มาเฟียสุดเฟี้ยวกะยัยเปรี้ยวสุดบ้า

9.8

เขียนโดย Akademi

วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 18.45 น.

  12 ตอน
  5 วิจารณ์
  18.09K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 เมษายน พ.ศ. 2557 21.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) จูบที่บ่งบอกถึงอะไรสักอย่าง?

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 8

                ฉันควรจะทำไงดีเนี่ย จะใส่ชุดของยัยท๊อฟฟี่หรือว่าจะเป็นชุดที่นายขี้เก๊กซื้อให้ดีน่า แต่ฉันไม่ยอมใส่ของนายขี้เก๊กหรอก ให้ฉันใส่ของยัยท๊อฟฟี่ยังจะดีกว่า เพราะฉันยังไม่ลงรอยกับนายนั่นเลย เฮ้อ~ นี่ฉันต้องใส่ของยัยท๊อฟฟี่จริงๆ เหรอเนี่ย

“นี่! ยัยเจมินแต่งตัวเสร็จยังเนี่ย เราจะไปกินข้าวเย็นกันที่ริมชายหาดแล้วน่ะ” อะไรของยัยแคนดี้เนี่ย ถ้าจะรีบขนาดนั้นไปก่อนเลยก็ได้น่ะย่ะ คนเขาแต่งตัวน่ะไม่ใช่แค่แปรงฟันถึงจะได้เร็วขนาดนั้น

“แป๊ปนึงสิย่ะ”

“เออๆ ให้มันเร็วหน่อยก็ดี เพราะรอแกคนเดียวนี่ล่ะ”

“อื่อๆ” เย็นนี้ฉันแต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีขาวเบาบางคู่กับกางเกงขาสั้น แบบนี้ล่ะ! แนวของฉัน สบายๆ ไม่ต้องแต่งให้เลิศเกินความจำเป็น ฉันรีบออกมาเจอยัยสองคนแล้วก็ต้องโดนด่ายับเยิน เพราะว่าฉันแต่งตัวสบายเกินไป ก็แต่ละชุดที่ยัยพวกนี้ใส่เคยน้อยหน้าใครที่ไหนกันเล่า ยัยสองคนนี้จัดเต็มตลอดเวลา แต่อย่าหวังว่าฉันจะเปลี่ยนหรอกน่ะย่ะ เพราะฉันตั้งใจใส่เต็มที่! พวกเราเดินไปที่โต๊ะอาหารริมชายหาดซึ่งอยู่ใต้เสียงเทียนและแสงดาว (โรแมนติกซะไม่มี) แต่ฉันกลับโดนมองด้วยสายตาอึ้งบ้าง และก็สายตาที่ดูหมิ่นของยัยแพรวและนายขี้เก๊ก ทำไม! ฉันไปทำอะไรให้นายกัน ถึงได้มองฉันด้วยสาตาแบบนี้ รู้มั้ย! ว่าฉันเกลียด และเจ็บที่นายมองฉันด้วยสายตาแบบนี้!!

“เจมิน”

“หะ!” นายแบล็คจะเรียกฉันทำไมเนี่ย คนกำลังอารมณ์เสียอยู่ (-_-‘)

“ขนาดเธอใส่แค่เสื้อยืดกับกางยีนส์ขาสั้นยังดูสวยมากเลยน่ะ”

“เอ่อ...ไม่ขนาดนั้นหรอกน่ะ ^///^” ฉันรู้ว่าฉันสวยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องชมกันขนาดนั้นก็ได้ โหะๆ ^0^

“ไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลย!”

                                ขวับ!

                เสียงใครพูด อ๋อ! ยัยแพรวนี่เอง ถ้าคิดว่าตัวเองสวยกว่าฉันแล้วค่อยมาพูดอย่างนี้กับฉันใหม่ล่ะกันน่ะ เพราะยังไงซะเธอก็สวยไม่เท่าฉันหรอกย่ะ

“นี่ๆ! ฉันว่าเรามาเริ่มกินข้าวกันดีกว่าน่ะ”

“ก็ดี!” เอ่อ...ฉันเพิ่งจะสังเกตนะเนี่ยว่าพวกเราอยู่กันตั้งหกคนอ่ะ เพราะเรานัดมาเที่ยวกันแค่สี่คน แต่ตอนนี้กลับมีหกคน ซึ่งสองคนที่เพิ่มมาก็คือ นายแบล็คกับยัยแพรว แล้วพวกแกสองคนมาอยู่ในวงโคจรได้ไงเนี่ย

“เอ่อ..พวกเราขอร่วมเที่ยวกับพวกเธอด้วยน่ะ”

“เอ่อ...” สงสัยฉันจะแสดงสีหน้าชัดเจนไปหน่อย เลยทำให้นายแบล็คต้องพูดออกมาแบบนั้น ในระหว่างที่กำลังกินข้าวกันอยู่ฉันก็รู้สึกอยากจะอ้วกขึ้นมา แถมกินอะไรไม่ได้ด้วย สงสัยจะเป็นหวัดจากการเล่นน้ำแน่เลย ตอนนี้ฉันอยากจะอ้วกออกมาจริงๆ แล้วน่ะ เพราะฉันเห็นภาพที่น่าอ้วกมากเลยในตอนนี้ ก็ภาพที่ยัยแพรวกำลังป้อนข้าวใส่ปากนายขี้เก๊กเหมือนกับแม่ป้อนข้าวให้ลูกเลย และฉันก็รู้สึกถึงความโกรธของฉันที่อยู่ลึกข้างในใจ ฉันเป็นอะไรอีกเนี่ย ฉันโกรธที่ยัยแพรวป้อนข้าวให้นายขี้เก๊กเหรอเนี่ย บ้าๆ !><’

“เจมินเธอไม่กินอะไรเลยเหรอ”

“เอ่อ...ฉันไม่หิวน่ะ”

“แต่เธอควรจะกินบ้างน่ะ อ่ะนี่!” นายแบล็คเอากุ้งมาให้ฉัน แต่ฉันไม่อยากกินอ่ะ ขอตัวไปพักที่ห้องดีกว่า

“เอ่อ...ฉันขอตัวไปห้องก่อนน่ะ”

“ยัยเจมิน แกเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ”

“ให้ฉันไปเป็นอยู่เป็นเพื่อนมั้ย”

“ไม่เป็นไร ฉันแค่ไปกินยาเดี๋ยวก็ออกมา”

“อืมๆ” เฮ้อ ~ รู้สึกเพลียชะมัด ไปกินยาแล้วนอนพักสักหน่อยดีกว่า เมื่อมาถึงห้องฉันก็กินยาพาราเซตามอลไปสองเม็ด ทำให้เกิดอาการง่วง งั้นขอนอนพักสักหน่อยแล้วค่อยออกไปล่ะกัน

                20.00 น.

“ยัยเจมิน!” เสียงใครเนี่ย คนจะหลับจะนอนมากวนอยู่ได้

“แกเป็นอะไรหรือเปล่า!”

“หะ...พวกแกเองเหรอ (-_-)”

“ก็ใช่น่ะสิ”

“พวกแกมาตามฉันเหรอ งั้นก็ไปกันเลยล่ะกัน” อาการเริ่มดีขึ้นแล้ว อยากออกไปข้างนอกแล้วล่ะ

“ไม่ต้องไปแล้ว ตอนนี้สองทุ่มแล้วย่ะ”

“กินข้าวกันเสร็จแล้วเหรอ”

“เสร็จแล้วย่ะ!”

“เหรอ” นี่ฉันนอนพักนานไปเหรอเนี่ย งั้นออกไปดูดาวดีกว่า ดูดาวริมชายหาดคงจะสวยน่าดู

“งั้นเราก็เข้านอนกันเถอะ”

“แต่ฉันยังไม่ง่วงอ่ะ ฉันขอไปข้างนอกสักพักน่ะ”

“แล้วแต่แกล่ะกัน วันนี้พวกฉันเหนื่อยมาทั้งวันขอนอนก่อนล่ะ ส่วนแกก็อย่าไปนานเกินล่ะ เพราะข้างนอกมันค่อนข้างหนาวน่ะ”

“จ้าๆ ^^” ลั้ลลา~ ได้ออกมาข้างนอกแล้วสดชื่นจังเลย ไปดูดาวตรงนู้นดีกว่า ฉันกำลังเดินไปที่ชายหาดก็ต้องหยุดชะงัก และก็รู้สึกว่ามีน้ำใสๆ ไหลออกมาจากตาของฉัน พร้อมกับอาการเดิมอีกแล้ว อาการที่เจ็บจี๊ดที่หัวใจ ตอนนี้ฉันกำลังร้องไห้ให้กับภาพที่แสนบาดใจ ตอนนี้นายขี้เก๊กกำลังจูบกับยัยแพรวอยู่น่ะสิ คงจะเป็นจูบที่ดูดดื่มมากสิน่ะเพราะทั้งสองคนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย แถมยังบดขยี้ริมฝีปากต่อกันจนร่างทั้งสองไม่อยู่นิ่งเลย ฮือๆ T_T ฉันไม่สามารถทนเห็นภาพนี้ต่อไปได้อีกแล้ว ฉันจึงตัดสินใจวิ่งหนีออกมาพร้อมกับน้ำตา ตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนขอนไม้ข้างชายหาด ฉันไม่รู้ว่าฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไง ฉันได้แต่นั่งมองดาวบนท้องฟ้าพร้อมกับปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก T[]T ทำไมฉันถึงเจ็บขนาดนี้ สองคนนั้นจะทำอะไรกันมันก็เรื่องของเขาสิ เราจะไปยุ่งด้วยทำไมล่ะ ฉันที่กำลังนั่งมองดาวพร้อมน้ำตาก็ต้องรีบปาดน้ำตาออก เพราะตอนนี้นายแบล็คมานั่งอยู่ข้างฉันแล้ว

“เธอเคยนับดาวบนท้องฟ้ามั้ย” อะไรของนายเนี่ย จู่ๆ ก็มาถามคำถามแบบนี้

“เอ่อ..เคยสิ” ตอนนี้เราทั้งคู่เงยหน้ามองดาวบนท้องฟ้า และนายแบล็คก็เริ่มถามคำถามต่อไป

“แล้วเธอนับได้กี่ดวงล่ะ”

“ไม่รู้สิ เพราะฉันไม่เคยนับหมดสักที”

“แล้วตอนนี้เธอคิดที่จะนับมันอีกหรือเปล่า”

“คงไม่แล้วล่ะ เพราะฉันรู้ดีว่านับยังไงก็นับไม่หมดสักที”

“นั่นสิน่ะ”

“หืม?” นายต้องการจะสื่ออะไรกันแน่น่ะ

“งั้นเธอก็หยุดกลั้นน้ำตาสักทีสิ”

“นายพูดเรื่องอะไร” นายแบล็คไม่ยอมฟังที่ฉันพูดเลยแม้แต่คำเดียว นายต้องการจะสื่ออะไรกันแน่

“เธอก็แค่คิดว่าน้ำตาเหมือนกับดาวสิ”

“…..”

“ก็มันมีเยอะจนนับไม่หมดใช่มั้ยล่ะ ขนาดดาวเธอยังบอกฉันเลยว่าเธอเลิกที่จะนับมันต่อไปแล้ว เธอก็คิดเสียว่าน้ำตาก็เหมือนดวงดาว ยิ่งเราพยายามนับมากเท่าไรมันก็ยิ่งทำให้เราถดถอยเท่านั้น มันก็เหมือนกับที่เรากลั้นน้ำตานั่นแหละ ยิ่งกลั้นมันก็ยิ่งเจ็บ ปล่อยให้มันออกมาบ้างเถอะ แล้วเธอจะได้กลับมาเป็นดาวอีกครั้งไง ^^”

“ฮึก...ฮือๆ T-T” ตอนนี้ฉันก็เอาแต่ปล่อยโฮอย่างเดียว นายแบล็คทำให้ฉันเข้าใจว่าการกลั้นน้ำตามันไม่ได้ทำให้ความเศร้าหายไปเลย แต่การปล่อยออกมาต่างหากที่จะทำให้ความเศร้าเราลดลง

“รู้สึกดีขึ้นมั้ย” นายแบล็คหันหน้ามา และเอามือมาปาดน้ำตาให้ฉัน ทำไมนายถึงเข้าใจฉันน่ะ

“อื่อ (_ _) (-_-) (_ _)” และฉันก็รู้สึกได้ว่าหน้าเราสองคนห่างกันไม่ถึงคืบ และนายแบล็คก็เริ่มขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และในที่สุดปากฉันกับปากนายแบล็คก็ประกบกัน แต่แทนที่ฉันจะขัดขืนแต่ฉันกลับหลับตาพริ้มให้นายแบล็คจูบโดยง่าย สงสัยฉันจะกลายเป็นผู้หญิงใจง่ายไปแล้วสิน่ะ นายแบล็คเริ่มรุกเร้าเข้ามาแต่ฉันไม่กล้าพอที่จะเปิดปากให้ลิ้นของเขาเข้ามาข้างใน ฉันกลัวเกินไป และในที่สุดนายแบล็คก็ผละออก แล้วมองหน้าฉันด้วยความไม่เข้าใจ และจู่ๆ ก็มีมือมากระชากแขนฉัน

                หมับ!

“เฮ้ยไอ้ฮาเดส! แกจะทำอะไรเจมินน่ะ” ฉันมองหน้านายขี้เก๊กด้วยความไม่เข้าใจสุดขีด ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี้ได้ล่ะ ที่จริงนายกำลังจูบอยู่กับยัยแพรวไม่ใช่เหรอ

“ไอ้แบล็ค แกไม่ต้องมายุ่ง!!” หลังจากที่นายขี้เก๊กตอบคำถามนายแบล็คเสร็จ ก็ลากฉันออกมาด้วยความเร็วสูงสุด นายขี้เก๊กพาฉันกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่หลังรีสอร์ท แล้วผลักฉันชิดกับกำแพง

                พลั่ก!

“โอ๊ย ~”

“ทำไมเธอถึงไปนั่งจูบกับไอ้แบล็ค!” ฉันทำได้แค่หลบหน้าเขา ฉันปฏิญาณกับตัวเองไว้แล้วว่าฉันจะไม่ปริปากพูดกับเขา และรู้สึกว่าการกระทำของฉันจะทำให้เขาโมโหสุดขีด

“เธอกลายเป็นผู้หญิงใจง่ายไปแล้วหรือไง!!” ฉันทนไม่ไหวแล้วโว๊ย!!!

“นายไม่มีสิทธิ์มาว่าฉันอย่างนั้นน่ะ!!” คราวนี้ฉันเงยหน้าสู้กับเขาแล้ว ฉันไม่กลัวหรอกย่ะกับแค่การทำหน้ายักษ์ใส่ฉันน่ะ ฉันเกลียดที่สุดเลยผู้ชายที่ชอบพูดดูถูกผู้หญิงน่ะ นี่นายมองหน้าฉันนานเกินไปแล้วน่ะ แล้วหน้าเขาก็ดูผ่อนคลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อยู่ๆ อารมณ์ก็เปลี่ยนซะงั้น

“เธอยอมพูดกับฉันแล้วเหรอ” อึ่ย! ลืมไปเลยว่าฉันปฏิญาณไว้แล้วว่าจะไม่ปริปากพูดกับนายหนิ แต่มาถึงตอนนี้แล้วคงไม่ต้องแคร์แล้วล่ะ

“นายช่วยหลีกทางหน่อยได้มั้ย ฉันจะกลับห้อง”

“ไม่!”

“อะไรของนายเนี่ย!!”

“ฉันถามว่าทำไมเธอถึงไปนั่งจูบอยู่กับไอ้แบล็ค ห๊ะ!!”

“แล้วทำไมนายจะต้องมาอารมณ์เสียด้วยล่ะ ฉันจะจูบกับใครมันก็เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับนาย ทีนายยืนจูบกับ

ยัยแพรวฉันไม่เห็นจะเข้าไปยุ่งด้วยเลย” อึ่ย! ทำไมฉันจะต้องยกเรื่องจูบของสองคนนั้นขึ้นมาพูดด้วยเนี่ย ทำให้ตอนนี้หน้าของเขาเจื่อนไปเลยทีเดียว หึ! นายคงยังไม่รู้สิน่ะว่าฉันน่ะเห็นทุกอย่างเต็มสองลูกตาของฉันหมดแล้ว!!

“เธอเห็น.....”

“ใช่! ฉันเห็นหมดทุกอย่าง”

“แต่ฉันไม่ได้รักแพรวแล้ว”

“แล้วนายจะมาบอกฉันทำไม ฉันไม่อยากรับรู้เรื่องของพวกนายอีกแล้ว ฮือๆ T-T” ตอนนี้ฉันกลับมาร้องไห้อีกแล้ว เป็นเพราะนายคนเดียวเลยที่ทำให้ฉันต้องเสียน้ำตาขนาดนี้ จู่ๆ ก็มีมือมาปาดน้ำตาให้ฉัน ไม่ใช่มือใครที่ไหนแต่เป็นมือของเขานั่นเอง

“แต่ฉันรัก....” นายพูดคำนั้นออกมาแล้วมามองหน้าฉันอย่างนี้ อย่ามาทำเป็นให้ความหวังฉันน่ะ ฉันรู้ดีว่านายไม่มีวันรักฉันหรอก!!

“…..” เขาไม่ยอมพูดให้จบว่ารักใครกันแน่ มันยิ่งทำให้ฉันใจเต้นเหมือนกับเขากำลังบอกรักฉันยังไงยังงั้นแหละ

“ฉันไม่ชอบให้เธอไปจูบกับคนอื่นเลยน่ะ รู้ไหม? ฉันขอล้างจูบไอ้แบล็คออกจากปากเธอเอง”

“อุ๊บ! -*-”แล้วเขาก็ประกบปากฉันทันทีที่พูดประโยคนั้นจบ ทำไมร่างกายถึงไม่มีแรงพอที่จะขัดขืนเขาเลยน่ะ ทำไมฉันถึงได้กลายเป็นผู้หญิงอ่อนแออย่างนี้

“อื้อ ~” ลิ้นของเขาเริ่มรุกเร้าเข้ามาข้างในแต่ฉันไม่ยอมปล่อยให้ลิ้นของเขาเข้ามา เป็นเพราะฉันไม่กล้าพอฉันไม่เคยจูบแบบจริงๆ เลยสักครั้งเดียว ทำให้เขาบีบเอวฉันเบาๆ เป็นการบอกให้ฉันยอมให้ลิ้นเขาเข้าไปข้างในได้แล้ว ฉันจึงค่อยๆ เปิดริมฝีปากออก ทำให้ตอนนี้ลิ้นของเขาเข้ามาข้างในได้สำเร็จ และฉันก็รู้สึกถึงความอ่อนหวานที่อยู่ในจูบของเขา มันทำให้ฉันไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะลืมตา มือของเขาที่อยู่ตรงเอวฉันก็คอยบีบเบาๆ มันทำให้ฉันต้องเอามือไปปัดออกเพราะมันทำให้ฉันเสียวขึ้นมาน่ะสิ แต่ก็อย่างที่บอกว่าฉันไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตา เพราะงั้นฉันจึงปัดมือเขาออกไปไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่าเราจูบกันนานเท่าไรแล้ว เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจ และในที่สุดเขาก็ยอมผละออก ทำให้ฉันรีบสูดอากาศหายใจเข้าปอดทันที

“อื้อ ~”

“โต้ตอบฉันบ้างก็ได้น่ะ”

“เอ่อ...ฉันไม่เคยจูบมาก่อนหนิ -////-”

“คราวนี้ก็ฝึกซะสิ”

“อุ๊บ! -*-” แล้วเขาก็เริ่มการจูบใหม่อีกครั้งโดยที่ฉันยังไม่ทันตั้งตัว มือเขาที่อยู่ตรงเอวฉันก็บีบเป็นการเตือนให้ฉันโต้ตอบเขาสักทีสิ แต่ฉันทำไม่เป็นน่ะ! แต่เหมือนสันชาตญาณของฉันมันได้ผุดออกมาแล้ว เพราะตอนนี้ฉันสามารถจูบตอบเขาได้

“อื้อ ~” ฉันรู้สึกได้ถึงความอ่อนหวานที่อยู่ในจูบของเราทั้งคู่ มันทำให้ความโกรธของฉันได้หายไปหมดเกลี้ยงแล้ว เราจูบกันนานจนฉันรู้สึกเวียนหัว ตอนนี้ฉันไม่มีแรงจูบเขากลับแล้ว และภาพตรงหน้าค่อยๆ ดับวูบไป เหลือแค่เสียงของเขาเท่านั้นที่ฉันได้ยิน

“เจมิน! เจมิน!”

                วันรุ่งขึ้น

“โอ๊ย ~” มึนหัวชะมัดยาด

“ตื่นแล้วเหรอ ยัยเจมิน”

“อืม”

“เมื่อคืนแกเป็นลมไป ฮาเดสก็เลยมาส่งแกน่ะ”

“ฮาเดสเหรอ?”

“อืม ว่าแต่แกไปอยู่กับเขาได้ไงอ่ะ” เมื่อคืนเราสองคนจูบกันนี่น่า อ๊ายยยย >/////< แล้วฉันจะกล้าสู้หน้ากับเขามั้ยเนี่ย

“เอ่อ...”

“ฉันแค่ถามว่าแกไปอยู่กับเขาได้ยังไง ทำไมแกจะต้องหน้าแดงด้วยล่ะ”

“เออนั่นสิ ปากแกก็บวมเหมือนโดนอะไรดูดมาเลยอ่ะ เมื่อคืนแกไปทำอะไรมา!!” โอ๊ย! นี่แกสองคนอยากจะรู้อะไรกันหนักหนาน่ะ ฉันไม่ยอมบอกหรอกย่ะว่าเมื่อคืนฉันจูบกับนายขี้เก๊กจนเป็นลมไปน่ะ เดี๋ยวพวกแกก็ได้ล้อฉันน่ะสิ

“เอ่อ...ฉันหน้าแดงก็เพราะพิษไข้ไง ส่วนปากบวมคงแพ้ลิปสติกล่ะมั้ง”

“เออใช่ แกมีไข้นี่น่า ถ้าอย่างนั้นแกก็ไปดำน้ำกับพวกเราไม่ได้น่ะสิ”

“น่าเสียดายจังน่ะ เจมิน”

“ใช่ แต่ไม่เป็นไรหรอกพวกแกก็ไปกันเถอะ ฉันขอพักที่ห้องดีกว่า” ฮือๆ T-T ฉันอยากจะร้องไห้จังเลย กิจกรรมดำน้ำเป็นกิจกรรมที่ฉันรอคอยมาตลอด แต่ฉันดันมาเป็นไข้เอาซะได้ มันน่าเจ็บใจหนัก แต่ไม่เป็นไรเรายังไม่ตายเราก็ยังมีโอกาสอยู่

“เดี๋ยวพวกฉันอยู่เป็นเพื่อนแกเองน่ะ” นี่พวกแกสองคนรักฉันถึงขนาดไม่ยอมไปดำน้ำเชียวเหรอ ฉันคนนี้โคตรรักพวกแกเลยอ่ะ T^T

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพวกแกหมดสนุกกันพอดี”

“แต่......”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า”

“แกแน่ใจน่ะ”

“อืม”

“งั้น พวกฉันไปก่อนน่ะ แล้วจะรีบกลับมาล่ะกัน”

“อ่าๆ”

                เฮ้อ ~ หลังจากที่ยัยพวกนั้นออกไป ฉันก็ขอหลับต่อเลยล่ะกัน เพราะตอนนี้ยังรู้สึกถึงพิษไข้และก็พิษจูบของนายฮาเดสน่ะสิ แต่ก่อนที่สติฉันจะหลุดเข้าฌาน ฉันก็ได้ยินเสียงประตูห้องเปิด สงสัยยัยสองคนนั่นจะลืมของล่ะมั้ง อย่าไปสนใจเลยหลับก่อนดีกว่าเรา

“โอ๊ย ~” ทำไมฉันรู้สึกว่ามีอะไรมาทับมือฉันเนี่ย หนักชะมัด! เหน็บกินมือฉันจนมือชาไปหมดแล้วเนี่ย ฉันที่ตื่นเพราะอาการมือชาก็เกิดอาการช็อกขึ้นมาทันทีทันใด  เพราะตอนนี้มือของฉันถูกเป็นที่รองหัวของนายฮาเดสน่ะสิ แล้วนายนี่มาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย ทำไมไม่ไปดำน้ำกับพวกนั้นเล่า แล้วฉันจะกล้าสู้หน้ามั้ยเนี่ย

“อื่อ..เธอตื่นแล้วเหรอ” อ๊ายยย >///< หน้าตอนที่นายฮาเดสเพิ่งตื่นนี่น่ารักจังเลย เฮ้ย! แต่นี่ไม่ใช่เวลามาชมหน้าตาของหมอนี่อยู่น่ะ

“เอ่อ...อืม -///-”

“ไหนดูสิ ว่าไข้ลดยัง”

“เฮ้ย! จะทำอะไรของนายเนี่ย” ที่ตกใจไม่ใช่อะไรหรอกน่ะ ก็จู่ๆ นายก็เอามือมาอังที่หน้าผากของฉันเนี่ย รู้มั้ยว่ามันเขินอ่ะ!!>///<

“ฉันก็แค่จะดูว่าไข้ลดยัง ก็เท่านั้นเอง”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา