[Gloomy sunday] เด็กหญิงผู้เดียวดายกับบทเพลงมรณะ

9.1

เขียนโดย snowred

วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.54 น.

  6 ตอน
  4 วิจารณ์
  9,426 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ร้านกาแฟ การลงโทษ เห็นเขาคนนั้นและเพลงที่ฉันชอบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                    วันต่อมา

                ฉันเดินออกมาข้างนอก ---เขาจะยอมมาเปล่านะ ต้องมาสิน่า ก็เขามีความผิดต่อฉันนี่ เขาต้องมาชดใช้

                ว่าแต่จะให้เขาทำอะไรดีนะ

                …พอคิดถึงตรงนี้ ก็พาลคิดไปถึงเรื่องที่เขาบอก

                ‘ฉันว่านะ แฟนเธอมันอาจจะเป็นคนฆ่าพ่อแม่…’

                ---------------ไม่-------------

                มันไม่ใช่อย่างนั้น

                !

                พลันสายตาเห็นรถสีดำเลี้ยวมาจอดข้างหน้าฉัน ด้านคนขับกระจกเลื่อนลงมา ก่อนจะสบกับดวงตาสีฟ้าที่มองมาด้วยแววตาเศร้าหมอง

                ฮึ! อย่าได้แม้แต่นึกเชียว ว่าฉันจะให้อภัย

                “คาเน่…”

                “รอล ---เรื่องที่นายพูดเมื่อคืน จะเอาไง คงไม่คิดว่าจะซื้อแค่กาแฟดำกับคัสสตาร์ดเพื่อให้ฉันหายโกรธหรอกนะ”

                ฟิ้ว….

                ซ่า…

                เสียงใบไม้เสียดสีกับสายลมให้บาดหู ------เป็นเสียงที่บาดลึกเข้าไปถึงในหัวใจราวกับเสียงสะท้อนความหวังที่ไม่อาจเป็นจริง

                ----------ความหวัง ทำไมจู่ๆ ฉันถึงนึกถึงคำนี้ล่ะ

                เหมือนเป็นลางสังหรณ์บางอย่างจากตัวเขา…

                “ความคิดนั้นฉันก็คิดอยู่หรอก แต่พอฟังเธอพูดมันกลับเปลี่ยน ------จะให้ฉันทำอะไรล่ะ บอกมาสิ”

                “ฉัน-ไม่-บอก” ฉันพูดทีละคำอย่างชัดเจน ให้ตอกย้ำเขาว่าฉันไม่พอใจแค่ไหน รอลยกมือสองข้างขึ้นมาและถอนหายใจเบาๆ ก่อนเอ่ย “โอเคๆ สรุปคือเธอจะให้ฉันทำอะไรก็ได้---“

                “นอกเหนือจากซื้อของที่ฉันชอบอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเงิน-สิ่งของมันซื้อความรู้สึกของคนเราไม่ได้หรอก” ฉันเอ่ยแทรกอย่างไร้มารยาท ---ฉันไม่สน เขาทำฉันเสียใจ!

                “นั่นสินะ…”รอลยิ้มเศร้าๆ แต่ถึงกระนั้น แววตากลับฉายความหวังบางอย่าง ไม่ใช่ความหวังที่จะอยากให้ฉันหายโกรธแต่มันเป็น…

                ---ความรัก---

                ฉายเพียงแค่ชั่วหนึ่ง ราวกับภาพลวงตา รอลปรับสีหน้าให้แจ่มใส เสมือนกระจกพลิกเงา ฉันมองด้วยสายตาว่างเปล่า อย่างคนไม่มีหัวจิตหัวใจ

                เพราะหัวใจของฉันมันถูกฆ่าไปพร้อมกับตอนที่เห็นศพของพ่อกับแม่

                เหมือนกับฆาตกรคนนั้นเฝ้ารอที่จะเสียบของมีคมเข้าที่ด้านหลังระหว่างฉันไปซื้อของ

                ------ใช่ จิตใจฉันมันถูกฆ่าตั้งแต่เห็นศพของท่านทั้งสองแล้ว

                “ฉันอยากดื่มกาแฟ”

                แม้จะบอกไปว่าสิ่งของไม่สามารถซื้อความรู้สึกได้ แต่ตอนนี้รู้สึกว่ากดดัน เศร้า อย่างบอกไม่ถูก อยากดื่มกาแฟจัง บางทีมันอาจจะทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นก็ได้นะ

                “หึๆ ม่ะ ขึ้นสิ”

                “…”

                ฉันเดินขึ้นไปนั่งบนรถ และปิดปากเงียบ จนกระทั้งเขาขับมาถึงร้านกาแฟ ฉันถึงยอมพูด

                “นายน่ะ ปรกติเป็นคนไม่แคร์ความรู้สึกของคนอื่นนี่ และไหงถึงมาเอาอกเอาใจเพื่อให้ฉันหายโกรธล่ะ” อดสงสัยไม่ได้ถึงถามออกไป “อืม… นั่นสินะ ฉันเองก็ไม่รู้”

                ไม่รู้---งั้นเหรอ

                “…อืม ไม่รู้สินะ”

                “…”        

                “…ช่างเถอะ…”

                “…”

                หยุดแค่นั้น ฉันก็ปลดล็อกลงจากรถโดยที่เขาไม่พูดอะไร สักพักรอลถึงลงมา เราสองคนเดินเข้าไปในร้าน ลูกค้าคนอื่นคงจะคิดว่าเราเป็นพี่น้องกัน เพราะตอนนี้ฉันยังคงมีร่างเป็นเด็กอยู่

                เมนูสั่งแบบเดิม บรรยากาศโดยรอบก็ยังคงเดิม กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นลอยอบอวลไปทั้ว ฉันสูดกลิ่นนั้นเข้าไปอย่างเหม่อลอย รอลนั่งนิ่งเงียบเช่นเดียวกับฉัน ฉันเห็นดังนั้นจึงเปิดปากเอ่ย

                “ฉันขอบอกเพิ่มเติมหน่อยละกัน ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปนายต้องคอยดูแลฉัน ไม่ให้ฉันเป็นอะไร บาดเจ็บ หรืออะไรก็ตามแต่ นายต้องดูแลเสมือนฉันเป็นน้องนาย จนกว่าฉันจะพอใจเมื่อนั้นแหละฉันถึงจะหายโกรธ”

                “แล้วถ้าเธอไม่หายโกรธล่ะ กว่าเธอจะพอใจ ไม่แน่ ฉันอาจจะแก่ไปแล้วก็ได้

                คิกๆ ฟังแล้วตลกจัง

                รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย

                “มันก็ไม่ขนาดนั้นหรอก อาจจะสักสองสามเดือนก็แค่นั้นแหละ”

                ว่าไปมันก็ดูเกินไปนะ แค่ที่เขาพูดจาไม่เข้าหูทำให้ฉันเสียใจมันก็ไม่ขนาดนั้น แต่ถึงกระนั้น ถือซะว่าเป็นการลงโทษให้นายไม่พูดแบบนี้กับใครอีก

                “เฮ้อ! แล้วไป” ฉันมองรอลถอนหายใจเบาๆ ระหว่างนั้นพนักงานก็มาเสิร์ฟ ฉันใช้ช้อนตักคัสตาร์ดกินตามด้วยกาแฟชะล้างคอที่ฝืดเพราะเนื้อของคัสตาร์ด

                ------------เราสองคนทำความเข้าใจกันแล้ว

 

                ฉันและรอลต่างนั่งนิ่งเงียบบนรถ เขายังคงขับต่อไป ส่วนฉันก็มองข้างทางอย่างเหม่อลอย ไม่ใช่เพราะยังมีเรื่องที่ยังเคืองกันอยู่ แต่เพราะไม่มีเรื่องจะคุยกันอีก

                -------------ชั่วหนึ่งที่ฉันรู้สึกว่าตนเองตาฝาด รถแล่นผ่านร่างนั้นที่ฉันเห็น น้ำตาเริ่มคลอ ภาพนั้นที่ฉันเห็นเพียงชั่วเสี้ยวทำให้ใจไหวหวั่น

                ------ฉันเห็นเขา

                เขาคนนั้น--- คนที่ทิ้งฉันไปอย่างไร้เหตุผล

                ไร้เยื่อใย…

                …อย่างโหดร้าย….

                “ฮึก…---“ ฉันเริ่มร้องไห้ พยายามกลั้นเสียงจนเป็นเสียงสะอื้น รอลที่ได้ยินรีบหันมาถามฉัน

                “คาเน่ เป็นอะไรไป” น้ำเสียงนั้นอบอุ่นขึ้น ถามฉันพลางมองอย่างเป็นห่วง

                เขารู้สึกอย่างไรอยู่นะ

                “ฉะ ฉัน เห็นเขา”

                “เขา… อย่าบอกนะว่ามันน่ะ!”

                “ฮึกๆ เป็น… เป็นเขาแน่ๆ” เสียงเริ่มรุนแรงขึ้นตามความเศร้าที่ถาโถมเข้ามา รอลมีสีหน้าสงสัยและกังวลกับอาการของฉัน เขาพูด “เดี๋ยว--- เดี๋ยวนะ มัน… ข่าวบอกว่ามันหายตัวไปไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมันถึง---

                ข่าว

                หมายความว่าไง …เขาหายตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่

                พอฉันเริ่มควบคุมจิตใจได้ เสียงสะอื้นก็แผ่วลง เปลี่ยนเป็นเสียงปรกติ “รอล หมายความว่าไงที่เขาหายตัวไป” รอลซึ่งกำลังครุ่นคิดหันมาตอบฉัน “นี่เธอยังไม่รู้อีกเหรอ ไม่ได้ดูข่าวล่ะสิ มันหายตัวไปหลังจากที่มันบอกเลิกเธอน่ะ คนอื่นต่างสงสัยกันว่ามันหายไปไหน เธอว่ามันแปลกไหมล่ะ ตอนเช้าก็ยังเรียนอยู่ แต่พอระหว่างเรียนมันกลับหายตัวไป”

                “ตอนไหน”

                “มันบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ เวลาก็ใกล้จะหมดคาบแล้วด้วย แล้วพอหมดชั่วโมงอาจารย์ก็ถาม เพื่อนก็ตอบว่ายังไม่เห็นมันกลับมาเลย อาจารย์บอกให้เพื่อนเราน่ะไปหามันหน่อย แต่ดูทุกที่แล้วไม่เห็นมัน ก็เลยโทรฯ ไปถามทางบ้าน คิดว่ามันอาจจะโดดเรียน แต่ก็ไม่มีใครรับสาย เท่านั้นแหละ กลายเป็นเรื่องใหญ่เลย”

                ฉันนั่งฟังไปพลางคิดไป ---เขาหายตัวไปงั้นเหรอ

                “เขาอาจจะโดดเรียนไปซื้อขนมก็ได้นี่”

                “โดดเรียนบ้าอะไรกันล่ะ ผ่านไป ๒ สัปดาห์แล้วนะ” เขาพูดอย่างหงุดหงิดไปพลางหักพวงมาลัย ฉันนั่งนิ่งเงียบก่อนที่ความคิดอันแสนเจ็บปวดจะบาดให้คิดได้

                หรือว่าเขาจะถูกฆ่า

                มันมีความเป็นไปได้ เพราะถ้าเกิดไปห้องน้ำคนเดียวแล้วเผลอๆ มีพวกคนร้ายมาฆ่า โอกาสที่จะเกิดมันก็มี ---แต่ฉันก็ไม่สามารถตัดสินได้ว่ามันจะเป็นอย่างที่พูด

                “งั้น--- เหรอ”

                ไม่รู้จะพูดอะไร

                ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ

               

                Gloomy Sunday [1]  เพลงนี้เป็นเพลงที่ฉันมักจะฟังบ่อยๆ ฉันชอบฟังมันหลังจากที่เลิกกับแฟน สำหรับฉันมันเป็นเพลงที่เศร้ามากๆ เลยล่ะ มันตอกย้ำจิตใจฉัน…

                ตอนนี้ ร่างของฉันทาบทับนอนบนเตียงของแก้ว เพลงที่คลอทวนในหูจากเฮดโฟนดังก้องในจิตสำนึก จิตใจฉันว่างเปล่าและเต็มไปด้วยความเคียดแค้นในเวลาเดียวกัน

                …แค้นที่มันฆ่าพ่อแม่

                …เจ็บใจที่ถูกบอกเลิกโดยไม่ทิ้งเหตุผลให้ได้ปวดช้ำใจ…---ทรมาน

                ราวกับศพที่หัวใจหยุดเต้น แต่จิตใจที่เต็มไปด้วยความรู้สึกนั้นยังคงฝังอยู่

                จนกว่าจะได้ฆ่ามัน

                เมื่อนั้นจิตใจฉันก็จะสลายไป…

 

                ร่างของฉันเหมือนศพ… ที่มีดอกไม้สีขาวโปรยปรายอาลัยที่แฝงไปด้วยเสียงสวดภาวนา

 

                ราวกับฉันอยู่ในความมืดในโลงศพ

 

                ที่รอให้ใครสักคนมาเปิดโลงและโอบกอดฉันด้วยสัมผัสศพอันแสนเย็นเชียบด้วยความอบอุ่น

 

                วันอาทิตย์นี้ช่างแสนเศร้า

            ฉันอยู่แต่ในความมืดมานานพอแล้ว

            ฉันและหัวใจของฉันได้ตัดสินใจที่จะจบทุกอย่างแล้ว… อีกไม่นานฉันก็จะห้อมล้อมไปด้วยธูปเทียนและคำภาวนา ฉันรู้ว่ามันเศร้า แต่อย่าร้องไห้ไปเลย………

            …………………

            ………………………

            ……………………………

            ฉันตื่นขึ้นมา… เห็นเธอเคียงอยู่ข้างในใจของฉัน

 

 

               

               

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

               

 

               

 

[1] Gloomy Sunday (วันอาทิตย์ที่แสนเศร้า) คือเพลงที่ประพันธ์โดย ลาฟโร จาร์วัว ศิลปินและชาวฮังการี เริ่มต้นในปี ค.ศ. ๑๙๓๕ ต่อมา เรซโซ แซร์ นักดนตรีที่ชีวิตกำลังตกอับในกรุงปารีส ได้นำบทเพลงนี้มาดัดแปลงที่ถ่ายทอดความหดหู่อย่างถึงที่สุดในชีวิต ซึ่งก็ไม่ประสบความสำเร็จอีกเช่นเคย แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อคนรักของเขาได้ฆ่าตัวตาย เขาพบกับศพของคนรัก แต่ข้างๆ ศพมีแผ่นกระดาษซึ่งเขียนเนื้อเพลงนี้อยู่ และนี่คือจุดเริ่มต้นของโศกนาฎกรรมที่ต่อมาคนที่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ด้านลบแล้วได้ฟังเพลงนี้จะฆ่าตัวตาย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.1 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา