ริมฝั่งทะเลฝัน

-

เขียนโดย น้ำไนล์

วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.56 น.

  14 ตอน
  2 วิจารณ์
  15.23K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 19.24 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) นิทานทะเล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                    เช้านี้แทนพยามยามลากร่างกายของตัวเองออกมายืนสูดอากาศที่ริมระเบียง หลังจากที่อุดอู้อยู่ในห้องมาหลายวัน นัทเดินออกจากห้องมาพอดีเห็นเข้าเลยร้องทัก

                   “อ้าว…แทน ทำไมออกมายืนตากลมล่ะยังไม่หายดีเลยนะเดี๋ยวก็ไข้ขึ้นอีกหรอก”

                   “เราไม่เป็นไรแล้ว อยู่แต่ในห้องมันเบื่อน่ะ”

                   “แต่แกต้องพักผ่อนเยอะๆรู้มั๊ย”

                   “พักแค่นี้ก็พอแล้ว เราไม่อยากเห็นแกกับวินต้องวิ่งเหนื่อยวุ่นวายกันอยู่สองคน ทั้งๆที่เราเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด” แทนก้มหน้าคอตกรู้สึกผิด

                   “เรากับวินไม่เคยคิดอย่างนั้นนะ แทนพวกเราเป็นเพื่อนกันนะมีอะไรก็ต้องช่วยกันสิ”

                   “เรารู้” แทนพูดเบาๆสบตานัท “ถึงอยากลุกขึ้นมาช่วยพวกแกบ้างไง ไม่อยากนอนอยู่เฉยๆ ร้านพังยับซะอย่างนี้วินมันคงวิ่งวุ่นหาเงินมาซ่อม เราเองก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้างคงพอจะช่วยได้” แทนระบายลมหายใจช้าๆในดวงตาครุ่นคิด

                   “เราเองก็พอมีของมีค่าอยู่ที่บ้านบ้าง เอามาขายคงจะได้หลายบาทบางทีเราอาจกลับบ้านไปเอามา”

                   “ก็หวังว่ามันคงเป็นทางเลือกสุดท้ายนะ เรารู้ว่าแกไม่อยากกลับบ้านนักหรอก” แทนตบบ่านัทเข้าใจความรู้สึกของเพื่อน

                   “อ้าวไง…” พวกแกมานั่งทำอะไรกันตรงนี้เนี่ย” วินเพิ่งตื่นนอนเดินหาวออกมาจากในบ้าน

                   “แทนแผลยังไม่หายดีเลยนะทำไมไม่นอนพักล่ะ”

                   “โถ พ่อคุณจะให้นอนไปถึงไหน จะเป็นอัมพาตแล้วเนี่ย”

                   “เออปากดีอย่างนี้แสดงว่าหายแล้ว”

                   “เราไม่เป็นอะไรแล้ววิน แกล่ะเป็นไงบ้าง”

                   “โอ๊ย แค่นี้น่ะเด็กๆใช่มั๊ยนัท” วินหันมาพยักหน้ากับนัท นัทหัวเราะตอบเบาๆแทนมองเพื่อนทั้งสองอย่างซาบซึ้ง เขารู้ดีว่าวินและนัทไม่อยากให้เขาคิดมาก

                   “เราขอโทษพวกแกนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเราทั้งร้านและพวกแกก็คงไม่เป็นอย่างนี้”

                   “อะไรว้า…แทนจอมซ่าของพวกเราหายไปไหนเนี่ย แค่นี้อย่าทำจ๋อยสิ เกิดเรื่องวันนั้นก็ดีเหมือนกันนะจะได้รู้ว่าไอ้นัทน่ะมันตีนหนัก ฮ่ะฮ่ะ กระโดดถีบไอ้นั่นซะจนตัวลอยเลย”

                   “แหมไอ้วินแกก็เหมือนกันแหละท่าลงไปนอนกองกับพื้นน่ะเท่ห์จริงๆ คิดได้ไงน่ะ”      นัทส่งสายตาค้อนไป ให้   วินซึ่งตอนนี้ยืนหัวเราะชอบใจอยู่

                   “อย่าคิดมากน่าแทน เพื่อนไม่ช่วยเพื่อนแล้วให้ไปช่วยแมวที่ไหนวะ” วินตบบ่าแทนเบาๆ แทนยิ้มบางๆบนใบหน้าบาดแผลทางร่างกายค่อยเลือนหายบาดแผลทางจิตใจแม้ต้องใช้เวลาสักนิดแต่น้ำใจและมิตรภาพระหว่างเพื่อนจะช่วยเยียวยาให้ดีขึ้นได้

                   “เออเมื่อกี๊ได้ยินแว่วๆว่ากลับบ้าน ใครกลับบ้าน อะไรกันเหรอ” วินหันมาถามข้อสงสัย

                   “ไม่มีอะไรหรอก เราคิดว่าถ้าแกยังหาเงินมาซ่อมร้านไม่พอก็จะกลับไปเอาของที่บ้านมาขายเอาเงินมาช่วยแกอีกทางหนึ่ง” นัทบอก

                   “เราก็มีเงินเก็บอยู่นะเราให้แกเอาไปซ่อมร้านหมดเลย” แทนพูดเสริม

                   “ขอบใจพวกแกมากนะแต่เราจัดการเรื่องนี้ได้แล้วล่ะ นัทแกไม่ต้องกลับบ้านหรอก แทนแกก็เก็บเงินไว้เถอะเอาไว้ใช้ยามจำเป็น”

                   “แล้วแกจะทำยังไง” ทั้งนัทและแทนเกือบจะพูดเป็นเสียงเดียวกัน

                   “เมื่อวานเราเจอพี่เอกน่ะเค้าให้ยืมเงินก้อนหนึ่งมาซ่อมร้าน เนี่ยเราได้เงินมาแล้ว กะจะคุยกับพวกแกเรื่องนี้อยู่พอดี เราจะซ่อมร้านให้เหมือนเดิมหรือว่าจะเปลี่ยนแปลงร้านเป็นแบบอื่นดีล่ะ พวกแกมีความเห็นว่าไง” วินหันมาถามความเห็นเพื่อนๆ สีหน้านัทหม่นลงนิดหนึ่งเมื่อได้ยินชื่อเอก

                   “เราว่าเปลี่ยนเป็นแบบใหม่ดีมั๊ยถือโอกาสปรับปรุงไปด้วยไง” แทนเสนอความเห็น

                   “แล้วจะเปลี่ยนเป็นแบบไหนดีล่ะ นัทแกล่ะว่าไง” วินถามนัทที่กำลังนั่งเหม่ออยู่

                   “เอ่อ…ไม่รู้สิ…คิดไม่ออก”

                   เสียงรถมอเตอร์ไซค์ดังขึ้นและจอดเงียบสนิทลงที่หน้าบ้าน ทั้งสามหันไปมองร่างบางพลิ้วไหวอยู่ตรงริมรั้วข้างหน้า

                   “เออ รู้แล้วว่าให้ใครคิดให้” แทนนึกขึ้นอย่างดีใจ

………………………………………………………………..

                   “ไงแทน เป็นไงบ้างดีขึ้นรึยัง” เสียงใสๆของฟ้าร้องถามแทนเมื่อเดินขึ้นมาบนระเบียงบ้านนัทหันไปมองใบหน้าหวานนั้น ปรายตาระริกไหวอย่างยินดี ฟ้าสบตานัทแล้วยิ้มให้

                   “ดีขึ้นแล้วครับพี่ แหมลาภปากของผมแท้ๆเลย” แทนพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปรับถุงส้มที่ฟ้าถือมาฝาก

                   “พี่ฟ้าไปไหนมาครับเนี่ย” วินถาม

                   “ก็มาเยี่ยมคนป่วยน่ะ” ฟ้าตอบ หากคำว่าคนป่วยนั้นกลับส่งสายตาไปที่นัท ดวงตาสื่อความห่วงใยจนคนที่ถูกมองยิ้มออกมา

                   “คนป่วยหายดีแล้ว” นัทตอบ รอยยิ้มบอกความหมายที่รู้กันเพียงสองคน

                   “อ้าวไอ้นัท ไอ้นี่มารู้ดีแทนเราอีก” แทนโวยวายเมื่อเห็นนัทแย่งตอบคำถามเสียเอง

                   “อ๊ะ ก็แกบอกเองไม่ใช่เหรอทำเป็นโวยวายไปได้ เอามานี่เลยส้มน่ะเห็นแก่กินจริงเลยแก” นัทคว้าถุงส้มจากมือแทนแล้วเดินปึงปังเข้าไปในครัว แต่เหมือนกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเดินกลับออกมาคว้ามือฟ้าเข้าไปในครัวด้วยกัน

                   “ไปล้างส้มดีกว่าพี่ฟ้า อย่าอยู่ใกล้ไอ้แทนเลยมันไร้สาระ” นัทจูงมือฟ้าในครัวในมุมที่ลับตาคนแล้วจึงหันไปหอมแก้มฟ้าเบาๆ

                   “คิดถึงจังเลย” นัทกระซิบบอก

                   “แผลเป็นไงบ้าง หายดีรึยัง…ไหนดูซิ” ฟ้าค่อยๆเอามือลูบใบหน้านัทช้าๆ นุ่มนวล

                   “อืม รอยช้ำหายแล้ว…เป็นห่วงนะคะ” ถ้อยคำแผ่วเบาเพราะคนพูดมัวก้มหน้าอยู่ด้วยความเขิน แต่ทว่ามันดังชัดเจนในหัวใจของนัท อิ่มเอมจนหัวใจเบ่งบาน นัทกอดร่างเล็กๆนั้นไว้ในอ้อมแขน คิดถึงจนไม่อยากคลายร่างนั้นให้ห่างแม้สักวินาทีเดียว

                   “พี่ฟ้าครับพวกเรามีเรื่องอยากปรึกษาหน่อยครับ” วินพูดเมื่อฟ้าเดินออกมาจากครัวและนั่งลงข้างๆโดยมีนัทถือถาดส้มเดินตามออกมา

                   “อะไรจ๊ะ” ฟ้าถามมองหน้าสองหนุ่มอย่างสงสัย

                   “คืองี้ครับ พวกเราจะซ่อมร้านใหม่ อยากเปลี่ยนแนวของร้านดูบ้าง แต่ปัญหาคือคิดไม่ออกว่าจะเปลี่ยนเป็นแบบไหนดี จะเอาแนวยังไง คอนเซ็ปเป็นแบบไหน หรือว่าจะ…”

                   “คือเราอยากให้พี่ฟ้าคิดให้ครับ” แทนพูดสวนออกมาอย่างรำคาญที่เห็นวินอ้อมค้อมอยู่นาน ฟ้าหัวเราะกับท่าทีที่วินหันไปค้อนแทน

                   “อืม พี่ว่าเน้นกลิ่นอายของทะเลให้มากกว่านี้ดีมั๊ย ร้านของเราหันหน้าออกสู่ทะเลเราก็ควรลดระดับความสูงของรั้วด้านหน้าลงมาหน่อย ตีเป็นไม้กั้นสักชั้นนึงพอ ตรงแนวรั้วมีเสาสูงสักเมตรประมาณ3-4ต้นไว้ติดหลอดไฟ ส่วนโต๊ะกับเก้าอี้นี่ไปเลือกแบบกันที่ร้านเฟอร์นิเจอร์ก็ได้จะได้ดูหลายแบบเลือกแบบที่เก๋ๆหน่อย บนเวทีกับฉากหลังนี่เน้นทาสีขาวนะจะทำให้ดูอบอุ่นเป็นกันเอง ฉากหลังอาจจะมีไฟกระพริบสลับกับม่านเปลือกหอย อืม…แล้วก็บาร์น้ำทำเป็นเคาท์เตอร์ทาสีขาวเหมือนกัน มีเก้าอี้สัก2-3ตัวสำหรับลูกค้าที่อยากนั่งคนเดียว แบ่งสัดส่วนในการวางของให้ดี พี่ว่าน่าจะโอเคนะ อ้อ แล้วเมนูน่ะให้นัททำเปเปอร์มาเช่แบบเปลือกหอยสิ พอเปิดฝาหอยออกมาก็มีรายการเครื่องดื่มเขียนเอาไว้    เก๋ดีนะ”

                   ตลอดเวลาที่นัทเฝ้ามองฟ้าบรรยายแบบของร้านด้วยแววตาพรายฝันนั้นนัทรู้สึกชื่นชมในท่าทีจริงจังที่เปี่ยมไปด้วยจินตนาการของฟ้า ไม่ว่าจะเป็นการชี้มือไปตรงจุดนั้นจุดนี้ มันดูสวยงามน่ามองไปหมด จินตนาการที่ฟ้าถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดนั้นทำให้นัทเริ่มมองเห็นร้านใหม่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

                   “โห พี่ฟ้าไอเดียบรรเจิดเลยพี่ แหมคิดไม่ผิดเลยที่ให้พี่ฟ้าออกแบบให้เนี่ย” แทนพูดประจบประแจงทันที

                   “เอ แล้วจะใช้ชื่อ ร้านฝั่งฝันเหมือนเดิม หรือว่าร้านเปลือกหอยดีล่ะ”

                   “ไอ้บ้าแทน ร้านเปลือกหอยบ้านแกสิ” นัทแหวเข้าใส่แทนที่นั่งหัวเราะทำหน้าทะเล้นอยู่

                   “พี่ฟ้าครับ งั้นผมขอรบกวนพี่ฟ้าหน่อยนะครับ เรื่องแบบร้าน”

                   “ได้สิวินไม่มีปัญหาหรอก จะทำกันเมื่อไหร่ล่ะ พี่จะได้มาช่วย”

                   “ได้แบบที่พี่ฟ้าบอกแล้วก็ต้องทำกันเร็วๆนี้แหละครับ เอางี้ดีกว่า กลางวันนี้พี่ฟ้าทานข้าวที่นี่นะครับเดี๋ยวผมเข้าครัวเอง ถือเป็นการเลี้ยงขอบคุณนะครับ เออ แล้ววันนี้พี่ฟ้าไม่เปิดร้านเหรอครับ”

                   “วันนี้เป็นวันหยุดพี่จ้ะ” ฟ้าบอกแต่ตากลับมองไปยังอีกคนที่ยืนยิ้มตาเป็นประกาย

                   “ดีจังจะได้อยู่นานๆนะนัทนะ” วินหันไปพยักหน้ากับนัทโดยที่ไม่รู้เลยว่าคำพูดของเขาถูกใจนัทที่สุด

                   “อื้ม…” นัทพยักหน้ารับด้วยหัวใจอิ่มเอม

                   “งั้นผมขอตัวไปซื้อกับข้าวที่ตลาดก่อนนะครับพี่ฟ้า” ว่าแล้ววินก็เดินลงบันไดไป แทนลุกขึ้นยืนบิดตัวไปมาสองสามทีก่อนจะหันมาบอกฟ้า

                   “รู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวขึ้นมาสงสัยมันจะระบม ขอตัวไปนอนสักครู่นะครับพี่ฟ้า นัทแกนั่งคุยเป็นเพื่อนพี่ฟ้าก่อนนะ” หลังจากหันมาสำทับนัทแล้วแทนก็เดินเขยกๆเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้สายตาของนัทส่งความคิดถึงไปที่ฟ้าพร้อมๆกับสายลมรวยรื่นพัดพรมอยู่รอบกายของทั้งคู่

…………………………………………………………

                   แดดยามสายเต้นระริกไหวอยู่บนผิวน้ำส่องประกายวิบวับไปทั่วผืนทะเล นัทและฟ้าเดินเคียงกันมาบนหาดทราย สายลมพัดพลิ้วหยอกล้อกับหัวใจสองดวงที่อาบอิ่มไปด้วยความสุข นัทจูงมือฟ้าไปนั่งบนขอนไม้ที่วางอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่หันหน้าออกสู่ชายหาดด้านที่ไม่มีคนพลุกพล่านนัก

                   “ที่นี่เงียบดีคนไม่เยอะนัทชอบมาเดินเล่นแถวนี้บ่อยๆ…พี่ฟ้าเหนื่อยมั๊ย” นัทถาทอย่างห่วงใย เอื้อมมือปัดเส้นผมที่ลุ่ยลงมาปกหน้าของฟ้า

                   “ไม่หรอกจ้ะ นัทล่ะ”

                   “อยู่กับพี่ฟ้าให้เหนื่อยหรือลำบากยังไงนัทก็ทนได้”

                   “จ้า…คนเก่ง” ฟ้าส่งสายตาค้อนไปให้ด้วยความหมั่นไส้ในคารมนั้น

                   “อ้าว จริงนะ ไม่เชื่อนัทเหรอ” ดวงตาแพรวพราวระยิบยับอยู่ใกล้ๆใบหน้าฟ้า ใบหน้านั้นอ่อนใสหน้าเอ็นดู ฟ้ายิ้มอ่อนโยนให้คนตรงหน้า

                   “พี่ฟ้าเชื่อเรื่องนิทานทะเลมั๊ย” อยู่ๆนัทก็เอ่ยถามประโยคนั้นออกมาเรียกสายตาสงสัยของฟ้าให้หันไปมอง

                   “แม่เคยเล่าให้นัทฟังบ่อยๆเกี่ยวกับนิทานทะเล” นัทหันไปมองใบหน้าหวานที่กำลังนั่งตาแป๋วอย่างตั้งใจฟัง

                   “แม่บอกว่า…ทะเลเกิดจากดวงดาวแห่งความรักสองดวงที่มีสีฟ้าสวยงามและบริสุทธิ์ เป็นดวงดาวที่มีสัญลักษณ์เดียวกันไม่แบ่งแยกหรือแตกต่าง ดาวสองดวงนี้อยู่ใกล้กันเลยดูดกลืนพลังงานของกันและกันและถ่ายทอดพลังงานสู่กันและกัน ทำให้แสงสว่างที่มีอยู่ในตัวของดาวทั้งสองยิ่งสว่างไสวสวยงามยิ่งกว่าเดิม ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ดวงดาวแห่งความรักสองดวงนี้โดดเด่นยิ่งกว่าหมู่ดาวใดๆ จนกระทั่งวันหนึ่งมีกลุ่มดาวสีดำกลุ่มหนึ่งโคจรเข้ามาในระบบจักรวาลด้วยความเร็วสูงและมีอานุภาพทำลายหมู่ดาวกลุ่มเล็กๆให้แหลกละเอียดได้เลย  ดาวแห่งความรักทั้งสองดวงรู้ชะตากรรมและไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ก่อนที่จะดับสลายดาวทั้งสองส่งกระแสจิตแห่งรักต่อกันต่างอธิษฐานให้เศษซากที่หล่นร่วงของดาวทั้งคู่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ไม่พลัดพราก     ไม่แยกจาก     ให้กระแสแห่งรักไหลวนอยู่ในเนื้อเดียวกัน และด้วยแรงอธิษฐานนี้ทำให้ซากของดวงดาวทั้งสองที่หล่นลงมาบนพื้นโลกได้กลายเป็นผืนน้ำทะเลกว้างใหญ่อยู่หน้าเรานี่ไง”

                   ฟ้ายิ้มหวานมองตาคนที่กำลังตั้งใจเล่านิทานให้ฟังอย่างเอ็นดู นัทกุมมือฟ้าไว้เบาๆเงาในดวงตาเป็นประกาย

                   “พี่ฟ้าเชื่อเรื่องความรักที่ไม่แบ่งแยกมั๊ย เชื่อในเรื่องความรักของผู้หญิงกับผู้หญิงมั๊ยว่ามันเป็นไปได้จริง”

                   ถ้อยคำถามนั้นเหมือนก้อนอะไรหนักๆที่หล่นทับลงบนหัวใจของฟ้า…ความรักงั้นหรือ ความรู้สึกที่อวลอุ่นอยู่ในหัวใจตอนนี้มันคือความรักอย่างนั้นหรือ

                   ฟ้าเงียบนิ่ง…มองไปยังแสงระยิบจากผืนน้ำเบื้องหน้า นัทจับมือฟ้าขึ้นมาแนบยังอกเบื้องซ้ายของตัวเอง

                   “ถ้าพี่ฟ้ายังไม่เชื่อหรือไม่รู้ก็ไม่เป็นไร…แต่นัทอยากให้พี่ฟ้าฟังเสียงเต้นของหัวใจดวงนี้บ้าง ทุกจังหวะการเต้นมีพี่ฟ้าอยู่ในนี้เสมอ”

                   วูบหนึ่งที่หัวใจของฟ้าสั่นไหว เหมือนพลิ้วระลอกคลื่นบางๆสาดสู่หัวใจทั้งอ่อนหวานและนุ่มนวล วาบหนึ่งที่หัวใจรู้สึกอบอุ่นอย่างเป็นสุข

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา