[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2

9.7

เขียนโดย DPR_Fox

วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.

  56 ตอน
  51 วิจารณ์
  228.38K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

41) Chapter 41 : พูดไม่คิด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Chapter 41 : พูดไม่คิด


หลังจากทำงานเสร็จผมก็ไปรอพี่ลุกซ์ที่ลานจอดรถและเพียงไม่นานพี่มันก็ลงมา  เราจะไปตัดผมด้วยกันและกลับไปที่บ้านของผมเพื่อหอบเสื้อผ้ามาอยู่กับพี่ลุกซ์ชั่วคราวเนื่องจากแม่ของผมโทรมาไล่ให้ผมไปอยู่กับพี่ลุกซ์ซักสองสามวันเพราะพี่ลุกซ์ขอไว้  แม่นะแม่ รู้อยู่แล้วว่าผมจะโดนอะไรยังจะให้ไปอยู่กับคนอันตรายอย่างพี่ลุกซ์อีกเนอะ  แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมจะทำให้พี่ลุกซ์ไม่ได้แอ้มผมเอง ฮึๆ

“ต๊ายยยยยย พ่อคุณทูนหัวของเจ๊  ไม่ได้เจอกันนานมากเลยสุดหล่อ  ดูซิ โตขึ้นมาก ดูดีสมกับเป็นประธานบริษัทรวยเป็นหมื่นๆ ล้านจริงๆ” ทันทีที่เข้าไปในร้านตัดผม  เจ๊ดาด้าก็พุ่งเข้ามาทักทายพี่ลุกซ์ทันทีทำให้คนทั้งร้านหันมามอง

“ไปทำผมให้ลูกค้าเถอะครับ” พี่ลุกซ์บอกยิ้มๆ แล้วเดินไปนั่งรอที่โซฟาสำหรับแขก  เจ๊ดาด้ายิ้มรับแล้วเดินไปทำผมให้ลูกค้าที่ทำค้างไว้โดยจุดที่เจ๊ดาด้าทำก็อยู่ติดกับโซฟาสำหรับลูกค้า

“เจ๊คะ สุดหล่อคนนั้นเป็นใครคะเจ๊? หล่อมากเลย” ลูกค้าของเจ๊ดาด้าพูดขึ้นเหมือนตั้งใจจะให้พี่ลุกซ์ได้ยิน  คนที่พูดเป็นสาวสวยท่าทางมั่นใจ  แต่จะมั่นก็ไม่ผิดหรอกเพราะเธอสวยมากจริงๆ  แต่ไม่ใช่สเปกผมเพราะผมชอบแบบพี่พลอย ฮ่าๆ

“เป็นประธานบริษัทนำเข้ารถจ้า  หล่อมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วแต่จีบไม่ได้หรอกนะ  มีเจ้าของแล้วจ้า” เจ๊ดาด้าพูดพลางเหลือบตามามองผมกับพี่ลุกซ์แล้วยิ้มกรุ้มกริ่มใส่ทำให้ผมได้แต่ก้มหน้างุดแล้วอมยิ้มส่วนพี่ลุกซ์ก็ยิ้มที่มุมปากแล้วส่ายหน้าไปมา

“น่าเสียดายจัง  ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้คงจะมีแฟนสวยล่ะสิ” สาวสวยคนนั้นพูดอีกซึ่งนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกจุกแบบแปลกๆ  สวยห่าอะไรล่ะครับ  ผมหล่อจะตาย

“เขาว่ามึงสวยว่ะ ฮึๆ” พี่ลุกซ์ยื่นหน้ามากระซิบเบาๆ ทำให้ผมรีบหยิกแขนพี่มันทันที

“เขาไม่รู้ว่าเป็นผมเฉยๆ หรอก” ผมบอกกลับเบาๆ

“นางน่ารักนะ  เหมาะสมกันดีด้วย” เจ๊ดาด้ายิ้มขำแล้วหันมามองผมนิดๆ ก่อนจะหันกลับไปคุยกับลูกค้า  คำพูดของเจ๊ดาด้าทำเอาผมเขินเลยครับ

“อิจฉา” ผู้หญิงคนนั้นพูดแค่นั้นก่อนจะคุยกับเจ๊ดาด้าต่อตามประสาผู้หญิงจนกระทั่งทำผมเสร็จ  ก่อนจะออกจากร้านไม่วายหันมามองพี่ลุกซ์ด้วยสายตาอยากจะได้ความรักจนผมต้องหยิกพี่ลุกซ์อีกรอบเพราะพี่มันหันไปยิ้มและยักคิ้วให้นิดๆ อย่างเจ้าชู้

“ส่งสายตาทำไม?” ผมกัดฟันถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“ไม่มีอะไรหรอก  ใครจะกล้านอกใจแฟนสวยๆ น่ารักๆ ใช่ไหม?” พี่ลุกซ์หันมากระเซ้าทำให้ผมต้องตีหน้าพี่มันไปเบาๆ หนึ่งทีเพราะพี่มันไม่หยุดล้อที่ผู้หญิงคนเมื่อกี้คิดว่าผมเป็นผู้หญิงเสียที

“มา ใครจะทำอะไรก่อน?” เจ๊ดาด้าถามหลังจากเคลียร์พื้นที่และอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว

“ผมตัดก่อนละกันนะ” ผมบอกเพราะรำคาญผมยาวๆ ของตัวเองเต็มที

“ได้จ้า เด็กๆ ถ้าใครว่างแล้วมาตัดผมให้สุดหล่อของเจ๊หน่อยนะจ๊ะ” เจ๊ดาด้าหันไปพูดกับพนักงานที่กำลังทำผมให้ลูกค้าอยู่ซึ่งนั่นก็ทำให้ทุกคนรีบทำงานของตัวเองให้เสร็จอย่างขะมักเขม้น “พอรู้ว่าจะได้ตัดผมให้ลุกซ์ก็เร่งกันใหญ่เลยนะยะ” เจ๊ดาด้าสะบัดหน้ากลับมาแล้วบ่นพร้อมกับเบ้ปาก

“ฮ่าๆ” ผมขำกับท่าทางเจ๊ดาด้าที่มีต่อพนักงานของตัวเองก่อนจะไปสระผมโดยที่เจ๊ดาด้าสระให้ด้วยตัวเอง

“เอาทรงอะไรดีจ๊ะน้องเปอร์?” เจ๊ดาด้าถามหลังจากที่สระผมให้ผมเสร็จแล้ว

“เอาสั้นๆ เลยครับ” ผมบอกเพราะอยากตัดสั้นจะได้กลับไปหล่อเหมือนสมัยมัธยมกับมหาลัยตอนต้น

“จะดีเหรอหนู? เดี๋ยวก็ไม่น่ารักเหมือนตอนนี้หรอก” เจ๊ดาด้าบอก

“ดีครับ  เอาหล่อๆ เลยนะครับ คึๆ” ผมบอกยิ้มๆ

“ไม่กลัวสามีไม่ปลื้มเหรอจ๊ะ?” เจ๊ดาด้าถามเพื่อความมั่นใจ

“ไม่หรอกครับ  ถ้ากล้าบ่นล่ะก็...เจอดี” ผมยักคิ้วอย่างมุ่งมั่น

“เมื่อก่อนเห็นกลัวน้องลุกซ์จะตายไม่ใช่เหรอ ทำไมคราวนี้ถึงได้เฟี้ยวนักล่ะ หืม?” เจ๊ดาด้าถามพลางเอาผ้าห่อผมของผมออกแล้วหนีบมันขึ้นด้วยที่หนีบ

“พี่ลุกซ์ทำผิดไว้เยอะก็เลยต้องชดใช้ด้วยการยอมผมแบบนี้แหละครับ ฮ่าๆ” ผมบอกพลางหัวเราะนิดๆ ในขณะที่เจ๊ดาด้าเริ่มตัดผมของผมออก  ส่วนพี่ลุกซ์ก็ถูกสาวๆ พาตัวไปสระผม  สาวๆ ที่ว่านี่ก็สาวประเภทสองทั้งนั้น  ช่างที่เป็นผู้หญิงยังทำผม ทำเล็บให้ลูกค้าไม่เสร็จซักคน

“ทำให้คนโหดๆ อย่างน้องลุกซ์หงอได้ขนาดนี้แสดงว่าเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากแน่ๆ” เจ๊ดาด้าวิเคราะห์

“ก็...หนักแหละครับ” ผมหน้าหม่นลงนิดๆ เมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เราทะเลาะจนเลิกรากันไป  คิดถึงทีไรก็อดไม่ได้ที่จะโกรธพี่ลุกซ์เสียทุกครั้งไป

“ดีแล้วที่ให้อภัยกันนะ  ลุกซ์เขารักเปอร์มากเลยนะ  เมื่อก่อนที่ลุกซ์มีแฟนก็มักจะพามาร้านพี่นี่แหละแต่ก็ไม่เห็นจริงจังกับใครซักคน  เท่าที่รู้จักกันมา ลุกซ์ไม่เคยวิ่งตามใคร  มีแต่คนอื่นต่างหากที่วิ่งตามลุกซ์  จะมีก็แต่เปอร์นี่หละที่ลุกซ์วิ่งตาม  ที่สำคัญ...คบกันนานมาก” เจ๊ดาด้าพูดในขณะที่ผมนั่งฟังนิ่งๆ  พอได้ยินแบบนี้ผมก็รู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาแฮะ  ความโกรธที่ปะทุเล็กน้อยเมื่อครู่พลันหายไปทันที

“ผมไม่เคยคิดจะคบใครนานๆ แบบนี้เลยล่ะครับ” ผมบอก  ก็ตั้งแต่เจอกับพี่ลุกซ์  ผมก็ไม่สามารถหันไปรักใครได้อีก  ขนาดพยายามแล้วก็ยังหนีไม่พ้นกลับมารักพี่ลุกซ์เหมือนเดิม

“อู๊ยยย เจ๊ก็ไม่เคยเห็นน้องลุกซ์คบใครเกินเดือนซักที  ต๊าย นี่เจ้าชู้ทั้งผัวทั้งเมียจริงๆ” เจ๊ดาด้ากรีดร้องเสียงแหลมอย่างกระเซ้าเย้าแหย่ทำให้ผมหัวเราะออกมาไม่หยุด

ผมคุยกับเจ๊ดาด้าไปอย่างสนุกสนานโดยไม่สนใจพี่ลุกซ์ที่ชะโงกหน้ามามองพวกเราอยู่บ่อยๆ จนน่าขำเพราะดูเหมือนพี่มันอยากจะร่วมวงด้วยเพื่อแก้ตัวสิ่งไม่ดีของตัวเองที่พวกเรากำลังนินทากันอยู่แต่ก็ทำไม่ได้เพราะพี่มันนั่งถัดจากพวกเราไปสองเก้าอี้  ตลกจริงๆ

 

หลังจากตัดผมเสร็จทั้งคู่พวกเราก็ออกจากร้านอย่างพอใจเพราะได้ทรงผมใหม่ไฉไลกว่าเดิมเยอะ  แต่ดูเหมือนผมจะพอใจอยู่คนเดียวเพราะพี่ลุกซ์ไม่พอใจที่ผมตัดสั้นจนเกือบจะเป็นรองทรงอยู่รอมร่อ  แต่มันสบายคอสุดๆ เลยนะครับ

“ตัดสั้นแล้วหล่อว่ะ  รู้งี้น่าจะตัดสั้นตั้งแต่แรกเลยแฮะ” ผมส่องกระจกพลางปัดผมไปมาอย่างพอใจ  นี่หลงรักตัวเองเลยนะครับเนี่ย  คนอะไรหล่อจัง  แต่ก็คงหล่อสู้อีกคนไม่ได้  รายนั้นทำเอาผมตกหลุมรักอีกครั้งเลย  ปกติพี่ลุกซ์ไม่ค่อยตัดผมสั้น  พอตัดทีนี่หล่อจนอยากจะกระโดดเข้าไปฟัดเลยทีเดียว

โอ๊ย! หลงพี่ลุกซ์ในมาดนี้จริงๆ

“กูไม่ชอบที่มึงผมสั้นเลยนะ  เล่นผมไม่ได้เลย” พี่ลุกซ์นั่งกอดอกอยู่ปลายเตียงด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“ทำไมจะเล่นไม่ได้ล่ะครับ?  นี่ไง แบบนี้ก็เล่นได้” ผมเดินไปอ้อนพี่ลุกซ์โดยนั่งเบียดๆ และจับมือพี่มันมาวางไว้บนหัวของตัวเองเพื่อให้พี่มันลูบผมของผม

“มึงนี่น้า” พี่ลุกซ์ขยี้หัวผมแรงๆ หนึ่งที่อย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะผลักผมให้นอนหงายลงบนที่นอนแล้วรีบพลิกตัวมาคร่อมทันที

“แน่ะ! จะทำอะไร?” ผมรีบชี้หน้าพี่มันทันที

“มึงยังมีคดีติดตัวอยู่นะเปอร์” พี่ลุกซ์ปัดมือผมออกแล้วก้มหน้าลงมาจูบที่ปากเบาๆ

“วันจันทร์ผมต้องไปเป็นวิทยากรแล้วนะ  ขอซ้อมก่อนได้ไหมล่ะ?” ผมขอ  จริงๆ ก็ไม่ต้องซ้อมอะไรมากเพราะผมเป็นวิทยากรมาหลายงานพอสมควรแต่ไม่ใหญ่มาก  ส่วนมากจะงานการกุศล ช่วยคนรู้จักไปเรื่อยและการบรรยายส่วนใหญ่จะคล้ายๆ กับการบรรยายให้นิสิตนักศึกษาฟัง  ผมเคยช่วยอาจารย์บรรยายบ่อยๆ

“มึงหาเรื่องไม่ทำอีกแล้วใช่ไหม?” พี่ลุกซ์ข่มตาดุมองอย่างเอาจริงเอาจัง “ที่มึงไม่ทำเพราะไม่อยากทำจริงๆ หรือเพราะมึงมีคนอื่นเลยไม่อยากให้กูรู้  กูชักจะสงสัยแล้วนะเปอร์” ทันทีที่พี่ลุกซ์พูดออกมาแบบนั้นผมก็หน้าบึ้งทันที  อารมณ์ดีๆ เมื่อครู่หายวับไปกับตา

พรึ่บ!

ผมผลักพี่ลุกซ์ออกโดยไม่พูดอะไรแล้วลุกออกจากเตียงเพื่อจะออกจากห้องไปสงบสติอารมณ์  แต่ดูเหมือนการเงียบของผมจะไม่ทำให้อะไรดีขึ้นเพราะพี่ลุกซ์เดินมาฉุดแขนผมแล้วเหวี่ยงไปที่เตียงอย่างรุนแรง

“อุก!” ผมส่งเสียงออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อรู้สึกจุกหลังจากที่ถูกเหวี่ยงไปที่เตียง

“ไม่ปฏิเสธงั้นเหรอ?” พี่ลุกซ์ถามเสียงนิ่งแล้วย่างสามขุมมาคร่อมผมไว้อีกครั้ง  ผมขยับแขนไปมาอย่างอึดอัดเมื่อพี่ลุกซ์รวบแขนผมไปตรึงไว้กับเตียงด้วยแรงมหาศาล

“ไม่” ผมส่ายหน้านิดๆ ทันทีอย่างไม่ต้องคิด  พี่ลุกซ์มีสิทธิ์สงสัยและผมก็มีสิทธิ์ที่จะโมโหกับความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจของพี่ลุกซ์  ถ้าผมจะมีคนอื่นผมไม่ยอมมาคืนดีกับพี่ลุกซ์หรอก

“ฮึ!” พี่ลุกซ์ส่งเสียงออกมาก่อนจะดันตัวผมขึ้นไปชิดหัวเตียงแล้วรวบข้อมือผมเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวก่อนจะใช้มืออีกข้างควานหาอะไรบางอย่างในชิ้นชักที่โต๊ะข้างหัวเตียง “ไม่คิดหรอกนะว่าจะได้ใช้สิ่งนี้กับมึงอีก  และถึงจะรู้ว่ามึงโกหกแต่มึงก็ทำให้กูโมโหกับคำตอบของมึง!” พี่ลุกซ์คำรามเสียงต่ำในลำคอขณะที่ล็อกข้อมือของผมข้างหนึ่งติดกับเสาเตียงด้วยกุญแจมือ

เพี้ยะ!

เมื่อมืออีกข้างว่างผมก็เหวี่ยงมันไปตีที่หน้าพี่ลุกซ์ไม่แรงและไม่เบานักเพื่อเรียกสติด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่ดูเหมือนสติพี่มันจะขาดผึงเพราะพี่มันหายใจฟืดฟาดแล้วกระชากเสื้อผมจนขาดวิ่น

“อื๊อ!” ผมครางประท้วงเมื่อพี่ลุกซ์บีบแก้มผมแล้วประกบปากจูบอย่างจาบจ้วงและร้อนแรงโดยที่ไม่ให้ผมตั้งตัว  ริมฝีปากล่างผมถูกเม้มและดูดอย่างรุนแรงจนรู้สึกเจ็บ  หนำซ้ำยังถูกกัดดึงจนผมรู้สึกเหมือนกับว่าถูกกินริมฝีปากล่างเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น  หลังจากกระทำชำเราริมฝีปากล่างแล้วพี่มันก็สอดลิ้นเข้ามาในปากจากนั้นก็ตวัดไปมาอย่างช่ำชองจนผมรู้สึกจุกในลำคอและหายใจไม่ออกเนื่องจากหายใจไม่ทัน  ทุกครั้งที่ถูกจูบในลักษณะแบบนี้ผมมักจะเผลอกลั้นหายใจและหาจังหวะหายใจไม่เจอทำให้ต้องหายใจอย่างกระท่อนกระแท่น

“เวลากูจูบทำไมมึงถึงไม่จูบกูตอบบ้างฮะ!?! เอาแต่บ่ายเบี่ยง  รังเกียจขนาดนั้นเลยรึไง!?!” พี่ลุกซ์ตะคอกถามเสียงดังจนผมแอบสะดุ้ง

“...” ผมไม่ตอบแล้วเบือนหน้าหนีอย่างเจ็บปวด  ผมไม่ได้รังเกียจและไม่ใช่ไม่เต็มใจ  แต่คำพูดของพี่ลุกซ์เวลาโมโหนั่นแก้ไม่ได้เลยหรือไงนะ

“ฮึ! มึงก็เป็นซะอย่างนี้  ที่ปฏิเสธกูทุกครั้งเพราะมึงไม่ได้รักกูแล้วใช่ไหมเปอร์” พี่ลุกซ์ถามออกมาด้วยอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นซึ่งคำถามนั้นก็ทำให้ผมหันไปมองหน้าพี่ลุกซ์อย่างตัดพ้อ  แค่ไม่ให้มีอะไรด้วยมันหมายความว่าผมไม่รักหรือไง? ท่าทางของผมเหมือนคนไม่มีใจให้หรือผมมีท่าทางไปรักไปชอบกับคนอื่นอย่างนั้นเหรอ?

ผมไม่ตอบอะไรเพียงแค่จ้องตาพี่ลุกซ์ตรงๆ อย่างไม่หลบ  แต่พอรู้สึกว่าภาพตรงหน้ามันเลือนลางผมรีบเบือนหน้าหนีและหลับตาเพื่อไม่ให้ตัวเองเห็นหน้าพี่ลุกซ์ทันที

“เฮ้ย! เปอร์ กูขอโทษ” เสียงพี่ลุกซ์ดังขึ้นพร้อมกับมือเย็นๆ ที่แนบไว้ที่แก้มของผมทั้งสองข้าง  ผมไม่ยอมลืมตาและหันกลับไปมองหน้าพี่ลุกซ์  ทำเพียงแค่เม้มปากและเอียงหน้าซบที่หมอนเท่านั้น

“...” ผมเงียบไม่ยอมตอบกลับและพยายามอย่างยิ่งที่จะบังคับตัวเองไม่ให้สั่น

แกร๊กๆ

เสียงไขกุญแจมือดังขึ้นปล่อยข้อมือผมออกจากพันธนาการ  อาการเจ็บแปลบๆ ที่ข้อมือมันหนักขึ้นอีกเมื่อแขนผมตกกระทบกับเตียง  แม้เตียงจะนุ่มแต่มันก็สะเทือนได้

“ขอโทษ กูขอโทษ” พี่ลุกซ์หอบร่างกายอ่อนเปลี้ยของผมขึ้นมากอดเอาไว้แล้วหอมหน้าผากเบาๆ

“ถ้าผมจะมีคนอื่น  ผมไม่กลับมาหาพี่หรอก  ผมจะไม่ให้พี่เห็นหน้าผมด้วย” ผมเม้มปากสั่นๆ ของตัวเองแล้วค่อยๆ เปิดปากพูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแม้จะพยายามบังคับตัวเองไม่ให้สะอื้นแต่ก็ยาก

ผมน้อยใจที่พี่ลุกซ์พูดว่าผมไม่รัก  พี่มันทำเหมือนไม่รู้จักนิสัยของผมเลย  ตั้งแต่ที่คบและเลิกกันไปจนกระทั่งกลับมาคบกันอีกครั้งผมเคยนอกกายนอกใจพี่มันซักครั้งไหม?  ผมไม่เคยอยากจะหักหลังพี่ลุกซ์ซักครั้งแถมยังเชื่อใจไม่ถามเรื่องที่สงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่พี่จักรพูดเอาไว้ก่อนผมจะเจ็บตัวเพราะผมคิดว่าพี่จักรจะต้องโกหกเพื่อให้ผมรู้สึกไม่ดี  แม้จะตะขิดตะขวงใจแต่ผมก็เลือกที่จะไม่พูดเพื่อไม่ให้พี่ลุกซ์เสียใจที่ถูกสงสัย  แต่ดูสิ่งที่พี่ลุกซ์พูดกับผมสิ?  ผมจะน้อยใจก็คงไม่แปลก

“โธ่เปอร์  กูขอโทษ” พี่ลุกซ์พูดเสียงอ่อนแล้วกดหน้าผมให้ซุกกับไหล่ของตัวเอง

“ขอโทษกี่ครั้งแล้ว? ผมเสียใจกับคำพูดพล่อยๆ ของพี่กี่ครั้งแล้ว!?! ถ้าไม่เชื่อใจทำไมไม่เลิกกันไปเลยล่ะ!?” ผมผลักพี่ลุกซ์ออกแล้วพูดออกมาทั้งน้ำตาด้วยอารมณ์ที่เต็มไปด้วยโทสะ

“เลิกเหรอ? มึงพูดคำนี้ออกมาได้ง่ายๆ เลยเหรอ!?” พี่ลุกซ์มองหน้าผมด้วยสายตาอึ้งๆ แล้วขยับออกห่างเล็กน้อย  ใจผมไหววูบกับสายตาและคำพูดของพี่ลุกซ์เมื่อครู่เหลือเกิน  รู้สึกอยากจะกลับไปแก้คำพูดของตัวเองเมื่อครู่จริงๆ

“แล้วทีพี่ล่ะ? พูดว่าผมมีคนอื่นออกมาง่ายๆ เลยไม่ใช่เหรอ?  ถ้าผมอยากจะมีจริงๆ ผมไม่ให้พี่รู้หรอก!!” ผมตะคอกโวยวายออกไปพลางสะบัดมือไปตบตีพี่ลุกซ์อย่างไม่ทันได้คิด  คำพูดมันออกไปอย่างไม่ได้คิด  อารมณ์คุกรุ่นทำให้ทิฐิของผมมันสูงจนไม่ได้ทำในสิ่งที่คิดแต่กลับทำให้มันแย่ลง

“มึงคิดว่ามึงเก่งขนาดที่ทำให้กูไม่รู้ได้หรือไงฮะ!?! อย่าทำเป็นปากดีไปหน่อยเลยเปอร์!” พี่ลุกซ์ตะคอกแล้วกระชากตัวผมเข้าไปปล้ำจูบ  ผมดิ้นพลางประทุษร้ายร่างกายพี่ลุกซ์ด้วยแรงทั้งหมดที่มีอย่างต่อเนื่อง  ผมคิดว่าพี่ลุกซ์ต้องเจ็บมากแน่ๆ แต่พี่มันทนให้ผมตีแลกกับการกระทำชำเราร่างกายของผม

“หยุด! หยุด!!” ผมตะโกนบอกสุดเสียงด้วยอารมณ์โกรธสุดๆ จนเสียงแหบและเพี้ยนไปเนื่องจากตอนนี้พี่ลุกซ์กำลังโน้มตัวลงไปใช้ปากขบกัดไปทั่วแผ่นอกของผมอย่างรุนแรงและดุดัน  ผมทั้งเจ็บและโมโหจนต้องดิ้นไปมาเพื่อให้หลุดจากพันธนาการวงแขนของพี่ลุกซ์

“ต่อให้มึงตะโกนให้คอแตกกูก็ไม่หยุด!!” พี่ลุกซ์ตะคอกสวนคืนมาพลางดึงทึ้งกางเกงผมลงทั้งๆ พี่ผมยังคงนั่งโดยมีวงแขนของพี่ลุกซ์ล็อกตัวเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ผมดิ้นหลุดออกไปได้  ผมพยายามดิ้นเพื่อไม่ให้พี่มันถอดกางเกงผมออกไปได้แต่ดูเหมือนยิ่งดิ้นกางเกงยิ่งหลุด

เมื่อกางเกงผมหลุดออกไป ส่วนกลางของร่างกายก็ถูกบีบและรูดขึ้นลงด้วยมือหยาบกร้านอย่างป่าเถื่อนและรุนแรง  ผมรู้สึกเจ็บมากแต่ก็มีความรู้สึกอื่นๆ เข้ามาแทรกอยู่ด้วย

“อึ๊! หยุด!!” ผมกัดฟันเพื่อไม่ให้ครางออกมาแต่ก็อดไม่ได้ก่อนจะตะคอกบอกให้พี่มันหยุดพลางขย้ำและดึงผมของพี่มันเอาไว้เพื่อฉุดรั้งอารมณ์

พี่ลุกซ์ไม่ฟังคำพูดของผมไม่แม้แต่น้อยแล้วจากนั้นก็ดันผมไปนั่งชิดติดหัวเตียงแล้วรีบปลดกางเกงของตัวเองเพื่อควักไอ้นั่นออกมาใส่ปากของผม  พี่มันคงรู้ว่าผมไม่มีทางที่จะกัดของพี่มันถึงได้กล้าเอามันยัดเข้ามาในปากผมทั้งๆ ที่ผมยังอยู่ในอารมณ์โกรธ

“ถ้ารังเกียจนักก็เอามันเข้าไป!” พี่ลุกซ์ขยำผมด้านหน้าของผมเพื่อยึดศีรษะผมเอาไว้แล้วขยับรัวเข้ามาด้วยจังหวะหนักๆ  เมื่อพี่มันขยายขึ้นเรื่อยๆ ผมก็เริ่มไม่ไหว  พอขยายจนเต็มขนาดและยาวจนล้วงลงมาถึงคอผมก็รีบเบือนหน้าหนีและเม้มปากเอาไว้เพื่อไม่ให้พี่มันรุกเข้ามาอีกแต่ดูเหมือนพี่ลุกซ์จะไม่ยอม  พี่มันบีบแก้มให้ปากผมเผยอขึ้นแล้วเอาไอ้นั่นเข้ามาอีกรอบ

“อึก!” ผมเกร็งด้วยความรู้สึกทรมานจนรู้สึกว่าเส้นเลือดมันปูดขึ้นที่ขมับและคิดว่าหน้าของผมคงจะแดงมากแน่ๆ

“ไหน  ลองพูดซิว่าจะเลิกกับกูอีก” พี่ลุกซ์ถอนกายออกไปก่อนจะบีบคางผมให้เชิดหน้าขึ้นมาเผชิญหน้าด้วย  ผมมองพี่มันด้วยสายตาโกรธปนตัดพ้อภายใต้ม่านน้ำตา  ลึกๆ ผมก็หวังนะว่าพี่มันจะเห็นใจและอ่อนโยนกับผมให้มากกว่านี้

“ถ้าบอกว่าเลิกจะเลิกไหมล่ะ?” ผมถามออกไปด้วยอารมณ์น้อยใจปนโกรธและนั่นก็ทำให้พี่ลุกซ์โมโหมากยิ่งขึ้น  พี่มันกดผมให้นอนลงบนที่นอนก่อนจะจับขาแยกออกจากกันเพื่อที่จะแทรกตัวเข้ามาตรงกลาง  พี่ลุกซ์ยกเอวผมขึ้นแล้วละเลงเจลหล่อลื่นใส่ที่ช่องทางด้านหลังของผมและส่วนกลางร่างกายของตัวเอง  เมื่อส่วนอ่อนไหวสัมผัสความเย็นชื้นผมก็เกร็งตัวขมิบช่องทางด้านหลังแน่นด้วยความรู้สึกสยิวผสมกับทรมาน

สวบ!

“อื้อ!!” ผมกัดฟันร้องออกมาเมื่อนิ้วเรียวและสากถูกดันเข้ามาอย่างรวดเร็วและรุนแรง  ผมจิกเกร็งทั้งมือและเท้าจนรู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองสั่นแรงขึ้น

พี่ลุกซ์ขยับนิ้วเข้าออกอย่างรวดเร็วจนผมต้องดิ้นไปมาเพื่อลดความทรมานลงแต่ยิ่งผมดิ้นก็ดูเหมือนพี่ลุกซ์จะสะใจกับการที่ได้ทำอย่างรุนแรงมากยิ่งขึ้น

แหวกช่องทางเข้าได้ไม่นานพี่ลุกซ์ก็สอดใส่ตัวตนของตัวเองเข้ามาจนผมจุกถึงกับร้องไม่ออก  ผมจิกผ้าปูที่นอนแล้วดึงทึ้งไปมาอย่างทรมาน

สวบ! สวบ!

“อื๊ออออ” ผมหลับตาปี๋ จิกเท้าและมือในขณะที่พี่ลุกซ์ขยับเอวกระแทกเข้ามาด้วยจังหวะหนักๆ

“ผ่อนคลายหน่อย  ทำตัวเหมือนคนไม่เคยทำไปได้ ฮึๆ” พี่ลุกซ์เท้าแขนยันตัวเองคร่อมตัวผมเอาไว้พลางขยับเอวเข้าออกพร้อมกับพูดเสียงเย็นเฉียบที่ข้างหูทำให้ผมรู้สึกเหมือนตอนที่ถูกกระทำครั้งแรก  ตอนนั้นผมรู้สึกหนาวหัวใจเหมือนตอนนี้เลย  อาจจะมากกว่าตอนนี้แต่มันก็ทรมานพอๆ กัน

“อึก! ต่อให้...ได้ยินคำขอโทษ...ก็...อึก...อย่าหวัง...ว่าจะให้อภัย” ผมปรือตามองพี่ลุกซ์ทั้งน้ำตาแล้วกัดฟันพูดออกไปอย่างทรมานในอกสลับกับครางออกไปอย่างอดไม่อยู่

พี่ลุกซ์ไม่สนใจคำพูดของผมก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาขยับเอวรัวๆ จนร่างผมสั่นตามแรงกระแทก  ผมเม้มปากมองพี่ลุกซ์อย่างผิดหวังและเสียใจก่อนจะปล่อยให้พี่มันจัดการจนกว่าจะพอใจซึ่งนั่นก็นานเหลือเกินจะผมหวิดสลบไปเสียหลายรอบเพราะอารมณ์ของพี่ลุกซ์รุนแรงเหลือเกิน

 

หลังจากเสร็จไปสองรอบของพี่ลุกซ์ส่วนผมสาม พี่มันก็พาไปที่ห้องน้ำ  โชคดีที่ไม่ทำอะไรต่อเพราะผมไม่มีแรงแม้แต่จะเดินด้วยตัวเอง  ถ้าต่อในห้องน้ำผมต้องสลบคาอกพี่มันแน่ๆ  แต่ถึงผมจะไม่หมดสติแต่ก็ไม่ปริปากพูดกับพี่ลุกซ์ซักคำแถมยังฝากรอยข่วนไว้ที่ตัวพี่มันเสียหลายแผล  ไหนจะรอยตบที่หน้าอีก  โชคดีเหลือเกินที่วันนี้เป็นวันศุกร์  พรุ่งนี้ไม่มีงานแต่ผมก็ต้องเข้าไปเอาเอกสารที่ลืมเอาไว้มาอ่านทวนสำหรับการบรรยาย

“จะนอนทั้งผมเปียกเลยหรือไง? มาเป่าผมก่อน” พี่ลุกซ์บอกเมื่อผมทิ้งตัวลงนอนทั้งๆ ที่ผมยังเปียกอยู่  ผมไม่ตอบรับ ไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้นจนพี่ลุกซ์ต้องมาอุ้มไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง “ขามึงเหมือนขาผู้หญิงเลยนะ  กูเคยบอกหรือยังว่าสวย” พี่ลุกซ์พูดพลางจ้องขาของผมตรงๆ อย่างจาบจ้วงขณะกำลังวางผมลงบนเก้าอี้สตูล

“...” ผมเบือนหน้าหนีแล้วดึงบ็อกเซอร์ลงมาเพื่อปิดต้นขา  แม้จะปิดได้เพียงเล็กน้อยผมก็ทำ  บริเวณโคนขาของผมตอนนี้ก็คงเต็มไปด้วยรอยกัดและรอยดูดที่พี่มันฝากเอาไว้ล่ะมั้ง

ฟอดดดด

ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทางเมื่อถูกหอมแก้ม  อารมณ์ของเราตอนนี้ต่างกันสิ้นดี  ผมสบายตัวก็จริงที่ได้ปลดปล่อยแต่อึดอัดในใจแต่ดูเหมือนพี่มันจะทั้งสบายตัวและสบายใจเสียเหลือเกิน

“เอ้า งอนอีก” พี่ลุกซ์ทำเป็นทะเล้นแล้วยิ้มเหมือนจะเอาใจแต่ผมกลับไม่รู้สึกขำและดีขึ้นเลย  กลับกัน น้ำตาผมกลับไหลลงมาเพราะผมผิดหวังกับสิ่งที่พี่ลุกซ์ทำ  พี่มันทำตัวเห็นแก่ตัวมาก  ตอนทำก็บังคับและพูดจาไม่ดีใส่แต่พอตัวเองสบายก็มาเอาใจผมโดยไม่สนใจความรู้สึก  ตบหัวแล้วลูบหลังไม่เปลี่ยนเลย

“...” ผมถอนหายใจอีกครั้งแล้วปาดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นนิดๆ เพื่อทำเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก

พี่ลุกซ์ยืนนิ่งไปนานจนผมของผมเริ่มแห้งไปเอง  ส่วนผมก็รู้ทั้งรู้ว่านั่งอยู่อย่างนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรแต่ผมก็ยังนั่งนิ่งๆ และปาดน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสายไปเงียบๆ

เฮ้อ  ว่าจะไม่ร้องไห้ ว่าจะเข้มแข็งแล้วแท้ๆ เชียว  เจ็บชะมัด

ฟึ่บ!

“ผมแห้งแล้ว  ไปนอนไหม?” พี่ลุกซ์โน้มตัวลงมากอดผมเอาไว้จากด้านหลังแล้วพูดเสียงอ่อนโยนพร้อมกับหอมขมับผมเบาๆ  ส่วนผมก็ได้แต่พยักหน้าตอบไปส่งๆ เท่านั้น

พี่ลุกซ์ถอนหายใจยาวเหมือนจะระอากับสิ่งที่ผมทำก่อนจะอุ้มผมกลับไปที่เตียง  เมื่อพี่มันนอนลงข้างๆ แขนแข็งแรงถูกยื่นออกมาคว้าตัวผมไปกอดเอาไว้  ผมแกะแขนพี่มันออกแล้วเอาหมอนข้างมาคั่นกลางระหว่างเรา  พี่ลุกซ์ถอนหายใจออกมาอีกครั้งขณะที่ผมกำลังกอดตัวเองแล้วสะอื้นจนตัวสั่นโดยไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกมา

“เปอร์ กูขอโทษ” พี่ลุกซ์พูดออกมาเสียงเบาพลางทำท่าจะเช็ดน้ำตาให้กับผมที่นอนตะแคงหันหลังให้  เมื่อผมเห็นเงาของมือพี่มันผมก็รีบขยับออกเพื่อไม่ให้มือเย็นๆ นั่นเช็ดน้ำตาให้ผมได้  มาอ่อนโยนตอนนี้ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาหรอก

กว่าผมจะหยุดร้องไห้และข่มตานอนให้หลับก็ใช้เวลาไปนานจนเกือบจะเช้า

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา