ซวยฉิบหาย! ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก

10.0

เขียนโดย DPR_Fox

วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.59 น.

  15 ตอน
  5 วิจารณ์
  36.32K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 22.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) Chapter10 : น้ำตาที่เหือดแห้ง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter10 : น้ำตาที่เหือดแห้งลุกซ์ : นั่งรอใครอยู่?

 

                ผ่านไปเกือบเดือนที่ผมต้องทนเจ็บใจอยู่กับพี่มัน  ทุกๆ วันผมมักจะแอบร้องไห้เพราะปวดใจที่พี่มันใจดีกับน้องดินแต่กลับเอาแต่ด่าและว่าผม  น้องดินเองก็พยายามที่จะห้ามไม่ให้พี่ลุกซ์มันด่าผมให้มากนักแต่มันก็ไม่มีประโยชน์เพราะสุดท้ายผมก็เจ็บอยู่ดี

                การที่ผมต้องร้องไห้เสียน้ำตาทุกๆ วันมันก็ทำให้ผมเริ่มชินและเข้มแข็งขึ้น  จิตใจผมเริ่มจะปรับตัวได้ทำให้ผมห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลลงมาอีกเพราะรู้ว่าถึงผมจะร้องไห้ให้ตายอย่างไรมันก็ไม่มีผลกับคนอย่างพี่ลุกซ์  ตอนนี้ผมทำได้เพียงแค่รอให้พี่ถังมันกลับมาเท่านั้น

                “หา!?! ไอ้ลันถูกท้าตีเหรอ?! ทำไม?...ไปแย่งผู้หญิง!? โคตรแม่ง! ทำไมมันชอบหาแต่เรื่องแบบนี้วะ! ...เออๆ เดี๋ยวกูจะรีบไป” เสียงไอ้พี่ลุกซ์โวยวายเมื่อรับโทรศัพท์จากเพื่อนตัวเองขณะที่กำลังสอนน้องดินอยู่  ผมแอบโผล่หน้าออกไปดูก็พบว่าพี่มันกำลังโมโหจัดเลย  พี่ลัน...น้องชายสินะ

                “เกิดอะไรขึ้นครับ?” น้องดินถาม

                “ไอ้ลันถูกท้าตีเพราะไปแย่งผู้หญิงของนักเลงกลุ่มหนึ่งน่ะ  พี่ต้องรีบไปช่วยมัน” ไอ้พี่ลุกซ์พูดพลางมองหากุญแจรถ

                “พี่ลันเก่งออกจะตายไม่เห็นต้องห่วงนี่ครับ” น้องดินพูด

                “ไอ้หมอนั่นมันหยิ่ง  กับพวกมือสมัครเล่นมันจะไม่สู้” พี่ลุกซ์พูด  มันพูดเรื่องอะไรกันวะ

                “เพราะมีดั้งสินะ” น้องดินว่า  ผมงง  มีดั้งแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องตีกันวะ  จะเอาดั้งไปไล่จิ้มตูดศัตรูหรือไง?

                “ใช่ ดินกลับไปก่อนนะเดี๋ยวพี่ไปชดเชยให้ที่บ้าน” พี่ลุกซ์พูดก่อนจะคว้ากุญแจรถพลางกดโทรศัพท์ “ฮัลโหล เออ ยกพวกไปที่โกดังxxx  น้องกูถูกท้าให้ไปที่นั่น” พี่ลุกซ์พูดก่อนจะเปิดประตูเดินออกไปพร้อมน้องดิน  ผมรีบวิ่งตามไปโดยที่พี่ลุกซ์ไม่รู้ตัวเพราะพี่แกมัวแต่คุยโทรศัพท์อย่างหัวเสีย

 

                กว่าพี่ลุกซ์จะสังเกตเห็นผมผมก็ขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับเสียแล้ว  พี่มันไม่มีเวลาที่จะไล่ผมลงจึงทำได้เพียงด่าผมตลอดทางที่ขับรถไปจุดหมาย

                สองข้างทางที่รถขับผ่านเต็มไปด้วยพงหญ้าและพื้นที่โล่งเตียน  ถนนที่เป็นทางเข้าไปที่โกดังเก่าเป็นถนนลูกรังซึ่งดูเหมือนมันจะเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล  รถพี่ลุกซ์เบรกอย่างแรงจนฝุ่นดินคละคลุ้งเมื่อขับต่อไปไม่ได้เพราะมีโกดังเก่าๆ กั้นเอาไว้

                “มึงรออยู่ในนี้ห้ามไปเกะกะกูเด็ดขาด  ไม่งั้นกูเอามึงตายแน่!” พี่มันขู่ผมก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไป  จากนั้นรถอีกสองสามคันก็มาจอดพร้อมกับเพื่อนของพี่ลุกซ์ที่คุ้นหน้าคุ้นตา  พวกพี่ๆ ยืนคุยกันอยู่หน้ารถพี่ลุกซ์สักครู่ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในโกดัง  เพื่อนในกลุ่มนั้นของพี่ลุกซ์มีพี่เคย์รวมอยู่ด้วย  ที่บอกว่าเคยทะเลาะกันเพราะผมคงจะคืนดีกันแล้วสินะ

 

                ผมที่นั่งรออยู่กว่ายี่สิบนาทีสะดุ้งเมื่อเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินถือไม้ทีกับไม้เบสบอลผ่านรถที่ผมนั่งอยู่ตรงไปที่โกดัง  ที่ผมตกใจก็เพราะคนกลุ่มนั้นเป็นพวกเดียวกันกับไอ้คนที่มันกระทืบผมนั่นเองและผมก็มั่นใจว่าพวกมันไม่ได้มาช่วยฝ่ายพี่ลุกซ์แน่นอน  โชคดีของผมที่นั่งอยู่ในรถก็คือรถพี่มันติดฟิล์มดำทำให้พวกข้างนอกมองไม่เห็นผม

                พอเห็นว่าพวกนั้นเข้าไปในโกดังผมก็รีบวิ่งตามเข้าไปเพราะเป็นห่วงพี่ลุกซ์กับพี่เคย์  ถึงผมจะตีคนไม่เก่งแต่อย่างน้อยก็น่าจะแบ่งเบาภาระพวกพี่มันได้บ้างล่ะวะ

                ผมวิ่งเข้าไปในโกดังอย่างกล้าๆ กลัวๆ

                เหตุการณ์ข้างในกำลังชุลมุนกันได้ที่  ภายในนั้นเต็มไปด้วยกลุ่มคนที่กำลังต่อยตีกันอย่างเมามันรวมทั้งพี่ลุกซ์ด้วย  ผมมองไปที่ฝั่งหนึ่งก็เห็นน้องชายของพี่ลุกซ์กำลังนอนแผ่อยู่โดยมีรอยฟกช้ำเต็มไปหมด  ผมรีบวิ่งเข้าไปหาพี่ลันทันที

                “มึงนั่นเอง” พี่ลันพูดเสียงแผ่วๆ (เป็นพี่หรือเพื่อนก็ไม่รู้แหละแต่เรียกพี่ไว้ก่อนเพราะเขาตัวใหญ่)

                “ไหวไหมครับ? เดี๋ยวผมจะพาออกไปนะ” ผมพูดก่อนจะก้มลงไปเพื่อพยุงร่างสูงที่สะบักสะบอม

                “มึง...ข้างหลัง” พี่ลันมองหน้าผมก่อนจะชี้มาด้านหลัง  ผมหันไปตามคำบอกก่อนจะถูกหมัดหนักๆ ซัดเข้าหน้าจนตัวผมเซไปกระแทกผนัง 

                “ไอ้เปอร์นี่หว่า! พอดีเลย กูยังกระทืบมึงไม่สะใจเลยว่ะ ฮ่าๆๆ” ไอ้ศัตรูคู่อาฆาตของผมมันหัวเราะสะใจก่อนจะรีบพุ่งมาต่อยผมอีกครั้ง  ห่าแดกแล้วกู  สู้มันไม่ได้เลยว่ะ

                หมับ!

                ตุบๆๆๆ

                ขณะที่ผมหลับตาปี๋รอรับหมัดอีกครั้งเสียงกระทบกันของวัตถุบางอย่างก็ดังขึ้นพร้อมกับเงามืดๆ ที่ทาบทับผมตัวจางหายไป  ผมลืมตามองภาพตรงหน้าอย่างตกใจเมื่อไอ้ศัตรูของผมมันลงไปนอนครางโอดโอยกับพื้นเพราะไอ้พี่ลันลุกขึ้นมาจัดการ  ผมไม่รู้ว่าพี่มันจัดการอย่างไรแต่เมื่อกี้พี่มันยังนอนแผ่หราอยู่ที่พื้นอยู่เลยไม่ใช่หรือไง

                “ก็สู้ได้นี่ครับ แล้วทำไมถึงสะบักสะบอมขนาดนี้?” ผมถามก่อนจะเดินไปพยุงพี่ลันที่เริ่มจะยืนเซๆ เอาไว้

                “กูมีดั้งน่ะ” ผมหันขวับไปมองพี่มันงงๆ  นี่กะจะกวนตีนผมหรือเปล่า? กูรู้อยู่ว่ามีดั้งไม่เห็นต้องบอกเลย  เออ...ดั้งพี่มันสวยมากด้วย  ไม่รู้จะอวดทำไม “ทำหน้าโง่แบบนี้แสดงว่าไม่รู้ล่ะสิ” พี่มันหรี่ตามองผมอย่างเหนื่อยใจ 

                “ก็ไม่รู้น่ะสิครับ” ผมขมวดคิ้วงงๆ

                “ดั้งคือระดับขั้นของพวกที่ฝึกศิลปะป้องกันตัว  กูจะไม่เล่นกับพวกมือสมัครเล่นถ้าไม่จำเป็น” พี่มันพูด  ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ  ที่เมื่อกี้ต้องลุกขึ้นสู้ก็เพราะจำเป็นเนื่องจากผมกำลังจะถูกทำร้ายสินะ  อืม...เห็นทำหน้าโหดๆ แบบนี้ที่จริงก็ใจดีนะเนี่ย  ถ้าเป็นพี่ลุกซ์ล่ะก็คงจะยืนมองผมถูกกระทืบอย่างสะใจแน่ๆ

                และขณะที่ผมกำลังจะพาไอ้พี่ลันออกไปข้างนอกพวกเราทั้งสองก็ถูกกระชากให้ออกจากกันโดยนักเลงหน้าโหด  พี่ลันถูกลากไปซ้อมอีกมุมหนึ่งส่วนผมก็ถูกลากออกไปอีกมุม  พี่ลันลุกขึ้นสู้และพยายามจะมาช่วยผมที่ตีคนไม่ค่อยจะเป็นแต่เนื่องจากพี่แกสะบักสะบอมมากจึงฝ่าวงล้อมที่มีมากมายไม่ได้

                “วันนี้มึงต้องตายคาตีนกูไอ้เหี้ยเปอร์!” ไอ้อริของผมที่ถูกพี่ลันซัดหมอบกับพื้นลุกขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะพยักหน้าให้สมุนของมันมาล็อคตัวผมไว้แล้วเริ่มยำผมจนผมรู้สึกชาไปทั้งตัว

                ผมที่เกือบจะหมดสติลืมตาโพลงขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงไซเรนของรถตำรวจดังเข้ามาใกล้  ข้างในโกดังเริ่มชุลมุนอีกครั้งเพราะต่างคนก็ต่างวิ่งหาทางหนีเพื่อที่จะไม่ถูกจับ  ผมถูกปล่อยเพราะพวกมันเองก็รีบชิ่ง  ผมรีบวิ่งออกไปข้างนอกเพื่อที่จะกลับไปที่รถเพราะท่าทางพี่ลุกซ์เองก็รีบหนีเหมือนกัน

                รถหรูๆ ที่จอดเรียงกันสองสามคันถูกขับออกไปคนละทางกับทางที่รถตำรวจเข้ามา  ผมรีบวิ่งให้เร็วขึ้นเพราะรถพี่ลุกซ์ก็เตรียมจะออก

                “พี่ลุกซ์!! รอผมด้วย  พี่ลุกซ์! พี่เคย์!” ผมตะโกนเรียกเมื่อรถพี่ลุกซ์ขับตามรถของพี่เคย์ออกไป  ผมวิ่งตามหลังรถให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้แต่ดูเหมือนคนในรถจะไม่ได้สังเกตเห็นผมเลย  หรืออาจจะเห็น...แต่ตั้งใจไม่จอดรับผมขึ้นไป

                ร่างผมทรุดลงนั่งมองตามท้ายรถหรูไปอย่างเสียใจท่ามกลางกำลังตำรวจที่กำลังเข้าไปจับพวกนักเลงคนอื่นๆ ที่หนีไม่ทัน  ผมเม้มปากแน่น  ร่างถูกผู้ชายในเครื่องแบบกระชากให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะลากไปที่รถกระบะสีเลือดหมูตัดกับขาว  ผมเหม่อมองไปที่เดิมที่รถพี่ลุกซ์จากไปก่อนจะก้มหน้าขมวดคิ้วแน่นด้วยความเสียใจ 

                ผม...ถูกทิ้ง

 

                “เหี้ย!! ไอ้เปอร์มันหายไปไหนวะ!?!” เสียงทุ้มเข้มสบถเมื่อรู้ตัวว่าเด็กผู้ชายที่มาด้วยไม่ได้อยู่บนรถ   ชายหนุ่มร่างสูงรีบตีรถกลับไปที่เกิดเหตุอีกครั้งในใจก็หวังว่าไอ้ซื่อบื้อนั่นคงจะไปหลบที่ไหนซักที่เพื่อรอให้เขากลับไปรับ  แต่พอเขากลับมาถึง  ที่เกิดเหตุนั่นก็เงียบกริบไม่มีแม้แต่เสียงลมที่พัดหวีดหวิว

                ร่างสูงทุบพวงมาลัยอย่างโมโหก่อนจะปลดเกียร์ขับรถพุ่งกลับไปที่คอนโดทันที

 

                คนที่ถูกจับเข้าคุกส่วนมากเป็นพวกของอีกฝั่งส่วนฝั่งของพี่ลุกซ์มีแค่ผมคนเดียวที่ถูกจับ  ผมนั่งกอดเข่าตัวสั่นชิดมุมของห้องขังด้วยความกลัวเพราะไอ้พวกนั้นมันมองผมด้วยสายตาอาฆาต  ตอนที่เข้ามาในห้องขังใหม่ๆ พวกมันกรูกันเข้ามาหวังจะรุมกระทืบผมแต่เจ้าหน้าที่คุมห้องขังห้ามเอาไว้ก่อนผมจึงรอดตัวไป  แค่นี้กูก็เจ็บจะตายห่าถ้าขืนถูกกระทืบอีกกูกระอักเลือดแน่

                “นายปริณมีคนมาประกันตัวครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งเดินเข้ามาบอก  ผมยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ถูกปล่อย  รอมาเกือบหกชั่วโมงกว่าจะมีคนมาประกันตัว  คนที่มาช่วยผมถ้าไม่ใช่พี่ลุกซ์ก็อาจจะเป็นพี่เคย์ล่ะมั้งเพราะพี่ลุกซ์อาจจะบอกพี่เคย์ก็ได้ว่าผมไปที่โกดังนั่นด้วย

                ผมรีบเดินออกจากห้องขังโดยไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มเยาะเย้ยพวกที่ยังต้องอยู่ต่อก่อนจะรีบเดินไปหาคนที่มาช่วยผม  ผมยิ้มค้างเมื่อคนที่มาช่วยไม่ใช่คนที่ผมคิดเอาไว้

                “คุณท่านบอกให้มารับครับ” ชายวัยกลางคนพูดเสียงทุ้ม  คนที่มารับตัวผมก็คือทนายของพ่อนั่นเอง  ผมหุบยิ้มขมวดคิ้วมุ่นแต่ก็ยอมเดินตามเขาออกจากโรงพักไป

                ทำไมคนที่มาช่วยผมถึงไม่ใช่พี่ลุกซ์ล่ะ? หรือพี่มันตั้งใจจะทิ้งเพื่อตัดตัวปัญหาอย่างผมจริงๆ

                พี่คงเกลียดผมมากสินะพี่ลุกซ์...

 

                ชายหนุ่มร่างสูงชะงักเมื่อเห็นเจ้าของร่างเล็กที่เขาคิดจะมาประกันตัวเดินออกจากโรงพักพร้อมกับชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐาน  เขาเดินกลับขึ้นรถแล้วขับกลับคอนโดทันทีที่รู้ว่าเจ้าเด็กแสบมันรอดออกมาแล้ว

 

                ผมถูกอาทนายส่งกลับบ้านก่อนที่อาทนายจะกลับไป  ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินเข้าบ้าน  สภาพของผมตอนนี้ไม่ต่างจากยาจกสักเท่าไหร่  ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมของผมตอนนี้มันไม่มีรัศมีของความเป็นลูกคนรวยเลยสักนิด

                ผมเม้มปากเตรียมใจถูกต่อว่าเมื่อเดินเข้าไปในบ้านและเห็นพ่อกับแม่ยืนรออยู่ตรงหน้าบันไดทางขึ้นชั้นสอง   ผมรู้ว่าพ่อคงโกรธมากที่ผมทำให้พ่อต้องอับอายขายขี้หน้าครั้งแล้วครั้งเล่า  พ่อคงไม่กล้าที่จะไปประกันตัวผมออกมาเองเพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าลูกชายติดคุกสินะ

                ผมยืนก้มหน้านิ่งเมื่อรู้ว่าพ่อกำลังเดินเข้ามาหา  มือของพ่อยกขึ้นผมจึงรีบหลับตาเพื่อเตรียมรับกับแรงตบ

                หมับ!

                ผมเบิกตากว้างเมื่อหน้าผมไม่ได้ถูกตบแต่ร่างกายของผมถูกสวมกอดจากอ้อมแขนแกร่ง  ความอบอุ่นแผ่ซ่านอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน  นี่เป็นกอดแรกจากพ่อตั้งแต่ที่ผมจำความได้  น้ำตาผมร่วงผล็อยออกมาอัตโนมัติ

                “เปอร์ ไม่เป็นไรใช่ไหม? พ่อขอโทษนะเปอร์ ขอโทษ...” เสียงสั่นเครือพูดอยู่ข้างหูพร้อมกับอ้อมแขนแข็งแรงที่กอดกระชับผมเอาไว้  ผมเบ้หน้าร้องไห้ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น  แม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมปิดปากร้องไห้ก่อนจะเดินเข้ามากอดผมเอาไว้บ้าง

                “พ่อกับแม่ขอโทษนะลูกที่ไม่เคยดูแลลูกเลย ฮึก” แม่พูด

                “ฉันห่วงแต่หน้าตาทางสังคมจนไม่ดูดำดูดีจนทำให้แกต้องเป็นแบบนี้ ขอโทษนะเปอร์ ขอโทษ” พ่อพูดกลั้วเสียงสะอื้น

                “ลูกหายไปตั้งเกือบเดือนรู้ไหมว่าพ่อแม่เป็นห่วง  ตามหาที่ไหนก็ไม่เจอเลย ฮือ แม่แทบขาดใจรู้ไหม?” แม่ซุกหน้าลงที่ไหล่ของผม  ผมยกมือกอดแม่กับพ่อคนละข้าง  นี่คือความจริงไม่ใช่ฝันใช่ไหม? ความจริงคือพ่อกับแม่ก็รักผมและเป็นห่วงผมใช่หรือเปล่า?

                “ผมขอโทษครับ” ผมพูดเสียงเบา

                “ฉันทำงานหนักจนไม่สนใจว่าลูกตัวเองต้องการอะไรกันแน่  ตอนนี้ฉันจ้างพนักงานเพิ่มมาอีกหลายอัตราเพราะฉะนั้นฉันไม่ต้องทำงานเป็นบ้าเป็นหลังอีกแล้วนะ  กลับมาอยู่บ้านได้แล้ว” พ่อพูดก่อนจะผละออกไปแต่แม่ยังคงกอดผมเอาไว้อยู่  ผมมองพ่อทั้งน้ำตาก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

                “แม่ไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียวนะ ฮึก แม่เสียใจ”

                “ครับ ผมรู้แล้ว  ผมขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ” ผมกอดปลอบแม่ด้วยอ้อมแขนที่อ่อนล้า

                “ต่อไปนี้ฉันจะดูแลแกเองนะเปอร์  วันเกิดแกฉันก็จะอยู่ฉลองด้วย  มีปัญหาอะไรก็จะรับฟัง  ต่อไปนี้แกไม่ต้องฝืนยิ้มแล้วนะ” พ่อเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ  ผมพยักหน้าขึ้นลงทั้งน้ำตา

                “เจ็บไหมเปอร์” แม่ผละออกไปก่อนจะลูบแก้มบวมช้ำของผมเบาๆ  ผมจับมือแม่แนบแก้มไว้ก่อนจะส่ายหน้าไปมาแม้ที่จริงจะเจ็บมากก็ตามที

                “ฉันจะไม่ถามว่าไปทำอะไรมานะเปอร์แต่อย่าให้มีอีก  ฉันเป็นห่วง” พ่อพูด  ผมพยักหน้า

                “เปอร์ ลูกต้องรักตัวเองบ้างนะรู้ไหม  ทำร้ายตัวเองแบบนี้คนอื่นเขาเป็นห่วงมากแค่ไหนรู้หรือเปล่า  ทั้งตาถังตาพัดต่างก็เป็นห่วงลูกกันทั้งนั้น  พ่อกับแม่ก็ด้วย” แม่พูด  ผมพยักหน้าหงึกๆ  พูดไม่ออกครับเพราะความรู้สึกต่างๆ นาๆ จุอยู่เต็มอก  ทั้งดีใจที่มีคนเป็นห่วงทั้งเสียใจที่ทำให้พวกเขาเป็นห่วง

                “พ่อครับแม่ครับ ผมขอโทษ ฮึก!” ผมสะอื้นตัวโยน  พอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองยอมพี่ลุกซ์อย่างกับคนโง่ผมก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก  กับคนที่ไม่ได้รักผมทำไมผมต้องไปยอมให้เขาขนาดนั้นด้วยนะ  ผมคิดได้แล้วล่ะครับ  คิดได้แล้วว่าไม่ควรทรมานตัวเองแบบนั้นอีก

                ลาก่อน...เปอร์คนเก่า

 

                หลังจากกลับมาที่บ้านผมก็ไม่ได้ไปหาพี่ลุกซ์อีก  เสื้อผ้าข้าวของผมก็ทิ้งไว้ที่นั่นและแน่นอนว่าพี่ลุกซ์ก็คงจะหอบไปทิ้งหมดแล้วล่ะครับ  ถึงผมจะยังตัดใจไม่ได้แต่ผมก็จะไม่โง่งมเหมือนเดิมอีกแล้ว  เขาไม่รัก...เราก็แค่ตัดใจ  ชิลล์ๆ ไป

                “พี่เคย์ครับ  วันนี้ไปรับพี่ถังที่สนามบินเป็นเพื่อนหน่อยสิ” ผมโทรชวนพี่เคย์  หลังจากที่ผมเริ่มทำใจได้ผมก็ติดต่อพี่เคย์อยู่ตลอด  ดูพี่เคย์จะดีใจมากที่ผมอ้อน  ก็พี่เคย์น่ะมีจิตวิญญาณความเป็นพี่ชายสูงนี่นา ฮ่าๆ

                “ได้เลย  เดี๋ยวพี่ไปรับที่บ้านนะ” พี่เคย์พูด

                “ไม่เอาๆ เดี๋ยวผมไปรับพี่เคย์ดีกว่า” ผมรีบบอก

                “เอาอย่างนั้นเหรอ? งั้นก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปรอที่หน้าบ้านเลยละกัน  รีบมาล่ะเดี๋ยวพี่ถูกฉุด ฮ่าๆ” ไอ้พี่เคย์พูดพลางหัวเราะร่าก่อนจะวางสายไป

                ผมเพิ่งมารู้ได้ไม่นานนี่เองครับว่าพี่เคย์เป็นนายแบบที่ดังพอสมควร  ก็นึกอยู่แล้วเชียวว่าทำไมออร่าพี่มันถึงออกนัก  ที่ผมรู้ได้นั้นก็เพราะบังเอิญไปเห็นนิตยาสารที่พี่มันขึ้นปกตอนที่แม่กำลังอ่าน  แม่ผมกรี๊ดพี่เคย์มากเลยครับแต่ผมไม่ได้บอกแม่หรอกนะว่าผมน่ะสนิทกับพี่เขา  ผมกลัวแม่กรี๊ดสลบ  พอพ่อรู้ว่าแม่บ้านายแบบก็งอนใหญ่ผมก็เลยลำบากเพราะตอนนี้พ่อกับแม่กำลังทะเลาะกันเรื่องนี้อยู่

 

                ผมขับรถไปรับไอ้พัดก่อนจะไปรับพี่เคย์  พอถึงบ้านพี่เคย์พี่มันก็เปลี่ยนมาเป็นคนขับแทนเพราะที่สนามบินรถคงติดแน่ๆ ผมไม่ชอบขับในที่ที่การจราจรติดขัดสักเท่าไหร่เพราะผมเป็นคนใจร้อน

                พวกเราสามคนมายืนรอที่หน้าเกทของผู้โดยสารขาออกอย่างตื่นเต้น  ผมคิดไว้แล้วว่าถ้าเจอไอ้พี่ถังผมจะวิ่งไปกอดพี่มันแน่นๆ เลยคอยดู   นานๆ ทีเจอกันผมก็ขออ้อนให้เต็มที่หน่อยละกันและผมก็อยากจะอวดพี่มันด้วยว่าผมน่ะเปลี่ยนไปแล้ว  ผมเลิกจมปลักอยู่กับรักโง่ๆ ที่ไม่มีใครสนใจแล้วล่ะครับ

                ผมเกาะราวเหล็กพลางชะเง้อคอมองหาร่างสูงสมส่วนที่มีใบหน้ากวนตีนจนน่าเตะก่อนจะพบชายร่างสูงสวมเสื้อโค้ทยาวใส่หมวกไหมพรมพร้อมกับแว่นกันแดดอันใหญ่เท่าบ้าน

                “ถัง!!” ผมโบกมือเรียกพี่มันเรียกรอยยิ้มจากริมฝีปากหยักได้รูปสีชมพูซีดๆ ได้อย่างดี  พี่มันรีบลากกระเป๋าเดินออกมาหาพวกผมทันที

                หมับ!!

                “เบาๆ ก็ได้ไอ้เปอร์  ตัวหนักขึ้นนะมึง” ไอ้พี่ถังหัวเราะเมื่อผมกระโดดกอดพี่มันและทิ้งน้ำหนักให้พี่มันรับ

                “คิดถึงมึงว่ะถัง” ผมพูดเสียงอู้อี้เพราะก้มหน้าซบไหล่หนาๆ

                “คิดถึงเหมือนกัน” พี่มันผละออกไปก่อนจะลูบหัวผมเบาๆ “รีบกลับกันเถอะ  กูอายว่ะ ฮ่าๆ” พี่ถังพูดก่อนจะกอดคอผมเอาไว้แล้วหันไปทักทายไอ้พัดกับพี่เคย์

                “ตอนที่พี่ถังอยู่ล่ะชอบชวนทะเลาะแต่พอพี่ถังไปเรียนไกลหน่อยทำเป็นอ้อนเชียวนะมึง” ไอ้พัดแซว  พี่ถังกับพี่เคย์มองหน้ากันก่อนจะหัวเราะเพราะไอ้พัดมันพูดจี้ใจดำผมเต็มๆ

                “พูดมากน่าไอ้พัด” ผมทำปากยื่นใส่เพื่อน

                “ไอ้เคย์มันดูแลดีไหมเปอร์  ถ้ามันรังแกมึงบอกกูนะ” ไอ้พี่ถังพูดยิ้มๆ

                “บอกแล้วจะทำอะไรผมได้ครับพี่ ฮึๆ” ไอ้พี่เคย์ยืดตัวเต็มความสูงข่มพี่ถังที่ตัวเล็กกว่านิดๆ  ผมว่าพี่ถังเตี้ยกว่าพี่เคย์ประมาณสองถึงสามเซนนะ  แต่ดูพี่เคย์มันยืดสิครับ ทำอย่างกับตัวเองจะข่มพี่ถังได้ ฮ่าๆ

                “เตะก้นมึงได้ไงไอ้เกรียน!” พูดจบพี่ถังก็ยกขาขึ้นเตะทันทีแต่พี่เคย์หลบได้อย่างหวุดหวิด  พวกผมมองคนแก่หยอกกันก่อนจะหัวเราะขำๆ

 

                การมาของพี่ถังเป็นการมาเงียบๆ แต่ไม่รู้ทำไมพอมาถึงบ้านของพี่มันถึงได้มีคนมารอรับเยอะแยะเต็มไปหมดเหมือนกับตอนที่ไปส่งพี่มันเลย

                “ทำไมคนเยอะงี้ล่ะ?” ไอ้พัดถามขึ้นพลางเดินมาเกาะแขนผมเมื่อมองไปที่ไหนก็เจอแต่คนที่ไม่รู้จัก   รูปลักษณ์ภายนอกของไอ้พัดดูออกจะหยิ่งๆ เชิดๆ เพราะไอ้เวรนี่มันหล่อฉิบหายแต่ติดตรงที่ตัวเล็กไปหน่อยถ้าเทียบกับพวกพี่ถังพี่เคย์  ผมอุตส่าห์ภูมิใจในส่วนสูงของตัวเองแต่พอมายืนข้างคนพวกนี้ความภูมิใจของผมก็หดหายไปกับสายลมทันที  ไอ้พัดเองก็ตัวสูงพอๆ กับผมแต่มันไม่ได้ผอมกะหร่องเหมือนผมเพราะมันก็เล่นกีฬาบ้างไม่เหมือนผมที่กินแต่เหล้า

                “พวกนั้นส่วนมากเป็นรุ่นน้องพี่ถังน่ะ  พี่มันเป็นหัวโจกพาน้องเกรียน ฮ่าๆ  แต่รุ่นน้องก็รักและเคารพพี่มันมาก” พี่เคย์พูดยิ้มๆ พลางมองตามหลังพี่ถังที่ถูกลากตัวไป  พี่เคย์เองก็คงเคารพพี่ถังมากเหมือนกันสินะถึงได้ยอมดูแลผมแทนพี่ถังแบบนี้  ไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่แฮะที่คนอย่างพี่ถังจะมีคนมารุมรักขนาดนี้

                “มันมีดีอะไรครับ?” ผมถามกวนๆ

                “ฮึๆ มีดีอะไรเปอร์ก็รู้ดีไม่ใช่เหรอ? ไม่งั้นเปอร์คงไม่รักพี่ถังขนาดนี้หรอก ใช่ไหม?” พี่เคย์หันมายักคิ้วให้ผม  ผมยิ้มรับ  นั่นสินะ...ผมรู้จักพี่ถังดีกว่าใครๆ เสียด้วยซ้ำ

                “ฮ่าๆ จะว่าไปแล้ว เมื่อก่อนสองคนนี้ตีกันแทบตายแต่สุดท้ายพอไอ้เปอร์ร้องไห้พี่ถังก็จะเข้ามาปลอบตลอด  ไม่เคยตัดกันขาดสักทีพี่น้องคู่นี้” ไอ้พัดพูด

                “เฮ้ยๆ อย่ามั่วดิ  กูร้องไห้ตอนไหนวะ” ผมรีบปฏิเสธข้อกังขาเมื่อเห็นไอ้พี่เคย์มันหัวเราะขำขัน

                “ตลอดนั่นแหละ  พอถูกพี่ถังต่อยปากแตกก็ร้องไห้งอแงใหญ่เลย” ไอ้พัดเผา

                “จริงเหรอๆ แล้วไงต่ออ่ะ?” พี่เคย์ตั้งใจฟังอย่างสนใจ

                “มันร้องไห้แล้วก็ด่าพี่ถัง  ทั้งน้อยใจหาว่าพี่ถังไม่รักอย่างนั้นอย่างนี้แต่พี่เคย์รู้ไหมครับว่าพี่ถังน่ะถูกมันต่อยจนหน้าบวมไปแล้ว ฮ่าๆ พอถูกต่อยคืนแค่หมัดเดียวร้องไห้จะเป็นจะตาย ฮ่าๆๆ” ไอ้พัดเล่าไปหัวเราะไป  พี่เคย์เองก็หัวเราะท้องคัดท้องแข็งส่วนผมก็เอาแต่ทำหน้าบึ้งปากยื่น

                “ฮุ คึๆๆ น่ารักนะเราน่ะ ฮ่าๆๆ” ไอ้พี่เคย์ใช้มือซ้ายปาดน้ำตาออกจากหางตาเพราะหัวเราะมากเกินไปส่วนมือขวาก็ยื่นมาขยี้หัวผมอย่างเอ็นดู  ผมปัดมือพี่มันออกอย่างงอนๆ ที่พี่มันล้อ

                แต่พวกเราหัวเราะกันได้ไม่นานสักเท่าไหร่ก็ต้องเงียบลงเมื่อใครบางคนเดินเข้ามาหาพี่เคย์  ผมหุบยิ้มที่ยิ้มออกมาจากใจก่อนจะฉีกยิ้มเสแสร้งไปให้คนมาใหม่แต่เขาก็ไม่ได้สนใจรอยยิ้มผมเลยสักนิด  แต่ผมก็ไม่ใส่ใจเพราะผมชาชินกับมันเสียแล้ว

                “เมื่อกี้คนที่อู่มาเอารถกูไปเช็คแต่กูลืมแบล็คเลเบิลไว้ในนั้นสี่ขวดมึงพากูไปเอาหน่อยดิ” พี่ลุกซ์พูดกับพี่เคย์  สงสัยจะซื้อเหล้าแพงๆ มาต้อนรับพี่ถังกลับบ้านล่ะมั้ง

                “กูไม่ได้เอารถมา  เปอร์ไปรับกู” พี่เคย์พูดทำให้พี่ลุกซ์ต้องหรี่ตามองผมนิดๆ

                “ไปสนิทกันตอนไหน?” พี่ลุกซ์ถามเสียงขุ่น  ตัวเองไม่อยากสนิทกับผมก็เลยไม่อยากให้เพื่อนมายุ่งกับผมด้วยสินะ  ก็เข้าใจนะว่าพอเกลียดใครแล้วก็ต้องอยากให้เพื่อนเกลียดตามเป็นธรรมดา

                ผมไม่ได้ตัดใจแต่ผมพยายามไม่ให้ความรักมันเข้าครอบงำจนผมยอมทำร้ายตัวเองเหมือนเมื่อก่อน   ถ้าไม่รักก็คือไม่รัก  ผมจะไม่ฝืนใจให้พี่มันมาสนใจผม  ผมจะทำตัวตามปกติเหมือนกับที่ทำกับคนอื่นๆ

                “เออน่า  ว่าแต่มึงโทรเร่งอู่ให้เอารถมาส่งไม่ได้เหรอ? พวกนั้นก็พนักงานของที่บ้านมึงทั้งนั้นนี่” พี่เคย์พูด  บ้านพี่ลุกซ์เปิดอู่เหรอ? ท่าทางจะเป็นอู่ที่ดังและใหญ่มากถึงได้รวยขนาดนี้

                “มึงก็รู้ว่ารถกูต้องซ่อมอย่างระมัดระวัง  พวกนั้นไม่กล้าซ่อมรถกูลวกๆ หรอกน่า  เออ ถ้ามึงไม่ได้เอารถมากูไปหาคนอื่นก็ได้วะ” พี่ลุกซ์ขมวดคิ้วก่อนจะหันหลังเดินไปหาคนอื่นๆ

                “ให้ผมไปส่งก็ได้นะครับ” ผมพูดยิ้มๆ ทำให้พี่มันชะงักแล้วหันมามองหน้าผมด้วยสายตาเย็นชา  ผมยิ้มรับทำเป็นไม่รู้สึกอะไรกับสายตาที่แค่มองก็เคยทำให้ผมร้องไห้มาแล้ว  ผมเสียน้ำตามากเกินไปจนไม่คิดที่จะเสียมันอีก

                “ก็ดี” พี่มันจ้องหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะพยักหน้าให้ผมนำไปที่รถ

                “ให้พี่ไป...” พี่เคย์ขมวดคิ้วก่อนจะดึงมือผมไว้เหมือนจะปรามเพราะพี่มันรู้ดีว่าผมรักพี่ลุกซ์มากแค่ไหน  ผมส่ายหน้ายิ้มๆ พลางชูสองนิ้วบอกว่าผมสบายมากพี่มันจึงยอมให้ผมไปแต่โดยดี  กระนั้นก็ยังไม่วายทำหน้าเครียด  ส่วนไอ้พัดก็งงๆ เพราะมันไม่รู้เรื่องอะไรและมันก็ไม่รู้จักพี่ลุกซ์ด้วย

 

                พี่ลุกซ์เป็นคนขับรถเองเพราะผมไม่รู้จุดหมายที่จะไป  ระหว่างที่ขับพี่มันก็สูบบุหรี่ไปด้วยผมจึงรีบเลื่อนกระจกลงเพื่อระบายอากาศ  ผมเท้าคางไว้กับขอบประตูเพื่อหันหน้าออกไปรับลมนอกรถ  ขืนสูดควันเข้าไปมีหวังผมไอจนคอแหกแน่

                “ตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยเนอะ” ผมพูดยิ้มๆ  พลางนึกถึงความเจ็บปวดที่ถูกทิ้งให้ตำรวจจับ  แต่ผมก็ไม่โทษพี่มันหรอกเพราะถ้าผมไม่ดื้อไปเองผมก็คงจะไม่ถูกจับ  คนที่ผิดก็คือผมเอง

                “แล้วไง?” พี่มันถาม

                “เปล่าหรอกครับ  ผมก็แค่คิดว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีเนอะ  ติดคุกตั้งหลายชั่วโมง” ผมยิ้มไม่หุบ  ผมยิ้มประชดพี่มันครับ  แต่ถึงยังไงพี่มันก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรอก  ใจดำซะขนาดนั้นนี่นา

                “ฮึ!” พี่มันแสยะปากใส่ผมที่หันหน้ากลับเข้าไปในตัวรถแล้ว

                “ขอถามจริงๆ นะครับ  มันคาใจผมเหลือเกิน” ผมพูด  พี่มันเงียบรอฟัง “พี่ตั้งใจทิ้งผมไว้ให้ตำรวจจับใช่ไหม?” ผมถามเสียงนิ่งเรียบ  คำตอบจะออกมาเป็นอย่างไรผมก็ไม่กลัวเพราะผมเตรียมใจมาดีแล้ว

                “ใช่” พี่มันเงียบไปสักพักก่อนจะตอบ  ผมยิ้มรับ  ว่าแล้วเชียว

                “ฮ้า ผมนี่ก็บ้าเนอะ  วิ่งตามแทบตายแต่ไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร” ผมถอนหายใจเหมือนกับโล่งอกที่ได้รู้ความจริงแม้ความจริงนั้นมันแสนเจ็บปวดก็ตาม

                “...”

                “แต่ก็นะ...พี่ทำให้ผมเข้มแข็งและรู้จักตัวเองขึ้นเยอะเลยล่ะครับ  ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้พี่รำคาญอยู่ตั้งนาน  กว่าจะคิดได้ว่าผมมันโง่เง่าผมก็เสียน้ำตาไปไม่รู้เท่าไหร่  เจ็บตัวไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง แถมยังถูกจับยัดเข้าซังเตอีก  เลวร้ายสุดๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังระ...”

                “เลิกพล่ามได้หรือยัง? รำคาญ” พี่ลุกซ์พูดเสียงเย็นทำให้คำว่ารักของผมเป็นหมันไปทันที

                ผมชะงักก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ แล้วนั่งเงียบๆ ตลอดทางที่ไปเอาเหล้าราคาแพงที่อยู่ในรถของพี่มัน  กะอีแค่ถูกพูดทำร้ายจิตใจผมต้องไม่เป็นไรสิ  ผมจะต้องทนให้ได้เพราะถ้าไม่ทนผมก็คงจะต้องไปร้องไห้เสียน้ำตาให้พี่มันดูถูกและสมเพชอยู่ร่ำไป  มึงเป็นคนใหม่แล้วนะเปอร์

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา