ริมฝั่งทะเลฝัน

-

เขียนโดย น้ำไนล์

วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.56 น.

  14 ตอน
  2 วิจารณ์
  15.23K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 19.24 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) สัมผัสตรึงใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                   ท้องฟ้าภายนอกเริ่มขาวขึ้นแล้วนัทยืนเหม่อมองบรรยากาศโดยรอบอยู่ที่ริมระเบียงผืนฟ้าค่อยๆอ่อนสีจางลงจากสีดำเป็นสีน้ำเงินเข้มแล้วอ่อนแรงลงตามลำดับจนกลายเป็นสีขาว….วันใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง…นัทยืนกอดอกห่อตัวด้วยความหนาวเย็นเมื่อสายลมพัดต้องผิวกาย

                   “มายืนหาอะไรอยู่ตรงนี้วะนัท” เสียงแทนงัวเงียดังมาจากข้างหลัง

                   “มายืนดูพระอาทิตย์ขึ้นน่ะ ทำไมสว่างแล้วพระอาทิตย์ยังไม่มาอีกล่ะ”

                   “โธ่เอ้ย…ไอ้นัททิศนี้พระอาทิตย์เค้าใช้ตกอย่างเดียว”

                   “อ้าว…อุตส่าห์แหกขี้ตาตื่นตั้งแต่เช้ามืด…หลงทิศหรือเนี่ย   เออแทนแกตื่นเช้าดีเหมือนกันนี่” ประโยคหลังหันไปชมเชยเพื่อน

                   “ปล่าวหรอกลุกขึ้นมาฉี่น่ะ…กำลังจะไปนอนแล้วเนี่ย…ง่วง” ว่าแล้วแทนก็เดินงัวเงียหายเข้าไปในบ้านปล่อยให้นัทยืนขำอยู่ข้างนอก

……………………………….

                   เช้านี้ชายหาดค่อนข้างเงียบเหงา  มีเพียงนักท่องเที่ยวหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่เดินย่ำหาดทรายหยอกล้อกับฟองคลื่น  แสงแดดอ่อนยามเช้าฉาบทาแผ่นน้ำให้เป็นประกาย

                   นัทเดินมาเรื่อยๆตามแนวของต้นสนที่ยืนต้นอยู่ตามชายหาด  เส้นผมสะบัดพลิ้วตามแรงไหวของสายลมสายตาทอดไกลอย่างไร้จุดหมาย  นานๆครั้งถึงจะหยุดยืนนิ่งๆวางสายตายังขอบฝั่งทะเลลมหายใจเศร้าทอดถอนอย่างอ่อนแรง  แล้วจึงก้าวเท้าเดินอย่างเดียวดาย

                   หลายวันที่นัทได้มาอยู่ที่ริมทะเลแห่งนี้ชีวิตใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแม้จะเพลิดเพลินกับการทำงานแม้เสียงพูดคุยหยอกล้อของวินกับแทนทำให้นัทหัวเราะขึ้นมาได้บ้าง  หากเบื้องลึกของจิตใจคล้ายดั่งเงาของความโศกมิได้จางหายไปไหน  ยังคงถวิลหารอยอุ่นมาห่มใจให้หายเหน็บหนาว

                   นัทเดินมาเรื่อยๆจนถึงบริเวณซุ้มต่างๆซึ่งวางอยู่เรียงรายตามแนวของชายหาดด้านนี้  แต่ละซุ้มนั้นวางขายสินค้าที่ระลึกจากชายทะเลบ้าง  ขายหมวกสานกันแดดบ้างชุดอาบน้ำบ้าง  ยามเช้าอย่างนี้บรรดาแม่ค้าต่างง่วนอยู่กับการจัดวางสินค้าหรือไม่ก็ทำความสะอาดซุ้ม  นัทหยุดยืนอยู่ตรงหน้าซุ้มหนึ่งซึ่งด้านหน้านั้นมีภาพวาดสีน้ำหลายภาพวางแสดงอยู่  ด้านในซุ้มมีชั้นวางหนังสือวางเรียงแถวกันอยู่  ด้านหน้าซุ้มใกล้ๆกับภาพวาดนั้นมีม้านั่งเล็กๆตั้งอยู่ข้างๆมีอุปกรณ์เกี่ยวกับการวาดภาพ  ทั้งเฟรม  ขาตั้ง  จานสี  และพู่กัน

                   “สนใจภาพไหนเชิญชมได้นะคะ” เสียงหวานใสนั้นดังมาจากข้างในดึงสายตาของนัทให้หันไปมอง หญิงสาวผิวขาวใบหน้าหวานผมหยิกยาวนั้นถูกรวบไว้หลวมๆทำให้ไรผมบางส่วนหล่นรุ่ยอยู่ข้างใบหน้าตาโตคู่นั้นเป็นประกายดั่งพระอาทิตย์ยามเช้า นัทรู้สึกคุ้นเคยกับใบหน้านั้นคล้ายดั่งว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

                   “อ้าว น้องนัทนั่นเอง นั่งก่อนสิคะ” ดวงตาหวานชวนฝันนั้นจับจ้องอยู่ที่ใบหน้านัท นัทนึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่วินแนะนำให้รู้จัก เธอมาที่ร้านฝั่งฝันเมื่อคืนที่ผ่านมาจำได้ว่าวินเคยเปรยเอาไว้ว่า

                   “พี่เอกกับพี่ฟ้าเค้าเป็นแฟนกัน พี่ฟ้าเปิดร้านขายภาพและหนังสือเช่าอยู่ตรงซุ้มหน้าหาดด้านโน้นส่วนพี่เอกเค้าเปิดบังกะโลอยู่ที่นี่”

                   ทั้งรอยยิ้มและแววตายังคงทอดมองมาที่นัทอย่างอ่อนโยนจนนัทรู้สึกประหม่า

                   “พี่ฟ้าจำนัทได้ด้วยเหรอ” นัทพูดแล้วรู้สึกเก้อเขินในคำพูดนั้นฟ้ายิ้มเอ็นดูในท่าทีของนัท

                   “เช้าๆอยางนี้กาแฟหน่อยมั๊ย” นัทพยักหน้ายิ้มฟ้าเดินหายเข้าไปในส่วนด้านหลัง

                   ทะเลยามเช้าหอบเอากลิ่นไอหอมชื่นใจอย่างประหลาด  นัทสูดลมหายใจลึกๆเต็มปอดแล้วไล่สายตามองภาพวาดแต่ละภาพอย่างสนใจ

                   ภาพเหล่านั้นล้วนเป็นภาพของท้องทะเลในลีลาที่แตกต่างกัน  บางภาพเป็นท้องทะเลยามเช้าดวงอาทิตย์แรเงาอยู่ปลายขอบฟ้าแผ่รัศมีสีทองคล้ายแผ่นกระจกบาง  บางภาพเป็นท้องทะเลยามดวงอาทิตย์กำลังโน้มตัวลงจูบผืนน้ำแผ่นฟ้าถูกระบายด้วยสีม่วงเศร้ามีนกเล็กๆสองสามตัวกำลังจะบินลับหายไปในกลีบเมฆเป็นภาพที่ให้อารมณ์โศกสะเทือนในความรู้สึกของนัท  อีกภาพเป็นภาพชิงช้าเถาวัลย์ประดับด้วยกล้วยไม้สีม่วงแซมขาว  ฉากด้านหลังเป็นหาดทรายน้ำตาลนวลล้อมรอบผืนทะเลสีครามไว้  ดูแล้วรู้สึกอบอุ่นชวนฝัน

                   ไม่นานนักฟ้าเดินออกมาพร้อมด้วยถ้วยกาแฟในมือสองที่  ฟ้าอมยิ้มกับภาพของนัทที่ยืนมองภาพวาดเหล่านั้นอยู่  ในดวงตาคล้ายค้นหาอะไรสักอย่างในภาพวาด

                   “สนใจภาพไหนหรือจ๊ะ” นัทหันมามองแล้วเดินมานั่งตรงข้ามฟ้าเส้นผมหล่นร่วงมาปรกหน้าผากทำให้ต้องยกมือเสยขึ้นอย่างลวกๆเผยให้เห็นดวงตาหวานคมลึกซึ้งชวนมอง

                   “พี่ฟ้าวาดเองทั้งหมดเหรอ” หางเสียงทอดต่ำลงนุ่มนวล

                   “จ้ะพี่ชอบวาดภาพ…ภาพสีน้ำนะ…มันมีความนุ่มนวลอ่อนหวานและก็ดูอบอุ่นภาพสีน้ำบางภาพแม้จะดูเศร้าแต่ในความเศร้าของสีน้ำยังให้ความสวยงามและอ่อนโยน” เสียงนั้นรื่นหูจนนัทฟังเพลิน

                   “เอ๊ะ…มีอะไรอยู่บนใบหน้าพี่เอ่ย” ฟ้าเลิกคิ้วถามอย่างสงสัยที่เห็นนัทวางสายตานิ่งอยู่บนใบหน้าเธอ

                   “เอ่อ…เปล่า”นัทรีบปฏิเสธอย่างขัดเขินยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่มแก้เก้อ

                   “ทำไมถึงเดินมานี่ได้ล่ะเรา…ไกลนะเนี่ย”

                   “นัทเดินมาเรื่อยๆ…มันเบื่อๆ” ปลายเสียงหม่นลง ฟ้าลอบสังเกตุที่ดวงตาของนัทยังจำได้ถึงรอยหมองไหม้เมื่อคืนก่อน เด็กคนนี้คล้ายมีอะไรบางอย่างในหัวใจที่ซุกซ่อนอยู่ดวงตาคมลึกซึ้งนั้นหวานโศกเหมือนแสงของพระจันทร์ที่เย็นเศร้า

                   “ที่นี่มีหนังสือเยอะดีจัง” นัทปรายตามองหนังสือด้านใน

                   “สงสัยพี่ฟ้าจะเป็นหนอนหนังสือนะเนี่ย”

                   “จ๊ะ…ก็อ่านได้เรื่อยๆนะ พี่ว่ามันเพลินดี นอนอ่านหนังสือเล่มโปรดฟังเสียงคลื่นสูดกลิ่นไอทะเลเบื่อๆก็ลุกมาวาดรูป อืม…แค่นี้และชีวิตวันๆหนึ่งของพี่”

                   “คงเป็นชีวิตที่มีความสุขที่สุด”

                   “นัทคิดอย่างนั้นหรือจ๊ะ” ฟ้าส่งยิ้มหวานให้นัทแปลกที่นัทรู้สึกวูบวาบในใจทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มและดวงตาที่ฟ้ามองสบมา

                   “เอ่อ…คือนัทคิดว่าถ้าคนเราได้อยู่กับธรรมชาติที่สงบได้ทำในสิ่งที่เรารักชีวิตก็คงไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”

                   “อืม…แล้วที่นัทมาไกลถึงริมทะเลที่นี่มาหาความสงบหรือหลีกหนีอะไรบางอย่างมาหรือจ๊ะ” นัทหลบสายตาของฟ้าที่มองทอดมา รอยยิ้มนั้นดูอบอุ่นเสียจนนัทคิดถึงแม่ ฟ้ามองดูท่าทีนั้นรู้สึกถึงความสับสนในใจของนัท

                   “เออ พี่ว่าเราลองไปดูหนังสือข้างในกันมั๊ย…เผื่อมีบางเล่มที่นัทอยากอ่าน”   ฟ้าจูงมือนัทเข้าไปข้างใน ตรงหน้าประตูซุ้มมีมู่ลี่ที่ทำจากเปลือกหอยกั้นอยู่ทำให้เกิดเสียงกระทบเวลาเดินผ่าน นัทก้มลงมองมือของฟ้าที่จูงมือนัทอยู่และแอบยิ้มให้กับตัวเองรู้สึกอบอุ่นในรอยสัมผัสนั้น

………………………………..

                   แดดยามบายเต้นระยิบอยู่บนผืนน้ำ  เมฆสีขาวเคลื่อนตัวอ้อยอิ่งอยู่บนแผ่นฟ้าโขดหินสีดำยืนอยู่อย่างสงบในขณะที่เกลียวคลื่นได้ถั่งโถมเข้าใส่อย่างไม่หยุดยั้ง

                   นัทเอนกายพิงต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆชายหาดทะเลทางด้านนี้เงียบสงบนักท่องเที่ยวต่างนอนอาบแดดบ้าง  ล้อมวงกันใต้ต้นไม้เล่นกีต้าร์ร้องเพลงกันบ้างหนุ่มสาวบางคู่นอนหนุนตักพรอดพร่ำคำรักต่อกันนัทเหม่อมองไปไกลถึงสุดทะเลตรงที่แผ่นน้ำจรดแผ่นฟ้าที่ๆนัทเคยเฝ้าถามหาว่ามันอยู่ตรงไหนกันแน่

                   “เส้นขอบฟ้าไม่มีอยู่จริงหรอกลูกมันก็แค่ภาพลวงตาเป็นเพียงปริศนาให้ผู้คนเฝ้าสงสัย” บางคำพูดของแม่ที่เคยบอกกับนัทในคืนวันเก่าๆที่แม่เคยพานัทไปนั่งที่ริมทะเลแห่งหนึ่ง

                   “ทำไมถึงไม่มีล่ะแม่ก็นัทยังมองเห็นอยู่เลย” เสียงเล็กๆของนัทเฝ้าถามแม่ในวันนั้นแม่เอามือลูบผมนัทเบาๆอย่างอ่อนโยน

                   “นัทฟังแม่นะลูกขอบฟ้ามันอยู่ไกลมากไกลจนเราไม่สามารถมองเห็นได้ เส้นขอบฟ้าที่นัทมองเห็นอยู่ข้างหน้านั้นมันไม่มีอยู่จริงมันแค่หลอกให้เราเห็นว่าใช่หลอกให้เราเห็นว่าสวยงามแต่แท้จริงแล้วมันว่างเปล่าจับต้องไม่ได้บางสิ่งบางอย่างนะนัทหนูอย่าใช้แค่สายตามองอย่างเดียวต้องใช้หัวใจสัมผัสด้วยนะลูกสัมผัสให้ลึกซึ้งสัมผัสให้ถึงใจแล้วจึงค่อยรักค่อยหวัง”

                   วันนั้นแม่พูดหลายประโยคที่นัทไม่รู้ไม่เข้าใจนัทรู้เพียงแต่ว่าดวงตาของแม่เศร้ามากและแม่ก็ร้องไห้….

                   นัทค่อยๆลูบไล้หนังสือในมืออย่างทะนุถนอมหนังสือเล่มบางหน้าปกเป็นรูปผู้หญิงยืนแหงนมองแสงพระจันทร์ท่ามกลางสายฝนโปรยบนปกด้านบนเขียนชื่อหนังสือไว้ว่า ‘แด่ดวงตาที่เหน็บหนาว’

                   “หนังสือเล่มนี้ดีนะ…พี่อยากให้นัทได้อ่าน”ฟ้าส่งหนังสือเล่มนั้นมาไว้ในมือนัท

                   “รู้มั๊ยว่าดวงตาของนัทมันเศร้ามาก”

                   นัทเอาหนังสือเล่มนั้นมาไว้แนบอกหลับตาลงความนุ่มนวลอ่อนโยนของฟ้าอุ่นซ่านไปถึงใจ…แท้จริงแล้วหัวใจของนัทอ่อนไหวได้ถึงเพียงนี้

…………………………………

                   “อ้าวนัทหายไปไหนมาตั้งครึ่งวันล่ะ” วินร้องทักขณะที่นัทเดินขึ้นมาบนบ้าน

                   “แล้วถืออะไรมาด้วยล่ะ”

                   “หนังสือน่ะ พี่ฟ้าให้ยืมมาอ่าน”นัทชูหนังสือในมือให้วินดูแล้วนั่งตรงเก้าอี้ริมระเบียงหันหน้าไปสู่ชายหาดอีกด้านหนึ่ง

                   “โอ้โหเดินไกลไปถึงหาดด้านโน้นเลยแฮะ ไม่เหนื่อยหรือไง”

                   “ก็เดินเรื่อยๆน่ะ”

                   “แล้วพี่ฟ้าเป็นไง พี่เอกอยู่ด้วยหรือเปล่า”

                   “เปล่านี่ เห็นแต่พี่ฟ้าคนเดียว”

                   “เฮ้อ…พี่เอกก็งี้แหละทำแต่งานเห็นว่าต้องเคลียร์งานอะไรก็ไม่รู้ให้เสร็จถึงจะได้มีเวลาแต่งงาน สงสารแต่พี่ฟ้าเหงาอยู่คนเดียว….เออวันหลังถ้าแกจะไปเอามอร์’ไซค์ไปก็ได้มันไกล” นัทได้แต่พยักหน้า ในใจนั้นกำลังครุ่นคิดถึงใครบางคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของชายหาด

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา