No Sugar!! บ้าน่า..ฉันหลงรักนายตอนไหน?

9.3

เขียนโดย Murasaki

วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.55 น.

  7 chapter
  2 วิจารณ์
  10.79K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 20.21 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) วันแห่งความประทับใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ปี ค.ศ.3000

ตี๊ด...ตี๊ด..ตี๊ด

แง่ม..แง่ม

เฮือก!!

นี่มันฝันบ้าอะไรกันเนี่ย!

ฝันถึงใครว่ะ..หล่อจังเลย..คนนั้นก็สวย เฮ้ย!! ไม่ใช่แหละ  สงสัยจะดูหนังมากไปแน่ๆ  ไอ้อิมเพรสเอ๊ย  ตื่นๆๆ

มือบางเอื้อมไปปิดนาฬิกาปลุกแล้วมองเวลาที่หน้าปัด

“ฮ้าวววววว....กี่โมงแล้วว่ะเนี่ย” งืม..งืม ก็แค่ 7 โมงครึ่งเอง ไม่เป็นไรหรอก โรงเรียนเข้า  8 โมงนี่หวา...ฮะ!!!

“เฮ้ย..ตายห่าแล้ว 7 โมงครึ่งแล้วโว้ย....ไอ้พอร์ตตื่นเดี๋ยวนี้นะ ไอ้น้องเวร สายแล้วนะโว้ย” เด็กหนุ่มรีบเดินไปเคาะประตูห้องน้องชายฝั่งตรงข้ามแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัว เมื่อออกมาจากห้องน้ำก็เห็นน้องชายกำลังยืนเกาหัวแกรกๆๆอยู่ตรงประตูห้องนอน

“ปลุกทำไมอ่า...คนกำลังง่วงงุนงุ้นง่านเลยอ่ะเพรส”ผมว่ามันต้องบ้าแน่ๆ มันไม่รู้หรือไงว่าวันนี้ต้องไปโรงเรียนเนี่ย อ๊าก!! กูอยากตาย

“แกสิงุ้นง่าน  น้ำลายยืดแหละไอ้น้องชาย วันนี้เปิดเทอมรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเลย ไอ้หัวรังนก” อิมเพรสว่าน้องชายที่ยังเอื่อยเฉื่อย

“คร๊าบบบบ...แม่เพรส” อิมพอร์ตเดินเข้าไปอาบน้ำ แต่งตัว ตามคำสั่งพี่ชายคนสวย

“เร็วๆสิว่ะ จะไม่ทันแล้ว เต่ามันกัดขาแกหรือไง” ผมล่ะเหนื่อยใจกับมันจริง

“อ้าว..มาโทษผมทำไม พี่นี่เพ้อเจ้อว่ะ บ้านเราไม่ได้เลี้ยงเต่านะมันจะมากัดขาพอร์ตได้ไง โว๊ะ !!”

“กูประชดโว้ย...ไอ้น้องบ้านี่ เร็วๆ เดี๋ยวไม่ทันรถ”

น้องชายตัวดีก็ได้แต่ทำปากบ่นพึมพำว่าพี่ชายขี้บ่น  สองพี่น้องรีบเดินไปที่ป้ายรถเมล์หน้าซอยปากทางเข้าบ้านของตน ผ่านไป 10 นาที รถเมล์ที่ทั้งสองคนรอก็มาจอด

 

อะแฮ่ม..อะแฮ่ม ยังมีเวลาใช่ป่ะ?  กระผมมีนามว่า  นายญาโณทัย   นฤสรณ์  อายุ 17 ปี มีชื่อเล่นอันแสนซาบซึ้งว่า “อิมเพรส” แปลว่า  ประทับใจ ได้ยินคนเรียกชื่อผมทีนี่ซึ้งเลย แสดงว่าเขาประทับใจผมม๊าก...มาก อุ๊ย!! เท้าไม่ติดพื้น วันนี้ผมย้ายมาเรียนที่โรงเรียนใหม่ที่ป๊ากับม๊าขอให้ผมมาเรียนกับไอ้น้องบ้าอย่างอิมพอร์ตด้วยเหตุผลที่ว่า “ม๊ากลัวคนจะมาฉุดเพรสของม๊านะ” เวรกรรม! แล้วที่ให้ผมมาเรียนโรงเรียนชายล้วนเนี่ย ไม่กลัวผมมีลูกเขยเหร๊อ...ท่านม๊า  ผมลืมบอกไปใช่ป่ะว่า ผมหน้าดีมาก หน้าหล่อใสที่สุดในสามโลก(แม่งเว่อร์) ดวงตาเรียวแต่แอบมีเสน่ห์ประกายวิ้งๆ ผิวขาวเนียนใสอย่างกับตูดเด็กเด้งดึ๋ง ริมฝีปากดูดีมีสุขภาพน่าจ๊วบ และที่สำคัญผมกับอิมพอร์ตเป็นฝาแฝด แต่หน้าตาไม่เหมือนกันซะงั้น แต่มันหล่อน้อยกว่าผมแถมยังคนบอกว่า  ผมสวยมากกว่าหล่อ ผมล่ะเพลีย สงสัยตอนนั้นคนมองคงมีผงเข้าตาเลยบดบังความหล่อของผมชั่วคราว  เฮ้ย!! บ่นๆไปถึงโรงเรียนแล้วล่ะ

 

เอี๊ยดดดด.....

หน้าโรงเรียนชายล้วนกฤตยชญ์

ระหว่างที่เดินเข้ามาทางประตูโรงเรียนใหม่อย่างกระชุ่มกระชวย(ตรงไหน?) ตัวผู้เกลื่อนเลยย...แง๊ อยากได้อวบอึ๋มอ่า

“เฮ้ย! กี่โมงแล้วว่ะพอร์ต” ผมหันไปถามน้องชายที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองผมอยู่แล้วทำหน้ากวนตีน

“พี่มึงมองมาที่ข้อมือกูนะแล้วบอกสิว่ากี่โมง?”ผมก็มองที่ข้อมือมันครับ ก็มันบอกให้มองก็มองสิ

“ไม่เห็นอะไรเลย อย่าลีลาสิว่ะ บอกมาดิว่ากี่โมงงงงง?” ผมเริ่มหงุดหงิดกับมันแหละ

“โห่! พี่กูนี่ท่าจะชอบเคี้ยวหญ้ายามว่างว่ะ กูไม่มีนาฬิกาแล้วจะบอกเวลามึงได้มั้ย !!!!”มันด่าผมโง่อ่า (T-T)

ด้วยความหมั่นไส้มันตั้งแต่เช้าแหละ  ผมเลยถีบมันซะเลย สะใจ!!

ผลัวะ!

“โอ๊ย!! เค้าเจ็บนะ คนสวยใจร้าย ก้นคนหล่อช้ำหมด”  น้องกูสำออยได้อีก มันปัญญาอ่อนชัวร์ ฟันธง!!!

ผมเลิกสนใจไอ้ปัญญาอ่อนที่เอามือกุมก้นตัวเอง  แล้วผมก็เดินมาเข้ามาในโรงเรียนมาถึงอาคารเรียน 4 ชั้นสีชมพู (แม่งหวานแหววไปหรือเปล่าว่ะ?) พอผมกำลังจะเดินขึ้นบันไดมาชั้น 3 สายตาผมก็ไปเห็น....

“เหว๊ออออ...นี่มันเชี้ยอะไรกันเนี่ย!”

ฮือๆๆ เสียสายตาชะมัด ผมเห็นผู้ชายกำลังจูบกันอย่างเมามันส์อ่ะ ไหน...น้ำยาล้างตาอยู่ไหน  I want it now!!! เพราะเสียงของผมที่ทำให้ผู้ชาย 2 คนแยกจากกัน และก็เห็นผู้ชายตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารักหันมาจ้องผมเขม็งด้วยความไม่พอใจ

“อะ...เอ่อ ขะ..ขอโทษที่ขัดจังหวะพวกนายนะ” แล้วจะพูดติดอ่างทำไมว่ะ อิมเพรส

“เชอะ! ดาร์ลิ้ง ปิงปองไปก่อนนะ จุ๊บ!” หืม...ดาร์ลิ้งเลยหรอ?? ผู้ชายสมัยนี่ช่างกล้าหาญยิ่งนัก

“มองอะไร ไอ้หน้าคอนกรีต”แล้วนางปิงปองที่ด่าผมก็งอนตุ๊บป่องแล้วเดินกระแทกไหล่ของผมออกไป เหลือแต่..

ผู้ชายหน้าตาหล่อออกแนวลูกครึ่งไทย – ญี่ปุ่น ผิวขาว ปากน่าจุ๊บ ที่ยืนจ้องผมอยู่ด้วยสายตาน่ากลัว เอ! ทำไมผมประหม่าจัง เขาจะกินเลือดผมหรอ...ไม่อร่อยหรอก เชื่อโผ้มมมม!!!

“ หึ เลือกเวลาเก่งดีนี่  เด็กใหม่สินะ”

“เอ่อ...ครับ” ทำไมเวลานี้กูสุภาพจังว่ะ กลัวมันหรอ..อิมเพรส? ใช่! กูกลัว

“แล้วฉันจะมาคิดบัญชีกับนาย” เมื่อนายลูกครึ่งนั่นพูดทิ้งท้ายเสร็จก็เดินจากไป

เฮ้อ!นี่มันเกิดอะไรกับอิมเพรสสุดหล่อแต่เช้าเลยว่ะเนี่ย สงสัยการอยู่ที่โรงเรียนนี้จะไม่ใช่เรื่องง่ายซะแล้ว

ผมตัดสินใจเดินไปที่ห้องเรียนที่ผมบังคับขู่เข็นให้อิมพอร์ตพามาดูก่อนเปิดเทอม แล้วก็มายืนอยู่ห้องเรียนที่ผมตามหา ผมมองนาฬิกาตรงหน้าห้องเรียน ตอนนี้ก็ 8 โมงแหละ ยังทันแหะ

 

พรึ่บ

(O_O)

อะไรกันอ่า...แค่เปิดประตูเอง จะจ้องกูทำไมกันคร๊าบบบ

“น้องๆๆ” หืม! ใครเรียกว่ะ

“ผมหรอ?” ผมหันไปตามเสียงแล้วก็เห็นผู้ชายที่ยิ้มมาให้อย่างสดใส

“นายนั่นแหละ ที่นี่เขาห้ามเด็ก ม.ต้น เข้านะ ตึกของนายสีส้ม อยู่ทางโน้น!”

“หา..ม.ต้น?”เอิ่ม..มันกวนผมใช่ป่ะ?

“อืม ๆ รีบไปสิ เดี๋ยวไปไม่ทันก็โดนอาจารย์ตีตูดแดงหรอก”ขณะที่ผมคุยกับผู้ชายที่ยิ้มมาให้ผม พร้อมเสียงเฮจากเพื่อนในห้อง

“อ้าว นายญาโณทัย มายืนทำอะไรตรงนี้ เข้าไปสิ” อาจารย์ผู้ชายคนหนึ่งบอกผมให้เข้าห้อง แล้วก็เกิดเสียงซุบซิบดังทั่วห้อง

“เอ้าๆ เงียบได้แล้ว วันนี้จะมีเพื่อนใหม่มาอยู่ห้องนี้นะ แนะนำตัวสิ”

“ผมชื่อ ญาโณทัย นฤสรณ์ ชื่อเล่น อิมเพรส ขอฝากตัวด้วยนะครับ” ผมพูดเสร็จก็ยิ้มให้กับเพื่อนๆในห้อง

“อย่าลืมฝากหัวใจไว้ที่ผมด้วยสิครับ ”

“คนสวยมานั่งข้างๆผมมั้ย  เราจะได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว”

“เอ่อ” ผมอึ้งกับความหน้าด้านของเพื่อนในห้อง อะไรของพวกมึงว่ะ กูเป็นผู้ชายนะโว้ย

“เอาล่ะ เงียบๆ ระวังหน่อยหางงอกแล้วพวกแก นายไปนั่งข้างๆ คนที่อยู่ข้างหลังแถวสุดท้ายนั่นนะ”

“ขอบคุณครับอาจารย์” เฮ้อ!! เหนื่อยใจในวันแรกจริงๆ

“นายๆๆ ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อ มิวนิค”ผู้ชายที่ยิ้มสดใสคนที่ทักว่าผมเป็นเด็ก ม.ต้น นั่นเอง  อืม! พอจ้องมันดีๆ ก็หน้าตาน่ารักนี่หว่า! มันนั่งอยู่ข้างหน้าแล้วหันมาทักผมอย่างเป็นมิตร

“ฉะ...ฉันชื่อ ไซคี นะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”   แล้วผู้ชายใส่แว่นที่นั่งข้างมิวนิคก็หันมาทักทายผมและยิ้มให้อย่างเขินๆ แล้วผมก็หันไปมองคนที่นั่งข้างๆผมบ้างและใช้สายตาจ้องมองมัน

“ไม่ต้องมองฉันขนาดนั้นก็ได้  ฉันชื่อ ไอเดีย”   ผู้ชายหน้าตาน่ารักตัดผมทรงเกาหลีอินเทรนด์ก็หันมามองและพูดกับผมพร้อมยิ้มแหยะๆ

“อืม ยินดีที่ได้รู้จัก เรียกฉันว่า..เพรส ก็ได้นะ”   ผมยิ้มอย่างดีใจที่ได้เพื่อนใหม่

 

พักเที่ยง

“หิวโว้ยยยยย!!!! ไปเสวยพระกระยาหารกันเพื่อนๆ”   มิวนิคพูดขึ้นขณะที่ทุกคนกำลังเก็บของ เตรียมตัวไปกินข้าวกลางวันกัน

“เออ ไปๆๆ เร่งกูจริงมึงนี่”   ผมพูดกับมิวนิคอย่างสนิทสนม จะไม่สนิทกับมันได้ไง มันเล่นชวนผมคุยทั้งคาบอ่ะ

พวกผมทั้ง 4 คนก็เดินมาที่โรงอาหารของโรงเรียน พอเข้ามาก็ได้รู้ว่า อะไรที่เรียกว่าสวรรค์ โรงอาหารมีของกินเพียบ ทั้งร้านอาหาร ขนมหวาน เยอะแยะไปหมด เอาซะเลือกไม่ถูกเลย ซืด น้ำลายไหลเลย

“เฮ้ย!  น่าเกียจจริงมึง เช็ดน้ำลายซะบ้างสิ”   ไอ้ไอเดียมันว่าผมง่า

พวกผมไปนั่งที่โต๊ะ เพื่อนๆก็อาสาไปซื้อข้าวกับน้ำให้ผมกับไซคี ที่โต๊ะเลยมีแค่พวกผม 2 คนที่นั่งเฝ้าโต๊ะ ผมมองไปทั่วโรงอาหารเพลินๆก็มีคนมายืนอยู่ข้างหลัง ทำไมผมรู้น่ะหรอ ก็ไอ้ไซคีมันจ้องไปที่ข้างหลังผมอ่ะ ผมเลยหันไปมองบ้าง คนๆนั้นก็คือ ไอ้ลูกครึ่งที่ผมเห็นยืนจูบกับผู้ชายตรงบันไดเมื่อเช้า

“หึ เจอกันอีกแล้วนะ สงสัยฉันจะมีบุญหนักมักได้เห็นคนมานั่งขอส่วนบุญแถวนี้”  

เอ่อ..พี่ลูกครึ่งมันว่าผมใช่ป่ะ!  ผมเป็นเปรตหรอ?  แล้วมันก็ยิ้มกวนๆมาให้ผมจากนั้นก็หันไปจ้องหน้าไซคี ส่วนไซคี จะช่วยผมหรอ...ไม่ มันทำเป็นหันไปมองอย่างอื่นซะงั้น

“เฮ้ย...ไอ้คามิ คุยกับใครอยู่ว่ะ”   ยังไม่ทันที่ผมจะด่าก็มีผู้ชายหน้าตาหล่อท่าทางทะเล้น แต่มีดวงตาเรียวแสนเจ้าเล่ห์เข้ามาทักอย่างอารมณ์ดี

“วิญญาณไร้ญาติ  ได้ยินเสียงโหยหวนเมื่อเช้าว่ะ  ” เมื่อเช้าผมตกใจ ไม่ได้ตั้งใจจะโหยหวนซะหน่อย

“โห่! แรงว่ะมึง Angel ชัดๆ ดันบอกว่าเป็นสัมภเวสี  สวัสดีครับ...พี่ชื่อ ฟลอร์  ส่วนไอ้ไทย-ญี่ปุ่นนี่ ชื่อ คามิ  อยู่ ม. 6  ยินดีที่ได้รู้จัก” ฟลอร์พูดแล้วยิ้มมาให้ผมอย่างเป็นมิตร สัมภเวสีเลยเหรอ? เหมือนจะด่าเลย แล้วมิวนิคกับไอเดียก็เดินมาที่โต๊ะพอดี

“ใครอยากรู้จักแกไม่ทราบ ไอ้ฟลอร์ร่า” เสียงมิวนิคแทรกขึ้นมา

“โห่! โหดร้ายอ่ะ หึงพี่หรอ...น้องมิลค์คนสวย” หืม!! ใครว่ะน้องมิลค์  ผมหันไปมองมิวนิคที่หน้าแดงและจ้องพี่ฟลอร์เขม็ง เอ่อ...มันเขินหรือมันโกรธง่ะ

“มิลค์บ้านแกน่ะสิ ฉันชื่อ มิวนิค โว้ย!!! ไอ้ฟลอร์เฟื่องฟ้า”

“ทำเป็นมีอารมณ์ หึงพี่แล้วทำเนียนนะจ๊ะ”   เอ่อ..พี่แกยังไม่เลิกอีกหรอ เขี้ยวไอ้มิวนิคมันงอกแล้วนะครับ

“เออ!  อารมณ์อยากเอากำปั้นยัดปากแกนี่” มิวนิคก็กำหมัดเตรียมจะชกพี่ฟลอร์

“อุ๊ย! เค้ากลัวอ่ะ ช่วยฉันด้วยดิ หมาจะกัดฉันแล้วนะ ไปหาปลอกคอมาเร็ว”  พี่ฟลอร์ไปหลบข้างหลังพี่คามิและพูดออดอ้อน+กวนประสาทจนน่าหมั่นไส้

“เอาตะกร้อครอบปากมั้ย?..ไอ้ฟลอร์ร่า  หึหึ”  พี่คามิก็ใช่จะใจดีมีแต่ร่วมซ้ำเติมพี่ฟลอร์อย่างสะใจ

“จำไว้  I HATE YOU”  แล้วพี่ฟลอร์ก็ทำเป็นสะบัดหน้างอน  แล้วพี่ทั้ง 2 ก็ขอตัวไปกินข้าวหลังจากที่ยั่วอารมณ์มิวนิคจนพอใจ ส่วนพวกผมพอกินข้าวเสร็จก็นัดกันไปเจอกันที่แสดนข้างสนามบาส แล้วตอนนี้ก็เหลือผมหัวเดียวกระเทียมลีบเลย

“เฮ้อ! ลอยแพกูเลยนะไอ้พวกบ้า กูเด็กใหม่นะเฟร้ย!!” ผมบ่นอยู่คนเดียวขณะเดินไปที่แสตนสนามบาส

 

เฟรี้ยว ผลั่ก

“เฮ้ย!!”

เกิดอะไรขึ้นหรอ...ทำไมต้องร้องเสียงดังกันด้วยล่ะ เอ๊ะ! ทำไมมึนหัวจังว่ะ แล้วเลือดมาจากไหนเนี่ย!!

“น้องครับ เป็นยังไงบ้าง ไปห้องพยาบาลเถอะนะครับ”มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาผม แล้วมีเขาก็หันไปคุยกับพี่ผู้ชายอีกคนหนึ่ง

“เฮ้ย!! ไอ้เซนมาดูผลงานมึงเลย พาน้องเขาไปหาหมอเลยนะเว้ย”

“มึงเป็นกล้องวงจรปิดหรือไงถึงรู้ว่าเป็นฝีมือกู”ผู้ชายที่ชื่อ เซน ก็เถียงกับพี่ที่เข้ามาดูผมคนแรก

“เออ..ก็ลูกมันลอยผ่านหน้ากูไปกระแทกหน้าน้องเขาไง  ถ้าไม่กูรู้หญ้าก็คงเป็นอาหารหลักกูแหละ”

“เออๆ บ่นเป็นแม่กูเลยนะมึง ทำเป็นแสนรู้ ลุกขึ้นได้แล้ว” พี่เซนพูดกับเพื่อนแล้วหันมาพูดกับผม

พี่เซนเป็นผู้ชายที่หน้าตาหล่อดีนะ ดวงตาสีดำยามค่ำคืน แต่บุคลิกก็ออกจะขรึมๆ แถมสายตาที่มองยังดุๆอีก แต่ผมว่าดูท่าจะร้ายลึกเห็นเถียงเพื่อนเป็นปลาไหลขนาดนั้น แล้วพี่เซนก็พาผมมาที่ห้องพยาบาล

“ขอโทษนะเรื่องลูกบาส นายเป็นเด็กใหม่สินะ ไม่มีเพื่อนหรือไงถึงมาคนเดียว” พี่เซนมองผมทำหน้านิ่ง

“ไม่เป็นไรครับ ส่วนเพื่อนผมไปทำธุระ แต่นัดมาเจอกันที่สนามบาส”

“อ้อ...เออ..ฉันชื่อ  เซนไนท์  อยู่ ม.6 แล้วนายล่ะ?”

“ผมชื่อ อิมเพรส อยู่ ม.5 ยินดีที่ได้รู้จักครับ..พี่เซนไนท์”

“เรียกแค่ เซน หรือ ไนท์ ก็พอ”  แล้วพี่เซนก็ยิ้มให้ผมเป็นครั้งแรก เห็นแล้วใจละลายเลยอ่า อ๊าย! เขิน

“ครับ พี่เซน”  ผมยิ้มอย่างเป็นมิตรให้พี่เซนไนท์แต่ก็ แอบเห็นพี่แกชะงักไปนิดนึง

พอผมกับพี่เซนไนท์มาที่ห้องพยาบาลก็ไม่เห็นอาจารย์อยู่ที่ห้องพยาบาลเลยสักคน พี่เซนไนท์เลยให้ผมนอนที่ห้องพยาบาลและหายาให้กิน แล้วพี่เซนไนท์ก็บอกว่าจะไปบอกเพื่อนๆแทนผมให้ว่าอยู่ที่ห้องพยาบาล แล้วผมก็หลับไป

 

ณ ห้องพยาบาลของโรงเรียน

จุ๊บ

หืม?

เอ๋! (OoO)

“เจ้าเป็นของข้า”  เอ่อ..งงสิครับ ตื่นมาก็เจอคนมาเพ้อเจ้อแถวนี้  แต่มันโคตรหล่อวุ้ย! เอ๊! ผมสีแดงเจ็บจี๊ดมาก

“เอ่อ...นายเป็นใคร เรารู้จักกันหรอครับ”  ผมตอบไปแบบงงๆพลางจ้องคนตรงหน้าที่มองผมด้วยสายตาอ่อนโยน

“เดี๋ยวก็รู้”  อ้าว...มันกวน แล้วสายตาอ่อนโยนก็เปลี่ยนเป็นสายตากวนประสาท เอ๊ะ! ผมลืมอะไรไปหว่า 

เออ..มันจูบผมนี่นา

“เมื่อกี้นายจูบฉันทำไม ตั้งใจจะลักหลับฉันใช่มั้ย ไม่บอกจะร้องให้คนช่วยนะโว้ย”

“นายมันปลาทองชัดๆ”   เออ..ไม่ตอบ แต่มันด่าอ่ะ เริ่มองค์ลงแหละ อยากฆ่าคนว่ะ

“แล้วยังไง อยู่ดีๆมาจูบคนอื่นแล้วมาว่าเป็นปลาทอง ไอ้สมองถั่วงอก”  ผมว่ากลับอย่างอารมณ์เสีย แต่มันก็ยังยิ้มหล่อให้อ่ะ ถึงจะยิ้มสวยกว่าพี่เซนก็ไม่ยกโทษให้โว้ย!!

“หึ รู้แค่ว่า..ฉันคือปันนคนาสน์ ก็พอ ”  ฟอด!! แล้วผู้ชายคนนั้นก็ก้มลงมาหอมแก้มผมแล้วเดินออกไปจากห้องพยาบาล ช็อก! ผีอำกูเหร๊อ?ปันนคนาสน์ อะไรว่ะ  กูไม่รู้จักโว้ยย!!! แล้วเพื่อนๆของผมก็ผลักประตูเข้ามาให้ห้องพยาบาล ผมจึงหันไปมองเพื่อนตาค้าง

“อ้าว! ไม่น่าเลยเพื่อนกู เอ๋อซะแล้ว รู้จักกันแค่ครึ่งวันเอง”  ผมหันไปมองค้อนมิวนิค

 “ทำไมมิวต้องไปว่าเพรสด้วยล่ะ เพรสโดนลูกบาสเสยหน้ามาก็ต้องกระทบกระเทือนสมองสิ โอ๋ๆๆ เดี๋ยวพ่อพาไปโรงพยาบาลนะ” เหมือนจะช่วยกู แต่ไม่เลย ไอ้ไอเดีย ไอ้เพื่อนชั่ว!! ขณะที่เคืองไอ้พวกบ้านี่ ผมก็นึกเรื่องที่สงสัยออก

“เออ !  พวกแกรู้จักคนชื่อ ปันนคนาสน์ หรือเปล่าว่ะ” ผมถามพวกเพื่อนๆ  เผื่อมันรู้จัก  ก็ผมเด็กใหม่นี่จะไปรู้จักใครล่ะ

“ไม่อ่ะ ชื่อใครหรอ?  ว่าแต่แกเหอะ..รู้จัก เท็กซัส ด้วยหรอว่ะ มาวันแรกก็ แอบซ่อนนอนะมึง” มิวนิคตอบเสร็จก็ถามผมในเรื่องสิ่งที่ผมไม่รู้เรื่องซะงั้น

“เท็กซัสไหน กูเคยได้ยิน แต่ไม่เคยไปอเมริกานะ”ผมตอบซื่อๆ กับมิวนิคไป

“ไม่ใช่รัฐเท็กซัสโว้ย...ไอ้แรดสมองบวม กูหมายถึง คนชื่อ เท็กซัส สุดหล่อที่กูได้ยินมึงคุยด้วยเมื่อกี้นี้โว้ย!!”

“ไอ้โรคจิตนั่น ไม่ได้ชื่อ เท็กซัส แต่ชื่อ ปันนคนาสน์ นะ” ผมเถียงมันไปครับ กูไม่ยอมหรอก

“มึงนี่ท่าจะเลอะเลือนแหละ คนเมื่อกี้ เขาชื่อว่า  เท็กซัส  ต่างหากล่ะ พวกมึงรู้จักปันนคนาสน์ มั้ย ไอเดีย..ไซคี”มิวนิคหันไปถามคนที่เหลือ

“ไม่รู้จักว่ะ เท็กซัส ไม่ได้ชื่อ ปันนคนาสน์ นี่นา”ไอเดียตอบ  ส่วนไซคีก็ส่ายหน้าไม่รู้จักคนชื่อ ปันนคนาสน์ เต็มที่

“แล้วใครบอกมึงล่ะ ไอ้ปันนคนาสน์ อะไรเนี่ย”  มิวนิคถามต่อเมื่อเห็นเพรสทำหน้างง

“ก็เท็กซัสนั่นแหละ”ผมตอบมิวนิคเสียงเบา  แต่ก็แอบสงสัยที่นายเท็กซัสนั่นพูดชื่อแปลกๆ ที่ตนเองคุ้นเคย

“ผมว่า..เพรสอย่าคิดมากเลย พี่เท็กซัสอาจจะแกล้งที่เป็นเด็กใหม่ก็ได้” ไซคีที่เงียบอยู่นานก็พูดปลอบให้อิมเพรสสบายใจ

มิวนิคยังอดสงสัยไม่ได้และยังคงสังเกตอาการของเพื่อนใหม่ที่ดูท่าจะสนใจชื่อ “ปันนคนาสน์” นี่มากเป็นพิเศษ แต่ก็ต้องเก็บความสงสัยไว้  มิวนิค ไซคี และไอเดีย ก็ขอตัวกลับไปเรียน โดยปล่อยให้อิมเพรสคิดเงียบๆอยู่คนเดียว ก่อนที่จะหลับตาเตรียมจะนอนพักก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา...

 

“นึกให้ออกสิ  ข้าคือปันนคนาสน์ของเจ้า ”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา