Vampire Bangkok แวมไพร์ แบงค็อก

8.3

เขียนโดย justin

วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.33 น.

  23 ตอน
  1 วิจารณ์
  25.13K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556 13.32 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

21) ราฟาเอล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บรรยากาศภายนอกครึ้มฟ้าครึ้มฝนไปทั่วบริเวณ มีสายลมแรงพัดผ่านปานกลางจนทำให้กิ่งก้านใบไม้โยกไปตามแรงลมโบก

นัทและเพื่อนๆ ทีมนักข่าวอาชญากรรมกำลังนั่งจับกลุ่มคุยกันที่ร้านแมคโดนัลภายในบริเวณของห้างเทสโก้โลตัส รถของนัทถูกจอดไว้ที่ลานจอดรถด้านนอกเกือบถึงปากทางออก เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดจึงมีลูกค้ามากมายที่แวะเข้ามาจับจ่ายใช้สอย นัทมองกระจกผนังของร้านแมคโดนัทออกไปด้านนอก มีเสียงฟ้าร้องครึมๆ สลับกับสายฟ้าแลบประปราย

“ท่าทางฝนจะมาแล้วละ”

นนท์เปรยขึ้นมาจนทุกคนหันออกไปมองด้านนอกพร้อมกัน

“นั่นนะสิ รีบๆ กินดีกว่าจะได้ไม่ต้องเดินตากฝนไปขึ้นรถ”

แอนพูดเสริมในขณะที่มือถือแฮมเบอร์เกอร์เนื้อชิ้นใหญ่ส่งเข้าไปในปาก

“ถ้าแกรีบก็กลับก่อนได้นะนนท์”

นัทเอี้ยวตัวกลับมาหันหน้าไปบอกกับนนท์

วันนี้ทุกคนเสร็จภารกิจทำข่าว กายเลยโทรชวนทุกคนมาพบปะกันที่ร้านฟาสต์ฟู้ดแห่งนี้เพื่อจะได้คุยสรุปข่าวที่ไปทำก่อนจะเข้ากลับไปที่สำนักข่าวนิวส์โพ้สในวันรุ่งขึ้น

“อ้าว แกยังไม่กลับเหรอนัท”

“ยังอะ ว่าจะนั่งอ่านหนังสือเพลินๆ ซะหน่อย”

“ได้สิ จะให้แอนอยู่เป็นเพื่อนหรือเปล่าค่ะนัท”

“ไม่ต้องหรอกแอน ผมอยู่ได้ นั่งเพลินๆ เดี๋ยวก็กลับ”

ขณะที่อาหารฟาสต์ฟู้ดที่วางอยู่บนโต๊ะถูกกวาดเรียบลงท้องแต่ละคนไปแล้ว ยังคงเหลือเฟรนฟรายกับกาแฟของนัทที่ยังวางอยู่เช่นเดิม

สายฝนเริ่มลงเม็ดโปรยปราย สลับกับเสียงฟ้าร้องฟ้าแลบเป็นช่วงๆ แอนล้วงกระเป๋าหยิบล่มคันเล็กที่ติดตัวไว้เป็นประจำ ช่วงนี้หน้าฝนได้คืบคลานเข้ามา มันได้ไล่ความร้อนอันอบอ้าวของเมืองกรุง ทำให้อุณหภูมิลดลงไปได้บ้าง

“นัท งั้นเราไปก่อนนะไว้เจอกันที่ทำงาน”

“โอเค นนท์”

“ไปก่อนนะค่ะนัท แล้วเจอกันค่ะ”

“ครับผม”

นนท์กับแอนบอกลาเพื่อนส่วนกายยกมือขึ้นทำท่าบ้ายบายเป็นที่รู้กัน ก่อนทั้งหมดจะวิ่งฝ่าเม็ดฝนไปที่ลานจอดรถด้านนอก นัทนั่งมองตามเพื่อนๆ อดยิ้มในใจไม่ได้ ทำไมไม่รอให้ฝนหยุดตกก่อนก็ได้ แต่ก็ยังว่าแต่ละคนอาจจะมีธุระส่วนตัวกันอยู่ก็ได้ นัทหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านสลับกับทอดสายตายาวออกไปด้านนอก เสียงฝนกระหน่ำตกแรงกว่าเก่า ลมพัดแรงขึ้นจนกระทบกับผนังกระจกด้านนอกเสียงดังอื้ออึง

สักพักใหญ่ดูเหมือนสายฝนจะเบาบางลง นัทหยิบหนังสือเก็บเข้าใส่กระเป๋าลุกขึ้นก้าวเท้าเดินออกจากร้านฟาสต์ฟู้ดเดินผ่านประตูเลื่อนอัตโนมัติของห้าง ขณะเดินหลบมาด้านข้างประตูยังไม่ทันจะข้ามไปฝั่งลานจอดรถ ฝนห่าใหญ่ก็เทลงมาอีกครั้ง

“อะไรกันนี่ จะรอให้ข้ามไปที่รถก่อนก็ไม่ได้” นัทรำพึงในใจ

ขณะที่กำลังยืนรอคอยให้เม็ดฝนเบาบางลง มีชายหนุ่มรูปงามสูงโปรง ผิวขาว นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม หน้าตาหล่อคม เดินตรงมาที่นัทยืนหลบฝนด้านนอก นัทเหลือบตาไปมองที่ชายหนุ่มนั่น เขาส่งยิ้มให้จนเห็นฟันสีขาวเรียงสวยงาม นัทยิ้มตอบกลับไปให้ ในใจก็คิดว่าคงรอฝนให้หยุดตกเช่นกัน รถเขาอาจจะจอดที่ลานจอดรถด้านนอกซึ่งไกลพื้นที่ของห้าง ถ้าจะวิ่งผ่าฝนไปก็คงเปียกเอาการ

“สวัสดีครับ”

ชายหนุ่มรูปงามเอ่ยทักนัทพร้อมกับผงกศรีษะอย่างเป็นมารยาท

“ครับ สวัสดีครับ”

นัทปรายตามองไปที่เขาเล็กน้อย ส่งคำทักทายและยิ้มตอบกลับไป

“ผม ราฟาเอลครับ”

“อ๋อ ครับผม ผมนัทครับ”

“ยืนรอฝนให้หยุดเหรอครับ”

“ใช่ ครับ เพิ่งออกมาจากห้างเห็นว่าฝนเกือบจะหยุดแล้ว เลยเดินออกมาจะไปที่รถอะครับ ฝนนี่ก็เทกระหน่ำลงมาใหญ่เลย”

“อ๋อ ครับ ฮ่าๆๆ มักจะเป็นแบบนี้เสมอนะครับ”

ชายหนุ่มรูปงามพูดพร้อมเงยหน้าขึ้นไปดูบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆทะมึนก้อนใหญ่

“คงอีกสักพักนะครับ กว่าจะหยุดตก”

“นั่นสิครับ ผมลืมหยิบร่มในรถมาด้วย”

ชายหนุ่มรูปงามหันมามองที่ใบหน้าของนัทอีกครั้ง เขาเอื้อมมือลงไปหยิบร่มคันเล็กในกระเป๋าสะพาย

“เอาแบบนี้ เดี๋ยวผมเดินไปส่งให้ไหมครับ”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวลองรอสักครู่หนึงก่อน ขอบคุณมากครับ”

นัทเอ่ยขอบคุณ ผงกศรีษะเล็กน้อยด้วยมารยาท

“ไม่ต้องเกรงใจครับ ปะครับ”

“อืมม แล้วคุณจะไปเอารถด้วยหรือเปล่าครับ”

“เปล่าครับ ผมรอแท็กซี่ คงจะนานหน่อยกว่าจะมีวิ่งเข้ามา”

“บ้านคุณอยู่แถวไหนเหรอครับ เผื่อจะติดรถผมไปด้วยได้”

“ผมอยู่แถวสุขุมวิท 50 ครับ”

“อ่า ถ้าอย่างนั้นดีเลย เป็นทางไปคอนโดผมพอดี งั้นก็ติดรถผมไปด้วยก็ได้นะ”

“จริงเหรอ ขอบคุณมากครับ คุณนัท”

ราฟาเอลยกร่มคันเล็กขึ้นมากาง เขายื่นมือเอาร่มคลุมด้านบนเหนือศรีษะของนัทและเขา ต่างพากันเดินผ่าสายฝนที่กำลังโปรยปรายลงมาอย่างนัก

ขณะที่นัทขับรถผ่านถนนเส้นต่างๆ ก่อนจะเลี้ยวเข้าถนนสุขุมวิท ราฟาเอลหันมามองที่ใบหน้าของนัท ก่อนเอ่ยถามชวนคุย

“คุณนัทพักอยู่กับครอบครัวเหรอครับ”

“เปล่าครับ ผมพักอยู่คนเดียวที่คอนโด พี่ชายจะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้ง”

“ดีจังนะครับ ไม่วุ่นวายดี”

“อ่ะครับ ฮ่าๆๆ แล้วคุณราฟาเอลละครับ”

“ผมอยู่คนเดียวเหมือนกัน แต่มีพี่น้องเป็นครอบครัวใหญ่เราไปมาหาสู่กันเป็นประจำ”

“ครับ”

นัทพยักหน้ารับ นึกคิดไปว่า แหม มันช่างคล้ายๆ กันเชียว แต่มันก็ไม่เหมือนซะทีเดียวเพราะนัทไม่ใช่คนธรรมดา นั่นทำให้นัทไม่ได้หวาดกลัวอะไร แม้ถึงจะเพิ่งรู้จักกับราฟาเอลชายหนุ่มแปลกหน้าครั้งแรกก็ชวนขึ้นรถกลับบ้านพร้อมกัน ถ้านัทเป็นคนธรรมดาทั่วไปเรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นแน่ๆ เพราะการจะไว้เนื้อเชื่อใจใครง่ายๆ เป็นสิ่งอันตรายสำหรับโลกยุคใหม่เช่นนี้

“ใกล้ถึงซอย 50 ละ จอดด้านหน้าโน่นนะครับคุณนัท เดี๋ยวผมเดินเข้าซอยไปเอง”

“ได้ครับ คุณราฟาเอลอยู่ไม่ลึกมากใช่ไหมครับ”

“ครับ .... เอ้อ คุณนัทผมอยากขอเบอร์โทรไว้ติดต่อหน่อยได้ไหมครับ วันหลังจะได้ไปนั่งดื่มกาแฟด้วยกัน”

“อ๋อ ได้สิครับ เบอร์ผม.......”

ราฟาเอลหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนขึ้นมากดเบอร์ตามที่นัทบอก พร้อมกับเม็มรายชื่อไว้

“แล้วผมจะยิงกลับไปให้นะครับ คุณนัทจะได้เม็มเบอร์ผมไว้ด้วย”

“ได้สิครับ”

นัทจอดรถเทียบข้างฟุตบาทก่อนถึงสุขุมวิท ซอย 50 เล็กน้อย ราฟาเอลหันมาส่งยิ้มให้พร้อมกล่าวขอบคุณ

“ขอบคุณมากๆ นะครับ ที่ให้ติดรถมา”

“ไม่เป็นไรครับ คุณราฟาเอลอุตส่าห์มีน้ำใจกางร่มให้ ไม่อย่างนั้นผมก็คงจะเปียกแน่”

“บายครับคุณนัท”

“บายครับ”

นัทขับรถออกมาเข้าเลนถนนตามเดิม พลางนึกไปว่าชายหนุ่มคนนี่ชื่อแปลกดี แต่ก็อาจเป็นได้ว่าเป็นลูกครึ่งเหมือนกับนัท เพราะหน้าตาก็ออกไปทางแขกขาวปนไทย ก็ดีเป็นการได้มิตรสหายเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึง เพราะฟ้าฝนที่กระหน่ำลงมา

นัทเลี้ยวรถเข้าคอนโด พรุ่งนี้เป็นวันหยุดในใจคิดว่าจะไปหาอาร์ทที่คฤหาสน์เพื่อไปเยี่ยมกวิน เจ้าแวมไพร์น้อยจอมกวนที่นัทเป็นผู้สร้างเขาขึ้นมา

เสียงโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของนัทดังขึ้น ขณะที่นัทเดินออกมาจากห้องน้ำ มันเป็นเบอร์ของราฟาเอล เมื่อสักครู่หลังจากขึ้นลิฟต์มาที่ชั้นที่พักคอนโดนัทได้เม็มชื่อของราฟาเอลไว้แล้ว นัทรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาเอื้อมมือยกโทรศัพท์กดรับ ก้าวเท้าย่ำเดินออกไปนอกระเบียง

“สวัสดีครับ คุณราฟาเอล”

“สวัสดีครับ ดีใจมากเลยที่คุณนัทจำชื่อผมได้”

การสนทนาเริ่มต้นอีกครั้ง ต่างพูดคุยกันอย่างออกรส นัทคุยไปหัวเราะรั่วไปกับความสนุกสนานเชิงหยอกเย้าของราฟาเอล เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมง เสียงเตือนของโทรศัพท์ว่าแบตเตอรี่ใกล้หมดดังแทรกเข้ามา นัทเลื่อนมือลงมาดูเหลือขีดสุดท้ายที่กำลังกระพริบเตือน

“คุณราฟาเอล แค่นี้ก่อนนะครับ แบตโทรศัพท์เตือนว่าจะหมดแล้วละ”

“เหรอครับ แหม ผมชวนคุณนัทคุยซะเพลินเชียว ต้องขอโทษด้วยครับ”

“ ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเราคงได้คุยกันอีก”

“ครับ พรุ่งนี้ผมอยากชวนคุณนัทไปดื่มกาแฟกัน คุณนัทพอจะว่างหรือเปล่าครับ”

“อืมม”

นัทหยุดคิด เพราะตั้งใจจะไปที่คฤหาสน์ของอาร์ท แต่ก็เปลี่ยนใจทันที

“ได้ครับคุณราฟาเอล ที่ไหนครับ”

เมื่อได้คำตอบเวาลาและสถานที่นัดแล้ว นัทก้าวเดินจากระเบียงเข้ามาข้างในห้องฟุบตัวลงหลับตานอนลงบนโซฟาตัวหนานุ่มที่ตั้งอยู่ในห้องรับแขก

เสียงฝีเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในซอยเปลี่ยวย่านสุขุมวิท มนุษย์รูปร่างหน้าตาประหลาดเอี้ยวคอหันมาดูผู้ที่กำลังวิ่งไล่กวดตามหลังมาติดๆ ใบหน้าเจ้าตัวประหลาดนี่ หน้าตาเหมือนมนุษย์ แต่มีดวงตาสีแดงกร่ำปูดออกมาจนเห็นเส้นเลือดเกาะที่ตาขาว

มันแสยะปากออกเห็นฟันแหลมคมทุกซี่ มีหนวดเคราขึ้นปกคลุมไปรอบบริเวณปาก ใบหูด้านบนเรียวแหลมขึ้นไป

มันหยุดวิ่งแต่กระโดดตัวลอยถอยหลังไปไกล เหมือนว่ากำลังตั้งท่ารับศึกครั้งนี้

“แฮร่ๆๆ”

มันร้องขู่คำรามผู้ที่ไล่ตาม เขามาหยุดยืนตรงหน้า ตาทั้งคู่สีน้ำตาลเข้มส่งแสงประกายวาววับ

“แกคิดจะหนีเหรอ”

“แกมายุ่งกับฉันทำไม เจ้าผู้พิทักษ์”

“มันเป็นหน้าที่ของข้าที่ต้องป้องกันคนของพระบิดา”

“เอ้ย แกก็คุ้มครองปกป้องโทบิตไปแล้วนิ แล้วแกยังจะมายุ่งกับข้าทำไมอีก”

เจ้าตัวประหลาดกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว สายตามันจ้องเขม็งใส่ผู้พิทักษ์

“นอกจากโทบิตแล้ว ข้าปกป้องคนของพระบิดาทุกคนจากความชั่วร้ายของแกเช่นกัน”

สิ้นเสียงคำพูดผู้พิทักษ์ เขากระโจนเข้าใส่เจ้าตัวประหลาด มือทั้งสองประกบเข้าที่หัวของเจ้าตัวนั่นยกขึ้นลอยฝาดลงไปกับพื้นมันกระเด็ดครูดเป็นทางไปไกล

เจ้าตัวประหลาดเอนตัวยืนขึ้นวิ่งโผเข้าใส่ใช้มือกรงเล็บตะปบไปที่ใบหน้า ผู้พิทักษ์เคลื่อนตัวถอยหลังหลบไป ลอยตัวขึ้นไปบนอากาศ เจ้าตัวประหลาดไม่ยอมแพ้มันเคลื่อนตัวลอยขึ้นไปเช่นกัน

ทั้งสองยืนเผชิญหน้ากันบนอากาศที่สูงเกือบถึงยอดของต้นไม้ แสงสีนวลอมขาวถูกปล่อยมาจากฝ่ามือของผู้พิทักษ์วิ่งรู่เป็นทางเข้ากระแทกร่างของเจ้าตัวประหลาด ร่างของมันกระเด็นลอยละลิ่วตกลงกับพื้นดินกระแทกเสียงอย่างดัง

...แอร๊กกกก......ครึดดดๆๆ....

มันลุกขึ้นยืนจังก้า ผู้พิทักษ์เคลื่อนตัวลอยลงมายืนที่พื้นดิน เขากระโดดโผใส่เจ้าตัวประหลาดเข่ากระแทกไปที่ยอดอกจนมันกระเด็นถอยหลังไปเป็นทาง มันกระโจนข้ามเหนือหัวของผู้พิทักษ์ไปทางด้านหลังเอี้ยวตัวหันกลับมาเอื้อมมือคว้าไปที่คอ มันกระชากคอเข้ามาที่อกเผยอปากจะงับลงไปที่คอ หมายจะฝังเขี้ยวที่เรียงเป็นแถวเข้าไป

แต่ไฟสีฟ้าอมเหลืองลุกไหม้ตรงคมเขี้ยวไปที่ใบหน้าของมัน มันแผดเสียงกรีดร้องดังลั่น ใบหน้ามีรอยไหม้ปรากฏเป็นแถบ

มันผละมือออกจากตัวผู้พิทักษ์เซถลาไปด้านข้างของถนน หายใจหอบแหกๆ อย่างหวาดกลัว

“เจ้าคิดจะกัดข้าเหรอไอ้ปีศาจ”

เจ้าตัวประหลาดเหลือบตาขวางจ้องมองไปที่ผู้พิทักษ์

“มันไม่ใช่หน้าที่ของแกที่จะมากำจัดข้า เวลาของข้ายังมาไม่ถึง”

เจ้าตัวประหลาดแผดเสียงใส่เป็นคลื่นเสียงกระทบกับร่างของผู้พิทักษ์จนตัวสั่นสะท้าน ผู้พิทักษ์เคลื่อนตัวลอยจนเข้าไปประชิดเจ้าตัวประหลาด มันถลาก้าวถอยหลังออกไป

“ใช่ ..มันไม่ใช่หน้าที่ของข้าที่จะกำจัดเจ้า แต่ข้ามีหน้าที่พิทักษ์รักษาประชากรของพระบิดา โดยการส่งเจ้าไปที่ขุมนรกอันมืดดำ เพื่อรอวันพิพากษา”

สิ้นเสียงของผู้พิทักษ์ เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพายหยิบก้อนกลมสีเงินมันวาววับออกมา และขว้างใส่พุ่งตรงไปที่เจ้าตัวประหลาด ก้อนกลมนั่นคลายตัวกลายเป็นตาข่ายแผ่ผืนกว้างรวบตัวของเจ้าตัวประหลาด มันกรีดร้องเสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ

“อ๊ากกก เฮ้อะ อ๊ากกก”

ผู้พิทักษ์ค่อยๆ ก้าวท้าวย่ำเดินเข้าไปที่ร่างของมัน ร่างของมันสั่นเทาดิ้นไปมาอยู่ตรงพื้น ผู้พิทักษ์ยกมือขึ้นประสานกันปล่อยอานุภาพจากฝ่ามือไปที่ร่างนั่น

“ข้าขอสั่งเจ้าให้ไปอยู่ที่ขุมนรก จนกว่าจะถึงเวลาแห่งการพิพากษา”

อานุภาพสีนวลอมขาวแผ่กระจ่ายไปทั่วร่างของเจ้าตัวประหลาดเป็นวงกลมกระจายออกเป็นวงกว้าง

“เฮือกกก เอ้ออ อ๊ากกกก”

แสงอานุภาพค่อยๆ บีบรัดร่างนั่นจนใกล้จะหายไป มันแผดเสียงตะโกนร้องอย่างเจ็บปวดและสิ้นหวังที่จะอยู่บนโลกมนุษย์ได้ต่อไป ก่อนมันจะถูกส่งไปขุมนรก สายตาทั้งคู่ของมันจ้องเขม็งไปที่ผู้พิทักษ์ด้วยความอาฆาตเคียดแค้น

“ ร า ฟ า เ อ ล อ๊าชชชชช”

เมื่อสิ้นเสียงแผดตะโกนของมัน แสงอานุภาพก็ดับวูบลงพร้อมกับความว่างเปล่า บัดนี้ร่างของเจ้าตัวประหลาดถูกกลืนกินไปสู่ขุมนรกเบื้องล่างเสียแล้ว

................................. * ........................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา