[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2

9.7

เขียนโดย DPR_Fox

วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.

  56 ตอน
  51 วิจารณ์
  228.35K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) Chapter 10 : งานเลี้ยงต้อนรับ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Chapter 10 : งานเลี้ยงต้อนรับ


 

เมื่อเข้าไปในบ้านป้องก็พบกับลุกซ์อีกครั้งขณะที่ชายหนุ่มกำลังยืนดื่มน้ำอยู่ในครัว  ลุกซ์เหลือบตามองป้องนิดๆ ก่อนจะหันไปหาลันที่ยืนอยู่ข้างหลังป้อง

“หมอนี่เป็นใครทำไมมึงถึงยอมฝึกให้?” ลุกซ์ถามอย่างสงสัยเพราะปกติลันไม่ค่อยฝึกให้ใครถ้าไม่ใช่คนในชมรมและตอนนี้ลันก็จบมาตั้งนานแล้วด้วย

“น้องของคนรู้จัก” ลันบอกนิ่งๆ

“สำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ? ปกติไม่เห็นมึงสนใจใครนอกจากเมียมึงนี่” ลุกซ์ถามอีก

“อืม น้องของคนสำคัญ” ลันหรี่ตามองป้องนิดๆ ซึ่งก็พบว่าป้องกำลังขมวดคิ้วเม้มปากอย่าสะกดอารมณ์

“ใครวะ? มึงมีคนสำคัญด้วยเหรอ?” ลุกซ์งง

“ไอ้เปอร์” ทันทีที่คำตอบหลุดออกจากปากลันลุกซ์ก็หันขวับไปมองป้องอย่างตกใจทันที

“พี่ลัน ผมว่าวันนี้ผมกลับก่อนดีกว่า  ไม่มีอารมณ์จะซ้อม” ป้องไม่มองหน้าลุกซ์ก่อนจะเดินไปคว้ากระเป๋าสะพายของตัวเองที่วางอยู่บนโซฟา

“ป้อง กลับแล้วเหรอ?” ไอที่นั่งดูทีวีอยู่ข้างๆ กระเป๋าป้องถามขึ้นทำให้ลุกซ์ที่เดินตามออกมาจากครัวตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าเด็กผู้ชายตรงหน้าตัวเองก็คือป้อง

“ป้อง...เหรอ?” ลุกซ์ถามขึ้นทำให้ป้องหันไปมองลุกซ์แล้วยกยิ้มแสยะ

“ใช่ครับ ผมชื่อป้อง” ป้องตอบประชด

“โตขึ้นเยอะนะ” ลุกซ์ยิ้มนิดๆ พลางเดินไปหวังจะลูบหัวเด็กที่ตัวเองเอ็นดูแต่ป้องขยับหลบทำให้ลุกซ์หน้าเสียนิดๆ

“ครับ” ป้องพยักหน้ารับ

“จำพี่ได้ไหม?” ลุกซ์ถามยิ้มๆ

“จำได้สิครับ จำได้แม่นเลย” ป้องถลึงตามองลุกซ์อย่างไม่เกรงกลัวทำให้ลุกซ์นิ่งไปเพราะรู้ว่าป้องคงจะแค้นเขามากที่ทำให้เปอร์เสียใจ

“ได้ยินว่าย้ายไปอยู่กับไอ้เปอร์ โอเคไหมล่ะ?” ลุกซ์หาเรื่องคุย

“ก็ตามมีตามเกิดแหละครับเพราะพี่เปอร์ทำงานอยู่คนเดียว จะให้อยู่อย่างสุขสบายก็คงไม่ได้” ป้องมองลุกซ์อย่างเคืองๆ

“ตอนนี้เงินเดือนของไอ้เปอร์ก็เยอะขึ้นมากนะ  คงจะสบายขึ้น” ลุกซ์พูดอีก

“ถึงจะได้เงินมามากแต่ก็ใช่ว่าจะสบายนี่ครับ  ทุกคนในครอบครัวผมมีแต่คนเป็นทุกข์เพราะพี่เปอร์ต้องทำงานบนความทุกข์ทรมาน  เงินที่แลกมาจากความรู้สึกของคน  พวกเราไม่อยากได้” ป้องพูดเสียงแข็งกระด้างจนคนฟังถึงกับจุก “พี่ลัน พี่ไอ  ผมกลับก่อนนะคระ...”

“ป่าป๊า” ก่อนที่ป้องจะพูดจบเสียงใสแจ๋วของเด็กวัยสองขวบก็ดังขึ้นทำให้ป้องชะงักแล้วหันไปมองลูกชายของลุกซ์ที่กำลังเดินเตาะแตะลงมาจากบันไดชั้นสอง  ลุกซ์เห็นลูกเดินลงมาคนเดียวเขาจึงรีบวิ่งขึ้นไปอุ้มลูกลงมาข้างล่าง

“น้องปิง อย่าเดินลงบันไดคนเดียวอีกนะครับ  มันอันตราย” ลุกซ์ดุลูกนิดๆ ก่อนจะหอมแก้มนิ่มๆ เบาๆ

“คุณย่า หาย  อยากหาคุณย่า” น้องปิงพูดเสียงอ้อแอ้พลางเบ้ปากเหมือนจะร้องไห้เพราะเพิ่งตื่น  เด็กน้อยตื่นมาไม่เจอใครก็เลยงอแง

“อ่า...” ลุกซ์ขมวดคิ้วพลางมองหาแม่ของตัวเองแต่ก็ไม่พบ “อยู่กับคุณพ่อนะครับน้องปิง  คุณย่าไม่อยู่” ลุกซ์บอกเสียงเบาเพราะไม่อยากเสียงดังให้ลูกกลัว

ป้องมองสองพ่อลูกนิดๆ ก่อนจะยกยิ้มแสยะที่มุมปาก

“ลูกน่ารักดีนะครับ  มิน่า...คุณถึงยอมทิ้งคนที่รอคุณอย่างซื่อสัตย์ไป  ก็นะ...ลูกในไส้คงดีกว่าผู้ชายจนๆ อย่างพี่ชายผม” ป้องพูดประชดอย่างแค้นเคืองทำให้ลุกซ์ถึงกับพูดไม่ออกเพราะป้องพูดจี้ปมเขาจังๆ

“ป้อง!” ลุกซ์เรียกป้องเสียงดุ

“ทิ้งไปแล้วก็อย่ายุ่งอีกนะครับ  ผมขอร้อง  พี่เปอร์เขาเสียใจเพราะคุณมามากพอแล้ว” พูดจบป้องก็เดินออกไปโดยไม่ลืมมองเด็กชายในอ้อมแขนของลุกซ์ด้วยความแค้น  เพราะถ้าเด็กคนนี้ไม่เกิดมา ลุกซ์อาจไม่ต้องทิ้งเปอร์ไปก็ได้

เพราะแก...ไอ้เด็กปลิง!

 

หลังจากเลือกซื้อขนมไปฝากคนอื่นๆ ในบ้าน เอกก็แว้นมอเตอร์ไซค์มาส่งผมที่บ้านทำให้เขารู้จักบ้านผม  ตอนแรกผมว่าจะชวนเอกเข้าบ้านแต่เอกบอกว่าให้สนิทกันกว่านี้ก่อนถึงจะกล้าไปรู้จักกับคนอื่นๆ  พูดอย่างกับกำลังคบหาดูใจกับผมอย่างนั้นแหละ  บ้าจริงๆ ฮ่าๆ

“ป้อง เป็นไงบ้าง ไปเรียนเทควันโดมานี่?” ผมทักเมื่อเห็นไอ้ป้องกำลังช่วยพ่อผมกับพี่ชัชตัดหญ้าอยู่  หญ้าบ้านผมมันขึ้นเร็วครับ ฮ่าๆ 

พ่อวางมือจากการเป็นนักธุรกิจมาเป็นคนสวนเฉยเลย  พ่อน่ะชอบต้นไม้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร  พอมีเวลาก็เลยเพาะต้นไม้ปลูกในบ้านจนตอนนี้พวกไม้ดอกไม้ประดับเต็มบ้านผมเลย  พ่อรู้จักกับเจ้าของร้านต้นไม้เขาก็เลยให้พันธุ์มา  พอเพาะเป็นต้นใหญ่พอประมาณก็มีคนมาติดต่อขอซื้อซะงั้นแต่พ่อไม่ขายเพราะเขาหวงของเขา

“ไม่ได้เรียนครับ  มีมารมาผจญซะก่อน” ไอ้ป้องลุกขึ้นยืนก่อนจะทำหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดจนผมแอบตกใจเพราะไม่เคยเห็นมันแสดงท่าทีแบบนี้มาก่อน  เวลามันหงุดหงิดพี่ถังมันก็หงุดหงิดแบบไม่จริงจังแต่คราวนี้มันจริงจังจนผมหนาวขึ้นมาซะดื้อๆ

“เกิดอะไรขึ้น?” ผมเลิกคิ้วถาม  ไอ้ป้องหันไปมองพ่อกับพี่ชัชก่อนจะลากผมไปคุยที่สวนหลังบ้าน

“ผมเจอพี่ลุกซ์มา” คำบอกของไอ้ป้องทำให้ผมตกใจจนสะดุ้ง  มิน่าล่ะมันถึงไม่อยากพูดต่อหน้าพ่อเพราะถ้าพ่อได้ยินชื่อของพี่ลุกซ์พ่อจะโมโหมาก

“เหรอ? ไปฝึกที่บ้านนั้นมาเหรอ?” ผมพูดเหมือนไม่ใส่ใจ

“ครับ แต่ผมจะไม่ไปอีกแล้วล่ะ  ผมไม่อยากเจอหน้าผู้ชายคนนั้น  ผมเกลียดเขา ผมเกลียดเขา!!” ไอ้ป้องพูดเสียงดังก่อนจะวิ่งมากอดผมซะแน่น  ผมอึ้งไปนิดก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวเกรียนๆ ของมันอย่างเอ็นดู

ผมเข้าใจไอ้ป้องนะครับ  ถึงมันจะไม่ได้มีความลึกซึ้งกับพี่ลุกซ์มากเหมือนผมแต่ไอ้ป้องเองก็ผูกพันกับพี่ลุกซ์พอสมควรเพราะเคยทะเลาะกัน ดีกัน ไปเที่ยวด้วยกัน มีเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่ทำให้ทั้งคู่สนิทกันแต่จู่ๆ วันหนึ่งพี่ลุกซ์ก็มาทิ้งผมไปซึ่งก็เหมือนกับเป็นการตัดพี่ตัดน้องกับไอ้ป้องไปด้วย  มันเจ็บนะครับ  ถ้าพี่ถังมันทิ้งพี่เคย์ไปแบบที่พี่ลุกซ์ทิ้งผม  ผมก็คงจะโกรธมันมากเหมือนกัน

“ไม่ต้องไปสนใจหรอกนะป้อง พี่ว่าดีแล้วแหละที่เป็นแบบนี้เพราะถ้าพี่อยู่กับเขาต่อไป ไม่รู้จะเกิดอะไรกับพี่บ้าง” ผมลูบหัวไอ้ป้องเบาๆ อย่างเอ็นดู

“ตอนเด็กๆ ผมไม่น่าเชื่อใจเขาเลย  ผมอุตส่าห์รักเขาเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง  แต่เขากลับทำร้ายพี่เปอร์ได้ลงคอ  เขาใจร้ายมาก” ไอ้ป้องขมวดคิ้วแน่น

“ป้องไม่ต้องกังวลหรอกนะ  พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว  จบคือจบนะ” ผมยิ้มให้มันอย่างใจดี

“ครับ ถ้าผมเจอเขาอีกผมจะทำเป็นไม่รู้จัก  ที่สำคัญ...ผมเกลียดลูกของเขา” ไอ้ป้องกัดฟันแน่นจนเห็นสันกรามนูนขึ้น

“ป้อง น้องปิงยังเด็ก เขายังไม่รู้อะไร  น้องน่ารักมากเลยนะ” ผมบอกเพราะผมรู้สึกรักน้องปิงตั้งแต่แรกมองหน้า  ไม่รู้เพราะอะไรแต่ผมรักและเอ็นดูเขา  เป็นไปได้ผมอยากจะให้เขาโตขึ้นมาเป็นคนดี  ไม่เหมือนอย่างพ่อ  หวังว่าคนพ่อคงไม่เลี้ยงลูกแบบผิดๆ จนลูกโตขึ้นมาชั่วช้าสารเลวเหมือนตัวเองหรอกนะ

“ผมไม่ชอบนี่ ถ้าไม่มีมัน พี่เปอร์อาจจะไม่ต้องเสียใจขนาดนี้ก็ได้” ไอ้ป้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยอารมณ์โมโห

“มันไม่เกี่ยวหรอกว่าจะมีหรือไม่มีน้องปิง  ต่อให้ไม่มีน้องปิงก็ใช่ว่าพี่จะมีความสุขนะ  พี่อาจจะทุกข์กว่าตอนนี้ก็ได้ อย่าอคติกับน้องเลย” ผมพยายามเกลี้ยกล่อมแต่ดูเหมือนไอ้ป้องจะตั้งแง่กับน้องปิงซะแล้ว  หมอนี่มีนิสัยที่ยึดมั่นถือมั่นในความคิดของตัวเองครับ  เปลี่ยนใจยากมาก

“ผมไปทำสวนช่วยพ่อก่อนนะครับ  ถ้าพี่เปอร์มีอะไรจะใช้ก็เรียกละกันนะครับ” ไอ้ป้องทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะรีบเดินกลับไปที่สวนหย่อมหน้าบ้านทันที  ผมมองตามก่อนจะถอนหายใจอย่างระอา  ยิ่งโตยิ่งดื้อนะเด็กคนนี้  ไม่ใช่ดื้อแบบบอกไม่ฟังแต่ถ้ามันปักใจเชื่ออะไรซักอย่างแล้วมันจะเป็นคนที่โน้มน้าวยากเลยทีเดียว

 

และแล้วก็ถึงวันเสาร์  วันที่ผมไม่อยากให้มาถึงเพราะถึงแม้มันจะเป็นวันหยุดแต่มันก็ไม่เหมือนหยุดเพราะผมต้องไปเจอหน้าพี่ลุกซ์

พี่พลอยบอกผมว่างานเลี้ยงต้อนรับผมกับพี่ลุกซ์จัดอย่างเป็นกันเองเฉพาะฝ่ายบริหารซึ่งมีคนไม่มากแต่ผมก็ยังรู้จักไม่ครบ  ถึงจะบอกว่าจัดอย่างเป็นกันเองก็ทำถึงขั้นเปิดบอลรูมของโรงแรมชื่อดังเลยทีเดียวเล่นเอาผมต้องเก็บชุดลำลองของตัวเองที่ว่าจะแต่งไปแล้วเปลี่ยนมาเป็นชุดสูทแทน  ก็ตอนแรกบอกว่าจะจองร้านอาหารเฉยๆ นี่หว่า

พอถึงเวลาพี่ถังก็มารับผมที่บ้าน  พี่ถังมันแต่งตัวสบายๆ ครับ  เสื้อเชิ้ตพับแขนกางเกงยีนส์สีเข้มทำให้ผมต้องถอดสูทเก็บไว้ที่รถมันแล้วใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงสแล็คซึ่งมันก็ดูไม่เป็นทางการจนเกินไป

เมื่อเข้าไปในงานผมก็ถูกสาวๆ ลากตัวไปนั่งด้วยทันทีโดยมีพี่พลอยเป็นโต้โผเพราะพี่พลอยสนิทกับผมที่สุด  โต๊ะที่ผมถูกลากไปนั่งด้วยมีแต่สาวๆ เลยครับ  บางคนอาจจะไม่สาวเท่าไหร่นักเพราะเป็นรุ่นเดอะของฝ่ายเรา  สาวๆ ฝ่ายนี้สวยๆ กันทั้งนั้นแถมยังใจดีด้วย

“น่ารักจังเลย  อ๊าย แก้มน่าหยิกมาก” พี่พิม สาวโสดวัยสามสิบกว่าๆ ที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมดึงแก้มทั้งสองข้างของผมเล่นอย่างสนุกสนานทำให้คนอื่นๆ เอื้อมมือมาดึงแก้มผมบ้าง  เอิ่ม...คือ...ผมไม่ใช่ตุ๊กตานะครับ โธ่

“เจ๊ อย่าหยิกแก้มน้องเยอะ เดี๋ยวแก้มก็ย้วยหรอก ฮ่าๆ” พี่พลอยที่นั่งอีกข้างของผมแซวพี่พิมก่อนที่พี่พลอยเองนั่นแหละที่เอื้อมมือมาหยิกแก้มผมซะแรง  ฮึ่ม! พี่พลอย!

“ยัยพิม ลุกออกไปซิ ฉันจะดูหน้าหลานชัดๆ” คุณหมอนที่เป็นรุ่นเดอะของฝ่ายเราเดินเข้ามาสะกิดพี่พิมให้ลุกขึ้นแล้วขยับมานั่งแทนที่  ผมทำท่าสงบเสงี่ยมทันทีเพราะคุณหมอนอายุห้าสิบกว่าๆ แล้วครับ  อารมณ์ประมาณอาจารย์แม่เลยล่ะฮะ  แต่คุณหมอนใจดีมากเลยนะ น่ารักมากๆ ด้วย

“สวัสดีครับ” ผมยกมือขึ้นไว้

“เปอร์ ป้าเคยทำธุรกิจกับพ่อแม่หนูด้วย  เสียดายนะที่พ่อแม่หนูเลิกทำไปซะก่อน” คุณหมอนพูดพลางยื่นมือมาลูบแก้มผมอย่างเอ็นดู

“ที่จริงพ่อกับแม่ว่าจะทำต่อนะครับแต่ผมไม่อยากให้พวกท่านลำบาก  อายุก็มากแล้วด้วย ฮะๆ” ผมยิ้มนิดๆ

“อายุมากอะไรล่ะ? ขนาดป้าอายุมากกว่ายังทำงานต่อเลย” คุณหมอนพูด  ถึงคุณหมอนจะอายุมากแล้วแต่ทำงานเนี้ยบมากเลยล่ะครับ  เป็นคนเก่าแก่ของบริษัท  พี่พลอยบอกมาว่างั้นน่ะครับ

“คุณหมอนยังสาวอยู่เลยนะครับ  สวยด้วย” ผมพูดชมอย่างเอาใจ

“ปากหวาน  มิน่าล่ะ ยัยวิถึงปลื้มนักปลื้มหนา” คุณหมอนพูดชมยิ้มๆ ทำให้ผมถึงกับนิ่งไป  รอยยิ้มบนหน้าค่อยๆ เจื่อนลง  คุณหมอนเห็นความผิดปกติจึงทำหน้าตกใจแล้วกระซิบขอโทษ “ป้าขอโทษนะลูก  ป้าไม่ได้ตั้งใจ” พูดแบบนี้แสดงว่าคุณหมอนรู้เรื่องของผมกับพี่ลุกซ์สินะ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ  ผมโอเค” ผมยิ้มให้คุณหมอนอีกครั้ง

“มาๆ ขอกอดหน่อยนะ” คุณหมอนอ้าแขนออกผมจึงยิ้มแล้วโผเข้าไปในอ้อมแขนอุ่นๆ ของคนที่ให้ความรู้สึกเหมือนแม่

คุณหมอนรู้เรื่องระหว่างผมกับพี่ลุกซ์แต่ก็ไม่ได้นึกรังเกียจแถมยังไม่มองผมด้วยสายตาแปลกๆ ด้วย  ปกติถ้าคุณหมอนเข้าข้างพี่ลุกซ์เธออาจจะมองผมด้วยสายตาไม่ชอบใจแต่ตอนนี้เธอมองผมด้วยสายตาอ่อนโยนและพร้อมจะให้กำลังใจเสมอ  ไม่รู้ว่าแม่วิไปพูดอะไรกับคุณหมอนบ้างแต่เธอเอ็นดูผมขนาดนี้ผมก็ดีใจ  อย่างน้อยๆ เวลาอยู่ที่ทำงานผมจะไม่ได้ต้องรู้สึกโดดเดี่ยว  ผมมีพี่ถัง พี่พลอยและมีคุณหมอนเพิ่มมาอีกคน  แค่นี้ผมก็ไม่กลัวอะไรแล้วล่ะครับ

“ขอบคุณมากนะครับ  ที่เอ็นดูผม” ผมกระซิบบอกเบาๆ

“ป้าเอ็นดูหนูตั้งแต่ที่รู้ว่าหนูเป็นลูกอีกคนของยัยวิแล้วแหละ  ถึงตอนนี้หนูจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับลุกซ์แต่ป้าก็ยังเอ็นดูหนูเหมือนหลานเลยนะจ๊ะ  น่ารักขนาดนี้ไม่เอ็นดูได้ไง” คุณหมอนผละออกจากผมก่อนจะยิ้มซะกว้าง

“คุณหมอนเป็นคุณป้าของพี่ลุ...ลันเหรอครับ?” ผมเลี่ยงที่จะพูดถึงพี่ลุกซ์  คุณหมอนชะงักไปนิดก่อนจะยิ้มอีกครั้ง

“จ้ะ ป้าเป็นพี่สาวของยัยวิน่ะ” คุณหมอนบอก “แต่เปอร์จ๊ะ...เรียกป้าเถอะจ้ะ”

“เอ่อ...จะดีเหรอครับ?” ผมเลิกคิ้วนิดๆ

“ดีสิ! เรียกป้าเถอะนะลูก” คุณหมอน เอ้ย! ป้าหมอนพยักหน้ารัวๆ

“งั้น...ขอบคุณมากนะครับป้าหมอน” ผมยิ้มกว้าง

“คุณหญิงแม่ครับ กระผมขอตัวพาคนสำคัญของงานไปกล่าวความรู้สึกซักหน่อยนะครับ  มาเปอร์ ไปข้างหน้าเลย” พี่ถังเดินมาทำท่าฉอเลาะใส่ป้าหมอนก่อนจะดึงมือผมออกไปยืนหน้าเวทีข้างๆ กับพี่ลุกซ์

ผมเหลือบตามองเขาก่อนจะแสยะปากใส่อย่างหมั่นไส้พลางหันไปมองคนที่มาร่วมแสดงความยินดีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“เอาล่ะครับ  ก่อนที่จะทานอะไรเราก็มาฟังความรู้สึกของประธานและเลขาคนใหม่เลยละกันนะครับ  ใครที่หิวก็หิ้วท้องรอก่อนนะครับผม” พี่ถังถือไมโครโฟนยืนอยู่ข้างๆ ผมก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริงโดยมีเสียงเป่าปากของพวกพี่ผู้ชายในแผนกร่วมสร้างความสนุกสนาน

“สวัสดีครับ  ผมยินดีมากครับกับตำแหน่งงานและยินดีมากที่ทุกคนช่วยกันจัดงานนี้เพื่อผมกับเลขาของผม  ผมจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มความสามารถและจะทำให้กำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่าสิบเปอร์เซ็นต์ภายในปีนี้ครับ” พูดจบเสียงฮือฮาอย่างพอใจก็ดังขึ้นระงมพร้อมกับเสียงปรบมือให้กับคำพูดของพี่ลุกซ์  กำไรของบริษัทเพิ่มนั่นหมายถึงเงินเดือนของพนักงานก็เพิ่มขึ้นด้วย  จึงไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนจะมีท่าทีตื่นเต้น

พี่ลุกซ์ส่งไมค์มาให้ผมแล้วมองหน้าผมนิ่ง  ผมจ้องตากับเขาอย่างเชือดเฉือนก่อนจะเบ้ปากใส่แล้วหันไปยิ้มให้กับคนอื่นๆ อีกครั้ง

“สำหรับตัวผม  ที่จริงไม่ถนัดงานเลขาหรอกครับแต่จะพยายามทำงานให้สุดความสามารถ  ยังไงก็ช่วยสอนงานผมด้วยนะครับ  ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ” ผมพูดเสียงดังฟังชัดแต่พูดด้วยท่าทางนอบน้อมทำให้ได้รับเสียงปรบมือจากคนอื่นๆ

“หิวกันหรือยังครับทุกคน?” พี่ถังถามและเมื่อได้รับเสียงตอบว่าหิวพี่มันก็ยิ้ม “งั้น...น้อง เสิร์ฟอาหารได้เลยครับผม” พี่ถังพูดใส่ไมค์ส่งสัญญาณให้พนักงานโรงแรมทำการเสิร์ฟอาหารได้และผมกับพี่ลุกซ์ก็ถูกดึงไปนั่งในกลุ่มโต๊ะของหนุ่มๆ โดยที่ปฏิเสธอะไรไม่ได้

 

20% left





หลังจากที่ทานอาหารคาวเสร็จอาหารหวานก็มาเสิร์ฟ  จังหวะนั้นผมหันไปเจอผู้ชายสวมชุดขาวมีผ้ากันเปื้อนคาดเอวและมีหมวกทรงสูงยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าและทันทีที่เห็นเขาผมก็รีบขออนุญาตลุกจากโต๊ะแล้วไปหาเขาทันที

“นึกว่าจะมองไม่เห็นผมซะแล้ว” เอกยิ้มนิดๆ เมื่อผมเดินเข้าไปหาเขา

“เอ๊? หรือว่าจะมองไม่เห็นดี?” ผมแกล้งทำเป็นมองผ่านเอกทำให้เขาเบ้ปากเหมือนจะร้องไห้ผมจึงหัวเราะออกมากับท่าทางเด็กๆ ของเขา  เอกเองก็หัวเราะออกมาเหมือนกัน

“แล้วยังไม่เลิกงานเหรอ?” ผมถามเพราะตอนนี้ก็ดึกพอสมควรแล้วและร้านที่เอกทำงานอยู่ก็ปิดไปแล้วด้วย

“งานนอกเวลาน่ะครับ  ทางโรงแรมติดต่อมาขอให้มาช่วยทำขนมตบท้ายอาหารคาวให้น่ะ  ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอคุณเปอร์ที่นี่” เอกยิ้มอย่างดีใจ  ผมจึงยิ้มด้วย

“อื้อ วันนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับผมที่เป็นพนักงานใหม่แล้วก็...พี่...เอ่อ คุณรุจิภาสที่เป็นประธานคนใหม่น่ะ” ผมบอกกับเอก

“ยินดีด้วยนะ” เอกยิ้มไม่หุบ

“เอกจะกลับตอนไหน? ถ้าเลิกงานแล้วมาร่วมงานด้วยกันก็ได้นะ” ผมชวน  อยู่กับเอกแล้วผมสบายใจ  ยิ่งอยู่กับเอกต่อหน้าพี่ลุกซ์ผมยิ่งรู้สึกอุ่นใจแบบแปลกๆ

“นี่เลิกงานแล้วแหละ  ทำขนมตามออร์เดอร์เสร็จก็เรียบร้อยแล้ว  แต่พอดีเห็นป้ายหน้างานแล้วสนใจก็เลยมาแอบดู” เอกบอก

“งั้นเอกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมาหาผมนะ” ผมบอกอย่างตื่นใจ  พอคิดว่าเอกจะมานั่งร่วมโต๊ะใจผมก็เต้นแรงแปลกๆ  เต้นแรงเหมือนกับตื่นเต้นดีใจ  นี่ผมเป็นอะไร?

“ไม่ดีหรอกครับ  ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับงานของคุณเปอร์ซักหน่อย” เอกยิ้มแหยๆ

“เอก เรียกเปอร์เฉยๆ ก็ได้  เอาเป็นว่าไปเปลี่ยนชุดนะแล้วโทรหาผม” ผมบอกพลางรุนหลังเอกให้ออกไปเปลี่ยนชุด

“เอ่อ...ผมไม่มีเบอร์  ในนามบัตรที่เปอร์เคยให้มีแต่เบอร์ที่ทำงาน” เอกยืนตัวแข็งเพื่อให้ผมผลักไม่ได้

“งั้นเอาโทรศัพท์มา  เดี๋ยวกดเบอร์ให้” ผมบอกพลางตบไหล่เร่งเอกให้เอาโทรศัพท์มาให้ผม

“อ่ะๆ ได้แล้วครับคุณผู้ชาย” เอกส่งโทรศัพท์มาให้ผมแล้วหัวเราะนิดๆ อย่างหยอกล้อ

ผมมองเอกด้วยสายตาค้อนๆ ก่อนจะรับโทรศัพท์มากดเบอร์ของผมให้  จังหวะที่ผมกำลังกดหมายเลขตัวสุดท้ายตัวผมก็ถูกกระแทกทำให้โทรศัพท์หล่นจากมือ  ผมตกใจจนสะดุ้งก่อนจะรีบหันไปมองคนที่เดินมาชนผมทันที

“ขอโทษนะครับ ผมไม่ทันมอง” พี่ลุกซ์ลอยหน้าลอยตาพูดด้วยสีหน้าที่น่าหมั่นไส้  ปากบอกขอโทษแต่ท่าทางไม่ได้รู้สึกผิดเลยซักนิด  แย่ที่สุด

“ฮึ!” ผมมองพี่ลุกซ์แล้วเมิน “เอก ขอโทษนะ  โทรศัพท์หล่นเลย” ผมรีบเก็บโทรศัพท์เอกขึ้นมาแล้วคืนให้อย่างรู้สึกผิด  ผมว่าพี่ลุกซ์ตั้งใจเดินมาชนซึ่งนั่นก็เป็นเหตุให้ผมทำโทรศัพท์เอกหล่น  โชคดีที่ไม่ได้แตกหรือเสียหายอะไรมากมาย

“ไม่เป็นไรครับ  พี่ลุกซ์ สวัสดีครับ” เอกยิ้มให้ผมก่อนจะหันไปไหว้พี่ลุกซ์ซึ่งพี่มันก็พยักหน้ารับ

“มาทำอะไร?” พี่ลุกซ์ถามเอกเสียงขุ่น

“มาทำงานนอกเวลาน่ะครับ  แล้วนี่...กำลังจะกลับแล้วล่ะ” เอกบอกเสียงอ่อนเหมือนกับเกรงใจพี่ลุกซ์

“อะไรกันเอก ไหนบอกจะมานั่งกับผมก่อนไง?” ผมขมวดคิ้วมองเอกนิดๆ

“เอ่อ...ผมว่า...” เอกมองผมกับพี่ลุกซ์สลับกัน

“ถ้าคนในงานไม่อนุญาตเดี๋ยวผมออกไปกินข้าวข้างนอกกับเอกนะ  เอกยังไม่กินข้าวเย็นใช่ไหม?” ผมจับชายเสื้อเอกไว้  ไม่อยากให้เอกไป  ถ้าเอกไปผมกลัวว่าผมจะถูกรังแก  มันก็เป็นแค่ความรู้สึกล่ะนะ

“เดี๋ยวผมกลับไปกินที่คอนโดดีกว่า  อยู่ใกล้ๆ นี่เอง  ข้างกันเลย ฮ่าๆ” เอกพยายามทำตัวร่าเริงทั้งๆ ที่เขาแทบยิ้มไม่ออก

“งั้นผมไปด้วยได้ไหม? ไม่ได้ไปคอนโดเอกตั้งแต่ครั้งนั้นแล้ว” ผมพูดแล้วกอดแขนเอกแสดงความสนิทสนม  นี่ผมกำลังประชดหรือเปล่านะ? ปกติถ้าอยู่กับเอกสองคนผมไม่มีทางทำแบบนี้แน่

“คอนโดผมยังไม่ค่อยมีอะไรเลย  พรุ่งนี้ว่าจะไปซื้อของแต่งคอนโดอยู่  เปอร์ไปช่วยหน่อยสิ  เผื่อจะได้ย้ายมาอยู่ ฮะๆ” เอกโอบไหล่ผมก่อนจะยื่นหน้ามาพูดใกล้ๆ เล่นเอาผมอึ้งไป “จะประชดไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวช่วย” เอกกระซิบเบาๆ ผมจึงยิ้มรับทันที  เอกเป็นเพื่อนที่ดีว่ะ  ขนาดรู้ว่าผมคบผู้ชายมาก่อนยังไม่รังเกียจแถมช่วยอีกต่างหาก  ดีๆ แบบนี้จะได้คบกันยาวๆ หน่อย

“งั้น...ผมเลือกอะไรเอกก็ต้องซื้ออันนั้นนะ  เอาแบบที่ผมชอบนะ” ผมยิ้มอ้อนเอกทันทีอย่างไม่จริงจังนักเพราะไม่ได้ซีเรียสอะไร  แต่...ทำไมเอกหน้าแดง

“อะ...อื้ม เปอร์ชอบแบบไหนผมจะแต่งแบบนั้นเลย” เอกพูดเสียงแผ่วลง

“เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ แต่คิดจะไปอยู่ด้วยกันแล้ว  ไม่ใจง่ายไปหน่อยเหรอ?” พี่ลุกซ์พูดเสียงเยาะๆ แต่ดวงตาฉายแววโกรธอย่างเห็นได้ชัด

“จะง่ายจะยากมันก็ใจของผมนี่ครับ  กับแฟนคนที่แล้วผมก็ง่ายครับ” ผมยิ้มประชดทำให้พี่ลุกซ์ถึงกับหน้าเครียด

“คุณประชดผมเหรอ?” พี่ลุกซ์ข่มตาดุมองผมกับเอกสลับกัน

“จะให้ผมประชดเพื่ออะไรเหรอครับ? คุณมีความรู้สึกอะไรกับผมเหรอ?” ผมยิ้มมุมปากถามก่อนจะหันหน้าหนีเพราะไม่อยากมองหน้าเขา  มองแล้วทั้งสมเพชทั้งเจ็บเลย

“เอ่อ...เปอร์! ลุกซ์! กลับมานั่งที่โต๊ะเร็วๆ เดี๋ยวมีข่าวที่ต้องแจ้งกันให้รับรู้ทุกคนอีก” พี่ถังป้องปากตะโกนเรียกผมกับพี่ลุกซ์เหมือนกับรู้ว่าสถานการณ์มันเข้าขั้นแย่

ผมหันไปมองเอกนิดหน่อยอย่างลำบากใจเพราะผมอยากให้เอกไปนั่งด้วยแต่ถ้าขืนไปนั่งล่ะก็ต้องมีศึกระหว่างพี่ลุกซ์กับเอกแน่นอน

“เปอร์ไปเถอะ  แต่ก่อนไป บอกเลขตัวสุดท้ายให้หน่อยนะ  เดี๋ยวโทรหา” เอกหันมาบอกผมยิ้มๆ  ผมเหลือบไปมองพี่ลุกซ์นิดๆ ก่อนจะยกมุมปากขึ้นอย่างสะใจ  ดี...ทำหน้าบูดเบี้ยวเข้าไป  ทำให้ผมรู้ว่าพี่ก็เจ็บเพราะผมได้เหมือนกัน

“เก้าครับ  งั้นถ้ากลับถึงคอนโดแล้วโทรหาด้วยนะเอก” ผมตบไหล่เอกก่อนจะเดินไปส่งเขาที่หน้าประตู  เอกยิ้มแล้วโบกมือลา  ผมยิ้มตอบก่อนจะหันหลังกลับมามองพี่ลุกซ์นิดๆ

“ร่าน” พี่ลุกซ์กัดฟันพูดขณะที่ผมเดินเฉียดไปใกล้ๆ

“แรดด้วย” ผมพูดเสริมเสียงเย็นก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะด้วยท่าทางที่คิดว่าสง่าที่สุดโดยไม่คิดจะสนใจพี่ลุกซ์อีก 

ฮึ! จะด่าจะว่าผมยังไงก็เชิญ  ผมจะไม่แสดงความรู้สึกว่าผมทรมานออกมาอีกแล้ว  ถ้าด่าผมมาผมก็จะยอมรับทุกข้อกล่าวหาให้หมด  ถ้าผมไม่รู้สึกกับคำด่าประณาม คนที่ด่านั่นแหละจะเจ็บซะเอง


 
+++++++++++++++++++++++

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา