Love Never Die

-

เขียนโดย Wondergirl

วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 22.48 น.

  3 chapter
  0 วิจารณ์
  5,714 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ยมทูตกับเด็กสาว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     เวลาล่วงเลยมานับพันปีแล้ว  ข้าได้ลิ้มรสชาติอันแสนขมแห่งความสูญเสียมากมายบนโลกมนุษย์และรสชาติอันแสนหวานหอมหวนยากลืมเลือนแห่งความสุขสันต์บนโลกมนุษย์  สำหรับข้าแล้วมันก็แค่ผ่านมาไม่นานก็จากไป...  ซึ่งยิ่งยากจะทำให้ข้าเข้าใจมนุษย์ว่าต้องการความอมตะอันทรมานนี้ไปเพื่ออันใด   ชายหนุ่มผู้แปลกแยกคิดคำนึงถึงสิ่งต่างๆเขาเลือกที่จะอยู่คนเดียวมาเนินนานหลังจากที่สูญเสียคนรอบข้างให้แก่ความโลภ  กิเลสและความตาย

     "เจ้ามานั่งทำอะไรตรงนี้เนี่ย" เสียงใสดั่งกระดิ่งแก้วอันไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวเขาทำให้ชายหนุ่มต้องเงยหน้าขึ้นมองเธอ  ข้าควรจะไล่นางไปใช่ไหม?  เขาเกิดคำถามเช่นนี้ขึ้นในใจอีกครั้งหลังจากไม่มีใครพูดคุยกับเขามานานเป้นสิบปี  หากทำได้บางทีเขาก้อยากจะลืมเลือนการมีมนุษย์สัมพันธ์ไปเช่นกัน

     ชายหนุ่มไม่ทันพูดอะไรก็ถูกเลิกผ้าคลุมขึ้นอย่างถือวิสาสะเผยให้เห็นผมสีเงินยาวระบ่าและนัยน์ตาสีเงินอันดูราวกับคนตาบอด  คงจะกลัวและหนีข้าไปเอง  เขาคิดในใจในขณะที่เงยหน้าขึ้นเพื่อใช้นัยน์ตาสีประหลาดมองลึกลงไปในจิตใจของเด็กสาวเพื่อกดดันให้เธอหนีไป  แต่แล้วก็ต้องหยุดพยายามและกลายเป็นฝ่ายมึนงงเสียเอง

     "มากับข้าเถอะ" เด็กผมผู้คาดผ้าสีขาวบดบังดวงตาเอาไว้เ่อ่ยกับเขาแล้วยื่นมือเรียวขาวซีดราวกับศพให้เขาจับ "ข้าชื่อซีเรฟเจ้าชื่ออะไรหละ" เธอถามในขณะที่ย่อตัวนั่งลงในระดับเดียวกับเขา

     "อย่ามายุ่งกับข้าเจ้ามนุษย์ประหลาด!"

     "แล้วคนที่มีกลิ่นอายแห่งความตายคละคลุ้งเช่นเจ้าไม่ประหลาดกว่าข้าอีกหรือไร" ซีเรฟเอ่ยถามกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับเรื่องที่พูดนั้นเป็นเรื่องปกติ "แล้วเรียกข้าว่ามนุษย์เจ้าไม่ใช่หรือไรเล่า  มากับข้าเถอะ  ขอร้องหละ  ข้าไม่ทำอะไรให้เจ้าเสียหายหรอก..." เด็กสาวพยายามทั้งดึงทั้งฉุนกระชากลากคอแต่ร่างผอมบางของชายหนุ่มตรงหน้าก็ไม่ขยับไปไหนเลยราวกับว่าถูกเย็บติดกับพื้นถนน

     "ท่านซีเรฟขอรับ  เหตุใดปราชญ์เช่นท่านจึงมาคลุกคลีอยู่กับคน...  เอ่อ...  บุคลากรชั้นล่างเยี่ยงนี้" ชายคนหนึ่งในชุดทรงอัศวินปรากฏตัวขึ้น  เขาเหลือบมองชายหนุ่มในตรอกแคบด้วยสายตาที่บอกชัดถึงความดูถูกเหยียดหยามเพียงแตกต้องรักษากริยาอันดีงามตามเกียรติของอัศวินเท่านั้น "หม่อมฉันคิดว่าองค์หญืงเล็กไม่ควรที่จะคลุกคลีกับสามัญชน...  พะยะค่ะ" อัศวินผู้น้อยเปลี่ยนคำทันทีที่องค์หญิงในชุดดำของเขาปรายตามองอย่างเหยียดๆเหมือนเห็นสิ่งน่าขยะแขยง

     "เพิ่งรู้เหรอว่าข้าเป็นราชวงศ์?  ดี  เห็นหัวกันบ้างก็ดี" ซีเรฟกล่าวแล้วชี้ไปทางชายหนุ่มที่ยังนั่งพิงกำแพงตัวแข็งอยู่ที่เดิม "ฉันไม่อยากจะแสดงอะไรแบบนี้เลยจริงๆเพราะมันทำให้ฉันดูเหมือนแม่มดใจร้าย" ทันทีที่เธอพูดจบชาวหนุ่มก็ถูกมือเล็กๆนับสิบมือจับไว้แล้วบังคับให้ยืนขึ้นอย่างง่ายดายผิดกับที่เด็กสาวพยายามลองใช้เพียงกำลังเปล่าๆบังคับให้ยืนอย่างลิลับ

     เวทย์มนต์...  ชายหนุ่มเบิกตากว้างมองมือที่เพิ่มขึ้นบนตัวเขาเรื่อยๆและพยายามดึงเขาลงไปยังด้านล่าง...  ตัวเขาค่อยๆจมลงในพื้นถนนจริงๆราวกับจมลงในน้ำ  ชายหนุ่มผมเงินพยายามขัดขืนด้วยกำลังที่มีแต่ก็เปล่าประโยคเมื่อเท้าเขารู้สึกเหมือนลอยอยุ่กลางอากาศและมือที่ถูกมือเป็นสิบๆคู่จับไว้ไม่ให้สามารถกระดิกได้แม้แต่นิดเดียว  มีมนุษย์ที่มีเวทย์มนต์มากมายขนาดนี้ด้วยเหรอ?  เขาคิดในใจขณะที่พยายามจะตอบโต้บ้าง

     "ไร้ประโยชน์  ลูกข้าไม่กระจอกขนาดจะปล่อยให้เจ้าใช้เวทย์มนต์ได้หรอกน่า" ซีเรฟพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขณะที่ตัวของเธอเองก้ค่อยๆเกิดรอยร้าวและหลุดร่อนไปอย่างช้าๆราวกับรูปปั้นทรายที่พังทลายลงตามกาลเวลา

     อัศวินคนนั้นยืนอึ้งตาค้างทำอะไรไม่ถูกจนในที่สุดก็เกิดอาการเข่าอ่อนแล้วล้มพับลงเหมือนสตรีที่รู้สึกใจหายใจคว่ำยามที่ลูกหายไปต่อหน้าต่อตา  

     จนในที่สุดภายในตรอกตรงหน้าอัศวินองครักษ์ก็เหลือเพียงความว่างเปล่า...

 

     ตุบ  เสียงบางอย่างตกลงบนพื้นดังขึ้นพร้อมกับแสงที่สว่างวาบขึ้นทำให้เห็นทัศนวิสัยชัดเจน

     สิ่งที่ตกลงมานั้นไม่ใช่สิ่งของที่ควรอยู่บนเพดานเลยแม้แต่นิดเดียว   ชายหนุ่มผมสีเงินยาวประบ่ายันตัวลุกขึ้นจากพื้นที่ถูกปูด้วยพรมผ้ากำมะหยี่สีีแดงสดราวกับหยาดโลหิตอุ่นๆที่อาบโลมลงบนพื้นแผ่นอันเคยเป็นสนามรบแห่งนี้

    ห้องทรงกลมแห่งนี้ดูราวกับอยู่บนหอคอยที่สูงเสียดฟ้า  ทั้งหลังคาทรงโดมที่มีลวดลายศิลปะโบราณอันปราณีตงดงาม  หน้าต่างบานใหญ่ที่สูงจากพื้นไปจนถึงส่วนบนสุดของโดมซึ่งถูกบดบังไว้ด้วยผ้าม่านสีแดงเข้ม  เปียโนสีดำหลังใหญ่ที่ต้องอยู่ข้างๆหน้าต่าง  บนนั้นมีแจกันแก้วใส่ดอกกุหลาบลายสีขาวปนแดงเอาไว้  เตียงขนาดใหญ่ทรงครึ่งวงกลมที่กินพื้นที่ไปกว่า1/5ของห้องและโต๊ะหนังสือที่ทำมาจากไม้ชั้นดี

     "ตัวเหม็นจัง" เสียงเล็กๆอันไม่สามารถระบุชายหญิงดังขึ้นพร้อมกับมือขาวเรียวที่ยืนออมาดึงทึ้งผ้าคลุมเก่าๆของชายหนุ่มจนหลุดออกจากตัว "ท่านแม่ไม่ชอบคนตัวเหม็น ดังนั้นเจ้าจะให้ข้าอาบน้ำให้หรือจะไปอาบเอง!" เด็กหนุ่มร่างบางเล็กยืนค้ำหัวเขาอยู่  เส้นผมของเขาเป็นสีดำยุ่งเหยิงแต่กลับสะท้อนประกายวาวดั่งเส้มไหมเหล็ก  นัยน์ตาสีทองที่ดูราวกับปีศาจอันทรงอำนาจ

     "เจ้า...!" เป็นปีศาจ  ชายหนุ่มกลืนคำพูดดังกล่าวลงคอเมื่อเขารู้สึกได้ว่าสถานที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม  กลายเป็นห้องสี่เหลี่ยมที่มีผนังด้านหนึ่เว้าเข้าด้านในซึ่งทั้งห้องนั้นเป้นสีฟ้าอ่อนๆ  ร่างทั้งร่างของเขากำลังแช่อยู่ในน้ำร้อนในสภาพเปลือยเปล่าจนมองเห็นแผ่นอกและหน้าท้องที่มีมัดกล้ามเนื้อ  แต่ในวินาทีนี้เขาไม่สนอะไรอีกแล้วนอกจากหาทางหนีออกไปจากที่นี่

     "ท่านแม่นะท่านแม่  ยมทูตที่ดีๆมีให้จับมาตั้งมากมายทำไมต้องเลือกเจ้าคนหยาบคายตัวเหม็นนี่ด้วย" เสียงบ่นเอ็ดตะโรของเด็กหนุ่มคนเดิมดังขึ้นพร้อมกับมือนับสิบๆคู่ที่โผล่ขึ้นมาจับตัวเขาไม่แน่นจากใต้น้ำ "ข้าไม่ใช่ปีศาจกระจอกนะขอรับ" เขาพูดพรางตักน้ำในอ่าวน้ำร้อนข้างๆขึ้นราดหัวที่เต็มไปด้วยผมสีเงินของชายหนุ่ม

     เราช่างตกต่ำเหลือเกิน...  ชายหนุ่มคิดในใจในขณะที่หยุดการดิ้นรนโดยเปล่าประโยชน์นั้น "ทำไมต้องรับใช้มนุษย์ในเมื่อพวกเขาไม่นานก็จากเราไปและทิ้งให้เราเดียวดาย" เขาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเวิ้งว้าง

     "ท่านแม่...  ท่านซีเรฟเป็นคนดี  นางอยู่ตัวคนเดียวโดยไม่มีคนรอให้กลับมาหาไม่ได้  เวลาแค่120ปีของข้าเท่ากับทั้งชีวิตของนาง  ข้าทนดูไม่ไหวจริงๆ..."เด็กหนุ่มตอบในขณะที่ใช้มือเรียวสางเส้นผมสีเงินรุงรังนั้นให้เรียบตรงอย่างเบามือ "นางช่วยชีวิตข้าให้พ้นจากการถูกแม่แท้ๆกิน  นางให้ที่อยู่  ที่พักพิง  เสื้อผ้า  อาหารและชีวิต  ข้าไม่สามารถทดแทนมันหมดจริงๆ"

     "แล้วถ้าสักวันหนึ่งนางจากเจ้าไปหละ" ชายหนุ่มผมเงินเอ่ยถามทันที

     "ข้าจะตามไปทดแทนให้ถึงนาทีสุดท้าย" เด็กหนุ่มตอบด้วยคำพูดที่ดูไม่เหมาะสมกับตัวพรางตักน้ำหอมมาละลายในน้ำอุ่นอย่างชำนาญ

     ภายในห้องนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นดอกไม้  ในนั้นไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมาอีกนอกจากเสียงราดน้ำที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ...

 

     หลังจากจับชายหนุ่มอาบน้ำจนหอมฉุยก็ทำให้รู้ว่าเขาหน้าตาดีและอ่อนเกินกว่าจะเป็นชายวัยกลางคน  เขามีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ราวกับมีอายุเพียง18ปีเท่านั้น  เขาแต่งตัวในชุดทรงอัศวินสีดำอย่างเป็นทางการ  บนอกเสื้อของเขามีเข็มกลัดรูปหัวกระโหลกสีเงิน

     "ว่าง่ายจริงนะ  ทำไมเกิดติดใจลูกของข้าหรือไร" เด็กสาวผมดำเอ่ยถามในขณะที่เดินเยื้องย่างลงมาจากบันไดวนสีดำที่หายไปทีละขันทุกครั้งที่เธอก้าวเดินลงมา  เธอไม่จำเป็นต้องมองก็สามารถเดินไปได้อย่างสบายๆโดยไม่ชนอะไร

     "เดธ" เขาเอ่ยตอบเบาๆในขณะที่ดึงเก้าอี้ว่างตัวหนึ่งตรงโต๊ะให้เด็กสาวเดินไปนั่ง "นามของข้าคือเดธ

     "ขอบคุณที่ยอมมาอยู่เป็นเพื่อนข้าที่นี่!" ซีเรฟนั่งลงบนเก้าอี้โดยละทิ้งความสงสัยจนสิ้น

     "ทำสัญญา...  กับข้าอีกคนได้ไหม?" เดธเอ่ยถามด้วยความสงสัย  เขามองเด็กสาวด้วยนัยน์ตาสีประหลาดนั้นด้วยความสับสนระคนลังเล "ข้าอยู่โดยขาดที่พิงไม่ได้" เขาเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กๆด้วยความเขินอาย  ยมทูตแบบเขาคงมีแค่คนเดียวแหละที่ทำสัญญากับมนุษย์เพื่อให้มีใครสักคนอยู่ข้างกายตลอดเวลา

     "ได้สิ  เพราะยังไงอย่างมากก็แค่มีคนคอยตามจิกข้าเพิ่มขึ้นอีกคน...  หรือตนหว่า" ซีเรฟปลดผ้าปิดตาลงเผยให้เห็นดวงตาวาวโรยซึ่งประดับด้วยนัยน์ตาสีแดงฉานดั่งสีของโลหิตสดๆ  ในนครดาวตกเชื่อมนุษย์ที่มีนัยน์ตาสีนี้ว่าเป็นได้ทั้งพระเจ้าและปีศาจของพวกเขา  และอีกความเชื่อหนึ่งก็คือ...

     พวกเขาไม่เป็นคนของโลกไหนดังนั้นจึงอายุสั้นและไม่ได้ไปเกิด  ได้แต่อยู่ในโลกมนุษย์รอวันดับสลาย

     "ตนต่างหากเล่าน้องข้า  อีกอย่างนะข้าสงสัยจริงๆว่าหอคอยของเจ้ามีปีศาจกี่ชนิดกี่ตัวกันแน่?  นักปราชญ์ผู้รอบรู้" เสียงหวานแกมประชดประชันดังขึ้น  เมอรี่ผู้เป็นพี่ของซีเรฟปรากฏตัวขึ้นที่มุมหนึ่งของห้องพร้อมกับผู้ติดตามผู้หล่อเหลาอีกคนหนึ่ง

     เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งพอๆกับเดธ  ผิวขาวสุภาพดี  ผมสีทองตัดสั้นกระเซิง  ดวงตาเรียวเล็กอันเฉียบคมประดับด้วยนัยน์ตาสีฟ้าเหลือมเงินที่ดูน่าพิศวงไม่แพ้กัน  เขาใส่เสื้อกั๊กสีแดงกับกางเกงขายาว  ตรงเอวมีดาบเหมือนกันเสียบอยู่2เล่ม

     "ather" เดธพึมพำเบาๆด้วยน้ำเสียงเย็นชาทุ้มต่ำ

     "13ตนแล้วค่ะท่านพี่" ซีเรฟพูดในขณะที่รับถาดใส่ชุดน้ำชามาจากมือเด็กหนุ่มผมดำผู้ซึ่งเธอเรียกว่าเป็น 'ลูก' ของเธอ "ขอบคุณ  คาโน่  เจ้านี่เป็นเด็กดีจริงๆ" เธอกล่าวชมในขณะที่ลูบเส้นผมอ่อนนุ่มดั่งขนแมวของเด็กหนุ่ม  

     "อันที่จริงนี่ก็66ตนพอดีต่างหากหละครับท่านแม่  แล้วยังจะมีอีก600ตนที่ท่านแม่ให้อยู่ในมิติอื่นเพราะหอคอยเราแคบ  รวมกันเป็น666ตนพอดีครับ" คาโน่พูดแก้คำพูดของแม่ตนเองในขณะที่ยิ้มบางๆที่ริมฝีปากแล้วสวมกอดเด็กสาวที่สูงกว่าเขาครึ่งช่วงตัว "อย่าลืมทานยาด้วยนะครับ  ท่านเมอรี่ขอรับ  ดูแลท่านแม่ให้ข้าด้วยนะครับ  ข้ามีธุระเล็กน้อยที่ต้องจัดการให้กับพี่ชายคนนี้" เขาพูดเสร็จก็ลากข้อมือเด็กหนุ่มร่างสูงออกไปจากห้อง

 

     นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะขอเป็นที่พิงและมีที่พิงเป็นมนุษย์

     เพราะการลาจากช่างเจ็บปวดเหลือเกิน  ดั่งนั้นข้าจึงไม่เข้าใจว่าอาเธอร์จะตัดสินโทษนี้ให้ข้าทำไมกัน...

 

 

 

 

     

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา