Dead End

9.7

เขียนโดย ฟ้าเวิ้ง

วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 01.51 น.

  2 ตอน
  3 วิจารณ์
  4,593 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 มกราคม พ.ศ. 2557 01.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) สับสน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ความมืดเริ่มเข้าปกคลุมไปทั่วห้องเล็กๆของผม ...นาฬิกาเรืองแสงของผมแสดงเวลาของมันไปตามปกติ...

 

" 19:35 "  เวลานี้ยามปกติคงเป็นช่วงที่ผู้คนทั้งหลายเริ่มทยอยกลับสู่ที่พักของตัวเอง

เสียงผู้คนคุยกัน เสียงแตรรถยนต์ เสียงฝีเท้าตามทางเดิน ล้วนเป็นเสียงที่ผมคุ้นเคยตลอดเวลาที่พักอาศัยอยู่ที่นี่...

 

...วิ้ง..งง..ง..เสียงเดียวที่ก้องอยู่ในหูของผมตอนนี้ ความเงียบสงัดที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน เงียบจนผมได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของตัวเอง...

สายตาของผมเริ่มชินกับความมืดภายในห้อง พอเห็นได้ลาง ๆ ผมค่อยๆ เดินไปแง้มผ้าม่านเพื่อมองดูสถานการณ์ภายนอก

ถนนที่เต็มไปด้วยข้าวของที่กระจัดกระจาย กองเลือด และ ศพ!! ถึงแม้จะมืดแต่พอจะมองเห็นได้ลางๆ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอกนั้น ไม่ใช่เรื่องปกติอย่างแน่นอน 

มันเริ่มขึ้นเมื่อวันก่อน ขณะที่ผมสะดุ้งตื่นเพราะเสียงแตรรถที่ดังสนั่น...ปรี๊นนนนน...!!! ผมรีบรุดไปมองที่หน้าต่าง มันเกิดอะไรกันขึ้น สิ่งที่เห็นคือรถยนต์ที่ชนเข้ากับเสาไฟฟ้า ชายหนุ่มผู้เป็นคนขับหน้าคว่ำอยู่บนพวงมาลัยรถ เป็นสาเหตุต้นตอของเสียงแตร ไม่นานนัก ไทยมุงก็เริ่มทำหน้าที่ โดยมีป้าแต๋ว เจ้าของหอพักเป็นแกนนำ ผมตัดสินใจกลับไปนอนต่อ เพราะลงไปก็คงช่วยอะไรไม่ได้..

 

ขณะที่ผมกำลังจะล้มตัวลงนอน ก็พลันเกิดเสียงกรีดร้องขึ้น ...กรี๊ด..ดด..!!.. เสียงนั้นฟังดูเหมือนน่าจะเป็นเสียงของป้าแต๋ว ผมรีบลุกขึ้นไปดูที่หน้าต่าง

สิ่งที่เห็นคือ ชายหนุ่มเจ้าของรถกำลังกัดแขนของลุงยาม โดยมีป้าแต๋วส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ โดยมีไทยมุง 2-3 คนยืนนิ่ง ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น...

ผลั๊ว!! ผลั๊ว!! เสียงกระบองของลุงยามฟาดลงบนหัวของชายหนุ่มคนนั้นอย่างแรง ชายหนุ่มล้มลงกองลงกับพื้น และแน่นิ่งไป  "ไอ้ห่าเอ๊ย..คนอุส่าช่วยพยุง เสือกมากัดอีก ไอ้บ้า" เสียงแหบๆ ปนเหน่อของลุงยามตะโกนลั่น  ขณะที่เลือดที่แขนของแกไหลออกมาไม่ขาดสาย "เดี๋ยวฉันไปโทรแจ้งตำรวจก่อนนะ" ป้าแต๋วพูดด้วยน้ำเสียงสั่น คงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่..... เรื่องคงจบแล้วผมตัดสินใจกลับไปนอนต่อ

 ...............................

 ปัง!  ปัง!  ปัง! เสียงเคาะประตูห้องดังลั่น ทำเอาผมสะดุ้งตื่นจากการงีบกลางวัน ผมลุกขึ้นนั่ง ยังรู้สึกมึน ๆ นิดหน่อย... ปัง! ปัง! เสียงประตูยังไม่หยุดเคาะ ผมจึงเดินไปเพื่อจะเปิดประตู พลางคิดสงสัยว่าใครวะ ต้องเคาะดังขนาดนี้ ทำยังกับมีใครตาย "...ช่วยด้วย ๆ ๆ ... กรี๊ดดดดด...."

ผมสะดุ้งโหยง ถอยลงไปนั่งทรุดอยู่ที่ขอบเตียง มันเกิดอะไรขึ้น ใครมาร้องอยู่หน้าห้อง มีคนกำลังต้องการความช่วยเหลือ หรือ เด็กข้างห้องสองคนนั้น กำลังคิดแกล้งอะไรผมอยู่ ขณะที่ผมกำลังสับสนอยู่นั้น พลันก็เกิดเสียงคำรามขึ้น ...กรรรร..รร...!!   ...กรี๊ดดดด..อย่า....!!...

แล้วเสียงก็เงียบลง ผมนั่งตะลึงอยู่อย่างนั้น เหงื่อเม็ดโตๆ ผุดมาตามใบหน้า มือชาและเย็นเฉียบ

"มันเกิดอะไรขึ้น??" ผมรวมรวมความกล้า ค่อยๆก้าวไปที่ประตู และแนบตาประกบกับช่องตาแมว

แล้วสิ่งที่เห็นมันทำให้ผมต้องตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม.. เด็กสาวข้างห้องนอนกองอยู่ที่พื้น กองเลือดไหลนองไปทั่ว ที่คอมีบาดแผลฉกรรจ์ ดวงตาเบิกโพลง ไม่บอกก็รู้ว่าเธอ ตายแล้ว ข้างๆศพของเด็กสาวคือแฟนหนุมของเธอ เขานั่งนิ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด และส่งเสียงคำรามเบาในลำคอตลอดเวลา..."กรร...รรร"..  จากนั้นเขาค่อยๆลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า เหมือนตุู๊กตาไขลาน มือทั้งสองเกร็งหงิกงอ เขาค่อยๆเดินไปช่างเชื่องช้า เหมือนคนแก่ที่เป็นโรคไขข้อเสื่อม..

ผมแอบดูจนชายหนุ่มเดินลับไปจากสายตา สติของผมเริ่มกลับมา ผมควรจะโทรแจ้งตำรวจ..ไม่สิ โทรไปแจ้งป้าแต๋วให้จัดการดีกว่า แกน่าจะจัดการเรื่องนี้ได้ดีกว่าผม  ....

..ตรืด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ .. เสียงฟังดูเหมือนสายโทรศัพท์มีปัญหา สงสัยต้องใช้มือถือโทรไปแจ้งความเองซะแล้ว ขณะที่ผมกำลังกดเบอร์ 191 เพื่อโทรไปแจ้งความ ผมก็ได้ยืนเสียง   "..ครืด..ดดด.." ดังมาจากหน้าประตู "อะไรวะ" ผมพูดกับตัวเองเบาๆ แล้วตัดสินใจเดินไปส่องที่ตาแมวอีกรอบ..

!!!! เด็กสาวคนนั้นเธอยืนอยู่หน้าห้องผม ที่คอของเธอยังมีบาดแผลฉกรรจ์ เลือดไหลอาบเต็มเสื้อ เธอยืนสั่นเหมือนคนเห็นโรคชักกระตุก มือทั้งสองหงิกเกร็ง ดวงตาของเธอเป็นสีแดงก่ำ น้ำลายไหลยืดออกจากปากของเธอ ...จู่ ๆ เธอก็หันมามองที่ผม!! 

ระหว่างเธอกับผม มีเพียงประตูเก่า ๆ กั้นกลางอยู่ เธอจ้องมาเหมือนรู้ว่าผมยืนอยู่หลังประตู.... ผมยืนนิ่งไม่กล้าขยับตัว มือที่เปียกชุ่มเหงื่อยังกำมือถือไว้แน่น ในใจภาวนาขอให้เธอรีบๆจากไป..

ดูเหมือนพระเจ้าจะเห็นใจผม เด็กสาวคนนั้นเธอค่อยๆ ขยับตัว และเดินไปอย่างช้า ๆ ในทางเดียวกับที่แฟนหนุ่มเดินไป... ผมรวบรวมสติอีกครั้ง ค่อยๆก้าวขาถอยออกมาจากประตูห้อง และนั่งลงบนเตียง "หรือเธอยังไม่ตาย??" แล้วทำไมเธอถึงดูน่ากลัวอย่างนั้น แฟนหนุ่มของเธอก็ดูไม่ต่างกัน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมนั่งนิ่ง นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนบ่าย ชายหนุ่มที่กัดแขนลุงยาม เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องที่ผมเพิ่งเจอมารึปล่าว... ผมลุกขึ้นไปส่องดูที่หน้าต่าง

ถนนที่เต็มไปด้วยของเกลื่อนกลาด ข้าวของกระจัดกระจาย มีรอยกองเลือดอยู่เป็นหย่อม ๆ บ้างก็เปื้อนเปรอะอยู่ตามกำแพง เหมือนเพิ่งมีการจลาจล หรือการสลายม็อบยังไงยังงั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ขณะที่ผมกำลังคิด ก็มีเสียงคนดังออกมากจากข้างนอก  "ช่วยด้วย ๆ ๆ คุณช่วยผมด้วย!!" ชายหนุ่มวัยกลางคน รูปร่างท้วม กำลังโบกมือเรียกผมจากด้านล่าง "คุณ ๆ ช่วยโทรแจ้งตำรวจที พวกมันกำลังตามผมมา"  ก่อนที่ผมจะทันได้ถามเหตุการณ์จากชายคนนั้น เขาก็แหกปากร้องอย่างสุดเสียง เหวอ!!มันมาแล้ว!! แล้วเขาก็วิ่งออกไปทางปากซอย พร้อมกับคนท่าท่างประหลาด 3-4 คนที่เดินไล่ตามเขาไป คนพวกนั้นมีท่าทางคล้ายกับหนุ่มสาวที่ผมเพิ่งเจอมาแต่พวกเขาดูจะเคลื่อนไหวได้เร็วกว่า แต่ก็ยังช้ากว่าชายร่างท้วมคนนั้น ผมมองดูพวกเขาจนลับสายตาไป...

ผมปิดม่าน และกลับมานั่งเงียบอยู่ในห้อง สับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบตัว ทีวีที่ยังไมได้ยกไปซ่อมทำให้ผมไม่ได้รับรู้ข่าวสารบ้านเมืองมาสักพักแล้ว ตอนนี้โทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ผมติดต่อกับคนอื่นได้ ผมรีบกดโทรหาแม่ทันที ..ตืด...ตืด..."หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้".. เสียงเรียบและไร้ความรู้สึกจากระบบตอบรับอัตโนมัติ ทำผมหงุดหงิด...

ผมลองโทรหาทุกคนที่มีรายชื่ออยู่ในมือถือ แต่สิ่งที่ได้ตอบรับมาก็ยังคงเป็นเสียงจากระบบตอบรับอัตโนมัติเช่นเคย หรือเครือข่ายจะมีปัญหา ...บรึ้ม..มมม!!!... เสียงระเบิดดังสนั่นทำเอาผมสะดุ้งตกเตียง ผมรีบรุดไปดูที่หน้าต่าง มองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นเพียงกลุ่มควันสีดำลอยตัวขึ้น ห่างออกไปราวๆ 2 กิโล 

..........................................

 

นี่ก็เข้าสู่วันที่สองแล้ว นับแต่ที่ผมเจอกับเรื่องประหลาด ตลอดเวลาที่ผมเก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง ผมไม่รู้เลยว่าโลกภายนอกเป็นอย่างไรบ้าง  ความมืดในห้องทำให้ผมหวาดระแวง เสียงที่เงียบสงัดทำให้บรรยากาศน่าวังเวงเป็นทวีคูณ..

นมกล่องใกล้จะหมดลงแล้ว นั่นเป็นเสบียงอย่างสุดท้ายของผม ผมคงเก็บตัวอยู่ในห้องได้อีกไม่กี่วัน ไม่เช่นนั้นคงต้องอดตายอยู่ในห้องเป็นแน่ ตลอดสองวันมือถือของผมยังคงเงียบนิ่ง ไม่มีการติดต่อเข้ามาของใครทั้งนั้น บัดนี้ มันกลายเป็นสิ่งไร้ค่าไปแล้ว เพราะแบตเตอรี่เพิ่งหมดไปเมื่อสามชั่วโมงที่ผ่านมา รวมถึงไฟฟ้าของหอ ก็ถูกตัดไปเมื่อวันก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะบีบคั้นให้ผมก้าวออกไปจากห้องแคบๆ นี้เสียที

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา