Immortal LoVe, oR sEx... "ได้ผมแล้ว...เฮียต้องรัก

9.6

เขียนโดย nooonaa

วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.44 น.

  36 ตอน
  25 วิจารณ์
  58.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 มกราคม พ.ศ. 2557 23.30 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

21) ไทยแลนด์ XX : หมดหนทาง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

By nooonaa

 

 

ไทยแลนด์ XX : หมดหนทาง

 

 

"พี่ชิน!"

 

ผมเผลอยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อผมเห็นคนที่โทรเข้ามาหา ผมเลยรีบกดรับสายทันทีเพื่อคนโทรจะได้ไม่ต้องรอผมนาน

 

"พี่ชินครับ"

 

(นี่ดีใจขนาดนั้นเลยหรอครับที่ได้ยินเสียงผม) ทำไมแทนตัวเองได้ห่างเหินขนาดนั้นละ มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรอ

 

"พี่ชินหายไปไหนมาครับ ผมตกใจแทบแย่"

 

(ผมต้องจัดการอะไรหลายๆอย่างนี่ครับ) จัดการหลายๆอย่างนั้นมีเรื่องของผมอยู่ด้วยรึป่าว รึว่าพี่ลืมเรื่องของผมไปแล้ว

 

"แล้วที่โทรมานี่มีอะไรรึป่าวครับ" ผมรีบเข้าเรื่องอย่างน้อยใจ มันเหมือนความหวังผมเริ่มลิบหรี่ยังไงบอกไม่ถูก

 

(ผมอยากให้คุณช่วยเซ็นเอกสารให้หน่อยครับ)

 

"งั้นหรอครับ งานที่บริษัทหรอ ถ้างั้นผมไปรอที่ร้านกาแฟนะครับ" พี่ชินตอบรับเล็กน้อยก็วางสายจากผมไป นี่ขนาดผมทุกข์ใจขนาดนี้ยังจะเอางานมาให้ผมอีก คงจะเป็นคำสั่งของแม่อีกนั่นแหละที่ให้ผมเริ่มทำงานในบริษัท  นี่ผมก็เริ่มเข้าไปทำงานได้สองทิตย์แล้วละครับตั้งแต่กลับมา ถ้าไม่ทำก็ต้องคอยไปเที่ยวกับน้องต้นหลิว ผมเลยเลือกทำงานที่จะได้ไม่มีเวลาว่างมากจะดีกว่า มันปลอดภัยกว่าเดิมเยอะเลยครับ

 

แต่พอพี่ชินวางสายไป โทรศัพท์ผมนี่มีสายเข้าไม่เว้นแต่วินาทีเดียว สลับกันไประหว่างแม่กับน้องต้นหลิว ผมเลยตัดสินใจปิดเครื่องไปเลยจะได้ไม่มีปัญหา เดี๋ยวค่อยไปโดนเทศทีหลัง อันนี้ก็คุ้มกว่าเยอะครับ เห้อ...ชีวิตผมนี่วุนวายจริงเว้ย!!!

 

น่าเบื่อ!

 

ผมขับรถมาจอดด้านหลังของร้านคอฟฟี่ช๊อปก่อนจะเดินเข้าไปในร้านนั้น ผมเห็นพี่ชินมาถึงก่อนแล้วเลยรีบตรงเข้าไปหา พี่ชินยิ้มให้ผมเล็กน้อยเมื่อผมนั่งลงก่อนจะยื่นเอกสารมาให้ผมเซ็นต์ นี่กะจะไม่ให้ผมพักหายใจเลยรึไงกัน  แค่สั่งกาแฟสักแก้วก็ยังดีนะพี่ชิน ผมหายใจดังเฮือกก่อนจะหยิบปากกาที่ถูกยื่นมาให้ ผมเซ็นต์เอกสารไปโดยไม่ได้อ่านมันสักนิด ไม่ใช่ว่าผมทำงานฉุ้ยหรอกนะครับ แต่มันก็ต้องถูกพ่อพิจารณาอีกรอบอยู่ดี แค่เอามาให้ผมเซ็นต์เป็นพิธีให้เหมือนผมได้ทำงาน บอกแล้วไงว่าผมน่ะ...หุ่นเชิดดีๆนี่เอง

 

"ไม่อ่านดูสักหน่อยหรอครับ" พี่ชินถามผม ผมเลยเบะปากแบบเบื่อๆให้เต็มสตรีม พี่เขาก็ยิ้มให้ผมอย่างขำๆก่อนจะเปิดหน้าให้ผมเซ็นต่อ เอกสารบ้าอะไรมีแต่ภาษาอังกฤษ นี่พ่อจะลงทุนที่ใหม่งั้นหรอ แต่ช่างมันเถอะมันมำให้รกสมองผมชะมัด สมองอันนี้ไว้คิดเรื่องเฮียคนเดียวพอ

 

"ขี้เกียจ"

 

"ฮ่าๆ เป็นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยนะครับ"

 

"เรื่องของผมหน่า แล้วเลิกพูดผมกับคุณสักที ขัดหูชะมัด" ผมทำเป็นบ่นเมื่อพี่ชินเริ่มกวนประสาทผม แต่เจ้าตัวก็แค่ยิ้มให้ผมแบบเดิม

 

"ก็มันอยู่ในเวลางานนี่ครับ" โอ้ว...รักงานว่างั้น!!

 

"ครับ คุณกสิดิษ...ผมจะจำไว้นะครับ" ผมเลยล้อเลียนพี่มันไป ผมเลยรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันแรกที่ผมเป็นตัวของตัวเองที่สุด แต่ถ้าจะให้ดีมันต้องมีเฮียอยู่ด้วยผมคงจะมีคงามสุขกว่านี้ ว่าแต่พี่ชินไม่ได้ข่าวเฮียเลยหรอ

 

"พี่ชิน...แล้วเรื่องที่ผม....." ผมไม่รู้จะเริ่มยังไงกับพี่มันดี มันเป็นเรื่องของผมแต่ผมกลับรอคอยความช่วยเหลือจากคนอื่น น่าสมเพชที่สุดจริงๆ

 

"เรื่องของคุณนาชากับคุณน้ำเงินน่ะหรอครับ ผมว่าก็ดำเนินไปด้วยดีนะครับ" ดำเนินไปด้วยดี คืออะไรวะ

 

"นี่พี่หมายความว่าไงกัน ผมไม่เห็นมันจะมีอะไรเกิดขึ้นเลย แล้วนี่ผมจะแต่งงานอีกสองอาทิตย์แล้วนะ" ผมเริ่มมีอารมณ์ใส่พี่ชินอย่างลืมตัว สรุปแล้วมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยหรอ

 

"จะไม่มีได้ไงละครับ คุณท่านทั้งสองก็ดูปกติไม่อารมณ์เสียเรื่องของคุณเลย ก็ถือว่าดีแล้ว" อะไรกันเนี่ย มาล้อเล่นอะไรกับผมตอนนี้ มันจะหมดเวลาแล้วนะ อีกแค่สองอาทิตย์...ผมก็จะไร้อิสระอีกต่อไป 

 

นี่ตกลงไม่มีใครช่วยผมเลยหรอ...ผมเหลือตัวคนเดียวงั้นหรอ

 

นี่เฮียไม่สนใจผมจริงๆใช่มั้ยถึงไม่ทำอะไรเลย กลับเงียบหายไปอีก ตกลงว่าผมต้องแต่งงานจริงๆงั้นสิ

 

แต่งงาน...กับต้นหลิว

 

แค่คิดน้ำตาก็จะไหล

 

หมดแล้วชีวิตผม...มันหมดแล้ว

 

ผมไม่พูดอะไรต่ออีกก่อนจะลุกออกจากโต๊ะช้าๆ แล้วเดินกลับไปที่รถ แต่ผมกลับไม่มีแรงที่จะขับรถกลับบ้านเลย นี่ผมคงต้องพักสักหน่อยแล้วละ มันเหนื่อยและเจ็บปวดเกินไป

 

 

 

 

ก๊อกๆ

 

"นาชาเสร็จรึยังลูก นี่จะได้ฤกษ์จดทะเบียนสมรสแล้วนะ เราต้องรีบไป" ต้องไปแล้วงั้นหรอ..เห้อ

 

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเปิดประตูออกไปพบแม่ของผม ผมเห็นวานามองผมด้วยสายตาที่สงสารผมเต็มทน ผมก็ทำได้แค่ยิ้มให้น้องเท่านั้น ผมจะแสดงอาการอ่อนแอออกมาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นผมจะทำให้น้องเป็นกังวลกับผมอีก ให้ผมเครียดกับเรื่องนี้คนเดียวเถอะครับ เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นเรื่องของผมคนเดียว

 

หลังจากวันนั้นที่ผมต่อต้านน้องต้นหลิว แม่ก็บ่นผมใหญ่ถึงขนาดจองโต๊ะหรูๆให้ผมไปง้อน้อง แล้วอย่างผมนะหรอ ที่มีแต่คนคอยมาง้อ เลยซัดอาหารไม่ลืมหูลืมตาเลย กินอย่างเดียว...ของฟรีเว้ย น้องมันก็วีดผมสะร้านแทบแตก ผมก็ยิ้มแล้วนั่งฟังไป ถ้าต่อต้านอีกคราวนี้ผมคงต้องไปนอนหน้าบ้านน้องแน่ แต่พอผมไม่ทำอะไรเลย คุณแม่ผิงอินก็รีบหาฤกษ์วันจดทะเบียนสมรสให้ทันทีเพราะท่านบอกว่าผมนิ่งเกินไปมันแปลกๆต้องรีบ ผมนี่ช็อคเลยครับ ทำอะไรไม่ถูกแล้ว นี่ผมว่าพวกเค้าต้องทำงานเป็นทีมได้น่าเหลือเชื่อมาก อยากได้ลูกเขยจนตัวสั่นเลยว่างั้น

 

อยากได้ก็จะจัดให้ ยังไงก็ไม่มีใครสนใจอยู่แล้วนิ

 

ผมจะยอมแต่งงาน...เผื่อบางทีผมอาจจะลืมเฮียเงินได้บ้างก็ยังดี

 

ลืมไปให้หมด...กับคนที่ทิ้งผมได้ลงคอ

 

รถเรามาจอดที่ว่าการอำเภอเวลาเก้าโมงเช้าแป๊ะโดยมีครอบครับฝั่งนู้นมากันครบยกเว้นอาหวังเหมือนเดิม พอผมลงจากรถปุ๊บน้องต้นหลิวก็มากอดแขนผมปั๊บ วานานี่ค้อนตาเขียวเลยครับ น้องมันก็ไม่ชอบต้นหลิวสักเท่าไหร่ เคยทะเลาะกันมาก่อนด้วยเพราะมันอยากให้ผมได้กับน้ำมนต์ ผมเองก็พยายามแกะมือน้องต้นหลิวออกเมื่อผมเห็นคุณลุงมองผมแบบไม่ค่อยชอบใจ แต่คุณแม่ผิงอินกลับหัวเราะชอบอกชอบใจสะงั้น

 

"คุณหญิงคะ ดิฉันว่าเข้าไปข้างในกันดีกว่าคะ อีกหน้านาทีก็จะถึงเวลาแล้ว" แม่ผมรีบบอกกับคุณแม่ เธอก็ยิ้มกว้างทันทีก่อนจะต้อนคนให้เข้าไปในที่ว่าการอำเภอ เราสองคนได้นั่งตรงหน้าเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องการจดทะเบียนของเรา ผมมองไปหาวานาที่ส่งสายตาแย่ๆมาให้ผมเช่นกัน ผมหายใจเข้าลึกก่อนจะมองหน้าต้นหลิว

 

"แน่ใจแล้วหรอครับที่จะแต่งงานกับพี่" ผมถามน้องอีกครั้ง เจ้าหล่อนหน้าหงิกใส่ผมก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างไวเมื่อเห็นแม่ผมมองมาทางเรา

 

"มั่นใจสิคะ" เห้อ...งั้นก็คงจะเป็นไปตามนั้นงั้นสิ

 

"แต่เรายังเด็กอยู่เลยนะครับ"

 

"เด็กที่ไหนคะพี่นาชา!!" เธอจิกตาใส่ผมแล้วพูดใส่ผมเสียงเขียว ผมเลยได้แต่มองน้องมันนิ่งๆ

 

"จดเลยคะ ได้ฤกษ์แล้ว" เอาเลิกได้มะ ผมดันอยากได้คำนั้นสะแล้ว...แล้วผมก็เริ่มกลัวขึ้นมาแล้วด้วย 

 

ผมไม่อยากจดแล้ว

 

ผมอยากกลับบ้าน

 

บ้านที่มีแค่ผมกับเฮีบเงิน

 

เฮียเงิน...ช่วยผมด้วย

 

"คุณนาชาครับ เซ็นต์ตรงนี้นะครับ" ผมมองตามนิ้วมือที่หยาบกร้านนั้นมาชี้ที่ท้ายกระดาษที่มันเป็นชื่อผม 

 

ผมมองมันอยู่นานแต่ก็ไม่ยอมหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นต์ ผมมองไปทางแม่ผมที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยความที่อยากจะขอความเห็นใจสักครั้ง แต่แม่กลับหยิบปากกามายัดใส่มือผม ผมมองปากกาในมือแล้วก็เจ็บปวดใจ

 

"เซ็นต์สินาชา เลยฤกษ์มาแล้วนะ" ฤกษ์หรอครับแม่ ถ้าจะบังคับกันขนาดนี้ถึงฤกษ์ดีก็ไม่มีความสุขหรอก

 

"เซ็นต์สักทีสิคะพี่นาชา จะอิดออดไปทำไมกันคะ"

 

ผมยิ้มเยาะให้กับตัวเองอีกครั้งก่อนจะเริ่มเซ็นต์ชื่อตัวเองลงไป

 

ลาก่อนครับเฮียเงิน

 

"ขอโทษนะครับ" อยู่ดีๆก็มีเสียงดังขัดผมอย่างกะทันหันเมื่อผมจะจรดปลายปากกาลง ทุกคนรวมทั้งผมหันไปมองที่ต้นเสียงอย่างใจตุ่มๆต่อมๆอย่างมีความหวัง 

 

แต่แล้วสิ่งที่ผมเห็นกลับเป็นใครไม่รู้ที่ยืนถือกระเป๋าเอกสารใบโตอยู่ตรงประตู แต่พอเขาคนนั้นเอ่ยปากออกมามันเล่นทำเอาผมแทบหายใจไม่ออก

 

"ผมชื่อวรวุทธ เป็นทนายความของคุณน้ำเงินครับ"

 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

130518

 

เฮียเงิน!!  แกจะเอาทนายมาทำไมวะ 555

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา