[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2

9.7

เขียนโดย DPR_Fox

วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.

  56 ตอน
  51 วิจารณ์
  228.33K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

32) Chapter 32 : ผ่านไปด้วยกันนะ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Chapter 32 : ผ่านไปด้วยกันนะ


 

ผมเชื่อว่าทุกคนมีความอยากรู้อยากเห็นเป็นของตัวเอง  ด้วยความที่ผมก็เป็นคนที่ชอบเสือกเรื่องชาวบ้านผมก็เลยตัดใจไม่ไปเชียงใหม่แล้ววิ่งออกไปเช่ามอเตอร์ไซค์ตามรถยนต์ที่มารับพี่ลุกซ์ออกไปทันที  แน่นอนว่าตอนที่ตามผมต้องพลางตัวกันนิดหน่อย  เพราะผมมั่นใจว่าถ้าพี่ลุกซ์เห็นผมแม้จะแค่แว้บเดียวต้องจำได้แน่นอนผมก็เลยยัดลูกโป่ง(ที่ขอเด็กแถวๆ ร้านเช่ารถมา)ใส่ท้องแล้วใส่เสื้อหนาๆ สองตัวเพื่อให้ดูตัวใหญ่ขึ้นแล้วก็มีหมวกกันน็อค  คิดว่าแค่นี้คงจำรูปร่างผมไม่ได้แล้วล่ะ

ยิ่งตามรถที่พี่ลุกซ์ไปไกลมากเท่าไหร่ใจผมยิ่งเต้นตึกตักมากขึ้นเท่านั้นเพราะมันเริ่มเข้าใกล้ปางอุ๋งไปเรื่อยๆ  อย่าบอกนะว่าพี่ลุกซ์มาตามผมจริงๆ  แต่...พี่มันไม่รู้นี่หว่าว่าผมอยู่ที่ไหน  ไม่มีใครรู้เลยด้วย  แล้วพี่มันมาทำอะไรแถวนี้ฟะ!?!

 

และสุดท้ายพี่ลุกซ์ก็มาที่ปางอุ๋งจริงๆ  รถจอดอยู่กับที่สักพักก่อนไอ้หนุ่มหน้าหล่อแฟนใครก็ไม่รู้จะก้าวลงมา  เขายืนเพ่งโทรศัพท์ในมือของตัวเองพลางหันไปมองรอบๆ เหมือนกำลังหาอะไรสักอย่างอยู่สักพักก่อนจะออกเดินพร้อมกับรถที่เขานั่งมาจะเคลื่อนตัวออกไป

พี่ลุกซ์เดินงงๆ (?)ไปสักพักเหมือนไม่รู้จุดหมายปลายทางของตนเอง ในมือก็ถือกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมใบไม่ใหญ่นัก มืออีกข้างก็ถือโทรศัพท์ที่เหมือนกำลังเอาไว้ดูข้อมูลอะไรสักอย่างและสุดท้ายเขาก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าโฮมสเตย์ที่ผมเพิ่งเช็คเอาท์ออกเมื่อเช้า

เขาเดินเข้าข้างในผมจึงเดินไปแอบหลังเสาทำเป็นหลบมุมอ่านหนังสือพิมพ์แต่หูนี่ผึ่งเต็มที่

“อ่า...คุณปรินที่มาพักที่นี่อยู่ไหมครับ?” พี่ลุกซ์ถามเจ้าหน้าที่ออกไป

“เอ่อ...ใช่คุณที่ตัวสูง ผอม ขาวๆ หรือเปล่าคะ?” เจ้าหน้าที่ถามออกไป  อ่า...จำผมได้ด้วยแฮะ อิๆ แต่ว่าอย่าหน้าแดงใส่แฟนผมสิครับ  ถึงตอนนี้ผมจะงอนเขาอยู่แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเลิกกันนะเออ

“ครับ ที่หน้าตาเอ๋อๆ หน่อยน่ะครับ” อ้าวเฮ้ย! หายความว่าไงวะที่ว่าหน้าเอ๋อๆ เนี่ย!?!

จะว่าไป...พี่มันมาตามหาผมจริงๆ ด้วยสินะ  ทำไมถึงรู้ได้น้าว่าผมอยู่ที่นี่  แล้วทำไมถึงต้องมาตามหาทั้งๆ ที่ไม่เคยมาหากันเลยแท้ๆ

“ถ้างั้นคงไม่ใช่มั้งคะ คุณคนนั้นหน้าไม่เอ๋อเลยค่ะ” ด้วยความซื่อของคุณเจ้าหน้าที่ทำให้ผมแอบยิ้ม ฮึๆ หน้าผมไม่เอ๋อโว้ย

“เอ่อ...” พี่ลุกซ์ทำหน้าลำบากใจนิดๆ ในความซื่อตรงของคุณเจ้าหน้าที่ “ที่หน้าตาเหมือน...หมาหงอย เอิ่ม...น่ารักๆ น่ะครับ” ตอนแรกจะโกรธแล้วนะครับ  แต่ปิดท้ายประโยคได้น่ารักมากก็เลยให้อภัย

“อ๋อ ค่ะๆ คุณเขาเพิ่งออกไปเมื่อเช้านี่เองค่ะ” เจ้าหน้าที่บอกเมื่อเข้าใจแล้วว่าคนที่พี่ลุกซ์มาตามหาก็คือผม

“ฮะ!?! ว่าไงนะ!?!” มาดนิ่งของพี่ลุกซ์ที่ทำให้เจ้าหน้าที่หน้าแดงได้ถูกทำลายลงด้วยความตกใจจนดูเหมือนยักษ์ไปแทบจะทันที  ดูจากสีหน้าอันตื่นตระหนกของคุณเจ้าหน้าที่แล้วผมคิดว่าคงจะกลัวมาก  ถ้าใครไม่ชินมักจะกลัวตาคนนี้ครับ  ผมคอนเฟิร์ม  ขนาดชินยังกลัวเลยบอกตรงๆ

“ปะ...ไปแล้วค่ะ” คุณเจ้าหน้าที่ย้ำอีกครั้งด้วยท่าทางตื่นกลัว

“ขอบคุณครับ” พี่ลุกซ์ทำหน้ายักษ์แล้วรีบเดินห่างออกมาจากพื้นที่เมื่อกี้ทันที  ผมก็แอบตามออกมาอย่างเนียนๆ ครับ  แน่นอนว่าผมต้องออกมาเจอกับอาการหัวเสียแบบไร้เสียงของพี่ลุกซ์

 

พี่มันยืนสงบสติอารมณ์อยู่สักพักก่อนจะเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่คนเดิมอีกครั้ง

“ถ้าผมจะขอพักที่นี่จะได้ไหมครับ?” พี่ลุกซ์ถาม

“จริงๆ ถ้าจะพักอยู่ที่นี่ก็ต้องติดต่อเรามาก่อนค่ะแต่พอดีว่าคุณลูกค้าท่านนั้นได้ออกไปก่อนกำหนดก็เลยมีห้องว่างพอดี  ถ้าจะพักก็พักได้ค่ะ” เจ้าหน้าที่บอก

อ้าว...จะพักที่นี่หรอกเหรอ?  แล้วผมจะเอาไงวะเนี่ย? กลับ? หรือจะแสดงตัวให้พี่มันเห็นเลยดี?

โวะ! คิดไม่ออก  ถ้าคืนนี้ไม่มีที่นอนจริงๆ ก็ไปนอนที่สนามบินเอาละกันแล้วพรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อก็ได้  ชิลล์ๆ  ขอแค่มีที่ให้ทำแผลกับกินข้าวเป็นพอ

ขณะที่ผมกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเอายังไงพี่ลุกซ์ก็เดินไปที่โฮมสเตย์  โยนกระเป๋าเข้าไปในห้องแล้วออกมายืนยืดเส้นยืดสายโชว์หุ่นอันแสนจะดีภายใต้เสื้อผ้าราคาแพงให้ชาวบ้านชาวช่องเขามอง  ส่วนผมก็แอบไปหลบอยู่ด้านหลังโฮมสเตย์อีกหลังที่อยู่ใกล้ๆ

บิดตัวไปมานิดๆ พี่มันก็ออกเดินไปตามริมทะเลสาบหรืออ่างเก็บน้ำ  สีหน้าพี่มันก็ยังดูเครียดๆ ครับ  เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง  ไม่แน่ อาจจะกำลังคิดอยากจะฆ่าผมก็ได้เพราะผมทำให้พี่มันหัวปั่นอย่างหนัก  ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ  แค่อยากมาเที่ยวพักผ่อนคนเดียวเงียบๆ เท่านั้นเอง

 

ผมเดินตามหลังพี่ลุกซ์มาแบบไม่ให้พี่มันรู้ตัวไปซักพักจนกระทั่งผมไปเจอกับคนที่ไม่คาดฝันเข้า  ผมรีบหลบทันทีเพราะกลัวไอ้คุณชนะมันเห็นแล้วเอะอะโวยวายจนพี่ลุกซ์รู้ตัวน่ะสิ

“พ่อๆ พ่อรู้จักกับพ่อของเขาจริงๆ น่ะเหรอ?  ผมชอบจริงๆ นะพ่อ!” เสียงของไอ้คุณชนะนั่นดังขึ้นทำให้ผมแอบโผล่หน้าไปมองว่าหมอนั่นทำอะไร  หมอนั่นกำลังยื่นกล้องไปให้ชายวัยประมาณพ่อผมดูด้วยสีหน้าอิ่มเอิบสุดติ่งส่วนคนที่คาดว่าน่าจะเป็นพ่อของเขาก็กำลังทำหน้าเครียด

“รู้ แต่แกคงชอบเขาไม่ได้หรอก  ได้ข่าวว่าน้องเปอร์เขามีแฟนเป็นนักธุรกิจใหญ่และมีอิทธิพลมาก  รู้สึกจะเป็นลูกของรุ่นพี่ของไอ้ปราชญ์น่ะ” เหะ!?! รู้จักพ่อกับพี่ลุกซ์ด้วยเหรอเนี่ย!?!

ขนาดผมยังแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยินแล้วทำไมคนที่กำลังเดินอยู่ใกล้ๆ สองพ่อลูกจะไม่สนใจ  ผมหันไปเห็นพี่ลุกซ์ยืนนิ่งพลางยกมือขึ้นลูบคางที่เริ่มมีไรหนวดเขียวขึ้นมาเบาๆ  พี่มันมองสองพ่อสองอย่างพินิจพิจารณาก่อนจะเดินดุ่มๆ เข้าไปหาจนผมนี่แทบอยากจะกระโดดออกไปตะครุบเอาไว้เพราะกลัวว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้น

แต่ก็นะ  เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นตั้งแต่ที่ไอ้คุณชนะมาชอบผมแล้วล่ะแถมพ่อของเขายังมาเป็นเพื่อนของพ่อผมอีก  ฟังจากการใช้สรรพนามเรียก คงจะสนิทกันในระดับหนึ่ง

“ขอโทษนะครับ  เมื่อครู่ผมได้ยินคุณสองคนพูดถึงคุณปราชญ์  ไม่ทราบว่าใช่คุณปราชญ์ที่เคยเป็นหุ้นส่วนบริษัทนำเข้ารถยนต์หรือเปล่าครับ?” พี่ลุกซ์เข้าไปถามอย่างสุภาพทว่าแฝงไปด้วยความดุดัน

“คุณเป็นใคร?” คุณชนะลดกล้องลงก่อนจะมองหน้าพี่ลุกซ์อย่างไม่ชอบใจที่เข้าไปสอใส่เกือกเสือกเรื่องที่คุยกับพ่ออยู่

“ผมอาจจะเป็นคนที่พวกคุณพูดถึงเมื่อครู่ก็ได้นะครับ” พี่ลุกซ์ยกยิ้มจนตาหยีแต่เวลาพี่มันยิ้มแบบนี้ทีไรมักมีเรื่องซวยๆ เข้ามาทุกทีเพราะดูเหมือนพี่มันกำลังยัวะ  บอกตรงๆ ว่าผมแทบไม่เคยเห็นพี่ลุกซ์ยิ้มตาหยีเพราะมีความสุขเลยสักครั้ง  ที่เห็นบ่อยๆ จะเป็นการยิ้มที่ปกปิดแววตาดุดันซะมากกว่า

“พ่อ! นี่คุณปราชญ์เพื่อนพ่อเหรอ?” ไอ้คุณชนะนี่มันบื้อหรือบ้าวะเนี่ย!?!

“บ้ารึไง!?” คนเป็นพ่อขึงตาดุใส่ลูกทันที

“ที่ผมเข้ามาทักเพราะผมได้ยินชื่อของคุณปราชญ์และได้ยินแว่วๆ เหมือนคุณจะชอบลูกบ้านนั้น” พี่ลุกซ์หุบยิ้มก่อนจะเริ่มแช่แข็งหนังหน้าของตัวเอง

“ถ้าหมายถึงคุณเปอร์ล่ะก็ใช่  ผมชอบเขา” คุณชนะตอบไปโดยที่ไม่รู้อะไรซะแล้ว  อ่า...ทำไมตอนนี้ผมถึงเห็นคิ้วพี่ลุกซ์กระตุกหงึกๆ ก็ไม่รู้สินะ

“อย่ายุ่งกับเขาเลยครับ” พี่ลุกซ์พูดยิ้มๆ พลางขยับเข้าไปยืนใกล้ๆ กับคุณชนะซึ่งนั่นก็ทำให้เกิดการเปรียบเทียบส่วนสูงและขนาดตัวอย่างชัดเจน  มองเผินๆ ก็เหมือนจะสูงและตัวใหญ่ด้วยกันทั้งคู่แต่พอมองดีๆ แล้วพี่ลุกซ์มีไซส์ที่กินขาดพอสมควร

“ทำไม?” คุณชนะเลิกคิ้วถาม  ท่าทางดูกวนชะมัด  เดี๋ยวก็โดนหมัดของคนหน้ายิ้มแต่ใจยักษ์หรอกครับ ขอเตือน

“เพราะไอ้เปอร์เป็นแฟนผมเองครับ  ผมขี้หึงมากซะด้วย  ถ้าโมโหมากๆ อาจจะทำอะไรลงไปไม่รู้ตัวก็เลยอยากเตือนก่อนน่ะครับ” พี่ลุกซ์พูดเสียงนิ่งแต่หน้ากลับยิ้ม   อ่า...น่ากลัวเป็นบ้า  ถ้าคนไม่รู้จักอาจจะคิดว่ามันเป็นแค่การขู่กะโหลกกะลาแต่ถ้าคนที่รู้จักล่ะก็จะรู้ว่าไม่ใช่แค่ขู่แน่นอน  แอบดีใจนะครับที่ผมเป็นคนทำให้พี่มันกระวนกระวายจนต้องไปขู่ใครต่อใครแบบนี้

“ถ้าผมชอบใครเข้าไปแล้วผมก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาเหมือนกันครับ” แล้วมึงถามกูไหมว่ากูอยากไปหามึงหรือเปล่า

“แล้วคุณจะได้เห็นดีกับผม” พี่ลุกซ์ขึงตาดุจ้องหน้าคุณชนะนิ่ง

“ผมจะคอย” คุณชนะจ้องตากลับอย่างไม่เกรงกลัวจนผมหมั่นไส้เขาขึ้นมาตงิดๆ  ผมสังเกตเห็นมือพี่ลุกซ์กำแน่นจนสั่นเลยล่ะครับ  ถ้าเป็นสมัยก่อนผมว่าไอ้ลุกซ์คงกระโดดถีบคุณชนะไปแล้วล่ะ

พี่ลุกซ์ถลึงตามองคุณชนะอีกนิดหน่อยก่อนจะเดินผ่านไป  ผมมองพี่ลุกซ์จนลับตาก่อนจะวิ่งอย่างลับๆ ล่อๆ ไปหาคุณชนะ

“อ๋า! คิดถึงผมเหรอครับ?” เมื่อไอ้คุณชนะเห็นผมก่อนร้องออกมาด้วยสีหน้าดีใจทันที  ผมถอนหายใจเซ็งๆ ก่อนจะหันไปไหว้พ่อของเขา

“คุณเลิกยุ่งกับผมเถอะนะครับ  เมื่อกี้เขาไม่ได้แค่ขู่หรอกนะ” ผมบอกหน้าเครียด ที่ผมเข้าไปเตือนเพราะผมไม่อยากให้พี่ลุกซ์ทำเรื่องไม่ดีต่างหาก

“คุณเป็นห่วงผมเหรอ?” คุณชนะทำหน้ากรุ่มกริ่ม

“ผมห่วงแฟนผมต่างหาก  ไม่อยากให้เขาทำบาปไปมากกว่านี้” ผมบอก  พี่ลุกซ์ทำร้ายคนมามากแล้ว  ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากให้เขาทำอีก  ถ้าทำร้ายนิดๆ หน่อยๆ อาจจะไม่เท่าไหร่แต่ถ้าพี่มันคิดจะทำลายชีวิตใครซักคนก็ย่อมทำได้ง่ายๆ ซึ่งผมไม่อยากให้ทำ

“โธ่คุณ บ้านเมืองมีขื่อมีแปนะครับ  ถ้าเขาทำร้ายผม ก็แค่แจ้งความเท่านั้นจบ  เขาติดคุก ผมได้คุณ” การมโนของหมอนี่แรงกล้ามากครับ  เซ็งสุดๆ

“แล้วคุณคิดว่ากฎหมายบ้านเมืองสะอาดหมดจดไหมล่ะครับ” ผมมองหน้าคุณชนะแล้วส่ายหน้าไปมาก่อนจะแอบเดินตามพี่ลุกซ์ต่อไป

ผมหวังว่าคุณชนะคนนี้จะไม่เข้ามาทำให้ชีวิตผมปั่นป่วนหรอกนะ

 

60% left



พี่ลุกซ์เดินเลียบทะเลสาบไปเรื่อยๆ จนไปในที่ที่มีคนเบาบาง  สักพักพี่มันก็ถอดรองเท้า พับขากางเกงขึ้นแล้วนั่งพิงต้นสนโดยไม่กลัวว่าเสื้อผ้าราคาแพงของตัวเองจะเปื้อนเลย

ผมยืนหลบอยู่หลังต้นสนห่างจากพี่ลุกซ์สองต้น  ตอนนี้พี่มันกำลังหันหลังให้ผมอยู่  ส่วนผมก็หันหลังให้เหมือนกันเพราะกำลังยืนพิงต้นไม้อยู่  ใจผมเต้นตึกตักเลยล่ะ  ยิ่งความเงียบเข้าครอบงำผมยิ่งกลัว  กลัวว่าพี่ลุกซ์จะรู้แล้วว่าผมอยู่ข้างหลัง

“มาตามหาถึงขนาดนี้ยังคิดจะซ่อนตัวอีกเหรอ?” เสียงทุ้มๆ ดังขึ้นไม่ดังมากนักแต่ก็พอจะให้ผมได้ยิน  น้ำเสียงของพี่มันฟังดูนิ่งเรียบทว่าแฝงความเหงาจางๆ ด้วย

รู้จริงๆ ด้วยสินะว่าผมตามอยู่  เฮ้อ ผมสู้ไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ คนคนนี้น่ะ

“รู้ได้ไงครับ?” ผมถามขึ้นหลังจากเดินออกจากหลังต้นสนแล้วไปยืนพิงต้นสนต้นเดียวกันกับพี่มันโดยหันหลังให้

“เห็นตั้งแต่ขี่รถตามแล้ว  ปลอมตัวยังไงกูก็จำมึงได้อยู่ดีนั่นแหละ” พี่ลุกซ์บอก

“แล้วทำไมถึงรู้ว่าผมอยู่ที่นี่?” ผมถาม  คำถามนี้คาใจมากครับ

“กว่าจะรู้ก็ลำบากเหมือนกันล่ะนะ”

“มาทำไมเหรอครับ?” ผมถามอีก

“เมียหนี” พี่มันตอบ

“ไม่ได้หนี  แค่อยากอยู่คนเดียวเงียบๆ เท่านั้นเอง” ผมบอกเสียงอ่อน  ขี้เกียจจะปฏิเสธว่าเป็นเมียแล้วล่ะครับ  เมื่อก่อนก็ดีใจเล็กๆ นะที่พี่มันยอมรับผมในสถานะนั้นแต่ยังไงผมก็เป็นผู้ชาย  ไม่อยากถูกเรียกว่าเมีย

“...”

“...”

เราต่างคนต่างเงียบกันไปสักพักจนได้ยินเสียงพี่ลุกซ์ขยับตัวยืนขึ้น  สักพักร่างของผมก็ถูกกอดหลังจากที่พี่มันเดินอ้อมต้นสนมาหาผมแล้ว  ผมอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะผ่อนลมหายใจแล้วทิ้งน้ำหนักลงไปที่พี่ลุกซ์

“ที่กูไม่ได้ไปหามึงเลยเพราะสัญญาไว้กับพ่อมึง  เขาไม่อยากให้กูที่มีศัตรูเยอะมายุ่งกับมึงอีกเพราะกลัวว่ามึงจะเดือดร้อน” พี่ลุกซ์บอกทั้งๆ ที่ยังกอดผมเอาไว้อย่างนั้น

“แล้วพี่ก็เลยคิดจะทิ้งผมใช่ไหม?” ผมถามอย่างน้อยใจ  ก็คุยกันแล้วว่าถ้ามีปัญหาอะไรต้องช่วยกันแก้  ไม่ใช่ทิ้งกันเอาไว้ให้เสียใจเปล่าๆ

“เปล่า  แต่ที่กูหายไปเพราะไปจัดการทุกอย่างเพื่อที่จะได้อยู่กับมึงไงล่ะ” พี่ลุกซ์บอก  ผมสงสัยกับสิ่งที่พี่มันพูดก็เลยผละออกแล้วมองหน้าอย่างงงๆ

“หมายความว่ายังไงครับ?”

“กูจะลงจากตำแหน่ง  ตัดขาดจากอำนาจทั้งหมด...เพื่อมึง” เหมือนหัวใจถูกอะไรหนักๆ ถ่วงก็ไม่รู้ทำให้ผมรู้สึกจุกกับคำพูดของพี่ลุกซ์  จุกจนตามันร้อน  ตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก  รู้สึกทั้งดีและแย่ในคราวเดียวกัน

“ทำไม?” ผมถามออกไปเสียงแผ่ว  รู้สึกจุกในลำคอ

“ถ้ากูเป็นผู้ชายธรรมดากูอาจจะดูแลมึงได้ดีกว่าการที่กูยืนบนจุดสูงสุดของบริษัท  กูไม่อยากเห็นใครมาทำร้ายมึงเพราะกู เพราะผลประโยชน์ที่กูได้รับ  ยิ่งเป็นคนสำคัญมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีคนอิจฉามากเท่านั้น  แค่ลงจากตำแหน่งศัตรูกูก็หายไปเยอะแล้ว  ทุกวันนี้มีคนคิดจะเลื่อยขาเก้าอี้กูด้วยวิธีทุเรศๆ เยอะ  กูไม่อยากให้มึงเดือดร้อน” พี่ลุกซ์จับไหล่ทั้งสองข้างผมเอาไว้แล้วจ้องตาผมอย่างจริงจัง  ภาพตรงหน้าของผมสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก  เหมือนกับมีของเหลวบางอย่างมาคั่นภาพของพี่ลุกซ์ที่อยู่ตรงหน้า

อ่า...แค่ได้ยินว่าพี่มันตั้งใจจะทำอะไรเพื่อผม น้ำตาก็คลอซะแล้ว

“ผมไม่ได้เดือดร้อนเพราะพี่หรอกนะ  ที่ผมบาดเจ็บก็เพราะพี่จักรนิสัยไม่ดีเอง  ไม่ใช่เพราะพี่เลย” ผมยกมือขึ้นไปประคองหน้าพี่ลุกซ์เบาๆ แล้วยิ้มบางๆ ให้  น้ำตาผมยังไม่ร่วงแต่กำลังคลอปริ่มและผมก็กำลังจะกลืนมันกลับที่เดิม  ไม่อยากอ่อนแอให้พี่ลุกซ์เห็นเลย  กลัวพี่มันจะห่วงผมมากเกินไปจนไม่ยอมบอกอะไรอีก

“ยังไงสาเหตุมันก็มาจากกู” พี่ลุกซ์เอียงหน้าซุกมือของผมพลางเลื่อนมือตัวเองที่วางอยู่บนไหล่ผมขึ้นมาทาบที่ลำคอ  นิ้วโป้งกดลงที่แก้มของผมพลางไล้ไปมาเบาๆ

“ถ้าไม่อยากให้มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นอีกพี่ต้องบอกผมทุกเรื่อง  อย่าปิดบัง อย่าแบกรับไว้คนเดียว  ผมรู้ว่าพี่เก่งแต่ผมไม่อยากให้พี่เหนื่อย  ถ้าจะรักกันก็ต้องช่วยเหลือกันในทุกๆ เรื่องนะครับ” ผมบอกยิ้มๆ พลางใช้นิ้วโป้งไล้แก้มพี่มันเบาๆ อย่างรักใคร่บ้าง

“มึงก็ห้ามหนีกูไปไหนอีกนะ  กูใจไม่ดีเลย” พี่ลุกซ์พูดผมจึงพยักหน้าขึ้นลงรัวๆ

“พี่ลุกซ์  ห้ามเสียสละหน้าที่การงานเพื่อผมนะ  งานของพี่มันสำคัญมาก  ใครก็มาทำแทนพี่ไม่ได้หรอก” ผมบอก  การลงจากตำแหน่งไม่ได้หมายความว่าเรื่องทุกอย่างมันจะจบนี่นา

“กูตัดสินใจแล้วเปอร์  กูไม่อยากให้ชีวิตวุ่นวาย  อยากจะอยู่กับมึงเงียบๆ ไม่ต้องมีใครมารังควาน” พี่ลุกซ์พูด  ผมยิ้มกว้างอย่างดีใจและเอ็นดู  พี่ลุกซ์ก็มีมุมน่ารักเหมือนเด็กเอาแต่ใจเหมือนกันนี่นา

“ผมเชื่อแล้วนะว่าพี่รักผมมาก  เพราะฉะนั้นต่อให้ชีวิตวุ่นวายมากแค่ไหนเราก็จะผ่านมันไปด้วยกันนะครับ” ผมบอก  แม้ว่าจะเหนื่อยมากแค่ไหนผมก็พร้อมจะก้าวต่อไป ขอแค่มีพี่ลุกซ์อยู่ข้างๆ ก็พอ

“กูรักมึงจัง” พี่ลุกซ์ปล่อยมือออกจากหน้าผมพลางปัดมือผมออกจากแก้มตัวเองแล้วสวมกอดผมซะแน่น  ผมอึ้งไปนิดหน่อยก่อนจะกอดตอบพี่มันอย่างเต็มรัก

“รักเหมือนกันครับ”

ผมกับพี่ลุกซ์กอดกันได้ซักพักก็เดินไปนั่งเล่นริมทะเลสาบจากนั้นเราก็เดินกลับไปที่โฮมสเตย์ด้วยกัน  แน่นอนว่าเราจับมือกันไม่ปล่อยเลยล่ะครับ

 

“อ๊ะ! ซี้ดดด พี่ลุกซ์ เบาๆ หน่อยครับ  อื๊อออ ผมเจ็บ” ผมกรีดร้องออกมาพลางจิกไหล่พี่ลุกซ์แน่นด้วยความเกร็ง

“ทนหน่อย ใกล้เสร็จแล้ว” พี่ลุกซ์พูดเสียงแผ่วเบา

“โอ้ววววว! เจ็บอ่า” ผมจิกมือจิกเท้าจนตัวเกร็งไปหมด

“อื้ม อีกนิดๆ จะเสร็จแล้ว” พี่ลุกซ์เป่าเบาๆ ที่หน้าท้องของผมจนผมรู้สึกหวิววาบๆ

“พี่ลุกซ์ เบา!” ผมกัดฟันพูดพลางขยำไหล่ของพี่ลุกซ์ไม่ยอมปล่อย

“ห่า ร้องอย่างนี้เดี๋ยวกูก็ขึ้นหรอก  ใกล้เสร็จแล้วเนี่ย” พี่ลุกซ์พูดเสียงไม่พอใจนิดๆ ที่ผมเอาแต่ดิ้นไปมาจนทำแผลที่ท้องไม่สะดวก  พี่ลุกซ์มือหนักนี่ครับ  ผมทำเองไม่เห็นเจ็บขนาดนี้เลย

“โอ๊ย! คราวหน้าผมจะทำเองแล้ว เจ็บ!” ผมขมวดคิ้วแน่นพลางทุบไหล่พี่มันอย่างเจ็บใจ  ไม่น่าหลงไปให้พี่มันทำแผลให้เลย  เจ็บโคตร

“ก็บอกให้นอนลงไปดีๆ ก็ไม่เชื่อ” พี่ลุกซ์ผละออกไปพลางเก็บอุปกรณ์ทำแผลหลังจากปิดแผลให้ผมเสร็จแล้ว

ก็ท่านอนที่พี่ลุกซ์จะให้ทำก็คือให้ผมนอนหงายแล้วพี่มันจะเข้ามานั่งแทรกกลางระหว่างขาโดยยกเอวผมไปไว้บนหน้าขาของตัวเองน่ะสิ  บ้าไปแล้ว  ใครจะทำ  ดูยังไงแม่งก็ไม่ใช่ท่าทำแผล  มีจุดประสงค์แอบแฝงชัดๆ เลย

“ถ้าเชื่อแล้วจะทำแผลเสร็จไหมเล่า?” ผมทำปากยื่นใส่พี่ลุกซ์และนั่นก็เป็นผลให้ปากผมถูกกัด  หมอนี่มีอารมณ์กับริมฝีปากผมหรือไงนะ  บ้าบอคอระฆัง “ทำไมชอบกัดปาก?” ผมทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่พี่ลุกซ์  รู้ไหมว่ามันเจ็บ  ริมฝีปากมันก็บางแค่นี้เองนะโว้ย  นี่ว่าจะโวยมานานละเรื่องนี้เนี่ย  บางทีกัดเบาๆ แล้วดึงก็ไม่เจ็บหรอกแต่บางครั้งพี่มันจะเผลอกัดแรงเหมือนครั้งนี้เป็นต้น

“เจ็บเหรอ?” พี่มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะใช้นิ้วโป้งไล้ที่ริมฝีปากบูดบึ้งของผมเบาๆ

“เจ็บ” ผมขมวดคิ้วแล้วเม้มปากแสดงความไม่พอใจ

“มา เดี๋ยวรักษาให้” พูดจบก็เอียงหน้านิดๆ ให้องศามันพอดีที่จะสามารถจุ๊บที่ริมฝีปากผมได้  พี่มันจุ๊บเบาๆ ไม่ได้ทำแบบดูดดื่มก่อนจะค่อยๆ ใช้ลิ้นไล้เลียที่ริมฝีปากเม้มแน่นของผมอย่างแผ่วเบาแล้วผละออกไปด้วยสีหน้าที่ยิ้มอย่างอ่อนโยน

“อย่ากัดอีก” ผมชี้หน้าพี่มันอย่างคาดโทษด้วยสีหน้าเหมือนผู้ใหญ่กำลังดุเด็ก  หรือไม่ก็เหมือนเด็กที่กำลังดุผู้ใหญ่ ฮึๆ

“ไม่รับปาก” คำตอบของพี่ลุกซ์ทำให้หน้าผมยุ่งยิ่งกว่าเดิมซะอีก “ก็ปากมึงน่ากัด น่าจูบนี่” พี่มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์จนผมต้องผงะไปด้านหลังเพื่อหลบไม่ให้พี่มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้  เขินนิดๆ นะครับ

“พูดไปเรื่อย  จิ๊! ไปอาบน้ำได้แล้วไป  เหม็นจะตายอยู่แล้ว” ผมกลบเกลื่อนความเขินด้วยการไล่ให้พี่ลุกซ์ไปอาบน้ำ  ผมน่ะอาบแล้วถึงมาทำแผลส่วนพี่ลุกซ์ยังไม่ได้ทำอะไรเลยแต่จริงๆ ก็ไม่ได้ตัวเหม็นหรอก  ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่พี่ลุกซ์ตัวหอมตลอดทั้งวันเลย  ถึงจะมีเหงื่อก็เถอะ

“เออๆ” พี่ลุกซ์ตอบกลับก่อนจะไปคุ้ยกระเป๋าเสื้อผ้าแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำทันที  ผมมองตามก่อนจะส่ายหน้าไปมายิ้มๆ

เดี๋ยวนี้พี่ลุกซ์ทำตัวน่ารักกับผมมากๆ เลยล่ะ  น่ารักกว่าเดิมเหมือนหลังเท้าเป็นหน้ามือเลยทีเดียว  ถ้าให้ย้อนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์ก่อนๆ แล้วล่ะก็คงไม่อยากจะเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่ลุกซ์จะเป็นแบบนี้

ฮ้า เมื่อก่อนผมยอมพี่ลุกซ์ชนิดที่ถวายหัวแต่พี่ลุกซ์ก็ไม่สนใจ  ในทางกลับกัน ตอนนี้พี่ลุกซ์กลับเป็นคนที่ยอมผมแม้จะต้องทิ้งทุกอย่างก็ตาม

 

ไม่รู้เพราะเหนื่อยมากเกินไปหรือเปล่าจึงทำให้เปอร์นอนขดตัวหลับไปก่อน  พอลุกซ์เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำเขาก็ยิ้มนิดๆ แล้วเดินมานั่งบนเตียงก่อนจะลูบศีรษะของเปอร์เบาๆ

“กูรักมึงยิ่งกว่าชีวิตของกูอีกนะ รู้ไหม?” ลุกซ์ก้มลงไปหอมหน้าผากของเปอร์อย่างแผ่วเบาแล้วลุกไปสวมเสื้อผ้าเพื่อเข้านอนกับเปอร์โดยกอดเปอร์เอาไว้ไม่ให้ห่าง

 

แน่น...แน่น...โอ๊ย...อึดอัด!

อะไรเนี่ย? ทำไมตื่นเช้ามาผมต้องมารู้สึกปวดหนึบๆ ที่แผลแถมยังรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกด้วยเนี่ย

“อือ!” ผมครางในลำคอพลางพยายามดันต้นเหตุของความอึดอัดออกไป

“ฟรี้” ลมร้อนๆ ที่เป่ารดต้นคอทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิมเพราะมันจั๊กจี้จนทำให้ผมนอนหลับไม่สนิท  อยากจะนอนหลับต่อให้เต็มอิ่มกว่านี้แต่ดูเหมือนจะนอนไม่ได้แล้วล่ะ

พรึ่บ!

พอผมลืมตาขึ้นมาเพื่อดูว่าอะไรทำให้ผมอึดอัดก็พบว่าเป็นพี่ลุกซ์นั่นเองที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลังแล้วกอดผมเอาไว้  จะกอดนี่ก็ไม่ไหวหรอกครับแต่พี่มันดันกอดตรงแผลจนผมเจ็บแปลบๆ น่ะสิ

“พี่ลุกซ์ เจ็บแผล” ผมบอกออกไปเสียงแผ่วพลางเขย่าแขนพี่มันเบาๆ

“ฮะ! ว่าไงนะ!?!” พี่ลุกซ์สะดุ้งตื่นขึ้นมาพลางทำท่าลนลานแต่ก็ดูเมาๆ เพราะพี่มันยังไม่ตื่นดีนัก

“เจ็บแผล กอดโดนแผล” ผมค่อยๆ ขยับลุกขึ้นนั่งพลางเปิดเสื้อขึ้นเพื่อดูว่าเลือดมันซึมออกมาหรือเปล่า  โชคดีไม่

“โทษๆ โอย เบลอ” พี่ลุกซ์ขอโทษก่อนจะนวดขมับของตัวเองเบาๆ เหมือนจะปลุกตัวเองให้ตื่น ฮ่าๆ น่าสงสารจัง

“นอนต่อก็ได้นะครับ  เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อน” ผมบอกยิ้มๆ  ท่าทางพี่ลุกซ์จะเพลียจัด ให้นอนต่ออีกซักหน่อยดีกว่า

“อืม จะออกไปไหนปลุกก่อนนะ” พี่ลุกซ์ล้มตัวลงนอนพร้อมกับพูด  ผมขำกับท่าทางของพี่มันก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ

 

อาบเสร็จก็ออกมาทำแผลให้ตัวเองพลางนั่งมองหน้าตอนหลับของพี่ลุกซ์ไปพลางๆ  พี่มันหลับด้วยสีหน้าเดียวเลยครับ  นิ่งสนิท  ขนาดนอนยังหล่อ  ปกติคนอื่นนอนนี่จะมีมุมหลุดๆ บ้าง อย่างเช่น อ้าปาก น้ำลายยืด ปากเบี้ยว กัดฟัน เป็นต้น แต่พี่ลุกซ์นี่นอนเอามือประสานไว้ที่หน้าท้องด้วยสีหน้านิ่งเรียบและหายใจอย่างสม่ำเสมอ  อาจจะมีบ้างที่นอนดิ้นไปกอดหมอนข้างแต่ดูยังไงก็ยังหล่อ  เอ๊ะ หรือผมเป็นพวกหลงแฟนวะ  คงไม่หรอก เพราะก่อนที่จะเป็นแฟนกันผมก็ว่าหล่อนะ ฮ่าๆ

ฟึ่บ

ผมสะดุ้งนิดๆ ขณะที่มัวแต่นั่งมองหน้าหล่อๆ พี่ลุกซ์ก็พลิกตัวนอนตะแคง  มองยืดตัวขึ้นมองนิดๆ ก่อนจะขำออกมาเบาๆ เมื่อพี่ลุกซ์กำลังตะปบที่นอนบริเวณข้างๆ เหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง  พอไม่ได้ดั่งใจก็ขมวดคิ้ว  ฮ่าๆๆ นี่คงกำลังหาผมหรือไม่ก็หมอนข้างอยู่แน่นอน  ช่วงก่อนจะหลับและก่อนตื่นพี่มันจะติดหมอนข้างครับ

“ฮึ่มมม” แน่ะ ขมวดคิ้วไม่พอยังคำรามในลำคออีก  แค่ไม่ได้กอดก็โมโหขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? เอาอะไรมาให้คนละเมอกอดดีนะ?

“น่ารักจัง” ผมมองราชสีห์ละเมอแล้วอดเอ็นดูไม่ได้  พี่ลุกซ์ตอนนี้เหมือนสิงโตกำลังหลับเลยล่ะครับ  ครางเสียงต่ำแถมยังทำท่าเหมือนกำลังตะปบเหยื่อยังไงยังงั้นแหละ

“แล้วรักไหมล่ะ?” เสียงงัวเงียดังขึ้นมาจากคนที่ผมกำลังนั่งมองอยู่ทำให้ผมสะดุ้งอย่างตกใจที่พี่มันตื่นมาได้ยินที่ผมพูดพอดี “อืมมม” พี่ลุกซ์ขยับลุกขึ้นนั่งก่อนจะขยี้ตาตัวเองไปมา  ส่วนผมก็ยืดตัวนั่งตรงๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับสิ่งที่เพิ่งพูดออกไป  อายจัง




 
++++++++++++++++++++++++++++++
 

มาๆ มารายงานตัวกันโหน่ยยยย
ยังอยู่ด้วยกันม้าย อิๆ  ช่วงนี้มาอัพเรื่อยๆ แล้วนา
แต่หลังจากนี้อาจจะมาช้าบ้างนะจิ๊  อีเว้นท์เยอะเหลือเกิ๊นนนน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา