Sulfur Love (RE-Write)

9.2

เขียนโดย enzang2660

วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 14.57 น.

  57 บท
  25 วิจารณ์
  122.88K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556 17.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) Lover's Game

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 19

℃ LOVER’S GAME Ⓢ

                “พี่เซล!”

                ใครวะ  แหกปากอยู่ได้คนจะหลับจะนอน  มันจะเซ็งมากรู้มั้ยเวลากำลังฝันเรื่องอะไรดีๆแล้วโดนปลุกเนี่ย-_-

                “หือ~ อย่าปลุกดิ”

                “ตื่นเร็วๆเซ่!!!!”

                “แหกปากอยู่ได้พ่อมึงตายหรออออ!!”

                ผมลุกขึ้นตาโพรงแหกปากด่ามันกลับ  ใบหน้าหวานตกใจเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นหน้านิ่วเหมือนคนปวดสิว –o-;

                “พ่อยังไม่ตาย!”

                “โทษ พอดีง่วงๆน่ะ-_-;;”

                “-*-”

                คนตัวเล็กนั่งคิ้วชนกันเป็นสะพานลอย  ผมเหลือบมองไปที่แขนเล็กๆของมัน  มันมีปลอกแขนโลหะสีเงินที่โยงระยางไปด้วยโซ่ซึ่งปลายโซ่ก็อยู่ที่ปลอกแขนอีกอันที่ข้อมือผม  ผมจำได้ว่าครั้งสุดท้ายกำลังอยู่ในรถนี่นา  แล้วไหงมาอยู่นี่....นี่ไหนก็ไม่รู้  ในห้องสี่เหลี่ยมๆผนังลายดอกไม้สีแตกร้าวเป็นทางยาว  เฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจสีขาวที่มีฝุ่นสีเทาจับอยู่

                “ที่ไหนเนี่ย”  ผมถามมัน

                “ไม่รู้  ถ้ารู้ผมคงไม่บ้าเอาโซ่มาล่ามตัวเองหรอก”

                ถามสามคำตอบมาเป็นพืด-_-*  แถมออกแนวจะกวนตีนซะด้วยนะ  ให้มันได้อย่างงี้สิไอ้เด็กนี่!

                “ไม่รู้ก็บอกไม่รู้  พูดมากจริงๆ-*-”

                “ชิ! ไม่น่าปลุกเลย”

                มันบ่นแล้วสปริงตัวลุกหนีครับ  แต่มันคงลืมว่าแขนผมกับมันโดนล่ามไว้ด้วยกัน  และตัวผมก็ใหญ่กว่ามัน  คิดดูแล้วกันว่าผมต้องลุกตามมันหรือมันจะลงมานั่งตามผม  อ่อ ผมก็ไม่ใช่พระเอกแสนดีอะไรที่นางเอกจะล้มแล้วเอาตัวเข้าไปรับนะครับ  มันล้มผมก็แค่หลบ  จบเนอะ!

               

                ตุ๊บ!

 

                “โอ๊ย!”

                วัตถุหนักประมาณขนาด50สิบกว่ากิโลกรัมตกลงมาจากระดับต่ำกว่าไหล่ผมล่วงลงกับพื้นดังสนัน  เจ็บละสิ!  มันนั่งกุมก้นมันแล้วก็หันมาทำแก้มป่องใส่ผมที่นั่งขำมันอยู่ 

                “ผนังร้าวเลยอ่ะ” 

ผมพูดพลางชี้ไปที่รอยร้าวบนกำแพง

“ผมไม่ได้ตัวหนักขนาดทำแผ่นดินไหวได้นะ><”

มันทำหน้าไม่พอใจก่อนนั่งหันหลังให้ผม  อะไรกันเนี่ย  งอนหรอ-o-?  ผู้ชายงอนได้ด้วย?  แล้วผมต้องง้อมั้ย  ง้อยังไงล่ะผู้ชายเนี่ย-.-

 

แกร๊ง!

 

พรึ่บ!

 

อะไรวะ!  โซ่ที่เห็นเส้นยาวๆอยู่เมื่อครู่ถูกแรงดึงของกลไกในปลอกแขนดึงเข้าไปอย่างรวดเร็ว  ผมพยายามดึงแขนตัวเองเพื่อต้านกับแรงดึงของโซ่ 

“เจ็บ!”

ไอ้เด็กนั่นมันร้อง  ใบหน้ามันฉายแววเจ็บแปลบๆ  มันจะร้องไห้มั้ยวะ!  พอคิดอย่างนั้นผมก็เลยเลิกต้านแรงดึงของโซ่ที่ม้วนหายเข้าไปในปลอกแขน

ตอนนี้แขนซ้ายของผมเลยติดคู่เป็นปาท่องโก้กับแขนมันเลย  กรรม -_-;

                “แขนติดกันเป็นไฮดราเลยอ่ะ-o-”  มันเงยหน้าบอก

                ผมล้วงมือลงไปในกระเป๋าเพื่อจะเอาโทรศัพท์ออกมาดู  เผื่อจะโทรขอความช่วยเหลือจากนอกโลกได้บ้าง

                “เฮ้ย! จะทำไรอ่ะOoO!”

                มันร้องเสียงดังแถมยังทำหน้าตื่นๆ  ผมก็แค่จะล้วงมือหยิบมือถือเท่านั้นเอง  แต่ผมใส่มือถือไว้กระเป๋ากางเกงข้างซ้ายอ่ะนะ  ไม่ทำเมินไม่ตอบมันแล้วก็ล้วงเอามือถือออกมา  แล้วก็เหลือบมองใบหน้าแดงเข้มของคนข้างๆที่เสหน้าหลบตาผมอยู่

                “แค่ล้วงเอามือถือเอง  ไม่ได้ให้นายเป็นคนล้วงซะหน่อยทำเขินไปได้”

                “ผมไม่ได้เขินนะ>///<!”

                “แล้วหน้าแดงทำไมละ”

                “กะ...ก็ ไม่มีไรนี่-3-”

                ทำหน้าอึ่งอ่างอีกแล้วครับ  เฮ้อ~ เด็กอาร้ายยย น่ารักโคตร เอ้ย! น่าถีบต่างหาก  ผมหันมาสนใจเจ้าเครื่องมือยังชีพในมือ  แบตเต็ม  แต่สัญญาณไม่มี!!  ไหนบอก 3G ครอบคลุมทุกพื่นที่แล้วไงวะ-*-

                “ในเวลาแบบนี้แม้แต่มือถือก็ดูไร้ค่าน่าปาทิ้งจริงๆ”  ผมบ่น

                “พี่ว่าไร้ค่าแต่ผมก็ไม่มีปัญญาซื้อมันอ่ะ”

                “ใครถาม?”

                “แต่งกลอนต่างหากเฟ้ย  ไม่ได้พร่ามให้หมาฟัง-*-”

                เจ้าบทเจ้ากลอนนักนะ  อย่างงี้ต้องตบรางวัล  คิดเสร็จผมก็จัดรางวัลลงกลางหัวมันไปหนึ่งที  มันมองผมตาขวางก่อนจะผลักผมลงพื้นแล้วขึ้นคร่อม  พลาดท่าโดนกดซะได้ผมเนี่ย  บ้าจริงๆ ผมตัวมันออกไปแต่มันก็กัดนิ้วผมแถมยังจิกหัวผมโขกกับพื้นอีก  นี่มึงทำแบบนี้กับแฟนมึงได้ยังงายยยย~

            ~ฮัลโหลๆ  ได้ยินมั้ยน่อ จะปล้ำกันอีกนานมั้ยเดี๋ยวท้องกันพอดีน่อ~

                แสงสีขาวสะท้อนเข้าตาผมก่อนจะปรากฏภาพฉายบนผนัง  ตุ๊กตาหมีสีขาวสภาพหลุดลุ่ยแขนและตามีรอยเย็บด้วยด้ายสีดำถูกจัดวางไว้บนเก้าอี้โยกพลาสติกของเด็กเล็ก

            ~นิ่งเชียว เอิ่ม~ ทักทายกันบ้างสิ  ไม่มีมารยาทกันเลยน้า~

                เสียงเล็กๆดังขึ้นรอบห้อง  ผมลุกขึ้นมานั่ง  ไอ้ซัลมันก็ลุกนั่งข้างๆผมแล้วก็ต่างคนต่างนิ่งจดจ่ออยู่แค่ภาพฉายนั่น  เอาเป็นว่าก่อนอื่นขอถามก่อนว่า

                “ที่นี่ที่ไหน  พากูมาทำไม  มีเรื่องอะไร  ใครไปทำพ่อมึงตายหรอ  ตลกมากใช่มั้ย  ลงมาตัวต่อตัวเลยมะ  อย่าบอกว่ารอเซ่เวนปิดเพราะแม่ งเปิด24ชั่วโมง 

ว่าแต่มึงคือไอ้หมีตัวใหญ่นั่นใช่มั้ย  ไหนบอกพากูมาแด ก น้ำชาไง  ไหนวะน้ำชา เอาหน้ามารองบาทากูซะดีๆ !! อ่อ ลำโพงมึงกากมากเปลี่ยนใหม่ซะนะ  กูฟังไรไม่ค่อยได้ยินเลย-*-”

                ช่างเป็นการทักทายที่ยาวมาก  ไม่ทราบว่าแร็ปเร็วขนาดนี้หายใจทางผิวหนังหรือครับน้อง  ไอ้ตัวเล็กปากมอมข้างๆผมพูดแกว่งปากหาเสี้ยนไปหาเรื่องเขาทั้งที่มันก็ตัวเท่าลูกหมา  หมากระเป๋าพันธุ์พกง่ายหายสะดวกด้วยสิ!!  แบบนี้เรียกว่าไม่เจียมสินะ -_-;

                ~ขนาดไม่ได้ยินยังพร่ามยาวขนาดนี้  แล้วถ้าได้ยินไม่พร่ามที 3 วันจบหรือไงน่อ  อ่อ เค้าจะตอบคำถามตัวก่อนนะ ที่นี่คือ...ไม่บอกดีกว่า...~

                ไอ้หมีพูดจบไอ้เตี้ยข้างๆผมก็อ้าปากจะด่าเลย  ดีนะผมเอามืออุดปากมันไว้ได้  แต่มีเสียงเล็ดลอดออกมาเล็กน้อย  ปากไวโคตรเลย-o-!

                “ต้องการอะไร  เรียกค่าไถ่หรอ  เอาเท่าไหร่ละ”  ผมถาม

                ~เท่าไหร่ดีนะ~ ฮ่าๆ เค้าไม่ได้พาตัวมาเรียกค่าไถ่หรอกนะ  เห็นเค้าดูเป็นผู้ร้ายมากเลยหรา~ 

                “อาชญากร!”

            ~โหดร้าย!  งอนล่ะนะเดี๋ยวเค้าฆ่าทิ้งทั้งคู่เลย~

                เวร!  ทีซัลมันด่าไม่งอน  ทีผมพูดนิดเดียวมันจะฆ่าผมเลย –o-!

            ~พวกนายเป็นผู้โชคดีน้าๆ  ที่เค้าเลือกมาเล่นเกมนี้ คิกๆ อย่าทำหน้าโง่กันอย่างงั้นสิ  แอ๊บฉลาดๆหน่อยไม่เคยดูหนังผรั่งกันหรือไง  ไม่คุ้นๆกับเหตุการณ์บ้างเลยหรา~”

                “กูดูแต่การ์ตูน-_-!”  ซัลตอบ

            ~แหม~ งั้นเค้าบอกให้ก็ได้  เกมที่ว่านี่ก็คือ!!~

                “-_-//-_-” (ผมกับซัล)

            ~ทำหน้าตื่นกลัวกันหน่อยสิ~

               

                กึก

 

                เจ้าตัวเล็กมันถอยกรูดไปหลบหลังผม   มือน้อยๆที่จับชายเสื้อของผมสั่นเทาพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นอย่างคนหวาดกลัว  สายตามันจ้องมองไปยังภาพฉายบนผนัง  มันกำลังกลัวอะไรบางอย่าง  หรือมันรู้แล้วว่าเป็นเกมอะไร

                “เอ้าตื่นกลัวแล้วรีบๆร่ายมาได้ละ-_-”

                มันกลับโหมดปกติแล้วก็กลับมานั่งข้างๆผมเหมือนเดิม  เอ่อ.... ทำไปเพื่อ?  ประชดไอ้หมีมันใช่มั้ย –o- 

                “เล่นละครเก่งจริงน่ะ...โอ้ย!”

                ความรู้สึกเหมือนมีอะไรวิ่งผ่านทะลุเข้าไปในหัว  มันเป็นเสียงสะท้อนในหัวชั่ววูบแล้วก็หายไป  ผมกุมหัวตัวเองถูกบีบอัดด้วยคีมอันยักษ์  ปวดหัวเว้ยยย!!

                “พี่เซลๆ พี่เป็นอะไร”

                มือเล็กเขย่าเรียกชื่อผม  ใบหน้าสวยตื่นตะหนกปนะตกใจ  ขอบตากลมโตของมันมีน้ำเอ่อตื้นอยู่  สรุปใครเป็นคนปวดหัวเจียนตายกันแน่วะเนี่ย  แล้วนี่เป็นการแสดงของมันหรือป่าว

                “ไม่เป็นไรแล้ว  แค่เหมือน...เดจาวูน่ะ”

                มันคลายยิ้มสดใส  เมื่อกี้ยังจะร้องไห้อยู่เลย  เปลี่ยนอารมณ์เร็วดีเนอะ  สงสัยวันนี้เป็นวันมามากสินะ-o-

                “พี่พอจำได้แล้วใช่มั้ย”

                “เอ่อ อาจจะแต่ไม่ทั้งหมดหรอกนะ”

                ~อย่าทำเหมือนเค้าเป็นส่วนเกินสิ มาๆเค้าจะบอกแล้วสนใจหน่อยจิ! เกมที่ว่าก็คือ! คือ! ทำยังไงก็ได้ให้ออกไปจากที่นี่ให้ได้~

                “ไม่ต้องบอกก็จะทำอยู่แล้วละ!” ผมตอบกลับ

                ~ถ้าคิดว่าง่ายขนาดนั้นก็ไปเลยสิ  ประตูอยู่โน่นก้าวออกไปเลย เคลียร์ให้จบภายใน 2 ชั่วโมงแล้วพวกตัวจะเป็นอิสระ   แต่ถ้าไม่........~

                “.....................”

            ~..พวกตัวก็ต้องอยู่กับเค้าที่นี่ตลอดไป..~        

 

 

 

                บานประตูถูกเปิดออกไปยังห้องสีขาวสะอาด  ห้องโล่งกว้างมีประตูอยู่อีกด้านตรงข้ามและประตูกระจกอีกประตูที่ข้างกำแพง  กลิ่นน้ำยาเหมือนในโรงพยาบาลลอยออกมาจากช่องแอร์  มันทำให้ผมรู้สึกเอียนจนอยากจะอ้วกมากๆ

                ~ฮ้า~ กลิ่นหอมสดชื่นดีเนอะ  รีบๆเดินไปเอาคีย์การ์ดที่หน้าประตูกระจกซิจะได้รีบๆกลับบ้านไง~

            ผมเดินไปอย่างว่าง่ายรีบๆเคลียร์ให้เสร็จๆซะ  ผมเดินมาหาประตูกระจกที่อยู่ตรงผนังกลางห้อง  หน้าประตูมีแท่นเสียบการ์ดอยู่  แต่มันมีการ์ดเสียบอยู่สองใบอ่ะ  ใบไหนละ

            ~เฮ้! อย่าเพิ่งหยิบสิ  ฟังเค้าก่อน~

                ไอ้ตัวเล็กมันชะงักมือตัวเองไว้ก่อนจะพ่นลมหายใจดังๆออกทางปาก

                ~เห็นใช่มั้ยว่ามันมีอยู่สองอัน~

                “รีบๆบอกดิ๊!!”  ซัลบอก

                ~ใจร้อนจัง  พวกตัวก็แค่เลือกหยิบการ์ดมาหนึ่งอัน  อันนึงจะสามารถเปิดประตูอีกบานทางโน่นนนได้  ส่วนอีกอัน…….ถ้าดึงออกมาแล้วจะปลดล็อกประตูของเลทเธอร์เฟซ(Leatherface)~

                เลทเธอร์เฟซ!!  คุ้นๆหว่ะเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนเลย

                “มันคือใคร-o-”

                “จำไม่ได้ ว่าแต่เอาอันไหนดี”

                ผมจิ้มใบซ้ายใบขวา  เอาใบขวาดีกว่าดูท่าทางว่ามันจะใช่ล่ะนะ

 

                ฟรึ่บ!

 

                กริ๊ก!

 

                อะไรดังกริ๊ก?

                ผมกับซัลมองหน้ากันไปมา  แล้วสายตาผมก็เลื่อนไปที่มือมัน  ในมือผมก็มีการ์ดหนึ่งใบ  ในมือมันก็มีการ์ดหนึ่งใบ แล้ว......

                ~ว้าววว ดีใจด้วยนะได้การ์ดไปเปิดประตูแถมยังได้วิ่งเล่นกับเลทเธอร์

เฟซจอมสับอีก คิกๆ~

 

                แว๊งงงงงงง~

               

                เสียงเครื่องยนต์หรืออะไรสักอย่างดังลอดออกมาจากประตู  ก่อนที่คนตัวสูงใหญ่ยักษ์จะเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู   ใบหน้าของมันมีสะเก็ดแผ่นเนื้อที่แทบจะลอกออกมาได้ทั้งหน้าและรอยเย็บเป็นทางยาวแลดูขลังๆ  เสื้อเอี๊ยมยีนส์แลดูสกปรกโสกโครกจากรอยเลือดที่แห้งจนซึมเข้าไปในเนื้อผ้า  มันยกเลื่อยไฟฟ้าขึ้นพร้อมชี้มาทางพวกผม  ใบหน้าสยดสยองยิ้มแสยะเล็กน้อยแล้วมันจะยกเท้าถีบประตูออกมา

                “วิ่ง!!!!”

                ผมตะโกนแล้วลากข้อมือซัลมันให้รีบวิ่งตาม  ผมเหลือบไปมองข้างหลังไอ้ตัวใหญ่นั่นมันกำลังถือเลื่อยวิ่งไล่ผมอยู่  แล้วอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงตัวพวกผมแล้วด้วย

ถ้าไม่ติดว่ามีไอ้เตี้ยนี่อยู่ผมอาจจะไปถึงประตูแล้วก็ได้นะ

               

                ตุ๊บ!

 

                ร่างเล็กล้มลงไปกับพื้นผมเลยถูกฉุดลงไปที่พื้นด้วย  เวรแล้วไง  ทำไมมาสะดุดอากาศเอาตอนนี้

                “สะดุดอ่ะ  ผูกเชือกรองเท้าก่อนนะ”

                มันพูด  มือสั่นเทาเร่งรีบยัดเชือกรองเท้าเข้าไปในรองเท้า  แต่กลายเป็นว่ามันไม่ได้เข้าไปเลยซักนิดผมว่ามันหลุดออกมาเยอะกว่าเดิมซะอีก  จะนั่งรอให้แม่ งมาฟันหัวหรือไงวะ!!

 

                วืด~

 

                “พี่เซล!”

                ผมโยนตัวมันพาดบ่าแล้วรีบวิ่งหลบเลื่อยที่เฉียวแผ่นหลังผมไปหน่อยนึง  เกมเชี่ยไรเนี่ย  เล่นกันถึงตายเลยหรอวะ!!

 

                วืด~

 

                แกร๊ง!

 

                ผมก้มตัวหลบแล้วถอยมายืนข้างไอ้ยักษ์นั่นก่อนจะฟาดเท้าลงไปที่ข้อมือมัน  ทำให้เลื่อยหลุดออกจากมือมันแล้วล่วงลงไปอยู่ที่พื้น  มันมองผมตาขวางแล้วรีบเก็บเรื่อยที่ดับสนิทขึ้นมา  จังหวะนั้นผมก็เลยรีบวิ่งไปที่ประตูเลย

                “เสียบการ์ดๆๆ”

                ผมวางซัลลง  แล้วยื่นการ์ดให้อีกใบ  ผมหันไปมองข้างหลังไอ้ยักษ์นั่นกำลังสตาร์ทเลื่อยไฟฟ้าของมันอยู่และดูเหมือนมันจะเปิดติดแล้วด้วย

                “เปิดได้ยังๆๆ”  ผมถามรัว

                “เปิดไม่ได้อะTOT”

                “ก็ใส่ผิดด้านมันจะแสกนยังไงวะ!!”

                โอ้ย!! กูละกลุ้ม  วิ่งกลับไปให้มันเฉาะหัวผมให้ตายๆไปเลยดีกว่า  พอประตูเปิดออกผมก็รีบดึงการ์ดออกแล้วข้ามไปอีกฝากประตู

               

                ปึง!

 

                ผมปิดประตูแล้วยืนพิงกำแพง  มันเป็นประตูเหล็กครับ  กว่ามันจะเจาะทะลุเข้ามาได้ผมคงมีเวลาหายใจซักเฮือกสองเฮือกแหละ ไอ้ตัวเล็กก็ยกเท้าขึ้นมาผูกเชือกดูลำบากดีแหะ

                “เหนื่อยมั้ย”  ผมถาม

                “ดูจากหน้าแล้วไม่น่าถามนะ-o-”

                “เออ  ไม่น่าถามเลยเปลืองน้ำลาย”

                แน่ะ! ทำหน้างอนอีก  ก็อยากตอบกวนตีนเองอ่ะ  ห้องนี้เป็นห้องสตูดิโอ  ประมาณนั้นละมั้งครับ  น่าจะจัดเป็นฉากหมู่บ้านดูจากสภาพแวดล้อม  มองไปทางไหนก็มีแต่บ้าน  ต้นไม้แล้วก็มีรถจอดระเกะระกะอยู่บนถนน 

               

                หมับ!

 

                เด็กผู้หญิงคนนึงซึ่งโผล่มาจากรูไหนก็ไม่รู้จับแขนซัลแล้วก็เขย่าๆ  ในนี้นอกจากพวกผมแล้วยังมีคนอื่นอีกซินะ

                “หนูถูกจับตัวมาหรอ!” ซัลถาม

                “ระ...รีบหนี”

                เด็กน้อยมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง  ซัลย่อตัวลงแล้วลูบมือเด็กเบาๆ  น้ำตาเม็ดเล็กๆหยดลงมาจากข้างแก้มชมพูใสของเด็กผู้หญิง

                “แต่แม่หนู....แม่หนูติดอยู่ในนั้น..”

                เธอชี้ไปที่บ้านหลังสีเขียวที่อยู่ไม่ไกล  ผมมองขึ้นไปยังโคมไฟที่ห้อยลงมาจากเพดานโดมแสงมันค่อยๆหรี่  จนบรรยากาศรอบข้างดูเหมือนเวลากลางคืน

                “พี่เซลเราไป....”

                “จะไปช่วยเขาตัวเองยังเอาไม่รอดเลย  ไอ้บ้านั่นจะโผล่มาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ด้วย”

                ผมพูดแทรกมัน  มือผมยังถูกล็อกอยู่กับมันอยู่เลยนะแค่นี้ก็เดินลำบากแล้วจะมีปัญญาไปช่วยใครได้ละ  เด็กนั่นร้องไห้โฮหนักเขาไปอีก  ซัลมันก็เลยกอดไว้กับอก  มันมองหน้าผมด้วยสายตาตัดพ้อที่ผมไม่คิดจะช่วยแม่ของเด็ก 

                “ไปก็ไป  แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นอย่ามานั่งเสียใจละ”

                ผมบอก  ผมก็อยากจะช่วยให้รอดออกมาทุกคนอยู่หรอกแต่ผมเป็นห่วงซัลมัน   เดี๋ยวมันจะไปปล่อยตัวอะไรออกมาวิ่งไล่ฆ่าผมอีก-o-!! 

                “พาไปเร็ว”

                ผมบอกอีก เด็กนั่นก็รีบวิ่งจูงมือซัลเข้าไปในบ้าน   กลิ่นคาวตะหลบอบอวลไปทั่วบ้านยิ่งกว่าข้างนอกเสียอีก  รอยเลือดสดใหม่กระจายอยู่เต็มพื้น

ผมนั่งลงวัดลมหายใจของคนที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นแล้วส่ายหน้าเบาๆ แบบนี้มันไม่เข้าท่าแล้วมั้ง

                “ทางนี้ๆ”

                เด็กนั่นกวักมือเรียกแล้วหายเข้าไปในห้อง  พวกผมก็รีบวิ่งตามเข้าไปในห้อง  

                “เฮือก!”

                ซัลสูดหายใจเฮือกใหญ่ไม่ต่างจากผม  ร่างของผู้หญิงคนนึงนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นโดยมีมีดเสียบอยู่กลางหลัง  เป็นภาพที่น่ากลัวอยู่ไม่น้อยผมจับหัวซัลซบไหล่ไว้มันจะได้ไม่ต้องมองภาพน่ากลัวนั่น  เด็กน้อยนั่งลงข้างๆร่างผู้หญิงคนนั้นแล้วพรึมพรำอะไรบางอย่างซึ่งผมได้ยินไม่ชัดนัก

                “ผู้ใหญ่ชอบโกหก..... ไหนบอกว่ารักไง  บอกว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป

แล้วทำไม.......แค่เล่นด้วยนิดเดียวก็ตายแล้วละ!!!”

               

                ซวบ!

 

                มีดสีเงินถูกดึงขึ้นมาจากร่างไร้วิญญาณ  เด็กน้อยค่อยๆหันหน้ามา  ดวงตากลมใสจ้องเขม็งมาทางผม 

                “มาเล่นกันหนูนะ^^”

                หน้ามันยิ้มแต่ตามันไม่ได้ยิ้มครับ(เปลี่ยนศัพท์ที่ใช้เรียกทันที!)  มันชี้มีดมาทางผมเอาแล้วไง  คิดไรไม่ออกก็วิ่งสิครับ

                “ซัลวิ่ง!!”

                ผมดันซัลให้ออกไปก่อนแล้วตัวผมค่อยออกตามมาแล้วก็ปิดประตูลงขังได้เด็กนั่นไว้ข้างใน  ผมกวาดต้อนตู้  โต๊ะ  ทุกอย่างที่อยู่แถวนั้นมากองกั้นหน้าห้อง

                “เปิดประตูนะ!!!”

                ไอ้ข้างในตะโกนครับ  ผมหันมาหาซัล  มันยืนตัวแข็งทื่อพลางจ้องมองอะไรบางอย่างอยู่  ผมมองลอดหน้าต่างชั้นสองลงไปก็เจอไอ้สับหมู!!  มันมองเข้ามาทางหน้าต่างเหมือนรู้ว่าผมอยู่ทางนี้  มันยกเลื่อยขึ้นมาแล้ว......แม่ งก็วิ่งมา!!

                “ลงไปล็อกประตูก่อนมั้ยพี่!!”

                “มันมีเลื่อยมันก็เลื่อยประตูได้จะลงไปปิดทำไม”

                “อย่างน้อยมันก็ถ่วงเวลาได้น่า!!”

                “จะลงไปตายหรือไง!!”

                “พี่กลัวตายหรอ!!”

                ซัลตะโกนใส่หน้าผม  ดวงตาสวยส่งสายตาต่อว่าผม  มันคงหมดความศรัทธาในตัวผมแล้วละ  คงคิดว่าผมขี้ขลาดมากซินะ  ผมอยากทิ้งไอ้เด็กบ้าดื้อนี่ไว้จริงๆเลย  แต่ผมทำไม่ได้  ถึงผมจะลืมเรื่องราวระหว่างผมกับมันไปแต่ความรู้สึกของผมก็ยังอยู่ ..........ทำไมมันไม่เข้าใจความคิดผมบ้างนะ  ผมน่ะ!!

                “ชั้นลงไปตายคนเดียวได้แต่ลากนายไปตายด้วยไม่ได้เข้าใจมั้ย!!!”

                มันมองหน้าผมอย่าตะลึง  เอ่อขอโทษที  ถ้าเกิดเซลตอนม.2จะดูเถื่อนและน่ากลัวจนทำให้มันตกใจขนาดนี้

                “อย่าร้องไห้”

                ผมบอกมันก่อนปาดน้ำตาที่หล่นแหมะบนแก้มแดงๆของมัน  มันโผกอดผมแล้วฝังใบหน้าแนบอกผม 

                “ขะ..ขอโทษนะ...ที่ว่าพี่ ทั้งที่พี่เป็นห่วงผม..ฮือๆ”

                มันพูดเบาๆ  ผมลูบเรือนผมนุ่มสลวยอย่างอ่อนโยน  ปวดหัวอีกแล้วแหะ  ความรู้สึกบางอย่างมันทำให้ผมอึดอัดแทบจะหายใจไม่ออก 

 

                ฮวบ!

 

                “พี่เซล!”

                ผมทิ้งตัวเกือบถึงพื้นแล้ว  ถ้ามันไม่รับตัวผมไว้  เหมือนผมจะเคยทำมันร้องไห้  ร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วย

                “โอ๊ย!”

                ผมจิกปลายนิ้วไว้บนหัว  อยากจะทะลวงเข้าไปควักเอาสมองออกมาจริงๆ  ภาพเหตุการณ์หลายชอตแล่นเข้าหัวผมอย่างต่อเนื่อง  ภาพอันเลือนรางดูเบลอๆ  ยิ่งผมต้องการจะเห็นมันให้ชัดเท่าไหร่หัวผมยิ่งโดนบีบรัดมากเท่านั้น

ทรมาณ......  จะบ้าตายแล้วโว้ยยยยย

               

                แว๊งงงงงง~

 

                “พี่เซลมันมาแล้ว!!”

                แขนเล็กๆหิ้วปีกผมแล้วลากตัวผมไปตามระเบียง  เสียงเลื่อยที่หมุนอย่างเร็วดังขึ้นเรื่อยๆ มันคงใกล้เข้ามาทุกทีแล้วสินะ  มันพาผมเข้าไปแอบในห้องแล้วก็ล็อกประตู

                “พี่เป็นไรหรือป่าว”

                “ไม่แล้วละ  หาทางออกกันเถอะ”

                ผมหันซ้ายหันขวาสำรวจหาหน้าต่าง  มันไม่ใช่หน้าต่างแบบเปิดได้  ถ้าจะออกไปทางนี้คงต้องหาอะไรเขวี้ยงให้หน้าต่างแตกอ่ะ  แต่ถ้ามันเสือ ก ไม่แตกละก็  เนื้อพวกผมคงจะกลายเป็นเครื่องปรุงมาม่าแน่!!

               

                แว๊งงงงงงงง~

 

                เศษผงไม้กระจายออกมาจากบานประตู  ชิบหายละไง-o-!!  ไม่มีทางเลือกแล้ว

                “ดึงตู้มากั้นประตูเร็ว!”

                ผมกับซัลช่วยกันลากตู้หนังสือมากันไว้  แล้วก็ลากโซฟามากั้นไว้อีกที

ผมหยิบรูปปั้นอันใหญ่มาแล้วโยนไปที่หน้าต่าง 

 

                เพล้ง!

 

                “รีบไปกันเถอะ”

                ผมดึงซัลไปยืนที่ขอบหน้าต่างพร้อมกับผม  ชั้นสอง อึก!  ผมเมินหน้าหลบพื้นด้านล่าง  หัวใจผมสั่นระรัวมือไม้เย็นไปหมด  ออกซิเจนในร่างกายผมเริ่มหายออกไปจากตัว  กูจะเป็นลม~

                “อย่าบอกนะว่า....พี่กลัวความสูงน่ะ-o-!!”

                เพิ่งรู้หรอ!  ไม่กล้าก้าวขาลงไปอ่ะ  มันรู้สึกหวิวๆถึงแม้จะไม่มีลมพัดแต่ก็เสียวได้อ่ะ!!

            ~จะครบ 2 ชั่วโมงแล้วนะ พวกตัวต้องรีบไปที่ฝาท่อกลางถนนแล้วละ  นั่นเป็นทางไปด่านสุดท้ายไงละ  เค้าใจดีบอกทางให้แล้วนะ  แต่นายป๊อดนั่นจะไปถึงมั้ยน้า ฮ่าๆ~

                ว่ากูหรอ  ไอ้หมีสวะ!!  ยอมไม่ได้แต่ก็ไม่กล้าโดดเว้ย!!

 

                ปัง!

 

                ตู้ถูกถีบล้มลงมา  ผมมองไอ้หมูสับหน้ายับแล้วลอบกลืนน้ำลาย  อยู่นี่ก็ตาย  โดดลงไปก็อาจตาย  ค่าเท่ากันเลยเลือกไม่ถูกเลยจะตายยังไงดีวะ

                “บินละนะ!”

                ฮะ ว่าไรนะ 

 

                พรืด!

 

                ตุ้บ!

 

                ไม่เจ็บครับ  ผมลืมตาโพรงขึ้น  ไม่ได้ตกลงพื้นครับแต่ตกลงบนกองขยะ

-o-!  ซัลฉุดมือผมให้ลุกขึ้น  มันกลายเป็นคนนำผมแล้วละ

                “ฮึบ!”

                มันยกฝาท่อครับ  แต่ดูจะหนักมาเลยยกไม่ขึ้น  ไอ้หมูสับก็กำลังจะดิ่งพสุธาลงมาหาแล้วด้วย

 

                เคร้ง!

 

                ผมเตะฝาท่อออก  ซัลมองหน้าผมประมาณว่า  ทำไมมึงไม่ทำตั้งแต่แรก

ท่อระบายมันไม่ได้กว้างเท่าไหร่  จะลงไปพร้อมกันก็คงต้องกอดกันลงไปละนะ  ผมดึงคนตัวเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแล้วกระโดดลงหลุมไปอย่างมาริโอ้  ความรู้สึกของการลงท่อมันเป็นอย่างนี้นี่เอง....-..- 

                “เหม็นโคตรรรรรร!!!!!”

 

 

 

                “ว้ากกกกกก//เหวอออออ”

               

                ตุ๊บ!

 

                ซัลกับผมร้องเสียงหลง  โหยหนุกเป็นบ้าเลย  ยิ่งกว่าสวนมะขามทะเลกรุงเทพอีก  เราตกลงมาบนเบาะอัดลมที่เอาไว้ซ้อมหนีไฟ้ไหม้ก็เลยไม่ได้รีบบาดเจ็บอะไร

                “ซัลเป็นไรหรือป่าว”

                มันยิ้มตาหยีให้ผม  ยิ้มแบบนี้คงไม่เป็นไรละมั้ง  ผมออกไปนอกเบาะแล้วดึงมันให้ตามมาแต่มันยืนทรงตัวไม่ดีเลยเซล้มมาทับผม

                “ล้มทับกันแบบนี้บ่อยๆไม่ไหวหรอกนะ  น้องชายชั้นพังกันพอดี”

                ผมบ่นล้มทีไรเข่ามันเข้ามากระทุ้งน้องผมทุกทีเลย  มันก้มหน้ำนึกผิดแล้วก็หันหน้าหลบแต่โชว์ใบหูกับข้างแก้มแดงก่ำให้ผมดู

                “..ก็..ใช่นิ้วแทนไง-////-”

                มันพรึมพร่ำงุงิอยู่คนเดียว  ผมได้ยินอยู่นะว่านิ้ว  แล้วเอามันเกี่ยวไรกับนิ้วอ่ะ  ใครรู้ช่วยสงคำตอบมาที่ 488 6หกแล้วหกอีกด้วยนะครับ!!

                “จะทับจนท้องเลยป่ะ”

                ผมถามมัน  มันลุกขึ้นปัดก้นแล้วก็ยืนบิดๆซ้ายทีขวาที  อะไรกันเขินหรอฮ่าๆ  แล้วทำไมผมต้องยิ้มแล้วก็หน้าแดงตามมันด้วยนะบ้าจริง -////-

                ~ด่านสุดท้ายแล้วนะ  จีบกันพอหรือยังเนี่ย~

                เหอะๆ  มีเวลาไปจีบกันตอนไหนไม่ทราบวะ!!  กูวิ่งกันอย่างเดียวเลยเนี่ย  แหกต่างดูบ้างมั้ย!!

                ~สุดท้ายแล้วนะ  ตัวคงอยากเอาโซ่ที่ล่ามแขนออกแล้วซินะ  เค้าจะให้กุญแจก็ได้แต่ต้องกินน้ำไวน์ในแก้วนั่นให้หมดก่อนนะ~

                บนโต๊ะกลมสีขาวประดับแจกันดอกไม้มีแก้วไวน์วางอยู่  ผมยกแก้วขึ้นมาเตรียมกระดกเข้าปาก  แต่มือเล็กๆดึงแขนผมไว้ก่อน

                “ถ้ามันเป็นยากพิษละ!!”  ซัลบอก

                “ชั้นตายนายรอด  ก็คุ้มดีละมั้ง”

                “อย่าทำบ้าๆนะ!!”

                มันกระชากแขนผม  แล้วพยายามแงะแก้วไวน์ไปซดเอง ดื้ออีกละไอ้เด็กนี่ 

            ~แหมๆ  เค้าไม่ได้เลวขนาดนั้นน้า~

                “โคตรเลวเลยละ!!//โคตรเลวเลยละ!!”

            ~ใจร้ายอีกแล้วนะ ถ้าอยากได้กุญแจก็ต้องทำตามเค้าบอกนะ  เค้าให้พวกตัวกินไวน์ซะ  แต่นายโย่งกินไวน์ผ่านแก้วได้แต่นายเตี้ยกินไวน์ผ่านแก้วไม่ได้  ก็! หาวิธีเองละกันนะ คิกๆ~

                ทำไงละหว่า ผมกินผ่านแก้วได้มันกินผ่านไม่ได้  ผมกระดกไวใส่ไปปแล้วก็มาคิดต่อ  งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน  กินแล้วคายใส่มือแล้วให้มันกินต่อ-o-!  เอ่อ  โหดร้ายกับมันไปมั้ย  คายใส่มือแล้วให้กินต่อเนี่ย

                “อมนานๆแบคทีเรียมันเยอะนะพี่-_-;”

                จะอมนานไม่นานมันก็ต้องมีอยู่แล้ว  แถมสกปรกนิดหน่อยด้วยแหละ  คงไม่ถือสาหรอกนะ  ไม่คายใส่มืองั้นก็ต้อง ..... ผมเหลือบมองริมฝีปากแดงสดที่เผยอออก  มันคงรู้ว่าผมกำลังจะทำอะไร  มันหลบตาผมก่อนปิดเปลือกตาลง  เอาวะไหนๆก็มีแฟนเป็นผู้ชายแล้ว><

                ผมแนบริมฝีปากลงไปทาบบนริมฝีปากนุ่มนิ่มแล้วปล่อยน้ำหวานปนขมเข้าไปให้มันลิ้มรส  หวานจังไม่รู้ว่าไวน์หรือปากมันกันแน่  มันดูดน้ำออกไปจากปากผม  ช่องปากที่เปิดเชื่อมกันอยู่ทำให้ลิ้นของผมหลุดไปแตะกับลิ้นของมัน   แทนที่ผมจะละริมฝีปากออกกลับกลายเป็นว่าเอาลิ้นไปพันเล่นกับลิ้นมัน  ผมกดหัวมันให้จูบกับผมได้แนบแน่นขึ้น  ร้อน  ร่างกายผมร้อนเหมือนถูกเปลวไฟลุกโหม  ผมสอดมือเข้าไปสัมผัสผิวกายเรียบลื่นใต้เสื้อตัวบางแล้วลูบไล้สะโพกเล็กที่คุ้นมือ

                ~จะเอามั้ยกุญแจเนี่ย!!~

            มันผละตัวออกจากผมแล้วยืนเช็ดปาก  ลืมไปเลยแหะ  เพลินไปหน่อยแบบว่าไวน์มันพาเมา-////-

            ~กุญแจก็อยู่ในแก้วไงเจ้าพวกโง่  รีบๆออกไปได้แล้ว ลงไปทางอุโมงค์นั่นแล้วจะออกไปข้างนอกได้  อ่อ  กุญแจน่ะไขได้ครั้งเดียวนะ  ถ้าคนนึงปลดล็อกได้แล้ว  อีกคนก็จะถูกเข็มพิษในปลอกแขนทิ่มตายทันที  หรือจะเลือกจบแบบ

โรมิโอกับจูเลียตดีนะ  มีดอยู่ในแจกันดอกไม้น่ะ ตามสบาย~

                ที่ขาแก้วไวน์ทีโลหะสีเงินสะท้อนแสงอยู่  คงเป็นกุญแจ  ผมปากแก้วลงพื้นเพื่อจะเอากุญแจ  ผมหยิบกุญแจดอกเล็กขึ้นมาแล้วยื่นให้ซัล

                “ไขของนายซะ”

                ผมบอก  มันรับกุญแจไปแล้วก้มมอง  รีบๆไขสิ  กูเตรียมทำใจแล้วนะเนี่ย

                “มาด้วยกันต้องไปด้วยกันสิ”

                มันบอกแล้วก็จูงมือผมไปที่ปากอุโมงค์  มันบีบมือผมแรงๆ  ผมเข้าใจแล้วถ้าออกไปแล้วค่อยไปให้ช่างตั้งโซ่ทิ้งก็ได้

            ~ขี้โกงนี่~

                “ป่าวนี่  ก็แค่เลือกจบแบบหนังไทยที่พระเอกนางเอกต้องรอดทั้งคู่ไง”

                ซัลบอก  ผมยิ้มและหัวเราะเบาๆ  เข้าใจตอบเนอะ  หาเรื่องเถียงได้ตลอดเลย  ก็นะพระเอกก็ต้องคู่กับนางเอกสิ  ถ้าพระเอกตายแล้วใครจะอ่านวะ!!

 

 

 

                ตู้ม!!

 

                “แฮ่ก!”

                ผมตะเกียดตะกายขึ้นมาเหนือผิวน้ำ  พลางฉุดดึงเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะฉุดผมให้จมขึ้นมาแล้วว่ายลากมาให้เกาะขอบสระไว้  บรรยากาศมันคุ้นๆวะ –o-!  เหมือนเคยมาเลยอ่ะ

                “พี่ลงไปทำไรอ่ะ  เย็นแล้วเดี๋ยวเป็นหวัดนะพี่  อ้าว! ที่ซัลก็มาด้วยหรอ*o*”

                ไอ้เคลเดินออกมาจากบ้านแล้วทักผม  บ้าน!  บ้านกูเองนี่หว่า!!!

                “ทำไมเคลวินมาอยู่นี่ได้ละ”  ซัลถาม

                “ก็บ้านเค้าเองอ่ะ-o-”  เคลตอบ

                นี่มันเรื่องอะไรกัน!!  วิ่งหนีไอ้หมูสับกับได้เด็กถือมีดสุดท้ายมาจบที่บ้านตัวเองซะงั้น  หรือว่า!!

                “เคลพ่ออยู่ไหน!”

                “เห็นอยู่ห้องทำงานนะ ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักๆออกมาจากห้องทำงานด้วยแหละ-.-”

                “ชัดเลย!”

                “เอ๊ะ! ไรหรอ อ่าเดี๋ยวผมไปเอาผ้าขนหนูมาให้นะ แปบนึงๆ”

                เคลวิ่งเข้าบ้านไป  ผมขึ้นมานั่งริมสระลากไอ้ตัวเล็กขึ้นมาด้วย  ไอ้พ่อบ้าหมีต้องแกล้งผมแน่ๆ  ว่าแล้วเชียว  แอบดูลูกวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน  ตัวเองกลับนั่งหัวเราะอยู่คนเดียว ฮึ่มมมมมมมมม-..-!!  ควันออกจมูกแล้วนะเว้ย

                “ทำไมมาโผล่ที่นี่ได้อ่ะ”  ซัลถาม

                “เหอะๆ อยากรู้มั้ยล่ะว่าไอ้หมีนั่นเป็นใคร”

                “พี่รู้หรอ –o-!”

                “เดี๋ยวจะพาไปกระทืบดีมั้ยละ^^”

                “จัดปายยยย>O<”

                “เอากุญแจมาก่อน”

                “จะไขหรอ  เดี๋ยวโดนยาพิษนะ”

                “ไม่หรอกเชื่อดิ”

                ผมแงะกุญแจออกมาจากมือมัน  ก่อนจะได้ไขมันเล็กก็รั้งไว้ก่อน   อะไรกลัวไขแล้วตัวเองจะตายหรอ  ไม่ตายหรอก  ไอ้พ่อบ้าหมีมันไม่กล้าขนาดนั้นหรอก

                “ถ้าไขแล้วเราก็จะหลุดออกจากกันใช่มั้ย  ถ้าแยกจากกันแล้ว......ผมก็ไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ๆพี่แล้วสิ....”

                มันก้มหน้าลง  น้ำเสียงมันฟังแล้วสงสารเลย  เสียงสั่นที่เปล่งถ้อยคำออกมามันทำให้ผมรู้สึกอยากจับผมเข้ามากอด  ตั้งแต่ลืมตาตื่นที่โรงพยาบาล  ผมไล่ตะเพิดมัน  ให้มันไปอยู่ไกลๆจากผม  นายอยากอยู่ใกล้ๆชั้นงั้นหรอ?  อยากอยู่กับคนที่ทำให้นายร้องไห้เนี่ยนะ  นายรักชั้นรักชั้น......มากขนาดนี้เลยหรอ

                “อ่ะ! พี่เซล”

                ผมดึงร่างเล็กเข้ามากอดไว้  ชั้นจะทำยังไงดี  ความรู้สึกของนายทั้งหมดที่มีต่อชั้น  มันทำให้ชั้นรู้สึกตื้นตันแต่ก็ทำให้ชั้นรู้สึกผิดอย่างมากกับสิ่งที่เคยทำลงไป

                “อยากอยู่ใกล้ๆชั้นหรอ”

                ใบหน้าหวานก้มลงแทนคำตอบ  แขนเล็กโอบกอดเอวผมไว้แน่น  ผมไม่ได้รังเกรียจมัน  ไม่รู้สึกรังเกรียจหรือต่อต้านแล้ว  ไม่ว่าจะกอดหรือจะจูบกัน  ถึงสมองผมจะคิดต่อต้านแต่ร่างกายผมมันก็ไม่ทำตามหรอก  ขอบคุณที่รักชั้นนะ  เพื่อเป็นการตอบแทนความรักของนาย  ชั้นสัญญาด้วยกายและใจว่าจะรักนายคนเดียวเท่านั้น  ถึงแม้ว่าในความทรงจำของผมจะมีเรื่องราวของเนยอยู่เยอะกว่ามัน

แต่ผมจะพยายามนึกให้ได้  ความทรงจำของเราสองคน.......

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา