Thank For Your Smile...น้ำตา...ความฝัน...ความหวัง

-

เขียนโดย MightySoul

วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.50 น.

  26 บท
  0 วิจารณ์
  24.27K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 11.57 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

19) บทที่ 18 การพบพานของทั้งสี่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 18

การพบพานของทั้งสี่

ใจฉันแทบจะตกลงไปที่ตาตุ่มทันทีที่เห็นหน้าเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังถือกลมปังก้อนเล็กๆจ้องมาที่ฉัน จ้องอย่างไม่วางสายตาคล้ายคนตกอยู่ในภวังค์

สายตาของเขา สายตาของฟีล เปล่งประกายคล้ายคนที่กำลังจะร้องไห้ น้ำตาได้เจิ่งนองไปทั่วทั้งดวงตาจนระยิบระยับราวกับหมู่ดาวในคืนเดือนมืด

“นี่แม่หนู จะเอาข้าวหรือขนมปัง” คุณป้าใช้จวักเคาะกับโต๊ะเพื่อเรียกความสนใจ

“อะ เอาขนมปังค่ะ”

คุณป้ายื่นขนมปังที่มีรูปร่างหน้าตาและน่าจะรวมถึงรสชาติเหมือนของฟีลมาให้ แต่เมื่อฉันหันกลับมามองอีกที ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว บัดนี้กลับเดินออกไปราวกับกำลังหนีอะไรบางอย่าง

“ฟะ...” ฉันรีบปิดปากตัวเองเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่า ตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะของนาโอะ

ฮานะที่กำลังเดินมาเพื่อรับอาหารสวนกับฟีลที่กำลังเดินจากไป ฮานะเองก็ดูจะแปลกใจไม่น้อยที่ฟีลไม่คิดแม้แต่จะหันมาทักเธอ ทั้งๆที่เธอเองก็เอ่ยปากทักออกไปก่อนแล้ว

“ฟีลเป็นอะไรน่ะ ริกะ” ฮานะถามทันทีที่เข้ามาใกล้

“ไม่รู้สิ อยู่ดีๆเขาก็เดินหนีไปเฉยเลย”

“แต่เขาร้องไห้ด้วยนะ เธอไม่ได้ไปทำอะไรเขาใช่มั้ย”

“จะบ้าเหรอไง ฉันยังไม่ได้พูดกับเขาสักคำ แล้วอีกอย่าง ตอนนี้ฉันเป็นริกะนะ ไม่ใช่นาโอะ” ฉันพยายามอธิบายตามความเป็นจริง

ฮานะทุบกำปั้นลงบนฝ่ามือคล้ายนึกอะไรบางอย่างออก “ระ...หรือว่า เขาจะตกใจที่เห็นเธอ เพราะตอนนั้นฉันบอกเขาไปว่าเธออยู่ที่โรงแรมนี่นา เขาอาจจะช๊อคก็ได้”

“อืม ก็ฉันนึกว่าเขากินข้าวเสร็จแล้วนี่นา ไม่นึกว่าจะมาเจอหรอก” เหตุผลของฮานะดูมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือมากที่สุดเท่าที่เราทั้งสองคนจะพอคิดข้อสันนิษฐานขึ้นมาได้

“ช่างเถอะ เดี๋ยวค่อยถามเจ้าตัวอีกทีก็ได้ รีบกินข้าวเถอะ จะได้ไปซ้อมต่อสักที”

ฉันกินขนมปังแห้งๆที่แห้งจนแทบจะหมดแล้วซึ่งความน่ากิน ฉันประหลาดใจไม่น้อยที่มันอร่อยกว่าที่ฉันคิด ถึงแม้จะแข็งไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วรสชาติก็ยังอยู่ในระดับที่กินได้

“คุณป้าค่ะ หนูขอขนมปังก้อนหนึ่งค่ะ” สมกับเป็นฮานะ แค่เห็นสีหน้าเพียงเล็กน้อย ก็รู้ได้ว่าฉันคิดยังไงกับสิ่งที่ฉันกินอยู่

“แหม ขอโทษนะแม่หนู แต่ขนมปังหมดแล้วล่ะ”

“เอ๋!!!” ฮานะอุทานด้วยความตกใจ เมื่อเริ่มรู้สึกได้ถึงเค้าลางแกงกระหรี่ที่ได้ยินพนักงานบ่นกันไม่ขาดสายถึงรสชาติที่น่าจารึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ของอาหาร

เธอหันควับมามองขนมปังในมือฉันที่ดูคล้ายจะเป็นความหวังเดียว

และด้วยเหตุนั้นเอง ทำให้ฉันต้องรีบเขมือบความหวังเข้าไปทั้งก้อนเข้าไปภายในคำเดียว

“ริกะ....” ฮานะกัดฟันด้วยความโกรธ

“มีอะไรเหรอฮานะ อ้อๆ อยากกินขนมปังเหรอ ขอโทษนะ ฉันกินหมดซะแล้วแหละ”

“อย่ามาตีหน้าซื่อริกะ ฉันรู้จักเธอดี เธอแกล้งฉันชัดๆ”

“ไหนล่ะ ไม่มีหลักฐานก็เอาผิดอะไรไม่ได้น่า”

“ก็ได้ริกะ งั้นฉันจะรีบกลับไปกินช๊อกโกแลตของเธอให้หมด ไม่ให้เหลือแม้แต่แท่งเดียวเลยคอยดู” สายตาของฮานะแสดงออกว่าเธอทำจริงแน่

“เสียใจด้วย เพราะฉันจะกินให้หมดก่อนเธอจะรู้ตัวซะอีก” ฉันสวนกลับ

“งั้นคอยดูก็แล้วกัน”

แต่แล้วก็มีเสียงฝีเท้าตึงตังเหมือนคนกำลังรีบร้อนอะไรบางอย่างดังขึ้นและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

มีพนักงานคนหนึ่งวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเราทั้งสอง เขาหอบเป็นการใหญ่ที่แสดงให้เห็นถึงระยะทางที่เขาวิ่งมา

“ริกะซัง มีคนมาหาคุณครับ”

“ฉันเหรอ” ฉันหันไปมองหน้าฮานะที่ทำทีคล้ายว่าฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครมาหา

อาการเหนื่อยของพนักงานหนุ่มทำให้ฉันไม่อยากที่จะรบกวนอะไรไปมากกว่านั้น สองเท้าของฉันรีบออกวิ่งไปบริเวณที่พนักงานหนุ่มชี้ด้วยความสงสัยที่อัดแน่นอยู่เต็มอกว่าใครกันที่มีธุระกับฉันถึงที่นี่ ที่ที่น่าจะเป็นสถานที่ที่ตัดขาดจากคนทุกๆคน

แน่นอน ฮานะก็วิ่งตามฉันมาด้วย

“เธอคิดว่าเป็นใครน่ะ ริกะ”

“ไม่รู้สิ คงต้องไปดูด้วยตาตัวเองเอาล่ะนะ” ฉันวิ่งตัดผ่านสนามหญ้าที่น่าจะเป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุด

ทันทีที่สายตาสังเกตได้ถึงผู้หญิงสองคนที่ยินอยู่บริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ ฉันก็ยิ่งกวดฝีเท้าไปด้วยความร้อนใจ

“อ๊ะ พี่ริกะ” เด็กสาวโบกมือให้ฉัน ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าใครกันที่มาหา น่าแปลกใจที่ว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ แต่ที่น่าแปลกใจกว่าก็คือเด็กผู้หญิงแปลกหน้าอีกคนที่อยู่อยู่เบื้องหลังคือใครกันแน่

“อากิ เธอมาที่นี่ทำไม”

“แหมๆ พี่ริกะ เป็นคำพูดทักทายที่ไม่ค่อยจะดีเลยนะค่ะ”

“เนี้ยล่ะดีแล้ว ตกลงเธอมาที่นี่ทำไม คุณลุงไม่ว่าหรือไง” ฉันยังคงพยายามเค้นหาคำตอบจากเด็กสาว

“อย่าพูดเหมือนเห็นหนูเป็นเด็กๆสิคะ หนูน่ะอายุตั้ง 18 แล้ว จะให้มัวแต่อุดอู้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมได้ยังไงกันเล่า”

ฉันจ้องมองอากิไม่วางตา เพราะรู้ว่าเธอไม่ได้พูดความจริงเป็นแน่ “ขอความจริง...อากิ”

“แหะๆ พี่ริกะเนี้ยรู้ทันตลอดเลย โกหกพี่ไม่เคยได้จริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า”

“ไม่ต้องมาหัวเราะกลบเกลื่อน ทำไมเธอถึงมาที่นี่” ฉันรู้ทันเด็กสาว

“หนูว่าถ้าพี่ริกะรู้ พี่ต้องตกใจแน่ๆ ออกมาสิไม่ต้องอายหรอก” อากิพูดกับเด็กสาวอีกคนที่หลบอยู่ด้านหลัง

เด็กสาวแปลกหน้าค่อยๆเขยื้อนออกมาจนเห็นใบหน้าของเธอได้ชัดเจน

เส้นผมดำยาวสลวยถึงบริเวณต้นคอ ตัดกับผิวที่ขาวราวเม็ดทรายสะอาดของชายหาดที่ยังไม่มีผู้ใดเข้าไปถึง สายตาคมกริบ จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากชมพูอวบอิ่ม รวมๆแล้วถือได้ว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารัก และหน้าตาดีไม่แพ้อากิเลยทีเดียว

“สะ...สวัสดีค่ะ” เธอนิ่งเงียบหลังจากกล่าวทักทาย ดูท่าทางเด็กสาวคนนี้จะเป็นคนเงียบๆผิดกับอากิที่เป็นคนร่าเริง แก่นแก้ว

“ให้ทายสิว่าเธอคือใคร”

ฉันจ้องมองใบหน้าเด็กสาว แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร พิจารณาอย่างไร ก็คิดไม่ออกว่าเธอคือใคร และด้วยใบหน้าที่งามสง่านี้แล้ว ถ้าเคยเจอก็คงจะไม่มีวันลืมเป็นแน่

“แหะๆ พี่ริกะเดาไม่ออกสินะค่ะ เอ้า แนะนำตัวเองหน่อยสิ”

เด็กสาวพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ

“เอ่อ หนูชื่อ พลอยค่ะ...เป็นน้องสาวของฟีล ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ”

“เอ๋!!!!!” ฉันและฮานะแทบจะอุทานออกมาพร้อมกัน

“พี่ริกะ พี่ฮานะ ตอนแรกที่เธอโผล่มาหนูก็ตกใจเหมือนกัน” อากิพยักหน้าคล้ายเข้าใจ

ฉันเขยิบเข้าไปใกล้เพื่อนสาว ก่อนที่จะกระซิบอะไรบางอย่าง “ฮานะ ไม่น่าเชื่อว่าฟีลจะมีน้องสาวหน้าตาน่ารักขนาดนี้”

ฮานะหันมากระซิบบ้าง “ฉันก็คิดเหมือนกัน...”

เราทั้งสองคนต่างหันไปมองพลอยอีกครั้ง แต่ไม่จะมองยังไง ก็ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะเป็นน้องสาวของฟีล โดยเฉพาะบุคลิกที่เงียบขรึมดูเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งแตกต่างจากฟีลอย่างชัดเจน

“อะ...เอ่อ คือว่า” พลอยคล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

“อะไรเหรอ พลอย” ฉันถาม

“คะ...คือว่า หนูขอลายเซ็นได้มั้ยค่ะ คิเซกิซัง อินูเอะซัง”

เราทั้งสองหันมามองหน้ากัน และก็เป็นอีกครั้ง ที่เราพูดพร้อมกัน แถมยังเป็นประโยคเดียวกัน “แน่นอนสิ”

ฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ฮานะก็เหมือนกัน

เด็กสาวยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆในกระเป๋าพร้อมปากกามาให้ ซึ่งฉันและฮานะต่างก็รับไว้ด้วยความยินดี

หลังจากเซ็นเสร็จเราทั้งสองคนก็ส่งกลับไป

“ขอบคุณนะค่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอก แล้วอีกอย่าง จะเรียกพวกเราด้วยชื่อจริงก็ได้นะ เรียกนามสกุลมันดูห่างเหินชอบกล”

“ได้เหรอค่ะ” นิสัยเกรงใจคนเกินเหตุทำให้ฉันรู้สึกว่าพลอยเหมือนฟีลขึ้นมาหน่อยๆ

“ไหนลองเรียกสิ”

เด็กสาวกลืนน้ำลายคล้ายรวบรวมความกล้า เธอพยายามพูดหลายครั้งแต่ก็เหมือนน้ำท่วมปาก จนในที่สุดเธอก็สามารถพูดออกมาได้

“ขอบคุณนะค่ะ ฮานะซัง ริกะซัง”

“อืมๆ แบบนี้แหละดี” เธอตอบรอยยิ้มที่ฉันและฮานะส่งไปด้วยร้อยยิ้มที่สวยมากๆเช่นกัน

“พี่ริกะ พาพวกเราไปหาฟีลซังเถอะ ดูเหมือนพลอยจะอยากเจอพี่ชายจนตัวสั่นแล้ว”

พลอยไม่พูดอะไรนอกจากยิ้ม

“นั้นสินะ ริกะ รีบไปกันเถอะ”

ฉันเห็นด้วยกับฮานะก่อนที่จะเดินนำทางพวกเธอทั้งสองคนไปที่โรงอาหารที่ที่ฉันเห็นฟีลเป็นครั้งสุดท้าย

“เอ่อ พี่ฟีล คงไม่ได้สร้างความลำบากอะไรให้พวกคุณใช่มั้ยค่ะ” เสียงใสๆทำให้ฉันต้องหันกลับมามอง

“สร้างสิ สร้างความลำบากให้สุดๆเลยล่ะ”

“งะ...งั้นต้องขอโทษด้วยนะค่ะ”

“ไม่ต้องขอโทษหรอก เพราะมันก็สนุกดีนะ เวลาอยู่กับพี่ชายเธอน่ะ” ฮานะพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยกับคำพูดของฉัน

“งั้นเหรอค่ะ พี่นี่ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะโตขึ้นสักเท่าไหร่ก็ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ ต้องให้หนูคอยเป็นห่วงตลอดเลย”

“ฉันเข้าใจเลยล่ะ ลำบากหน่อยนะ”

ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองหรือเปล่า แต่คล้ายว่าการมาของพวกเธอทั้งสองคน กำลังจะเปิดประตูบานใหม่ กำลังจะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง โดยมีฟีลเป็นเสมือนกุญแจแห่งบทใหม่ของชีวิต ที่แม้แต่ฉันเองก็ไม่อาจแม้แต่จะคาดเดาว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้ แต่มันก็น่าจะสนุกไม่น้อยเชียวล่ะ...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา