อลวนรักของหนุ่มน้อยหน้ามึน [Yaoi]

8.5

เขียนโดย JR_ST

วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.16 น.

  12 chapter
  10 วิจารณ์
  18.73K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 18.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) หนีอย่างไร...ก็ไม่พ้น [ แก้ไข ]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

“ ตื้ด ตื้ด ตื้ด “ เสียงนาฬิกาปลุกดิจิตอลส่งเสียงดังตามที่เจ้าของร่างบางที่กำลังนอนหลับตั้งเวลาไว้เมื่อคืนวาน ร่างบางพรือตาลุกจากที่นอนขึ้นมาปิดนาฬิกาปลุกที่หัวเตียง แล้วลุกขึ้นพับที่นอนแล้วเดินเข้าห้องน้ำ เขาออกมาอย่างรวดเร็ว เขาพยายามจัดการกับตัวเองทั้งที่ๆตากำลังจะปิด แต่ไม่ถึงกับหลับ แล้วเดินออกจากห้องไป เป็นเวลาเดียวกันที่ ดีฟ ที่พักอยู่ห้องข้างๆเปิดประตูออกมา  

“ แอ๊ด /แอ๊ด “ ผมเปิดประตูออกมาด้วยท่าทางที่งัวเงีย ผมหันไปเพราะประตูห้องข้างๆดันมาเปิดพร้อมผม ดีฟกำลังออกมาจากห้อง พวกเราสบตา ผมถึงกลับตื่น ไม่รู้เพราะอะไร สงสัยจะไม่คุ้นหูคุ้นตาผม ดีฟเดินมาทางผม

“ เมษ พี่นายบอกให้ฉัน ไป - กลับ รร. พร้อมกับฉัน “ ดีฟบอกเสียงเรียน ผมขมวดคิ้ว ผมไม่เข้าใจพี่จริงๆ จะห่วงผมมากเกินความจำเป็นแล้วนะ ผมก็โตแล้ว

“ พี่ฉันบอกแค่ กลับพร้อมกับนาย ฉันขอไปเรียนเองคนเดียว “

“ ไม่ได้ พี่นายสั่งฉัน....” ดีฟยังคงแข็งข้อ ผมถอนหายใจ แต่ผมก็ยังปฏิเสธอยู่ดี

“ ถ้าไม่ทำตาม ฉันจะไลน์บอกพี่นายว่าเมื่อวานเกิดเรื่องอะไรขึ้น....” ดีฟบอกพร้อมกับล้วงโทรศัพท์ขึ้นมา มันทำท่ากดโทรศัพท์ ผมไม่รู้ว่ามันจะจริงรึเปล่า แต่ถ้าพี่รู้ พี่มันต้องกีดกันอิสระในชีวิต นร. ม.ปลายของผมแน่ ผมเลยตอบตกลง ผมเดินลงไปที่ด้านล่าง

 

ทำไม ...... ทำไมไอดีฟถึงมีอิทธิพลกับพี่นักหนา ทำไมพี่ถึงไว้ใจไอดีฟ

 

“ นี่นาย มองฉันทำไม ? “ ดีฟถาม ผมหลุดจากภวังค์ ความคิดของตนเอง ตอนนี้ผมเดินตามไอดีฟมาที่โรงรถ ซึ่งผมเดินมาโดยที่ไม่รู้ตัว ผมสะบัดหัวออก ไอดีฟเดินไปปลดล๊อคระบบนิรภัยรถยนต์คันสีขาวแล้วเข้าไปสตาร์ทเครื่องยนต์ ผมสาวเท้าเดินขึ้นรถ ผมเลือกที่จะนั่งข้างหลัง

“ นี่ รังเกียจฉันนักรึไง “ ดีฟขึ้นระหว่างที่ผมกำลังขึ้นไปที่เบาะหลัง จะบอกว่ารังเกียจก็ไม่ใช่ แค่ไม่ใจก็เท่านั้น แต่ถ้าจะบอกว่า “ รังเกียจ “ ก็อาจจะใช่ ผมถอนหายใจแรง

“ เปล่า แค่อยากนั่งหลัง “ ผมตอบ ดีฟไม่พูดอะไร เขาเริ่มออกรถ เราไม่ได้พูดอะไรสักคำ แม้แต่คำทักทายก็ไม่คิดจะเอ่ย ผมมองออกนอกกระจกบ้าง แอบดูดีฟที่กำลังขับรถ ไม่รู้เพราะอะไร เหมือนมีอะไรบางอย่างดลใจให้ผมมองดูร่างนั้น ภายในบรรยากาศที่เงียบสงัด เสียงเตือนจากไลน์ก็ดังขึ้นมาจากโทรศัพท์ผม ปมผลดล็อคหน้าโฮมแล้วกดไปยังไลน์ อยากรู้จริงๆใครแมร่งทักผมมาตอนนี้ หัวใจผมแทบวาย ผมรู้ว่าใครทักมา ไอตุล

“ ( เฮ้ย มรึง มาช้าจังว่ะ ) “ ตุล ผมเลยทำการพิมพ์ตอบกลับ

“ ก รู กำลังไปอยู่ มรึงอย่ารีบได้ปร้ะ มรึงน่ะ มาสายกว่า กรู อีสัสเป็ด “ ผมอมยิ้ม ผมด่ากันเล่นๆครับ ไม่ซีเรียส ไอตุลบอกให้ผมไปเช้า แต่เจ้าตัวดันมาสายเอง

“ ( ไอนี่ ด่ากรู ) “

“ เพิ่งรู้ตัว ก๊ากๆๆๆ ไอควาย “ ผมสะใจจริงๆ เพื่อนถือเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต รวมถึงโทรศัพท์เครื่องนี้ด้วย ระหว่างที่ผมกำลังมีความสุข ดีฟขับรถไปยังโรงรถของโรงเรียน ผมค่อยๆเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ไม่นานรถก็ถูกจอด เครื่องยนต์จากที่ส่งเสียงค่อยๆเงียบลง ดีฟปลดกุญแจรถออก ผมดันประตูรถออกมา แล้วปิดเข้าไปเบามือ แล้วเดินจากที่นั่นโดยไม่สนคนข้างหลัง ผมรีบๆอยู่ไม่มีเวลาไม่รอใครเขาหรอก ไอดีฟคงไม่เป็นอะไรหรอก แต่พอผมเดินไม่เกินสองก้าวก็ต้องชะงักเท้าหยุด

“ ไม่คิดจะรอกันบ้างรึไง ขอบคุณซักคำเป็นบ้างมั้ย !!! “ ดีฟที่ลงจากรถขึ้นเสียงใส่ผม เมื่อเห็นว่าผมเดินหนี เสียมารยาทไม่ขอโทษ ผมหันไปอย่างไม่สบอารมณ์ จะอะไรนักหนาเนี่ย คนแมร่งรีบๆอยู่ พูดสั้นๆก็พอละกัน

“ เออ ขอบคุณ “ กล่าวเสร็จก็รีบวิ่งหนีไปทันทีดั่งแสงไฟฟ้าแลบ มุ่งตรงไปยังอาคาร 2 ตึกเรียนที่ผมเรียน มีทั้งหมด 9 ชั้น และห้องเรียนผมแมร่งไปอยู่ชั้นที่ 9 อยากตายจริงๆ แทนที่จะมาอยู่ชั้น 4 เพราะอยู่ ม.4 ไม่ใช่แล้ววุ้ย

 

 

“ แฮ่ก แฮ่ก “ ผมหยุดวิ่งตรงทางเดินบันไดที่ชั้น 5 ผมจับราวบันไดพักหายใจ เหมือนหัวใจจะหลุดออกจากอกยังไงก็ไม่รู้ ไม่ใช่ผมเป็นโรคหัวใจน้าาาาาา   =[ ] = ระหว่างที่กำลังพักหายใจ เสียงฝีเท้าของใครบางคนจากชั้นล่างดังเข้าหูพร้อมกับเสียงทักใสๆอันคุ้นหู

“ เอ้ย ไอเมษ !!! “ ตุลทัก ผมตกใจเลยก้มไปดู มันอยู่อีกชั้น ซึ่งก็คือ ชั้น 4 ว้าก ไม่ ผมรีบวิ่งทันที ผมไม่มีทางยอมแพ้ ผมรีบวิ่งสุดชีวิตเหมือนกำลังหนีผีที่กำลังจะตามอาฆาตแค้นผม พวกเราวิ่งจนถึงหน้าห้อง ผลสรุปคืออออออออ...................

|

|

|

|

|

“ เย่ กรูชนะ “ ผมยกมือทั้งสองข้างแล้วส่งเสียงดีใจ แล้วค่อยๆสาวเท้าเดินเข้าห้อง เพราะ จากการแข่งขัน ผลที่ได้รับคือ ขาอ่อน ซึ่งไอตุลก็ไม่ต่างจากผม ผมค่อยๆเดินไปนั่งที่ของตัวเองตามมาด้วยไอตุลที่ลากเก้าอี้ดัง ครืด กันย์ที่เห็นถึงกับแปลกใจ สงสัยไอนี่ยังไม่รู้ว่าพวกผม ผมกับตุลไปตกลงอะไรกัน

“ ไอเหี้ยเอ๊ย กรูแพ้” ไอตุลทำหน้าหน่ายเมื่อมันไม่ชนะผม

“ มึงบอกให้กรูมาเช้าเองว่ะ ไอตุล “ ผมบอกมัน ตุลทำสายตาจิกใส่ผม มันไม่ได้ช่วยให้ไอตุลมันดูน่ากลัว แต่มันยิ่งทำให้ดูตลกมากขึ้น

“ กรูไม่ได้บอกให้มึงแข่งกรู “ ผมสงสัย แล้วมันบ่นว่าแพ้ทำไมวะ

“ นี่ เกิดอะไรขึ้น แข่งอะไรกัน กรูไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย “ กันย์ที่นั่งเงียบเอ่ยถามขึ้น

“ อ่อ กรูนึกว่าไอตุลมันแข่งวิ่งขึ้นห้องกับกรู พอดีเห็นมึงที่บันได กรูเลยรีบขึ้นมา แต่ว่าดูเหมือนจะไม่ใช่ แฮะๆๆ “ ผมหัวเราะเจื่อนให้ไอกันย์ ไอกันต์เปลี่ยนจากหน้าหงิกกลายเป็นหัวเราะแทน

“ แล้วที่มึงบอกว่าไม่ได้แข่ง คือไรวะ “ผมถามไอตุลที่ตอนที่กำลังเลื่อนเก้าอี้มาร่วมวงกับพวกเรา มันคิ้วขมวด

“ เมื่อวานกรูมีเรื่องนิดนึง.... “ ตุลทำหน้าครุ่นคิดเรื่องอะไรบางอย่าง ผมสงสัย

 

ปิ๊ง อะไรบางอย่างเข้ามาในหัวสมองผม เมื่อวาน ไอตุลมันบอกจะรอผมแต่มันไม่ได้หรอ มันหนีกลับไป

 

“ ไอตุล ทำไมเมื่อวานมึงไม่รอกรู ! “ ผมถามกดเสียงต่ำ ทำสีหน้าจริงจัง ตุลหน้าซีดเผือด

“ คือว่า คือว่า กรูมีเรื่องนิดหน่อย พอกรูกลับมาหามึงกรูก็เห็นมึงไม่อยู่แล้ว “ ^ . ^

“ แล้วไปไหนมา “ กันย์เป็นคนถามแทนผม ผมพยักหน้า

“ มันเกิดอย่างนี้....... “ จากนั้นตุลก็เริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้พวกเราฟัง

 

สาเหตุที่ผมไม่เจอตุลมันเพราะ.................ระหว่างที่ตุลกำลังเดินไปยังสหกรณ์ มีรุ่นพี่คนนึง ตัวสูงกว่ามันมาก เดินชนไหล่มันจนตัวไอตุลล้มล้มไปกระแทกกับพื้น มันคิดว่ารุ่นพี่ที่ชนมันจะมาช่วยเหลือมันอะไรเล็กน้อย แต่ไม่ ไอตุลเลยจัดการด่า รุ่นพี่คนนั้นถามชื่อ ไอนี่ก็บอกชื่อเขา รุ่นพี่คนนั้นเลยใส่ชื่อมันให้เป็นกรรมการนักเรียนซะเลย มันรีบหนีมาหาผมแต่พบว่าผมไม่อยู่มันเลยไปเที่ยวห้างหาที่ระบาย มิน่าล่ะผมไม่เจอมัน

 

“ กรูก็เดินหามึงแทบตาย หาไม่เจอ “ ผมเกาหัวยิ้มเจื่อนๆ แต่คนจรงหน้าผมไม่ยิ้มสักนิด กลับตบหัวผมซะงั้น เล่นหัวเลยเรอะ รู้อยู่ว่าผมไม่ชอบ

“ ทำอย่างกับมึงเดือดร้อนคนเดียวอ่ะ มึงไม่รู้หรอกว่ากูเกือบตายจริงๆ “ ผมตะคอกใส่ไอตุล ผมรู้ว่าผิดแต่มันก็มีส่วนผิดเหมือนกันนะ

“ ทำไมวะไอเมษ “กันย์ถาม

“ ช่างมันเถอะ ไม่สำคัญอะไร “ ผมเอ่ยเสียงอย่างหงุดหงิด พร้อมกับยิ้มให้กันย์กลัวมันจะรู้สึกผิดก่อนจะใช้สายตาทั้งสองข้างค้อนไอ้เพื่อนเหี้ยข้างๆ

“ ขี้งอนวะ คนสวย “ คำพูดนี้ของไปตุลทำให้ต่อมความโกรธถึงกับขึ้นปรี้ดถึงสมอง ผมผลักมันตกเก้าอี้แล้วกระทืบซ้ำหนึ่งที ก่อนจะกลับไปนั่งที่เดิม ถึงแม้ว่า นร.ในห้องจะหันมามองพวกเราด้วยสายตาแปลกก็ตาม ไอตุลกลับมานั่งเก้าอี้ด้วยท่าทางสะอิดสะโอย สมน้ำหน้า ผมแอบสะใจเล็กน้อยในใจ

พวกเราใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ คือการ ...... คุยเล่นครับตามประสาวัยรุ่น ไอกันย์มันล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์ภาพๆหนึ่งซึ่งเป็นชายผมสีดำกำลังก๊กท่าถ่ายรูป ใบหน้านั่นมันคุ้นๆแฮะ

“ นี่ พวกมึงรู้จักกันป่ะ “ ไอกันย์ถามพวกเรา ผมก็ไม่ใช่พวกบ้าคลั่งดารา นายแบบนางแบบซะด้วย จะไปรู้จักได้ยังไงเล่า

“ ไม่อ่ะ / ไม่ “ ผมกับตุลตอบเป็นเสียงเดียวกัน

“ เดี๋ยวกูจะบอกให้ พี่คนนี้เขาอยู่ รร. เรา เป็นนายแบบ ซึ่งตอนนี้กำลังดังในน้องใหม่ในสังกัดวงการบันเทิง ที่ๆรู้มา พี่เขาชื่อดีฟ เป็นประธานนักเรียน “ หัวใจผมกระตุกทันที

“ เฮ้ย “ ผมอุทานออกมาเสียงดัง “ ดีฟ “ คนที่เป็นเพื่อนของพี่เบส คนที่จะมาดูแลผม เพื่อนผมมันมองผมด้วยใบหน้าที่สงสัยสุดๆ ทั้งสองคนเลย ผมปรับหน้าให้เป็นปกติ

“ มึงเป็นไรวะ ไอเมษ ทำอย่างกับเห็นผี “ตุลถาม

“ เอ่อ ไม่มีอะไร “ ผมตอบมัน ผมไม่รู้จะบอกกับพวกมันตรงนี้ดีมั้ยว่า ไอคนที่ชื่อดีฟมันเป็นคนที่อยู่บ้านเดียวกันกับผม คนที่จะมาดูแลผมแทนพี่ชาย ขืนบอกไปมันต้องไปบ้านผมบ่อยๆแน่ ผมขี้เกียจจัดห้องไอสองตัวนี้มาทีไร ห้องผมแมร่งเต็มไปด้วยเศษขยะทุกที

วันนี้พวกผมต้องเลือกชมรมกัน ผมตั้งใจจะเลือกชมรมดนตรีอยู่แล้วล่ะ เพราะผมรักในเสียงดนตรี แต่ผมไม่คิดจะเป้นดารา มันเหมือนเราอยู่ในโลกแคบ ไม่อิสระ ทำอะไรก็ไม่สะดวก ส่วนตุลก็จะเข้าชมรมวาดรูป ไอนี่ชอบวาดรูปมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ขนาดเรียนยังจะวาด และอีกคนที่ขาดไม่ได้คือ กันย์ กันย์มันเข้าชมรมถ่ายภาพ ตั้งแต่ ม. ต้นแล้วล่ะ

พวกเราเลยแยกทางกันหลังจากลงไปเลือกชมรม ผมรีบมุ่งตรงไปที่โต๊ะชมรมดนตรี คิวยาว ผมจึงจำใจต่อ ผมยืนต่อแถวแทบเหงื่อตก จำนวนแถวค่อยๆลดลงเรื่อย

 

ระหว่างที่ต่อคิวยาวสมัครชมรมดนตรี

 

“ กรี๊ดดดดดดดดด “ เสียงดังของ นร.หญิง ดังลั่นมาจากสนามกีฬา สถานที่ที่รับสมัครชมรมอยู่ใต้อาคารเรียน แต่ไม่ได้แคบ ผนังถูกยกสูง พื้นที่กว้าง ก็แหงล่ะสิ รร.เอกชน แถมข้อสอบที่ใช้ในการสอบเข้าโครตหินเลยล่ะ แต่ผมก็ผ่านจุดนั้นมาได้เพราะผมขยัน ผมใช้สายตาทอดมองลงไป เห็น นร.ชาย กำลังแข่งเล่นบาส กับไอแค่เล่นบาส พวกนางๆจะกรี๊ดกันให้ลั่นสนามทำไม ดีนะที่เขาจัดสถานลงสมัครชมรมที่ใต้อาคาร หากไปลงแถวสนามผมคงหูแตกตายแน่ๆเพราะเสียงของพวกนางๆ  = _ =

แถวถูกเลื่อนขึ้นจนมาถึงคิวผม ผมรีบใช้มือล้วงหยิบปากกา แต่เอ๊ะ ทำไมมันหาไม่เจอ ล้วงกระเป๋าเสื้อก็แล้ว กระเป๋ากางเกงก็แล้ว แต่มันหาไม่เจอ ซวยแล้ว

“ น้องๆ หาอะไรเหรอ “ พี่หน้าหล่อถามผม พี่เขาค่อนข้างหน้าตาดีทีเดียว ดูเหมือนท่าทางพี่เขาจะเป็นคนเฟรนด์ลี่ ยืมปากกาพี่เขาดีมั้ยนะ ลองเสี่ยงดูละกัน ไอเมษ

“ พี่ครับ คือว่า พี่พอจะมีปากกาซักแท่งมั้ยครับ “ ผมถามพี่เขา พี่หน้าหล่อที่ดูเฟรนด์ลี่ล้วงกระป๋าหยิบปากกาแล้วยื่นมาให้ผม

“ อ่ะ น้อง “

ผมรับมาแล้วเขียน พอเสร็จก็คืน อาาาาา ไม่เคยเห็นใครใจดีอย่างนี้มาก่อน ใน รร. นี้มีแต่ นร. หยิ่งๆกันทั้งนั้น โดยเฉพาะไอดีฟ แมร่งโครตหยิ่งชิบหาย เอ๊ะ นี่ผมจะไปชมผู้ชายยด้วยกันทำไมกัน เอ้อ เรานับวันยิ่งแปลก

ผมสะบัดความคิดในหัวของตนเองก่อนจะเดินลงมุ่งตรงไปยังโรงอาหาร ที่ที่ผมนัดเพื่อนกลับบ้าน ถึงแม้จะถูกไอดีฟบอกว่าให้กลับพร้อมกันก็เถอะ ใครจะไปยอม มันไม่มีอิสระเอาซะเลย

“ ตื้ด ตื้ด “ โทรศัพท์เจ้ากรรมเครื่องโปรดของผมดังขึ้น ผมเปิดดู ไอดีฟโทรมา 0 [] 0

ทำไงดีอ่า ถ้ารับมันต้องถามผมแน่ๆว่าอยู่ไหน ผมตัดสินกดสายทิ้ง แล้วรีบมุ่งไปที่โต๊ะที่พวกผมนัดเอาไว้ ผมเดินแลซ้ายแลขวาเพื่อดูว่าไอดีฟตามมารึเปล่า ไม่มีใครตาม ผมรีบเดินทันที ผมตรงไปโต๊ะที่พวกเรานั่งานข้าวด้วยกันประจำ ผมเห็นเพียงแต่ไอกันย์ ไม่เห็นไอตุล มันไปไหนของมันวะ กระเป๋าก็ไม่มี

“ ไอกันย์ ไอตุลไปไหนวะ “ ไอกันย์เงยชึ้นมา

“ มันบอกว่าไม่ต้องรอมัน มึงจะไปยังวะ “ ไอกันย์ถามผมกลับ ผมพยักหน้า พวกเราเดินออกจากโรงอาหาร ผมเร่งให้ไอกันย์เร่งฝีเท้า กลัวโดนไอดีฟเจอน่ะสิ จนเรามาเดินมาถึงนอก รร. ผมก็หยุดเร่งเพราะเห็นว่าปลอดภัย ไอดีฟคงหาผมไม่เจอหรอก

“ ไอเมษ มึงรีบทำไม ? “ กันย์ถาม มันหายใจเหนื่อยหอบ

“ ก็ไม่มีอะไร “ ผมทำสายตาล็อกแล็ก ไอกันย์จ้องตาผม ไอ้นี่ยิ่งจับผิดเรื่องสายตาคนอยู่ด้วย ผมรีบเปลี่ยนเรื่องคุยกัยมัน

“ มึง วันนี้ไปเที่ยวกันป่ะ “ ยังจะจ้องอีก

“ มึง เมษ ปิดบังไรกู “ ไม่หายสงสัย

“ ไม่มี “

“ แน่นะ “ ไอกันย์ชี้นิ้วมาทางผม ผมพยักกกหน้า มันถอนหายใจก่อนจะเปลี่ยนเรื่องมาคุยกับผมปกติ พวกเราตกลงจะไปเที่ยวห้างใกล้ รร. แถวนี้มันเจริญมาก ทั้ง รพ. ห้างสรรพสินค้า สวนสนุก อะไรอีกต่างมากมาย ตั้งอยู่แถว รร. หรือว่ามันอาจมีอยู่แล้วก็ได้ ผมกำลังเดินอย่างมีความสุข ตาข้างขวาผมมันกระตุกน่ะสิ ผมตบมัน

“ ไอ้เมษ ตบตาไมวะ “

“ ตากูมันขยิบข้างขวา “

“ลางร้าย ไอ้เมษ “ ทันทีที่ไอกันย์พูดจบ

“ เอี๊ยด “ เสียงรถจอด ผมได้ยินข้างๆหู ผมหันไปมองว่าใคร ผมตกใจมากเมื่อรู้ว่า ไอเจ้าของรถคันสีขาวสะอาดคือ

 

“ ไอดีฟ “

 

เจ้าของรถเปิดประตูออกมาจากรถแล้วประจันหน้าผม มันจับข้อมือผมแล้วลากผมขึ้นรถไป ผู้คนแถวนั้นต่างมองมาทางผมรวมถึงไปกันย์ด้วย มันไม่คิดจะเอื้อมมือมาช่วยเหลือ มันกลับยืนอึ้ง นี่ไอดีฟไม่อายรึไง มันลากผมเข้ารถ ไม่สนใจสายตา เหล่า นร. ที่มองมาทางผมและมัน ต้องเป็นข่าวแน่ๆ เพื่อนก็ไม่ได้ช่วยอะไรผมเลย พึ่งไม่ได้เลย ทั้งไอตุลและกันย์

 

อย่างนี้ผมต้องพึ่งการเอาตัวรอดของตัวเองใช่มั้ย ?

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา