Wont Trick กูจะเลวให้มึง Wont!!

9.8

เขียนโดย แอลซีน

วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.05 น.

  4 chapter
  7 วิจารณ์
  8,118 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 มกราคม พ.ศ. 2557 16.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) I N T R O

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

rT0HWP.jpg [800x600px] ฝากรูป

I N T R O

 

คำว่ารัก คำว่ามั่นคง

และคำว่าจะดูแล

มันหมดลง...ตั้งแต่วันที่ผมถูกหลอก

 

 

“อ่ะ Blue Lable ของมึง กูเชื่อมึงแหละว่ามึงมันเทพไอ้แอล”

 

 

เพราะเหล้าเพียงขวดเดียว

 

ปัง!ปัง!ปัง!

 

“เฮ้ย! ใครมาวะ มึงไปดูดิ!”

 

มีเสียงใครสักคนในห้องดังขึ้นมา เมื่อผมทุบไปที่ประตู ไม่นานนักประตูสีขาวก็ถูกเปิดออกพร้อมคนที่ผม รักมากที่สุด คนที่เคยดูแลผมเป็นอย่างดี คนที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตผมที่ขาดไป

 

ทุกสิ่งทุกอย่างตั่งแต่มีผู้ชายคนนี้เข้ามา ชีวิตผมก็มีแต่ความสุข

 

 

แต่วันนี้มันกำลังจะเปลี่ยนไป...

 

เพี้ยยยยยยยยยย

 

“ว่าไงล่ะไอ้สารเลว” ผมตะโกนใส่หน้าพลางเปิดประตูเข้าไปข้างใน แอลเห็นผมพยายามจะเข้าไปมันเลยตกใจมาก รีบลากผมออกมานอกห้องก่อนที่ผมจะเห็นพวกเพื่อนๆของมัน

 

“กลับไปซะจีไนท์!!”

 

“มันเจ็บนะเว้ย!!” ผมสะบัดมือไอ้คนที่บีบมือผมออก มันเจ็บนะ แต่ยังไม่เจ็บถึงครึ่งหนึ่งที่ใจผมเจ็บ

 

“ก็กลับไปซะสิ!! ถ้าไม่อยากเจ็บตัวมากกว่านี้”

 

“ความเจ็บแค่นี้มันยังน้อยไปกับสิ่งที่นายทำกับฉัน!!”

 

แอลพ่นลมหายใจออกมาเหมือนกำลังเยาะเย้ยให้กับความโง่เง่าของผม ก่อนมันจะมองผมด้วยสายตาสมเพชเวทนา

“นายมีอะไรจะพูดมั้ย!!?” ถึงยังไงผมก็ยังอยากจะฟังคำจากปากคนที่ขึ้นชื่อว่ารักที่สุดก่อน แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบและสายตาที่กำลังสงสาร

 

“กูถามว่ามีอะไรจะพูดมั้ย??? อย่ามองกูด้วยสายตาแบบนี้นะ” กูไม่ต้องการให้ใครมาสมเพช เวทนาหรือสงสาร ผมไม่ต้องการความสงสารและมันก็ไม่มีสิทธิ์มาสงสารผม !

 

 

“ฉันกับนายไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ! นายไม่รู้รึไงว่าในยามวิกาลแบบนี้ไม่ควรมาเคาะห้องคนอื่น” คำว่าคนอื่นมันเหมือนกับฝามือที่ตบลงที่แก้มของผมจนทำให้หน้าผมชาไม่สามารถที่จะเก็บน้ำตาได้อีก ผมใช้มือที่เจ็บจากแรงบีบผลักแอลจนล้ม

 

“มึงมันเลวจริงๆแอล เลวจริงๆ” ผมจ้องไปที่ดวงตาคมกริบของแอล ภายในดวงตาสีดำนั่นมันมีแต่ความว่างเปล่า “มึงเคยรักกูบ้างมั้ย? ที่มึงบอกว่ารักกู รักกู มึงเคยรักกูจริงๆบ้างมั้ย”

 

“มันเป็นแค่เกมส์”

 

ผมกำหมัดแน่น แน่นจนรู้สึกเจ็บ แต่ถึงจะเจ็บผมก็จะต่อยปากมัน

 

ผลั่ก !

 

ผมต่อยแอลล้มไปแล้วหนึ่งหมัด จากนั้นก็ต่อมาด้วย หมัดสองและสามและสี่ จนผมไม่นับแล้ว แอลไม่ตอบโต้อะไรผมเลย เอาแต่หลับตายอมให้ผมต่อย ทำเหมือนผมไม่มีตัวตน เหมือนผมเป็นแค่หมากตัวนึงที่เล่นเสร็จแล้วก็ทิ้ง

 

ผลั่ก !

 

ผลั๊วววว!

 

“ฮื้อๆ แฮ่กๆ มึงคิดได้ยังไงที่ใช่ความรักทั้งหมดของกูไปแลกกับเหล้าเพียงขวดเดียว มึงทำได้ยังฮ่ะ!! มึงมันไม่ใช่คนแล้ว มึงมันเลว” ผมพร่ำความอัดอั้นในใจออกไปพร้อมเสียงหอบสะอื้นและน้ำตาที่ไหลลงไปที่หน้าของแอล ผมต่อยไปที่หน้าแอลทีหนึ่งก่อนจะหยุดลงและซบหน้าไปที่อกของคนที่ขึ้นชื่อว่าเลวที่สุด

 

 

แอลนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ไม่มีปฏิกิริยาอะไร ไม่ตอบสนองแม้แต่จะผลักไล่ผมออก ผมร้องให้ออกมาสุดเสียง เพราะความเจ็บปวดและผิดหวัง เพราะยังรัก รักทั่งๆที่รู้ว่ามันเจ็บเจียนตาย

 

 

“ฉันรักนายนะแอล”

 

แอลลูบหัวผมพร้อมกับดึงผมออก สายตาเมื่อกี่ที่ส่งผ่านมามันเหมือนกับว่าแอลยังมีใจให้ผม แต่มันก็เหมือนกับผมพยายามเข้าข้างตัวเอง เพราะจริงๆแล้วคนคนนี้ไม่เคยรู้สึกอะไรกับผมเลยด้วยซ้ำ

 

ผมค่อยๆลุกขึ้น และถอดแหวนทองคำขาวที่นิ้วนางข้างซ้ายของแอลออก

 

 

“กูจะถือว่าแหวนนี่เป็นค่าตัวของกู”  แอลไม่ตอบอะไร แต่ผมก็พอจะรู้ว่าสำหรับแอลแล้วแค่นี้มันก็แค่เศษเงิน  เมื่อเห็นว่าผมยอมจบ!! เขาก็เปิดประตูเข้าไปในห้องพร้อมกับใบหน้าหล่อคมที่เต็มไปด้วยเลือด แอลหยุดสักพัก ก่อนจะปิดประตูลงดังปัง!

 

 

ผมพยายามพยุงตัวเองลงมาเพื่อที่จะไปเรียกแท็กซี่กลับบ้าน แต่พอลวงกระเป๋าดู ก็ลืมไปว่าตัวเองลืมเอาเงินมา ชั่งน่าสมเพชอะไรเช่นนี้ 

 

เสียใจก็เสียใจ เงินก็ไม่มี และดูฟ้าฝนก็เป็นใจเหลือเกิน เม็ดฝนค่อยๆตกลงมาเหมือนกับว่ามันกำลังสมน้ำหน้าผม

 

 

ผมเดินตากฝนไปเรื่อยๆ ไปโดยไม่มีจุดหมาย เดินไปอย่างเหม่อลอย

 

รู้มั้ยแอล?? นายรู้มั้ยว่านายมันก็ไม่ต่างอะไรกับซอสมะเขือเทศ

ซอสมะเขือเทศที่ฉันเกลียดที่สุด จะพยายามไม่กินมันเท่าไหร่ก็โดนลาดมากับไข่ทุกที

 

ฉันเกลียดนายเหมือนเกลียดซอสมะเขือเทศ

และเกลียดมากกว่าหลายเท่าของซอสมะเขือเทศ เมื่อฉันเผลอตักซอสมะเขือเทศเข้าปากและพบว่ามันอร่อย

 

ผมเกลียดความรู้สึกนี้...เกลียดในสิ่งที่เรายังรักถึงแม้ว่าเราเกลียด

ผมเกลียดความรู้สึก...เกลียดความรู้สึกที่ว่ายังรัก รักแอลหมดหัวใจ

 

แม้ฝนจะตกหนักแค่ไหนมันก็ไม่สามารถชำระล้างน้ำตาที่ไหลอาบแก้มผมได้ ผมเดินไปตามทางอย่างเนินนาน นานจนรู้สึกได้ถึงอาการวูบๆที่หลัง

 

ผมหันไปตามความรู้สึก และทันทีที่สายตาไปป๊ะกับร่างคนจำนานมาก น้ำตาผมก็ไหลออกมาหนักกว่าเดิม อะไรอีกไอ้พวกอัปลักษณ์พวกนี้มันจะอะไรกับกูอีก ยังไม่ขาดคำ ไอ้พวกที่เดินตามผมมา ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รีบวิ่งมาทีตัวผมทันที

 

 

ที่กูโดนมานี้ก็เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว สวรรค์ยังส่งไอ้พวกเหี้ยพวกนี้มาซ้ำเติมกูอีก

 

 

“ปล่อย! ผมไม่มีเงินหรอก” พยายามพูดดีกับพวกมันไป แต่ก็ไม่มีจริงๆเงินนะ ไม่งั้นกูไม่มาตากฝนอยู่แบบนี้หรอก

 

“เฮ้ย! ไม่มีเงินก็ต้องมีอย่างอื่นสิวะ”

“มีเสื้อผ้าเนี่ย จะเอาป่ะละ”

 

“ไม่เอาเว่ยจะเอาเงิน” ไอ้ดำนี่แมร่งพูดไม่รู้เรื่อง !! บอกว่าไม่มีๆ แต่มันก็ยังค้นตัวผม ทั่งกระชากเสื้อ(?) ดึงกางเกง(?) โอ๊ย!! กูไม่มีจริงๆ เชื่อกูหน่อยเหอะ

 

สุดท้าย มันก็ยังค้นผมต่อไป จนมันก็เห็นแสงแว๊บๆจากมือผม

 

“นั้นอะไร?” ผมสายหน้า ไม่นะนี่มันค่าตัวกู แหวนของแอล ผมกำหมัดแน่น แน่นพอจะไม่ให้พวกมันเอาแหวนไปง่ายๆ

 

“ส่งมาดีๆถ้าไม่อยากเจ็บตัว”

 

“ไม่!!”

 

และเป็นอย่างที่ผมคิด ไอ้สี่ห้าตัวที่พยายามปล้นผม รีบมากระชากมือผม รวมถึงทั้งเตะทั้งต่อย จนผมรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดในปาก ถึงตัวจะเจ็บแค่ไหน มือของผมก็ไม่ยอมปล่อยของมีค่าสิ่งนี้ไปให้เด็ดขาด

 

ผมกำมือแน่น พวกมันเห็นว่าผมไม่ยอมมันก็เตะผมหนักขึ้น หนักขึ้น หนักขึ้นจนร่างกายผมไม่สามารถตอบสนองอะไรได้แล้ว

 

ชีวิตคนเรามันก็ไม่ต่างอะไรกับละครน้ำเน่าเลยสักนิด น้ำตาผมเริ่มไหลปนกับสายเลือด เพราะมันทั้งเจ็บทั้งผิดหวัง ทั้งน้อยเนื้อต่ำใจ  ว่าทำไมคนอย่างผมต้องเจอแต่เรื่องร้ายๆพวกนี้ด้วย

 

ผมนอนซบไปกับ(ตีน)ของไอ้พวกนั้น แต่มือของผมก็ยังไม่ยอมปล่อย แม้ว่าตัวจะตายก็จะไม่ยอมปล่อยใช่มั้ย? จีไนท์!! ผมถามตัวเองในใจ

 

ไหนๆเกิดมาก็ต้องตาย...งั้นก็ตายมันซะตรงนี้แหละ !!

 

แต่ถึงจะอยากตายแค่ไหน เราก็ไม่สามารถกำหนดความตายตัวเองได้อยู่ดี ในเมื่อชะตาชีวิตเรามันอยู่ในมือพระเจ้า และพระเจ้าก็เหมือนกำลังเล่นตลกกับผม แสงไฟสีเหลืองส่องสว่างมาที่หน้าของผม ภายใต้แสงไฟมีเงาดำๆของคนยืนอยู่ นี่อาจจะเป็นพระเจ้าก็ได้ !!

 

พระเจ้ามารับผมแล้วงั้นหรอ ????

 

“Hey !!You”

 

  เสียงตะโกนที่ดังขึ้นทำให้ผมหันไปมอง ได้แค่มองจริงๆ เนื่องจากผมไม่สามารถจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นได้ ผมจึงทำได้แค่นอนจมกองเลือด มองชายคนนั้น!!

 

พระเจ้า(ตั้งเป็นพระเจ้าให้เรียบร้อย)ผลักไอ้พวกเดนขยะออกจากตัวผมด้วยแรงมหาศาล พวกมันโซซัดโซเซตามแรง ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วแสงแบบไม่ได้นัดหมาย เปรตห้าตนกับพระเจ้าคนเดียว ต่อสู้กันเพื่อนแย่งผม(?) ที่นอนจมกองเลือดตัวเอง

 

ตุบ! ตับ! ตุ๊บ! ผลัก! พลั๊ว!

 

ผ่านไปไม่นานหนึ่งในไอ้พวกสวะก็ลงไปนอนเฉียดเช่นเดียวกับผม  พระเจ้าของผมเขาชั่งเก่งอะไรเยี่ยงนี้!! เก่งแบบไร้ความปราณี พระเจ้าหันไปแสยะยิ้มให้ไอ้พวกที่เหลือก่อนจะใช้เท้าถีบมากลางอกของไอ้คนที่นอนอยู่

 

“ You dir…” เสียงที่ส่งออกมาชั่งไพเราะมากสำหรับผม แต่กับไอ้พวกนั้นแล้วมันเหมือนเสียงของยมทูต

 

พระเจ้าใช้เท้าขยี้อกของไอ้สวะนั้นอย่างไม่ใยดี ยิ่งมันพยายามลุก เท้าของเขาก็ยิ่งดันให้มันจมดินไปมากเท่านั้น

 

“ลูกพี่!!!” ความตกใจเมื่อเห็นลูกพี่ตัวเองโดนกระทำเช่นขยะ พวกมันเลยรีบอ้อนวอนอย่างน่าสมเพช เพราะกลัวว่าลูกพี่ของมันจะตายคาตีนของคนที่ขึ้นชื่อว่าพระเจ้า (ของผม)

 

เมื่อเห็นดังนั้น คนที่กำลังขยี้เท้ากับอกกว้างของไอ้ดำนั้นก็ยอมปล่อย พวกมันเลยรีบกันเข้ามาพยุงตัวลูกพี่มัน(?) ก่อนจะรีบโกยตีนหมาหางจุดตูดไปเลย

 

“เฮ !! นายโอเคมั้ย?”

 

เหมือนสวรรค์ลอยมาตรงหน้า นี่มันเทพบุตรชัดๆ !

 

ผมอยากจะขอบคุณเขาจริงๆ แต่ว่าตอนนี้ปากผมมันใช้การไม่ได้แล้ว  สติผมกำลังจะหลุดหายไป พระเจ้าที่เห็นดังนั้นก็รั่วฝามือมาตบหนาผมไม่ยั้ง เหี้ย! เจ็บสัสๆ

 

“อย่าหลับนะ ได้ยินฉันมั้ย?”

 

“อะ...อื้ม” ผมรับคำอย่างแผ่วเบา

 

ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตอนนี้ร่างของผมลอยเหนือพื้นแล้ว พระเจ้าอุ้มผมขึ้นไปตามทางแสงสว่าง เขาจะพาผมขึ้นสวรรค์สินะ แต่แสงนั้นมันทำผมแสบตาผมเลยหลับตาลง และมารู้ตัวอีกทีตอนที่ตัวเองได้นอนลงบนเบาะหนังนุ่มๆ และก็ตามมาด้วยเสียง

 

ปัง!

 

ประตูรถถูกปิดลงเป็นที่เรียบร้อย  ผมเงยหน้ามองคนที่มาช่วยผมให้พ้นจากความตาย อย่างอึ้งๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าคนหน้าตาดีขนาดนี้จะใจดี แถมแรงควาย(?) มาแค่แป้บเดียวซัดไอ้พวกเวรซะหมอบเลย !

 

“นาย...ไหวมั้ย?” เขามองผมหัวจรดเท้าด้วยแววตาสมเพช  แหงะล่ะสภาพผมตอนนี้มันไม่ต่างจากศพแถมเปื่อยอีกตั่งหาก  โชคยังดีที่มันยังเหลือเสื้อผ้าให้ผมนิดนึง -_-  ไอ้เวรพวกนั่นแม่งก็คิดได้ แหวนอยู่ในมือแต่เสือกมาถอดเสื้อคงจะได้มั้งไอ้สัด!

 

“ไหวแต่ช่วยพาไปส่งที”

 

“ฉันก็กำลังจะพานายไปโรงพยาบาลอยู่เนี่ยไง”

 

“ไม่ใช่... ที่ฉันจะไปไม่ใช่โรงพยาบาล”  ผมบอกทางที่อยู่ของผมให้เขาแทน   จากนั้นเทพบุตรก็ไปตามที่ผมบอกโดยไม่คัดค้านอะไร เขาเอาแต่ขับรถไปเหลือบมองผมไปตลอดเวลา  คงกลัวว่าผมจะมาตายในรถของเขาล่ะมั้ง

 

ในระหว่างที่รถกำลังแล่นไป ผมมองไปที่มือข้างซ้ายของผม

 

 

เพราะแหวนนี่ ผมถึงเจ็บตัว !

เพราะแหวนนี่คือตัวแทนของความเจ็บปวดที่ผมไม่ยอมปล่อย !

และเพราะแหวนนี่ !! มันคือ “ความรัก”...

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา