[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2

9.7

เขียนโดย DPR_Fox

วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.

  56 ตอน
  51 วิจารณ์
  228.37K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

17) Chapter 17: เริ่มเอาคืน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Chapter 17: เริ่มเอาคืน


 

เลิกงานปุ๊บผมก็โดนสองสาวลากออกไปทานอาหารเย็นปั๊บโดยที่บ่นหรือว่าอะไรไม่ได้เลย  ผู้หญิงอย่างสองคนนี้เป็นประเภทที่ผมรับมือไม่ได้จริงๆ ครับ  ตอนแรกรู้สึกชอบพี่พลอยนะ  แบบ...ใจสั่นเบาๆ แต่เป็นแบบนี้ผมขอบายละกัน  ถ้าคบกันท่าทางผมจะได้แม่มากกว่าเมีย ฮ่าๆๆ

พี่พลอยกับเจ๊เปรียวพาผมไปทานอาหารอีสานที่ร้านบรรยากาศดีๆ ไม่มีแอร์แต่ก็ไม่ร้อนครับ  อ่า...ไม่ได้กินอาหารอีสานมานานแล้ว  ขอซักที  ผมงดอาหารรสจัดมานานวันนี้ขอปล่อยผีหน่อยก็แล้วกัน

“นี่ๆ ยัยเด็กบิวตี้นี่ยังไงนะ? ดูนางเหมือนจะจับลุกซ์นะ” หลังจากสั่งอาหารกันไปเรียบร้อยเจ๊เปรียวก็เป็นคนเปิดประเด็น  เมื่อได้ยินประเด็นนี้ผมก็หูผึ่งสิครับ แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจอะนะ

“ใช่เลยผู้จัดการ  ดูจากท่าทางนางแล้วต้องคิดจะจับประธานแน่นอน  ไม่รู้ซะแล้วว่าประธานน่ะของใคร” พี่พลอยพูดพลางหรี่ตามองผมซึ่งผมเองก็แอบเหลือบไปมองพี่พลอยเช่นกัน เมื่อสบตากันผมก็รีบหลบตาเพราะไม่อยากให้พี่พลอยรู้ว่าผมแม่งสนใจเรื่องนี้  แต่ก็อย่างว่า...ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าผมคุ้นหน้าน้องบิวตี้จากที่ไหน

“เปอร์ ก่อนที่จะเกิดอะไรไม่ดีขึ้น เจ๊ว่าเปอร์ลองพิจารณาให้อภัยลุกซ์ดีไหม?” เจ๊เปรียวพูดเสียงอ่อน

“ไม่ครับ” ผมตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด  ไม่จำเป็นต้องคิดเพราะผมไม่อยากกลับไปคืนดีกับคนอย่างพี่ลุกซ์

“เปอร์ ลุกซ์รักเปอร์มากนะ  เขาทำทุกอย่างได้เพื่อเปอร์นะจ๊ะ” เจ๊เปรียวจับมือผมแล้วเขย่าเบาๆ

“เขาทำได้ทุกอย่างยกเว้นบอกความจริงกับผม” ผมหลบตาพี่ๆ ทั้งสองคนก่อนจะแกล้งดูเมนูไปเรื่อยเหมือนไม่ได้ใส่ใจแต่แม่งโคตรเจ็บจี๊ดเลย

“ตอนนี้พี่ว่าประธานพร้อมที่จะบอกทุกอย่างกับเปอร์นะ  พี่ไม่อยากเห็นทั้งสองคนเป็นแบบนี้เลย  ทำแบบนี้ไปก็มีแต่จะเจ็บกันทั้งสองฝ่าย  เปอร์รักประธาน ประธานรักเปอร์ ทั้งสองคนรักกันแล้วทำไมไม่อยู่ด้วยกันล่ะ  ตอนนี้เปอร์มัวแต่คิดถึงด้านไม่ดีของประธาน เปอร์ก็เลยไม่เปิดใจ  ลองกลับไปคิดถึงเรื่องดีๆ ที่ทั้งสองทำด้วยกันมาสิ  ผ่านอะไรมาด้วยกันก็ตั้งมากมายนะ  เอิ่ม...พี่เดานะว่าต้องเจออุปสรรคมามาก เหอๆ” พี่พลอยจับมืออีกข้างของผมไปลูบเบาๆ  ผมคิดตามที่พี่พลอยพูดก่อนจะเม้มปากแน่นอย่างคิดไม่ตก  ผมว่าแล้วเชียวว่าพวกพี่ๆ จะต้องพูดเรื่องนี้  รู้งี้น่าจะชิ่งไปซะก็ดี  ตอนนี้ผมไม่พร้อมเปิดใจให้ใคร

“ถ้าพี่พลอยกับเจ๊รู้ว่าในอดีตเขาทำอะไรกับผมไว้บ้างรับรองว่าพวกพี่ๆ จะไม่เชียร์เขาแน่ๆ” ผมก้มหน้าพูดพลางนึกถึงสิ่งเลวร้ายที่เขาทำไว้กับผม  มันเยอะยิ่งกว่าสิ่งดีๆ ที่เขามีให้ซะอีก

“เจ๊ก็พอจะรู้นะว่าลุกซ์เป็นคนไม่ดีแต่เจ๊ว่า...ลุกซ์ไม่น่าจะกล้าทำอะไรเปอร์นะ” เจ๊เปรียวพูดอย่างไม่แน่ใจนัก

“ยิ่งกว่ากล้าครับ  เห็นแผลเป็นที่มือขวาผมไหม? นี่น่ะผมทำตัวเองนั่นแหละ วันที่ผมได้แผลนี่ ผมต้องอดข้าวเพราะเขา แถมพอเขารู้ว่าผมมีแผลเขายังกดซะเลือดซึม  ผมร้องไห้ แต่เขาก็ไม่เคยจะใส่ใจ หนำซ้ำยังพูดจาไม่ดีใส่ผมอีกมากมาย” พูดจบผมก็เม้มปากแน่น  ยิ่งนึกถึงผมยิ่งไม่อยากกลับไปคืนดีกับเขา  ตอนนั้นเขาใจร้ายกับผมมากจริงๆ  ใครไม่มาเป็นผมไม่รู้หรอกว่าผมต้องทนทรมานจนแทบตรอมใจมากแค่ไหน

“ใจร้ายจัง” พี่พลอยทำปากยื่น

“ยังน้อยสิครับ  ให้ผมเล่าเรื่องเลวๆ ของเขาสิบวันก็คงไม่จบ” ผมว่า

“ลุกซ์ชั่วขนาดนั้นเลยเหรอ?” เจ๊เปรียวถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“กับคนอื่นเขาทำตัวดีได้เสมอครับ แต่กับผม...เขาพร้อมที่จะทำไม่ดีใส่ตลอดเวลา” พูดจบผมก็กัดริมฝีปากจนรู้สึกเจ็บ

“แต่ตอนนี้ประธานเปลี่ยนไปแล้วนะเปอร์  ลองให้โอกาสประธานดูหน่อยไหม?” พี่พลอยถามเสียงอ่อน

“ผมให้โอกาสเขาไปหลายหนแล้วนะ” ผมทำหน้ามู่ทู่  พวกพี่ๆ นี่ก็เชียร์จัง  พี่ลุกซ์ไปติดสินบนอะไรไว้วะเนี่ย เชอะ!

“ที่เปอร์ไม่ยอมคืนดีกับลุกซ์อาจจะเป็นเพราะว่าเปอร์รู้สึกว่าลุกซ์ยังเจ็บไม่พอกับที่ทำกับเปอร์เอาไว้แน่ๆ เลย  เพราะงั้น...เอางี้ไหม มาเอาคืนลุกซ์จนกว่าเปอร์จะพอใจดีไหมล่ะ?  เอาคืนจนกว่าเปอร์จะรู้สึกสงสารและเห็นใจ ยอมกลับไปคืนดี  นะ  เดี๋ยวเราช่วยเอง เนอะพี่พลอย” เจ๊เปรียวเสนอความคิดเห็นด้วยสีหน้าตื่นเต้นจนผมสยอง

“ทำยังไงล่ะผู้จัดการ?” พี่พลอยเอียงคอถามอย่างสงสัย

“ก็ลองให้เปอร์ควงหนุ่มๆ ไปเย้ยดูสิ  รับรอง...เจ็บเจียนตาย” เจ๊เปรียวพูดพลางหัวเราะคิกคัก

“แล้วจะให้ควงใครล่ะ?” พี่พลอยถามบ้าง

“น้องเอกเป็นไง? หล่อ เฟี้ยว ทำขนมเก่ง น่ารัก นิสัยดี น่าหยิกที่สุดเลย” เจ๊เปรียวเสนอ  นี่ไปรู้จักเอกตอนไหนวะเนี่ย?

“เอ่อ...” ผมกำลังจะค้าน

“ไม่เอาหรอกผู้จัดการ  เด็กนั่นมันคิดไม่ซื่อกับเปอร์นะ  เอาคนอื่นดีกว่า” พี่พลอยแย้ง

“คือว่า...” ผมกำลังจะแทรก

“งั้นเอาลูกเจ้าของบริษัทเฟอร์นิเจอร์ส่งออกไหม? เปรียวเป็นเพื่อนกับเขา ไม่หล่อเท่าไหร่แต่ดูดีใช้ได้เลยนะ” เจ๊เปรียวเสนออีก

“งั้นได้เลย  ดีลเลยผู้จัดการ” พี่พลอยยิ้มกว้างพลางสนับสนุนเต็มที่

“งั้นโทรเลยนะ” เจ๊เปรียวรีบควักโทรศัพท์ขึ้นมาหวังจะกดโทรหาผู้ชายที่ว่า แต่ผมก็รีบแย่งโทรศัพท์ของเจ๊มา

“พอเลยพี่ๆ ผมไม่เอาด้วยหรอก  ผมไม่อยากยุ่งกับผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว  ผมอยากจะอยู่ห่างๆ เขาให้มากที่สุด” ผมพูดพลางวางโทรศัพท์เจ๊เปรียวไว้บนโต๊ะ

“เปอร์  ทำไมเปอร์ดื้อแบบนี้ล่ะลูก?” พี่พลอยทำหน้าอ่อนอกอ่อนใจกับความหัวรั้นของผม

“มัวแต่ช้าระวังยัยเด็กบิวตี้นั่นแย่งไปนะเปอร์” เจ๊เปรียวบอก

“ถ้าแย่งไปได้แสดงว่าเขาเป็นคนโลเล  โกหกว่ารักจริง” ผมพูดออกมาจากความรู้สึก  พอพูดจบก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอพูดเหมือนคนน้อยใจออกไปซะแล้ว

“นั่นแน่! นี่เราก็รอให้เขามาง้อจนกว่าจะพอใจนี่นา  แล้วก็ทำเป็นปากแข็ง ไม่อยากกลับไปคืนดี  โด่!” พี่พลอยตบโต๊ะฉาดพลางพูดล้อๆ ทำให้ผมถึงกับร้อนฉ่าที่แก้ม

“พี่พลอย ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ” ผมรีบปฏิเสธเสียงอ่อน

“นี่ เปอร์รู้ไหมว่าเจ๊ไม่เคยเห็นลุกซ์รักใครเท่าเปอร์เลยนะ  ตอนนี้ลุกซ์เองก็เจ็บอยู่และไม่รู้ว่าจะมีคนปองร้ายอีกเมื่อไหร่  ถ้าลุกซ์เป็นอะไรไปจริงๆ เปอร์อาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตนะเปอร์  คิดดีๆ เพราะครั้งที่แล้วที่ลุกซ์เข้าโรงพยาบาล พี่ถังบอกเจ๊ว่าลุกซ์หยุดหายใจไปช่วงหนึ่งเลยนะ  เจ๊กลัวว่าถ้ามีครั้งหน้าอีกลุกซ์อาจจะหยุดหายใจไปถาวร” คำพูดของเจ๊เปรียวทำเอาใจของผมหล่นฮวบ  ถึงขั้นหยุดหายใจไปเลยงั้นเหรอ?  เขาเป็นหนักขนาดนั้นเลยเหรอ?

“...” ผมก้มหน้าแล้วเงียบไป  ใจเริ่มจะอ่อน  โอยยย ใจหนอใจ  แข็งๆ หน่อยก็ไม่ได้  แค่ได้ยินว่าเขาเจ็บเจียนตายแม่งก็ใจอ่อนซะแล้ว  ตอนนี้เขาก็ปลอดภัยแล้วนะเว้ย จะไปห่วงอะไรอีกวะเรา

“ก่อนหน้าที่จะเกิดอุบัติเหตุ  ลุกซ์มาปรึกษากับเจ๊บอกว่าอยากจะขอเปอร์แต่งงานในงานแต่งของเจ๊  เราวางแผนกันไว้ดิบดีแต่สุดท้ายแผนก็ล่มเพราะลุกซ์ถูกลอบทำร้าย  ถ้าโชคไม่ดีป่านนี้ลุกซ์คงไม่ได้มาตามง้อเปอร์แบบนี้หรอก  เรื่องในอดีตก็ให้มันเป็นอดีตต่อไป อย่าให้มันมาทำร้ายตัวเราในตอนนี้เลยนะเปอร์” เจ๊เปรียวกุมมือผมไว้แล้วลูบเบาๆ ทำเอาผมคิดหนัก

“เปอร์ คิดดีๆ นะ  แต่ถ้าเปอร์ยังเจ็บใจกับสิ่งที่ประธานทำไว้ล่ะก็เดี๋ยวพวกเราช่วยเอาคืนก็ได้  แต่อย่านานนะ พี่กลัวประธานตรอมใจตายไปซะก่อน” พี่พลอยบอก

“อะ...เอางั้นเหรอครับ?” ผมที่กำลังสับสนจนคิดอะไรด้วยตัวเองไม่ได้ถามออกไปเสียงอ่อย  นี่พวกพี่ๆ เขาจงใจทำให้ผมสับสนแล้วค่อยๆ ชักจูงผมหรือเปล่าเนี่ย? ตอนนี้ผมพร้อมจะถูกชักจูงจริงๆ  ให้ตายเถอะ

“เอางั้นเลย  งั้นเดี๋ยวเจ๊ติดต่อเพื่อนของเจ๊ให้ละกันนะ” เจ๊เปรียวพูดอย่างดีใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไปกดเบอร์อีกครั้ง

แต่ยังไม่ทันได้กดโทรออก โทรศัพท์ของเจ๊เปรียวก็ถูกแย่งไปอีกรอบ

“ผมช่วยเองละกัน” คนที่แย่งโทรศัพท์เจ๊เปรียวไปเดินมานั่งเก้าอี้ที่ว่างก่อนจะพูดออกมา

“เอก!” ผมมองหน้าเอกอย่างงงๆ  มาได้ไงวะ?

“เอาเถอะ  สารภาพตรงนี้เลยละกันนะครับว่าผมชอบเปอร์  ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแต่เปอร์ก็ไม่ชอบผมอ่ะนะ  เปอร์รักพี่ลุกซ์  รักจนไม่หันไปมองคนอื่น  รักมากจนผมยอมแพ้  ผมว่าเปอร์กลับไปหาเขาเถอะ” เอกพูดสิ่งที่ผมไม่คิดจะได้ยินจากปากของเขาออกมา  ผมพยายามคิดอยู่หลายครั้งว่ามันต้องไม่เป็นแบบนี้เพื่อรักษาความสัมพันธ์ฉันเพื่อนของเราเอาไว้แต่เอกดันมาสารภาพเองซะอย่างนั้น  แล้วแบบนี้ผมจะมองหน้าเอกติดได้ไง “เปอร์ เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม?” เอกเงยหน้ามองผมอย่างขอร้อง

“แล้วเอกจะยอมเป็นแค่เพื่อนกับผมไหมล่ะ?” ผมมองเอกอย่างจริงจัง

“เป็นได้สิ  ก็ผมตัดสินใจตัดใจไปแล้วนี่” เอกบอกยิ้มๆ  เมื่อเอกยิ้มออกมาแบบนั้นผมก็ยิ้มบ้าง

“ถ้าเอกเป็นเพื่อนกับผมได้  ทำไมผมจะเป็นเพื่อนกับเอกไม่ได้ล่ะ” ผมดึงมือออกจากมือพี่พลอยกับเจ๊เปรียวก่อนจะเอื้อมไปกุมมือเอกเอาไว้

“งั้นให้ผมได้ช่วยเอาคืนพี่ลุกซ์ก็แล้วกันนะ  ดีกว่าให้เปอร์ไปแกล้งเป็นแฟนกับคนไม่น่าไว้ใจ” เอกยิ้มก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียยาวเหมือนคนโล่งอกที่ได้คลายความอึดอัดใจ

“คนที่ไม่น่าไว้ใจที่สุดก็นายนี่แหละ” พี่พลอยกอดอกมองเอกอย่างไม่ไว้ใจ

“นี่ป้าครับ  กินขนมผมฟรีบ่อยๆ แล้วยังจะมาจิกมากัดอะไรอีก  ก็บอกแล้วไงว่าไม่คิดอะไรกับเปอร์แล้ว  เชื่อกันบ้างไม่ได้หรือไง?” เอกกอดอกบ้างก่อนจะขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจที่พี่พลอยจิกกัด  ผมว่าคู่นี้ได้กันชัวร์  ถ้าไม่ได้ผมนี่แหละจะเชียร์ให้ได้

“งั้นเรามาวางแผนเอาคืนตาลุกซ์ปากแข็งกันเถอะ” เจ๊เปรียวกำมือแน่นแล้วเม้มปากดั่งนักสู้ที่กำลังปลุกใจเหล่านักสู้ด้วยกัน

“ว่าแผนมาเลยผู้จัดการ” พี่พลอยเอาด้วย

“ไม่มีอะไรมาก  แค่ตอนที่สองคนนี้อยู่ด้วยกันต่อหน้าลุกซ์เมื่อไหร่ก็ให้ทำตัวสวีตกันมาก  เอาแบบที่สามารถทำให้ลุกซ์กระอักได้เลยยิ่งดี” เจ๊เปรียวพูดในจังหวะที่อาหารมาเสิร์ฟ

“ไม่ดีหรอกครับ  เอกไม่เอาด้วยหรอก ใช่ไหม?” ผมหันไปขอความเห็นจากเอก  เมื่อกี้เอกเพิ่งสารภาพรักกับผมไปนะ  จะให้แกล้งไปสวีตอะไรกันแบบนั้นผมทำไม่ได้หรอก

“ได้สิเปอร์  แล้วก็ไม่ต้องคิดอะไรมากด้วย  เราเป็นเพื่อนกัน  โอเคไหม?” เอกหันมาพูดกับผมหลังจากที่แยกเขี้ยวใส่พี่พลอยเรียบร้อยแล้ว

“ผู้จัดการ ฉันไม่ไว้ใจเด็กนี่เลย” พี่พลอยพูดอย่างหมั่นไส้เอก

“ป้าหึงผมเหรอ? นี่ชอบผมใช่ไหมถึงคอยขัดแข้งขัดขาและกีดกันผมแบบนี้อ่ะ” เอกสุดจะทนจึงหันไปวีนใส่พี่พลอยเบาๆ

“เจ๊ ผมว่าสองคนนี้ได้กันชัวร์” ผมป้องปากหันไปกระซิบกับเจ๊เปรียวเบาๆ

“เปอร์! นินทาพี่เหรอ?” พี่พลอยหันมามองผมด้วยสายตางอนปนโมโหจนผมต้องรีบยืดตัวตรงแล้วทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

“งั้นเอาตามนี้เลยนะ  ถ้าเอกว่างก็มาหาเปอร์ที่ออฟฟิศได้  เดี๋ยวเจ๊ทำป้ายสต๊าฟมาให้จะได้เข้าออฟฟิศได้ง่ายๆ  ติดแต่ว่าเปอร์จะกล้าทำร้ายลุกซ์หรือเปล่าเท่านั้นเอง อิ๊ๆ” เจ๊เปรียวบอกก่อนจะหรี่ตามองผมอย่างเจ้าเล่ห์

“ทำไมผมจะไม่กล้า!” ผมออกตัวทันทีที่ถูกลองเชิง  อาจจะใช่ที่ผมไม่อยากประชดเขาเพราะผมกลัวเขาจะเจ็บมากกว่าการที่ผมห้ามเขาไม่ให้เขามาในชีวิต  ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าห่วง

“แต่ไม่ใช่ว่าทำไปแล้วประธานเกิดงอนขึ้นมาจนไปคว้ายัยเด็กบิวตี้นั่นมาประชดกลับหรอกนะ” พี่พลอยพูดขึ้น

“เอ้อ ผมว่าผู้หญิงคนนั้นแปลกๆ นะ  ผมเข้าไปถามหาเปอร์ เขาก็มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วถามว่าเปอร์ไหน  พอผมบอกว่าเลขาของพี่ลุกซ์เขาก็บอกว่าเขาต่างหากที่เป็นเลขาแล้วก็ให้ผมเปิดประตูห้องเข้าไปเพราะได้ยินเสียงเอะอะ  คือ...ผมโคตรงง” เอกพูดไปพลางเกาคอแกรกๆ ไป นี่น้องบิวตี้เป็นแบบที่เอกว่าจริงๆ เหรอเนี่ย?  นี่น้องตั้งใจจะจับพี่ลุกซ์จริงๆ ใช่ไหม?

“ตอแหลน่ะสิเด็กนั่น  เจ๊ว่ามันต้องอยากเป็นเลขาแทนเปอร์แน่  อย่ายอมนะเปอร์” เจ๊เปรียวทำหน้าหมั่นไส้เมื่อพูดถึงน้องบิวตี้

“ผมกำลังจะลาออกแล้วล่ะครับ” นึกถึงหน้าที่การงานของตัวเองแล้วก็อดถอนหายใจออกมาอย่างปลงตกไม่ได้

“ลาออก!!” พี่พลอย เจ๊เปรียวและเอกประสานเสียงกันทันทีจนผมต้องไปรีบหันไปมองลูกค้าโต๊ะข้างๆ อย่างขอโทษที่คนโต๊ะนี้ทำเสียงดัง

“ใช่ครับ ผมทนไม่ได้นี่ครับที่เขาเอาแต่ทำให้ผมลำบากใจจน...ร้องไห้” ผมพูดเสียงแผ่วชนิดที่ว่าเบากว่าเสียงแมลงหวี่ในท้ายประโยค  ก็มันน่าอายนี่ครับที่ผู้ชายอกสามศอกอย่างผมเสียน้ำตาง่ายๆ เพราะผู้ชายคนเดียว

“ไม่ได้การละ! ถ้าเปอร์ออก อีเด็กนั่นมันจับลุกซ์แน่  มารยาหญิงมีหลายหมื่นเล่มเกวียน  เราจะให้มันมาหลอกจับลุกซ์ไม่ได้เด็ดขาด!” เจ๊เปรียวพูดออกมาอย่างอารมณ์ขึ้นโดยไม่สนใจรอบข้างเลย

“เจ๊ เบาๆ สิครับ  อายคนอื่นเขา” ผมสะกิดแขนเจ๊เปรียวเบาๆ

“ชิ! เจ๊หงุดหงิดนี่เปอร์  เอาเป็นว่าเริ่มแผนเลยละกัน  เอาตามเวลาที่เอกว่างนั่นแหละเนอะ” เจ๊เปรียวตัดบท “มากินของอร่อยๆ ดับความหงุดหงิดดีกว่า  เอ้า กินๆ วันนี้พี่พลอยเลี้ยง” เจ๊เปรียวมองอาหารก่อนจะเริ่มลงมือกินเป็นคนแรก

“เฮ้ย ไหงงั้นอ่ะผู้จัดการ?” พี่พลอยเงิบไปเลยทีเดียวที่จู่ๆ ตัวเองก็ได้เป็นคนเลี้ยง

“พี่พลอยอาวุโสสุดนะ  เลี้ยงเลย” เจ๊เปรียวว่า

“เอางั้นก็ได้” พี่พลอยจำยอม

“ป้าแก่ ฮึๆ” เอกยิ้มขำๆ ทำให้ฉากสงครามระหว่างพี่พลอยกับเอกเกิดขึ้นท่ามกลางความอร่อยของอาหารที่พวกเรากำลังรับประทาน




37.5% left



ฉิบหายล่ะ  เพราะส้มตำรสจัดเมื่อวานทำให้เช้าวันนี้ผมแทบตายคาห้องน้ำ  มันทำพิษผมตั้งแต่ตีสี่ยันหกโมงเช้า  ตอนนี้มันสงบแล้วล่ะครับแต่แรงผมไม่มีแล้ว  แม้แต่จะลุกไปอาบน้ำยังไม่มีปัญญาเลย  นี่ผมต้องเข้างานก่อนแปดโมงซะด้วย

เอาวะ วันนี้ขึ้นรถเมล์กับขับรถเองไม่ไหวแน่  ให้ไอ้พี่ถังช่วยดีกว่า

[ว่าไง?] ไอ้พี่ถังรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

“ถัง วันนี้มึงจะเข้างานกี่โมง?” ผมถามมันด้วยเสียงที่เพลียสุดติ่ง  ฟวยเอ๊ย! แม้แต่แรงจะพูดยังน้อยเลย

[9 โมง  มึงมีอะไรเปล่าวะ?] พี่มันถาม

“กูท้องเสียว่ะ  ว่าจะให้มึงมารับ แต่ไม่เป็นไรหรอก” ผมบอก

[ฮะ!?! มึงท้องเหรอเปอร์!?!] จู่ๆ ไอ้พี่ถังก็แหกปากตะโกนออกมาแสดงให้เห็นว่ามันตื่นเต็มตาแล้ว  แต่ว่า...หูมันทำด้วยอะไรวะ? บอกว่าท้องเสีย ไม่ใช่ท้องเฉยๆ ไอ้ประสาท!

“ควาย! ฟังดีๆ นะไอ้ถัง  กูท้องเสีย ไม่ได้ท้องเว้ย!!” ผมรวบรวมแรงก่อนจะแหกปากแข่งกับมัน  พอพูดจบประโยคผมก็หอบแฮ่ก  คนยิ่งไม่มีแรงยิ่งมาให้ใช้พลังอีกเนอะ  เหนื่อยเฟ้ย!

[อ้าวเหรอ? โทษๆ กูเบลอ] พี่ถังพูดเสียงแหยๆ

[อ้าว ตื่นแล้วเหรอครับ? แล้วนี่คุยกับใคร หืม?] เสียงพี่เคย์ดังแว่วเข้ามาในสาย

“ถัง มึงนอนต่อเหอะ เดี๋ยวกูไปอาบน้ำแล้วแหละ” ผมบอกยิ้มๆ ก่อนจะรีบวางสายเพื่อให้สองผัวเมียเขาสานต่อความสัมพันธ์กันต่อไป

ฮึๆ ผมคิดไม่ออกเลยครับว่าพี่ถังสุดแมนคนนั้นจะมีท่าทางยังไงเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่เคย์  ทำให้พี่เคย์รักพี่เคย์หลงได้ขนาดนั้นหวังว่ามันคงไม่ได้ทำตัวเป็นลูกแมวน้อยที่คอยเชื่อฟังคำสั่งเจ้านายหรอกนะ  คิดแล้วก็ขนลุก ฮ่าๆๆ แต่อยากเห็นมันอ้อนพี่เคย์เหมือนกันแฮะ  ทุกวันนี้เห็นแต่พี่เคย์อ้อนมัน

 

สุดท้ายผมก็ฝืนตัวเองขับรถออกไปทำงานอย่างทุลักทุเลเพราะยังไม่ฟื้นจากอาการเพลีย  ก่อนออกมาก็ซัดเกลือแร่ไปตั้งสองซอง  หวังว่าเรี่ยวแรงของผมมันจะกลับมาเร็วๆ นะเพราะวันนี้ผมคงต้องรับมือกับพี่ลุกซ์อีกเยอะ

“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่เปอร์  มาเช้าจังเลยนะคะ” หลังจากที่ผมฟุบไปกับโต๊ะได้ประมาณห้านาทีเสียงใสๆ ก็ดังทักขึ้น ผมจึงต้องงัดตัวเองออกจากโต๊ะทำงานขึ้นมายิ้มให้กับน้องบิวตี้

“สวัสดีครับบิวตี้  มาเช้าเหมือนกันนะเราน่ะ” ผมทักด้วยเสียงเนือยๆ

“ต้องมาเช้าสิคะพี่เปอร์  เดี๋ยวประธานไม่ปลื้มเอา” น้องบิวตี้ยิ้มหวานก่อนจะพูดด้วยท่าทางตื่นเต้น  ผมนิ่งไปนิดเมื่อได้ยินแบบนั้น

“ต๊าย ถ้ากลัวเขาไม่ปลื้มฉันว่าหล่อน เอ้ย เธออย่าไปยุ่งกับเขามากจะดีกว่านะ  ลุกซ์เขาเป็นคนขี้รำคาญ ขี้หงุดหงิด ถ้าไม่ใช่คนใกล้ตัวเขาจะโมโหมากถ้าเข้าไปเสือ...ยุ่งกับเขา ฮึๆ” ผมรีบหันขวับไปมองคนพูดที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่ทันทีก่อนจะพบว่าเป็นเจ๊เปรียวนั่นเอง  เจ๊แกยืนกอดอกเชิดใส่น้องบิวตี้ดั่งนางพญา  โอ้ เจ๊แกสวยจริงจัง

“คุณเป็นใครคะ?” น้องบิวตี้ชักสีหน้าใส่เจ๊เปรียวทันทีที่ถูกเจ๊พูดใส่อย่างนั้น

“โฮะๆ อ่อนจริงๆ ที่ไม่รู้จักฉัน” เจ๊เปรียวป้องปากหัวเราะอย่างมีจริตก่อนจะจิกตามองน้องบิวตี้

ผมมองทั้งสองสาวสลับกันก่อนจะถอนหายใจเบาๆ  สงสารน้องบิวตี้จัง  โดนตัวแม่หมายหัวซะแล้ว

“ก็ไม่รู้จักนี่คะ ถ้าอยากให้รู้จักก็กรุณาบอกให้ทราบด้วยค่ะ!” น้องบิวตี้กระแทกเสียงใส่เจ๊เปรียวด้วยท่าทางหยิ่งผยอง

“อ้าว ผู้จัดการ  มาเร็วดีนะคะเนี่ย” พี่พลอยที่เพิ่งเดินเข้ามา ทักขึ้นพลางเหลือบไปมองน้องบิวตี้นิดๆ ก่อนจะเบะปากอย่างหมั่นไส้  ผมสัญญาเลยว่าผมจะไม่เป็นศัตรูกับสองคนนี้  เมื่อผู้หญิงเขาได้จับมือกันแล้วมันน่ากลัวอย่าบอกใคร  นี่ถ้าผมเป็นน้องบิวตี้ผมเครียดเลยนะเนี่ย

“พอดีวันนี้อยากมาดูหน้าลูกสาวของลูกค้ารายใหญ่ชัดๆ น่ะค่ะเผื่อว่าจะได้...สร้างสัมพันธไมตรีเอาไว้  แต่ก็นะพี่พลอย  เปรียวก็แค่เป็นผู้จัดการทั่วไป คงไม่มีผลเท่าประธานบริษัทหรอกค่ะ” เจ๊เปรียวหันไปพูดกับพี่พลอยแต่ก็ไม่วายจิกน้องบิวตี้ไปด้วย  ขนาดผมไม่โดนผมยังเจ็บแทนเลย

“ผู้จัดการก็ว่าไปนั่น  น้องบิวตี้เขาน่ารักนะคะ  ดูแลประธานดี๊ดีแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ต้องการ” พี่พลอยพูดพลางหัวเราะคิกคักทำเอาน้องบิวตี้เม้มปากแน่นด้วยความโมโห

“ก็แน่สิคะพี่พลอย ลุกซ์น่ะมีคนที่เขาอยากให้ดูแลอยู่แล้ว  แค่คนเดียวก็พอค่ะ ใช่ไหมเปอร์?” เจ๊เปรียวหันมาถามความเห็นจากผมทำเอาผมได้แต่ยิ้มแหยๆ ส่งไปให้  ส่วนน้องบิวตี้ไม่ต้องพูดถึง โกรธจนกำมือ เม้มปากแน่นไปแล้ว

“อ้าว สาวๆ มาชุมนุมอะไรกันตรงนี้?” ขณะที่พวกสาวๆ กำลังสนุกกับการจิกกัดน้องบิวตี้  เสียงของตัวต้นเหตุก็ดังขึ้น  ผมหันไปมองนิดๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนี

“ลุกซ์ นี่ขาหายแล้วเหรอ? ไม่ได้ใช้ไม้ค้ำแล้วนี่?” เจ๊เปรียวทักขึ้นทำให้ผมหันไปมองพี่ลุกซ์อีกครั้ง  จังหวะที่ผมหันไปมอง พี่ลุกซ์ก็มองผมเช่นกัน

“ก็พอเดินเองได้แล้วล่ะ  เอ้อ เปรียว  เดี๋ยวลุกซ์ขอยืมตัวน้องปิงมาช่วยง้อใครบางคนหน่อยได้ไหม? เขารักเด็ก ถ้าให้น้องปิงอ้อนเขาอาจจะใจอ่อนก็ได้” พี่ลุกซ์พูดพลางมองหน้าผมอย่างมีเลศนัย  ผมเม้มปากนิดๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนี  บ้าเอ๊ย! เขินสายตาแบบนั้นฉิบหาย

“ได้สิลุกซ์  เอาน้องป่านไปด้วยก็ได้นะ  น้องป่านก็บอกคิดถึงลุกซ์อยู่เหมือนกันส่วนน้องปิงก็บอกอยู่ตลอดว่าอยากมาหาน้าเปอร์” เจ๊เปรียวบอก

“ผมก็คิดถึงน้องปิงครับ  แต่ผมไม่เห็นด้วยนะครับที่เจ๊จะให้ลูกๆ ไปอยู่กับคนอื่น  เขาจะดูแลดีหรือเปล่าก็ไม่รู้” ผมพูดจิกพี่ลุกซ์เบาๆ

“มาช่วยดูแลได้ไหมล่ะ?” พี่ลุกซ์เดินมาที่โต๊ะทำงานผมก่อนจะยื่นหน้ามามองผมใกล้ๆ  ชิ! สายตาสั้นหรือไง ทำไมต้องยื่นหน้ามาใกล้ๆ ด้วย

“ทำไมผมต้องทำแบบนั้นด้วย?” ผมโยกตัวออกให้ห่างจากหน้าพี่ลุกซ์ก่อนจะเบือนหน้าหนี

“ซ้อมไว้ เผื่อเรารับเด็กมาเลี้ยงไง” พี่ลุกซ์ยิ้มมุมปากนิดๆ ก่อนจะยืดตัวยืนตรงแล้วจัดสูทของตัวเองนิดๆ ให้เรียบร้อย

“ใครจะทำแบบนั้น?” ผมทำหน้าบอกบุญไม่รับ

“เอาเถอะ นั่นเป็นเรื่องในอนาคต  แต่ตอนนี้กินนี่ซะจะได้อ้วนๆ” พี่ลุกซ์พูดพลางวางถุงกระดาษที่ถืออยู่ในมือตั้งแต่แรกไว้บนโต๊ะ

“ประธานคะ ซื้อขนมมาให้เช้า ให้เย็นแบบนี้เป็นฉัน ฉันยอมคืนดีด้วยเลยนะคะ  ไม่รู้ว่าตอนไหนเปอร์จะยอม  เดี๋ยวก็มีคนมาสร้างความวุ่นวายให้ชีวิตคู่มีปัญหาหรอก” พี่พลอยพูดจิกน้องบิวตี้นิดๆ

“ใช่ไหมครับคุณพลอย? ผมก็พยายามอยู่เนี่ย  ไม่รู้ว่าตอนไหนจะยอมซักที  เมื่อก่อนก็ขี้งอนอยู่หรอกนะแต่ไม่เห็นจะงอนนานขนาดนี้เลย” พี่ลุกซ์พูด  ผมเม้มปากกำมือแน่นก่อนจะมองเขาตาขวาง  จะพูดเรื่องเก่าๆ ทำไมวะ? ยิ่งรื้อฟื้นผมยิ่งโมโห  ถ้าจำเรื่องเมื่อก่อนได้ก็น่าจะทบทวนดูดีๆ นะว่าที่ผมไม่ยอมคืนดีด้วยนี่มันเพราะอะไร

“บิวตี้  กินขนมไหม? พี่ให้” ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะเอาถุงขนมไปยัดใส่มือน้องบิวตี้

“เปอร์?” พี่ลุกซ์ขมวดคิ้วมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ

“เอาไปเถอะบิวตี้  เดี๋ยวเอกก็เอามาให้พี่” ผมหลบตาพี่ลุกซ์ก่อนจะพูดกับน้องบิวตี้  จะผิดไหมถ้าผมบอกว่าผมโกหก  แต่ตอนนี้ผมไม่อยากพูดอะไรมาก ผมเพลียสุดติ่ง

“ขอกาแฟให้ผมด้วยนะ” พี่ลุกซ์หน้าเสียก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานทันที

“เปอร์!” พี่พลอยกับเจ๊เปรียวเดินดุ่มๆ มาเบียดน้องบิวตี้ออกให้ห่างจากผมก่อนจะทำหน้าผิดหวัง

“ก็...ก็บอกให้เอาคืนอ่า” ผมตอบเสียงอ่อยๆ แล้วก้มหน้านิ่ง  บอกให้ผมเอาคืนพี่ลุกซ์ผมก็ต้องปั้นปึ่งใส่สิ  อีกอย่าง...ผมอยากจะสั่งสอนให้เขารู้สำนึกบ้างว่าถ้าวันหนึ่งผมต้องหนีจากเขาไปเพราะนิสัยของเขา เขาจะเสียใจเหมือนอย่างที่ผมเคยเสียใจหรือเปล่า และเขาจะทำยังไงถ้าผมใจร้ายใส่เขาเหมือนกับที่เขาใจร้ายใส่ผม  ผมเคยบอกกับเขาหลายครั้งแล้วด้วยว่าวันหนึ่งถ้าไม่มีผมเขาจะรู้สึก!  ผมอยากให้เขารู้สึกซะบ้าง

“งั้นไปเอาขนมคืนมาแล้วกินให้หมดเลยนะเปอร์” เจ๊เปรียวกระซิบบอกเสียงข่มขู่

“ก็ให้เขาไปแล้ว” ผมตอบเสียงอ่อนอย่างเกร็งๆ

“น้องบิวตี้คะ  พี่ขอขนมคืนให้น้องเปอร์หน่อยนะคะ  เมื่อกี้เขาประชดกันน่ะ” พี่พลอยหันไปหาน้องบิวตี้ก่อนจะแบมือออกไปขอขนมคืน

“เชิญค่ะ  งั้นเดี๋ยวบิวตี้ไปชงกาแฟให้ประธาน...” น้องบิวตี้ส่งขนมให้พี่พลอยก่อนจะพูดแต่ยังไม่ทันพูดจบเจ๊เปรียวก็ขัดขึ้นซะก่อนส่วนพี่พลอยก็เอาขนมไปวางไว้บนโต๊ะของผมเหมือนเดิม

“ไม่ต้องจ้ะ เขามีเลขาที่รู้ใจอยู่แล้ว  ส่วนเธอถ้าไม่มีอะไรทำฉันจะหางานให้  โบ โบ! เรียกเด็กคนนี้ไปช่วยงานหน่อย มีอะไรให้ทำก็จ่ายงานไป” เจ๊เปรียวบอกพลางตะโกนเรียกหาเลขาของตัวเองทำให้พี่โบที่เป็นเลขารีบวิ่งมาหาเจ๊เปรียวอย่างรวดเร็ว

“แต่ว่าพี่เปอร์ต้องสอนงานให้บิวตี้นะคะ” น้องบิวตี้แย้ง

“เปอร์จ๊ะ ต่อไปนี้เดี๋ยวพี่ให้โบรับเด็กคนนี้มาดูแลต่อเองนะ  เป็นผู้หญิงยิงเรือ  ไปฝึกงานกับผู้ชายคงไม่ดี ยิ่งกับคนรัก เอ้ย เลขาของประธานแบบนี้เดี๋ยวเขาจะมองว่าเธอจ้องจะจับประธานเอา” จุกเลยครับ  ผมเป็นเพียงผู้ฟังยังจุกขนาดนี้แล้วน้องบิวตี้จะจุกขนาดไหนนะ

จิกเสร็จเจ๊เปรียวก็เดินเชิดๆ กลับไปที่ห้องทำงานของตัวเองที่อยู่ห่างออกไปจากห้องทำงานของพี่ลุกซ์พอสมควร  เมื่อเจ้านายเดินไปแล้วพี่โบก็เดินตามแต่ไม่วายหันมาเรียกน้องบิวตี้ไปด้วย

“เห็นว่าเป็นผู้จัดการเฉยๆ หรอกนะ” น้องบิวตี้กัดฟันพึมพำกับตัวเองแต่ผมกลับได้ยินเต็มสองรูหู

“นี่บิวตี้ เธออย่าคิดว่าเธอเป็นลูกของลูกค้ารายใหญ่แล้วจะไม่มีใครกล้าทำอะไรเธอนะ  มีลูกค้าอีกมากมายที่อยากดีลงานกับบริษัทนี้  อย่าคิดว่าประธานกับผู้จัดการจะแคร์มาก  ฉันขอเตือน ถ้าเธอไม่อยากไร้ที่ยืน อย่าผยอง” พี่พลอยที่กำลังจะกลับไปประจำโต๊ะทำงานชะงักก่อนจะหันมาสั่งสอนน้องบิวตี้ด้วยท่าทางนิ่งๆ แต่แฝงไปด้วยความโมโห  คงจะได้ยินที่น้องบิวตี้พึมพำเมื่อกี้ล่ะมั้ง

น้องบิวตี้นิ่งไปนิดก่อนจะเดินกระแทกส้นตามพวกเจ๊เปรียวไป

“โห โหดนะเนี่ยพี่พลอย” ผมหันไปมองพี่พลอยอึ้งๆ

“กับคนอย่างนี้ต้องโหดนี่แหละเปอร์  เมื่อกี้พี่ปรี๊ดมากเลยนะพี่นางบอกว่าเพราะเห็นว่าเป็นผู้จัดการเฉยๆ น่ะ  คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหน  ก็แค่พนักงานใหม่ที่ทำอะไรไม่เป็น” พี่พลอยแสยะปากนิดๆ อย่างไม่พอใจ

“พี่พลอยที่แสนดีของผมหายไปไหน” ผมทำท่าเหมือนจะร้องไห้เพื่อแกล้งเย้าพี่พลอยเล่นๆ

“โธ่เปอร์ พี่น่ารักกับเปอร์เสมอแหละเพราะเปอร์น่ารักกับพี่ตลอดไง เอาล่ะ ไปชงกาแฟให้ประธานได้แล้วไป  และอย่าลืมปลอบเขาด้วยนะ  เมื่อกี้ท่าทางจะช็อคไปเลยที่เปอร์บอกว่าเอกจะเอาขนมมาให้” พี่พลอยเดินมาตบไหล่ผมนิดๆ ก่อนจะหยิกแก้มปิดท้าย

“ฮ่าๆ” ผมหัวเราะนิดๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องสวัสดิการเพื่อชงกาแฟให้พี่ลุกซ์

 





 
+++++++++++++++++++++++++
 


ถึงจะเริ่มสงสารเฮียแต่เฮียต้องโดนเอาคืนซะบ้าง

แต่บอกตรงๆ ว่าไรต์ยังไม่สงสารเฮียเลย ฮ่าๆๆ  สมควรโดนเยอะๆ อ่ะคนแบบเนี้ย

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา