ

“คิดจะทำอะไรน่ะ”

“มีของน้อยชิ้นก็ใช้ร่วมกันหน่อยละกัน”

“เธอเป็นผู้หญิงนะมานอนแบบนี้กับผู้ชาย มันดูไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่น่ะแถมเป็นสังฆราชอีกต่างหาก”

“ก็บอกแล้วนี้น่าว่าโดนลากมาเป็น ไม่ได้อยากจะเป็นสักหน่อย”

“ตามใจๆ”

เอวิลนอนนิ่งสักพักพลางดูท้องฟ้าเล่นๆ ขณะนั้นเองเชลด้าก็ค่อยๆพูดขึ้น

“นายมีคนรักหรือยัง”

“ไม่มี มีแต่คนเขามาชอบ”

“จริงเหรอ แล้วใครเหรอที่ชอบนาย”

“4 คนมั่ง ตายไปสองคนในสนามรบ.....”

“แล้วนายไม่คิดจะรักพวกเขาบ้างเลยเหรอ”

“ไม่รู้สิ เหมือนกับหัวใจของฉัน มันปิดกั้นความรักไว้ด้วยบางอย่าง”

ฟิ้ว! เสียงบางอย่างบินผ่านไป

“เสียงเซต้าในโหมดเวรฟไรเดอร์นี้น่า!!!!!”เอวิลลุกขึ้นทันที

“พวกของเธอเหรอ”เชลด้าลุกขึ้นยืนแล้วถาม

“ก็น่าจะใช้ จะเอาไงต่อจากนี้ล่ะสำหรับตัวเธอน่ะ”

“ฉันเหรอ”

“ใช้ เพราะถ้ากลับไปกับฉันเธอก็จะอยู่ในสถานะเชลยศึก หรือจะรีบหนีไปตอนนี้ก็ได้”

บึ้ม!! เสียงบางอย่างระเบิดกลางอาการ แล้วตามมาด้วยแสงและเสียงการปะทะ

“เกิดอะไรขึ้น!!! พวกนั้นปะทะกับอะไรน่ะ!!”

“หรือว่าพวกมุรามาซะจะส่งหน่วยค้นหามา ตามหาเราแล้วมาเจอกับทีมค้นหาของนายพอดี”

ขณะนั้นเองเซต้าไทป์วันก็เปลี่ยนโหมดจากเวรฟไรเดอร์แล้วยิงบีมไรเฟิลใส่ เกลกุ๊กห้าเครื่องที่บินอยู่ พลางหลบบีมที่ถูกยิงส่วนมา

“ทางนี้กำลังปะทะกับ พวกแอมไพร!!!!! รีบมาสมทบด่วน!”เบลติดต่อไปหานาธาน

“ทราบแล้วกำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!!!!!”นาธานรับทราบคำสั่ง

เซต้าไทป์วันปล่อยไมโครมิสไซออกไปใส่เกลกุ๊ก บึ้ม!! เกลกุ๊กระเบิดไปเครื่องหนึ่งแต่อีกสี่เครื่องที่เหลือก็กระหน่ำยิงบีมไรเฟิลใส่เซต้าไทป์วันไม่ยั้ง   เซต้าไทป์วันใช้ปืนบีมไรเฟิลกันบีมไว้ จนตัวปืนระเบิดไปแล้ว รีบบินหลบบีมที่ถูกยิงมาทันทีพร้อมปล่อยไมโครมิสไซสวนกลับไป  ทันใดนั้นเองบีมก็ถูกยิงแสกหน้าของเซต้าไทป์วันไป

“อึก!!!! ไอ้พวกนี้มันคนขับไม่ใช้ไบโอโมบิลสูทนี้น่า!!!”

ปิ้ว! บีมสองเส้นยิงผ่านเกลกุ๊กไป แล้วเบิสจิมก็บินเข้ามาในบริเวณพร้อมกระหน่ำยิงดับเบิ้ลบีมไรเฟิลออกไปอย่างรวดเร็ว

“พวกนี้มันหลบได้เก่ง แบบนี้เป็นพวกคนขับสิน่ะ!!!”นาธานพูดขึ้น

“ระวังตัวด้วยนาธาน!!!”

ขณะนั้นเอง เอวิลกำลังรั่วคีย์บอร์ดอยู่ในค็อกพิทของกันเลโอ

“จะทำอะไรเหรอน่ะ”เชลด้าที่ยืนมองจากด้านนอกตะโกนถาม

“จะลองดูว่ายังพอใช้ได้หรือเปล่าอย่างน้อย ก็ขอแค่ขยับกับยิงบีมไรเฟิลได้ละกัน”

“แต่ว่ามันโทรมซะขนาดนั้น”

“ยังไงก็ต้องลอง”

ด้านยานสปิริต

“ว่าไงน่ะ!!! ปะทะกับพวกแอมไพรงั้นเหรอ!!!”ส้มที่ติดต่อกับฝ่ายเบลพูดขึ้นด้วยความตกใจ

“แสดงว่าพวกมันก็ส่งหน่วยค้นหาออกมาเหมือนกัน”ริปเปอร์พูดพลางคิด

“เอายังไงดีล่ะ แถวนี้คาดว่าเป็นที่กบดานของพวกกบฏซะด้วยขืนพวกกบฏ เข้ามายุ่งละก็พวกเราแย่แน่”แฟอารี่พูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ต้องรีบตามหาเอวิลให้เจอ!!!!!!”

ขณะนั้นเองเอวิลก็เหมือนจะทำสำเร็จ

“ขยับได้แล้ว!!!!!!!”เชลด้าพูดด้วยความดีใจ

“ฉันจะขอให้พวกเบลหยุดยิงแล้วรีบมารับฉันไป ส่วนเธอรีบไปซ่อนที่ค็อกพิทกลับไปกับหน่วยค้นหาซะ”

“แต่ว่า ไม่จับฉันไปเป็นเชลยจริงเหรอ”

“เธอ ไม่ระบุพิกัดตอนนั้น ฉันก็ขอช่วยเธอคืนตอนนี้ละกัน”

10 นาทีต่อมา เซต้าไทป์วัน และเบิสจิม บินประคองกันเลโอกลับไปยังยานสปิริต ส่วนเชลด้ากลับไปกับหน่วยค้นหา

‘เขาคนนั้นดูมีสเนห์จริง’เชลด้าที่นั่งอยู่ในค็อกพิทกับคนขับเกลกุ๊กคิดในใจ

“เชลด้าเป็นอะไรบ้างไหม”มุรามาซะติดต่อเข้ามา

“ไม่เป็นไร ตอนนี้ไวทเวิลเสียหายมากคงต้องทิ้งไว้ที่นี้สักพัก”

“งั้นเหรอ มันร้ายกาจขนาดนั้นจริงเหรอ สิงโตดำนั้น”

“ก็อย่างที่รู้ๆ”

ด้านยานสปิริต

“ตอนนี้กันเลโอกำลังถูกซ่อมแซ่มและปรับปรุงให้มีสภาพดีขึ้น ตอนนี้ก็ได้เวลาพักของคุณละน่ะ”ริปเปอร์ยืนผ้าเช็ดตัวให้เอวิล

“ขอบใจขอตัวไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนล่ะ”เอวิลรับผ้าเช็ดตัวมาแล้วเดินไป

ขณะนั้นเองแฟอารี่ก็เดินผ่านเอวิลมา แล้วถามริปเปอร์ด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงๆ

“ที่เอวิล เล่ามาไวทเวิล ก็คือโมบิลสูทของพวกสังฆราชทั้ง 4”

“แสดงว่าเรามีหวังพอที่จะจัดการกับสังฆราชทั้ง 4”

“แต่ริปเปอร์ นายลืมมุรามาซะกับโซลเดอร์ไปแล้วเหรอ”

“นั้นสิน่ะ มุรามาซะ... ไอ้นั้นที่ฉันเคยทำให้มันเป็นแผลเป็นที่หน้าอกซ้าย”

“อาจไม่โชคดีเหมือนคราวที่แล้วน่ะริปเปอร์”

“นั้นสินะถ้าตอนนั้นฮอคไม่โผล่มา ฉันจะยิงโดนมันรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ว่าฉันจะต้องแข็งแกร่งแบบฮอคให้ได้ เพื่อที่จะจัดการกับพวกสังฆราชทั้ง 4!!!”

แฟอารี่หยิบซองหนึ่งออกมาแล้วแกะออก ของที่อยู่ข้างในเป็นปืนพกกระสุนแม็กนั่มบรรจุ  20 นัด สีขาวที่ด้ามจับสลักชื่อของริปเปอร์เอาไว้

“เอาไปสิปืนของนายน่ะ”แฟอารี่ยืนปืนพกให้ริปเปอร์

“ขอบใจที่ยังเก็บมันไว้สำหรับปืนคู่ใจของฉัน”ริปเปอร์หยิบปืนพกมาแล้วเช็คดูสภาพ

“ปืนของนายน่ะ ฉันเก็บเอาไว้กับตัวอย่างดี ฉันรู้นะว่านั้นเป็นสิ่งสุดท้ายที่พี่ใหญ่มอบให้นาย”

“ใช้ พ่อมอบให้ฉัน ปืนคู่ใจของฉัน คิงกัน  และมันก็เหมาะกับกันเนอร์อย่างฉันด้วย”

“ถ้าตัดความสามารถในการบัญชาการ ของนายออกไป นายเป็นกันเนอร์ที่เก่งคนหนึ่งน่ะ”

“งั้นเหรอขอบใจที่ชม  แต่ฉันก็ยังแข็งแกร่งแบบฮอคไม่ได้”

“ฮอคเป็นเบลดเดอร์และโมบิลสูทไพล็อตน่ะ  นายจะเทียบกับเขามันออกจะเกินไปหน่อยน่ะ”

“ก็เกินไปนี้แหละจะได้เก่งขึ้นเร็วๆ”

“บ้าแล้ว คนอย่างนายน่ะ”

“ถ้าไม่บ้าก็คงไม่กล้ามาที่นี้หรอก ฮ่าๆ”

“หัวเราะง่ายเหมือนเดิมเลยน่ะ เห็นแก่ฉันที่มีสักเป็นน้านายหน่อยเถอะ”

“น้าเหรอ?”

ริปเปอร์หันไปหาแฟอารี่แล้วจูบเข้าที่ปากของแฟอารี่

“!!!?”

“น้าแล้วไงล่ะ..”ริปเปอร์เอาปากออกแล้วพูด

ขณะนั้นเองที่ฐานทัพสหพันธ์ที่ตั้งอยู่ใต้ดินในเขตโอเดสซ่า

“สัญญาญยานของพวกกบฏค่อยๆหายไปแล้วครับ”โอเปเรเตอร์รายงานข้อมูล

“หายไปเหรอ บ้าน่ากลุ่มยานรบของพวกมัน 1 กลุ่มมีเยอะมากน่ะจะหายไปง่ายๆได้ยังไงกัน”เรซิลกำลังงง

“ไม่ทราบเหมือนกันครับ รู้สึกว่าจะไม่สามารถแฮคตรวจสอบข้อมูลยานรบปริศนานั้นได้เลยครับ”

“ไม่ได้งั้นเหรอ ทั้งๆที่ฝ่ายเราก็มีนักโปรแกรมเมอร์และวิศกรด้านนี้เก่งอยู่หลายคน”

“รู้สึกว่าจะโดน AI ของยานป้องกันการแฮคนะครับ เป็นการป้องกันที่หนาแน่นมาก การป้องกันของมูลตัวยานแบบนี้ไม่เคยมีปรากฏบนโลกหรือในเขตกาแล็คซี่เรามาก่อนเลยครับ”

“หรือว่าจะเป็นพวกแอมไพร แต่ถ้าเป็นพวกแอมไพรก็น่าไม่น่าจะลุยด้วยยานลำเดียวนี้น่า”

“มีความเป็นไปได้สูงครับ ว่าจะเป็นพวกแอมไพร”

“มีสัญญาญติดต่อมาจากจาโบรเก่าครับ!!!”โอเปเรเตอร์อีกคนรายงานขึ้น

“เปิดรับสัญญาญสิ”

โอเปเรเตอร์กดรับสัญญาญแล้วก็ปรากฏภาพชายวัยกลางคนในชุดผู้บัญชาการบนหน้าจอ

“มีอะไรหรือเปล่าครับ ท่านผบ.”

“ที่เขตโอเดสซ่า เป็นยังไงมั้ง”

“เรียร้อยดีครับ แต่ว่ามียานรบปริศนาที่คาดว่าจะเป็นของแอมไพรกำลังกวาดล้างกลุ่มยานรบของพวกกบฏครับ”

“ทางนั้นก็ด้วยเหรอ ทางนี้ก็เหมือนกัน”

“ใช้ยานลำสีขาวสลับเขียวมีบีมแคนนอน 4 กระบอกหรือเปล่าครับ?”

“ใช้”

“ถ้าท่าเรื่องนี้มันจะไม่ธรรมดาซะแล้ว”

ประเทศออสเตรเลีย

“แพ้ได้ไงกัน เชลด้า”อินเวดถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ

“จะลองออกไปสู้เองดูไหมล่ะ!?”เชลด้าประชดใส่

“ทั้งๆที่เธอจมยานรบมานับไม่ถ้วน แต่คราวนี้กลับมาแพ้เนี่ยน่ะ!!?!?”

“เป็นนายนายจะทำยังไงล่ะ!!!!! ชั่วพริบตามันก็เข้ามาประชิดได้แถมยังฟันสวนแบบไม่ทันให้ระวังตัวอีก!”

“นิวไทป์ นั้นนะเหรอความสามารถนั้น”มุรามาซะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ชั่วพริบตาที่เผลอประมาณ จะโดนพวกมันประชิดได้ง่าย นิวไทป์นี้น่าสนใจจริงๆ”โซลเดอร์พูดพลางตบมือเล็กน้อย

“แต่ว่าจะเอายังไงดีละโซลเดอร์”มุรามาซะหันไปถามโซลเดอร์

“เรื่องนิวไทป์นี้นะเหรอ”

“ไม่ใช้ เรื่องเจ้าฮอคนั้นน่ะ”

“อืม ไอ้บ้าเบลดเดอร์นั้น มันตามมาถึงนี้จริงๆด้วยจะเอามันลงก็ไม่ใช้เรื่องง่ายๆซะด้วย”

“แต่ว่า มุรามาซะนายลืมเจ้าริปเปอร์นั้นไปแล้วเหรอ”อินเวดหันไปถามมุรามาซะ

“เหอะ ฉันไม่ลืมหรอกไอ้คนที่ทำให้ฉันเป็นแผลเป็น ไอ้กันเนอร์คนแรกที่มันยิงโดนฉัน!!!”มุรามาซะตอบด้วยน้ำเสียงแค้นๆ

ขณะนั้นเองบริเวณโรงเก็บโมบิลสูท แกรนซัน ซิลเวียร์ และลูซิเฟอร์กำลังยืนคุยกันอยู่

“ไวทเวิลของพวกมันเสียหายหนัก ตอนนี้อาจเป็นโอกาสดีที่จะจัดการพวกมัน”ลูซิเฟอร์เสนอความคิดเห็น

“ก็อาจจะเป็นโอกาส แต่ว่าเรื่องการต่อสู้ทางกายภาพ เจ้าโซลเดอร์ กับ มุรามาซะ มันเหนือกว่าพวกเรานัก”แกรนซันขัดแย้งเล็กน้อย

“มุรามาซะ ไอ้บ้าดาบ กับ โซลเดอร์ไอ้พวกหมัดหนัก ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยแฮะ”

“จะว่าไปแล้วไอ้คนที่ชื่อมุรามาซะนั้น มันก็ฟันดาบได้เร็วมาก พลังนิวไทป์ของดิฉันยังจับได้แค่เสี้ยววินาทีเอง ถ้าตอนนั้นพลังจับไม่ได้ละก่อดิฉันคงตายไปแล้ว”ซิลเวียร์พูดด้วยน้ำเสียงกังวล

“ถ้าเป็นไปได้อยากได้ คนๆนั้นเข้ามาช่วย”แกรนซันพูดพลางคิด

“คนๆนั้น?”

“นักรบแห่งวายุ ฮอค เขาคือเบลดเดอร์ที่สามารถต่อกรกับพวกสังฆราชทั้งสี่ได้อย่างอาจหาญ และอีกคนริปเปอร์ฉันมีสักเป็นน้าเขา เขาเป็นกันเนอร์ที่มีความเก่งกาจในระดับหนึ่ง และเป็นคนแรกที่ยิงกระสุนใส่ มุรามาซะได้”

“จริงสิ ซิลเวียร์ พอที่จะสัมผัสพลังของเอวิลได้ไหม”ลูซิเฟอร์ถามซิลเวียร์

“เล็กน้อยคะอาจาร์ย รู้สึกได้ว่าพี่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่นี้”

“ในเมื่อจัดการไวทเวิลได้ ก็น่าจะช่วยจัดการสังฆราชทั้ง 4 ด้วย ร่วมมือกับพวกนั้นสักพักหน่อยจะเป็นไร”

“แต่ว่าสิ่งที่พี่ตามไล่ลาอยู่คือ แพนโดราบ็อกซ์นะค่ะ”

“จริงสิแพนโดราบ็อกซ์ เรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลังติดต่อไปหาพี่เธอก่อนเถอะ”

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา