[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2

9.7

เขียนโดย DPR_Fox

วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.

  56 ตอน
  51 วิจารณ์
  228.39K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

48) Aut x Pree 01 : ผลกรรม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Aut x Pree 01 : ผลกรรม

 

เฮียอัต เป็นชื่อที่คนในชมรมบาสสมัยม.ปลายเรียกกัน  ผมรู้จักกับเขาตอนที่ผมยู่ม.4 ส่วนเขาขึ้นปี1 แต่เพราะเขาเคยเป็นประธานชมรมบาสมาก่อนเขาก็เลยมักจะเข้ามาดูชมรมพร้อมกับพี่ถังที่เป็นประธานต่อจากเขา  ผมประทับใจเขาในฐานะรุ่นพี่ที่แสนใจดีและนักบาสฝีมือเยี่ยม  ผมได้ยินกิตติศัพท์ความเก่งของเขามามากแต่เพราะเขาแขนหักเลยเลิกเล่นบาสไป  ตั้งแต่ผมเริ่มเรียนมหาลัยผมก็ไม่เคยพบหน้าเขาอีกเลย  แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมเดือดร้อนอะไรเพราะผมไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับเขาเลยแม้แต่นิด

แต่แล้ววันหนึ่งผมก็ได้มาพบกับเขาอีกครั้ง  มันเป็นวันที่ผมกำลังรู้สึกแย่กับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป  ผมข่มขืนคนรักของเพื่อน  ผมถูกเพื่อนทอดทิ้ง  ผมถูกครอบครัวโกรธจนไม่คุยด้วย  ทุกๆ สิ่งทุกอย่างๆ ที่ผมเคยมีมันพลันหายไปหมด  ผมไม่เหลือแรงและกำลังที่จะก้าวเดินต่อไปแต่ผมก็ได้เขามาช่วยฉุดดึงผมขึ้นจากความรู้สึกผิด

เขาแนะนำให้ผมไปหาเพื่อนที่ผมรักและเป็นกำลังใจให้ผมลุกขึ้นสู้  ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น  เพื่อนให้อภัย  ไอ้เปอร์ก็ให้อภัย  พ่อกับแม่ก็กลับมารักผม  การเรียนก็ดี  ผมจบมาด้วยเกียรตินิยม  ตอนนี้ไม่ว่าอะไรๆ มันก็ดีไปซะหมดแต่สิ่งเดียวที่ไม่ดีก็คือ...

“พี่อัต ผมว่าพี่เลิกพาผู้หญิงมาที่ออฟฟิศดีกว่านะครับ  คนเขาจะมองไม่ดี” หลังจากเรียนจบป.โทพี่อัตก็ให้ผมมาทำงานด้วย  ตอนแรกเขาให้ผมฝึกงานเป็นลูกน้องวิศวกรใหญ่ของบริษัท  หลังๆ มาเขาก็เลื่อนตำแหน่งให้  เขาแบ่งหุ้นในบริษัทให้ผมซื้อและให้ผมทำงานเป็นถึงหัวหน้าแผนกพัฒนาสินค้า  ผมโอเคกับการงานที่ได้รับและผมก็โอเคกับตำแหน่งแฟนของประธานบริษัท

ก่อนที่ผมจะเรียนจบพี่อัตเขาขอผมคบ  ผมยอมตกลงเพราะตอนนั้นผมอยากจะเปิดใจรักคนใหม่ๆ และเขาก็ดูแลผมดี ให้กำลังใจผมตลอดจนผมเปิดใจรับเขา  เขาทำให้ผมรัก  เรารักกันอยู่พักหนึ่ง  จากนั้นเขาก็เปลี่ยนไป

ตอนแรกผมก็ไม่ได้ใส่อะไรที่เห็นผู้หญิงแวะเวียนเข้ามาหา  แต่หลังๆ มันเริ่มแปลก  เขาไม่สนใจผม  เขาหายไปกับผู้หญิงที่มาหา  ผมจับได้ว่าเขามีความสัมพันธ์กับผู้หญิงพวกนั้น  ผมขอเลิกกับเขาแต่เขาไม่ยอมเลิก  เขากักขังและบังคับให้ผมอยู่ใต้โอวาท  ผมเสียใจแต่ก็หนีเขาไปไหนไม่ได้  ผมอยู่ในฐานะแฟนที่เหมือนไม่ใช่แฟน  หัวใจของผมที่เปิดออกปิดลงอีกครั้ง 

ผมไม่ควรจะเชื่อใจคนอย่างเขา  เขาเป็นซาตานในคราบเทวดา

“ใครจะมองไม่ดีก็ช่างเขา  กูพอใจที่จะพามา  มึงไม่มีสิทธิ์ว่าอะไร” พี่อัตที่กำลังนัวเนียกับผู้หญิงอยู่บนโซฟาในห้องทำงานหันมาพูดกับผม  ผมเม้มปากนิดๆ เพื่อระงับอารมณ์

ก่อนหน้านี้เขาเรียกผมมาเพื่อจะทานข้าวเที่ยงด้วยกันผมก็เลยมา  แต่มาเจอภาพแบบนี้คิดว่าผมจะรับได้ไหม?  โอเค ผมรับไม่ได้แต่ก็ต้องยอมรับ

“ครับ ถ้างั้นผมไปทานข้าวเที่ยงก่อนนะครับ” ผมเบนสายตาหลบก่อนจะบอก

“กูบอกให้มึงมากินข้าวกับกูไม่ใช่เหรอ?” พี่อัตผละออกจากผู้หญิงคนนั้นก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหาผม

“ครับ” ผมถอนหายใจก่อนจะพยักหน้าขึ้นลง

“จะกินในออฟฟิศหรือกินข้างนอก” เขาถาม

“ข้างนอก” ผมตอบพลางเหลือบตาไปมองผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่ชอบใจ  ตอนนี้ผมอาจจะปิดใจแต่ผมก็เป็นเจ้าของผู้ชายคนนี้  ผมมีสิทธิ์หวงใช่ไหม?

“แต่กูอยากกินในนี้” ผมเม้มปากแล้วถอนหายใจกับคำตอบของเขาทันที  ถ้าอยากกินในนี้แล้วมาถามกูทำไมวะ?

“ครับ งั้นเดี๋ยวผมสั่งมาให้” ผมบอก

“ไม่  มึงออกไปซื้อมาให้หน่อยก็แล้วกัน  ไปนานๆ นะ” พี่อัตพูดแค่นั้นก่อนจะเดินกลับไปหาผู้หญิงคนนั้นที่โซฟา  ผมมองภาพบาดตาก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปทันที

เขาเป็นคนที่นิสัยแย่จริงๆ เขาทำร้ายจิตใจผมได้เจ็บปวดเหลือเกิน  เขามาทำให้ผมรักแล้วทรยศผมด้วยการไปมีคนอื่นโดยที่ผมทำอะไรไม่ได้  มันอาจจะเป็นการลงโทษสำหรับคนเลวๆ อย่างผมก็ได้  ผมทำร้ายหัวใจของเพื่อน  การที่ผมข่มขืนคนรักของเพื่อนเหมือนกับการที่ผมเอาเท้าไปเหยียบหน้ามันยังไงยังงั้น  ผมเสียใจกับการกระทำของตัวเองและผมก็เคยสัญญากับตัวเองไว้ว่า ต่อจากนี้ไปไม่ว่าอะไรกับเกิดขึ้นกับผม ผมจะยอมรับมันเพราะมันอาจจะเป็นกรรมของผมก็ได้  และผมก็ได้รับกรรมนั้นแล้วจริงๆ

 

ผมไปซื้ออาหารของโปรดของพี่อัตที่ร้านประจำก่อนจะกลับมาที่ห้องทำงานของเขา  พอเข้ามาผมก็โล่งใจเพราะผู้หญิงคนนั้นไม่อยู่แล้ว

“โล่งไหมครับ? ทำเร็วดีเหมือนกันนี่” ผมยิ้มนิดๆ พลางพูดประชดเขา

“ต่อให้มีเวลาแค่สิบนาทีกูก็ทำให้เสร็จได้  ลองไหมล่ะ?” พี่อัตยกมุมปากขึ้นยิ้มแสยะ

“อย่าเลยครับ  ผมคงทำให้พี่มีความสุขไม่ได้  เพราะถ้าผมทำได้...พี่คงไม่ต้องไปมีคนอื่น” ผมเหลือบตามองเขานิดๆ ก่อนจะเปิดอาหารให้แล้วขยับออกมาห่างๆ

“ไม่กินเหรอ?” พี่อัตถามเมื่อไม่เห็นผมเดินไปนั่งกินด้วย

“ไม่ล่ะครับ  กินไม่ลง” ผมบอก

“กินไม่ลง ฮึๆๆ ทำเป็นประชด  คิดว่ากูจะสนใจมึงเหรอภีร์?  ก็แล้วแต่มึงนะ  ถ้าหิวก็อย่ามาบ่นทีหลังก็แล้วกัน” พี่อัตยักไหล่อย่างไม่สนใจก่อนจะตักอาหารเข้าปาก

“พี่อัต ผมว่า...ผมจะลาออกแหละ  ตอนนี้ไอ้กีร์กำลังอยากได้ผู้ช่วยพอดี  ผมจะไปทำงานช่วยมัน” ผมทำใจกล้าพูดออกไป  ตอนนี้ไอ้กีร์กำลังทำงานที่บริษัทของไอ้ลุกซ์  ไอ้ลุกซ์เองก็ขึ้นเป็นประธานบริษัทอย่างเต็มตัว  ผมในตอนนี้ไม่มีแรงจะอยู่กับพี่อัตอีกแล้วล่ะ  ผมเหนื่อยมาก

“มึงจะหนีกูเหรอภีร์?” พี่อัตวางช้อนก่อนจะเงยหน้ามองผมที่ยืนอยู่ด้วยสายตาเอาเรื่อง

“ถ้าบอกว่าไม่ใช่ก็คงจะโกหก  ผมว่า...เราเลิกกันเถอะ” ผมบอก

“มึงจำได้ไหมว่าครั้งสุดท้ายที่มึงบอกเลิกกูมึงเจอกับอะไร!?!” พี่อัตลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินมาดึงผมเข้าไปใกล้แล้วบีบข้อมือผมอย่างกับจะทำให้มันแหลกคามือ

“ปล่อยผมไปเถอะครับพี่อัต  อยู่กันต่อไปแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร  เราเหมือนคนรู้จักกันธรรมดาๆ ไม่เหมือนแฟนกันซักนิด  เลิกกันไปอาจจะดีกว่าก็ได้นะ  พี่จะได้มีอิสระมากกว่านี้” ผมบอก

ทุกครั้งที่ผมบอกเลิกพี่อัต  พี่มันมักจะทำร้ายร่างกายและจิตใจผมด้วยการข่มขืน  ผมรู้ดีว่าผมพอจะสู้แรงพี่อัตไหวแต่ผมก็ไม่เคยสู้  อาจจะเป็นเพราะผมยังรักเขาอยู่ล่ะมั้ง  เขาดีกับผมมากจนผมทำอะไรเขาไม่ลง  ผมยังเกรงใจเขาอยู่ ทั้งในฐานะรุ่นพี่ที่แสนดีและในฐานะแฟนที่เคยดี

“อยู่กับมึงกูก็อิสระดี” พี่อัตพูด

“เหรอครับ? พี่อิสระแล้วผมล่ะ? พี่มีคนใหม่ได้...ถ้างั้นผมก็มีได้ใช่ไหม?” ผมถามกลับ

“ก็แล้วแต่มึง  อ้อ ที่กูไม่เลิกกับมึงก็เพราะกูสัญญากับพ่อแม่มึงไว้ว่ากูจะดูแลมึง  ถ้ากูทิ้งมึงไปตอนนี้กูจะเข้าหน้าพ่อแม่มึงติดได้ไงวะ” ผมนิ่งไปนิดกับเหตุผลของพี่อัต  เห็นแก่ตัวสิ้นดี

“งั้นผมจะบอกพ่อกับแม่ว่าผมทิ้งพี่” ผมยื่นข้อเสนอ

“ไม่ล่ะ เสียเชิงกูหมด  กูไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกทิ้ง” เขายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ

“เห็นแก่ตัว” ผมกัดฟันพูด

“แน่นอน  กูไม่เถียง” เขายิ้มรับคำตำหนิอย่างไม่สะทกสะท้าน

“งั้นเราต่างคนต่างอยู่ก็แล้วกันนะครับ  ผมจะกลับไปอยู่ที่คอนโดของผม  เราเป็นแฟนกันแค่ในนามเท่านั้น” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกมาจากห้องทำงานของเขาแล้วลงลิฟต์ไปที่ห้องทำงานของตัวเองโดยที่ยังไม่ได้กินข้าวแม้แต่คำเดียว

 

เฮ้อ ผมโง่เองแท้ๆ ที่นับถือเขาและยอมเปิดใจรับเขาเข้ามา  ภายนอกเขาดูเป็นคนดีมากแต่พอได้รู้จักอีกด้านหนึ่งมันทำให้ผมรับรู้ตัวตนของเขามากขึ้นกว่าเดิม  เขาแย่ยิ่งกว่าแย่  ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่คล้ายๆ กับเขา  ไอ้ลุกซ์นั่นแหละครับ  คนภายนอกมองมันดูดีมากแต่ถ้ามองในมุมของเพื่อนจะรู้ว่าไอ้หมอนี่มันเหี้ยเรียกพี่  แต่จริงๆ แล้วมันเป็นคนใจดีที่แสดงความรู้สึกไม่ค่อยเก่ง  ผมว่า...มันดีกว่าพี่อัตเยอะเลยครับ  เพราะเรื่องเลวๆ ที่มันทำล้วนแล้วแต่มีเหตุผล  ไม่ว่าทั้งเรื่องงานหรือเรื่องความรัก

ตั้งแต่ที่พี่อัตเริ่มเปลี่ยนไปผมก็กินข้าวได้น้อยลง  จากที่เคยมีกล้ามเนื้อสวยๆ ก็ซูบลงถนัดตา  คนอื่นๆ มองว่าผมทำงานหนักเลยไม่มีเวลาดูแลตัวเองแต่จริงๆ ผมหนักใจเรื่องพี่อัตจนไม่ได้ดูแลตัวเองต่างหาก  ผมจะถือว่าการที่ได้รู้จักกับพี่อัตเป็นการชดใช้ในสิ่งที่ผมทำลงไปกับเพื่อนรักของผมก็แล้วกัน  ผมจะยอมรับมันจนกว่าความเลวของผมจะถูกลบล้างไปอย่างหมดสิ้น  ไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหน  ต่อให้ตลอดชีวิตผมก็จะยอม...

 

หลังเลิกงานผมก็กลับไปที่คอนโดของตัวเองที่ไม่ได้ไปอยู่ซะนาน  ฝุ่นหนามากทีเดียวแต่โชคดีที่ผมใช้ผ้าคลุมเฟอร์นิเจอร์เอาไว้ทำให้มันไม่เสียหายอะไร  ผมเรียกแม่บ้านให้ขึ้นมาทำความสะอาดให้ส่วนตัวเองก็ออกไปเดินเที่ยวห้างตามประสาคนที่เหมือนจะโสด

ผมเดินดูรองเท้าซักพักก็ไปเจอกับคู่รักติงต๊องที่กว่าจะรักกันได้ก็ใช้เวลาตั้งหลายปี  คู่พี่ชายผู้แสนดีกับเพื่อนรักของผมเองครับ  ไอ้เคย์กับพี่ถัง

“ไง ไอ้อัตล่ะ?” พี่ถังถาม  พี่ถังกับพี่อัตเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันครับ  พี่ถังนี่แหละที่รับตำแหน่งประธานชมรมต่อจากพี่อัตที่แขนหัก  แต่ตอนนี้แขนเขาก็อยู่ในสภาพปกตินะ  เล่นบาสได้ปกติแต่เขาก็ไม่เล่นแล้ว

“ไม่รู้สิครับ” ผมตอบยิ้มๆ

“เป็นอะไร? ทะเลาะกันเหรอ?” พี่ถังถาม

“เฮ้อ จะว่าไงล่ะพี่? จะบอกว่าทะเลาะก็ไม่ใช่  ก็เหมือนเดิมแหละ  เพื่อนพี่เขาเจ้าชู้ มีคนใหม่เรื่อยๆ  ผมก็ว่าอะไรเขาไม่ได้  ห้ามก็ไม่ได้ก็เลยออกมาซะเอง” ผมถอนหายใจพลางยิ้มนิดๆ อย่างฝืนๆ

“กูไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้นกับไอ้อัต  เรื่องความมักมากของมันกูก็ยอมรับแหละแต่กูไม่คิดว่ามันจะกล้าทำถึงขนาดนี้” พี่ถังส่ายหน้าไปมา

“ช่างเขาเถอะครับ  ผมจะถือซะว่าผมกำลังได้รับกรรมที่ก่อเอาไว้  เขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขา  ผมก็แค่ฟังคำสั่งของเขาเท่านั้น” ผมยักไหล่เหมือนไม่ใส่ใจทั้งๆ ที่ใจเจ็บแทบตาย

“ได้ไงวะภีร์? มึงไม่คิดจะสู้เพื่อตัวเองบ้างเหรอ? ตอนนี้ทั้งไอ้ลุกซ์ ทั้งไอ้เปอร์ก็ให้อภัยมึงหมดแล้ว  มึงรับกรรมที่ตัวเองก่อแล้วนะเว้ยภีร์” ไอ้เคย์เพื่อนรักผู้แสนใจดีของผมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด  ไอ้บ้านี่ก็ดีเหลือเกิน  พ่อพระมาก  เรื่องของตัวเองไม่เคยเดือดร้อน แต่เรื่องของคนอื่นนี่เดือดร้อนดีฉิบ  แต่เพราะมันเป็นคนอย่างนี้มันเลยเป็นเหมือนศูนย์รวมของเพื่อนๆ

“ตอนนี้กูทำเหี้ยอะไรไม่ได้เลยว่ะเคย์  กูนับถือพี่อัต กูเกรงใจเขาจนไม่กล้าทำอะไรเขาเลยว่ะ” ผมพูดขณะที่กำลังถูกพี่ถังลากเข้าไปในร้านกาแฟ

“ไอ้อัตมันแกล้งมึงหรือเปล่าภีร์? มันอาจจะไม่ได้นอกใจมึงจริงๆ ก็ได้” พี่ถังสันนิษฐาน

“ไม่หรอกพี่  เขาคงเบื่อผมจริงๆ  เขาไม่ได้รักผมอย่างที่เคยบอกไว้หรอก  ผมน่าจะรู้อยู่แล้วว่าคนอย่างเขาไม่เคยรักใครจริงๆ  เรื่องนี้ผมไม่โทษใคร ผมโทษความอ่อนแอของตัวเอง” ผมถอนหายใจอย่างปลงๆ พลางไล่สายตาดูกาแฟจากเมนูที่เพิ่งได้รับมา

“มึงคิดในแง่ร้ายไปหรือเปล่าวะภีร์? เหตุการณ์ที่ผ่านมาอาจจะทำให้มึงคิดอะไรในแง่ดีไม่ได้แต่ทุกอย่างมันไม่ได้เลวร้ายเสมอไปนะเว้ย  ลองกลับไปคุยกับพี่อัตอีกทีดีไหม? เปิดใจคุยกันให้มันรู้ๆ ไปเลยดีกว่าว่ะ” ไอ้เคย์ยื่นมือมาตบไหล่ผมเบาๆ

“กูคุยแล้ว  ทั้งขอร้อง ทั้งขอเลิกแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา  เขาเกรงใจพ่อกับแม่กูก็เลยไม่ยอมเลิกกับกูซักที  เขาทำกับกูเหมือนกูเป็นของตาย” ผมถอนหายใจแล้วปิดเมนูลง  ผมไม่มีอารมณ์จะกินจะดื่มอะไรทั้งนั้น

“กูไม่ยอมนะแบบนี้  มึงเป็นน้องกูนะภีร์  มันทำกับมึงขนาดนี้ถึงเป็นเพื่อนกูก็ไม่ยอม  ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง  คุยด้วยปากไม่รู้ก็ต้องคุยด้วยหมัด” พี่ถังบอก  ผมเม้มปากมองหน้าพี่มันอย่างตื้นตัน  ผมทำกับไอ้เปอร์น้องชายสุดที่รักของพี่มันขนาดนั้น พี่มันยังคิดว่าผมเป็นน้องอีกคน  ผมโชคดีเหลือเกินที่มีพี่อย่างพี่ถัง  ผมโชคดีมากจริงๆ

“ขอบคุณพี่มากนะที่ยังเห็นคนอย่างผมเป็นน้อง  ผมขอบคุณจริงๆ” ผมพูดแล้วกัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นน้ำตา  ตั้งแต่ที่ผมทำร้ายไอ้เปอร์ผมก็มีน้ำตาง่ายเหลือเกิน  ผมมักจะแอบร้องไห้เพราะสำนึกผิดอยู่เสมอทั้งๆ ที่เมื่อก่อนผมไม่เคยร้องไห้เลย  ถึงตอนนี้ผมจะร้องไห้ง่ายแต่ก็มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่คิดจะเสียน้ำตาให้กับมัน  นั่นคือเรื่องของพี่อัตนั่นเอง  ผมจะไม่เสียน้ำตาให้กับเขาต่อให้เขาทำผมเสียใจมากแค่ไหนก็ตาม

“มึงเป็นน้องกูเสมอ  คนผิด...ถ้าสำนึกผิดจากใจจริงก็สมควรได้รับการอภัย  มึงแค่คนหลงผิดไม่ใช่คนชั่วช้า  กูเป็นพี่ กูอภัยให้มึงได้เสมอ” พี่ถังพูดก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆ ทำให้ผมยิ้มออกมาได้  นี่ล่ะมั้งครับผู้ใหญ่  ถึงเราจะโตแค่ไหนเขาก็ยังเห็นเราเป็นเหมือนเด็ก

“ถัง อย่าทำซึ้ง  เหี้ยภีร์จะร้องไห้แล้วเนี่ย” ไอ้เคย์พูดยิ้มๆ  ว่าแต่พี่ถังแหละมึง  มึงนั่นแหละที่จะทำกูร้องไห้  ไอ้เพื่อนแสนดีเอ๊ย!

“มึงกลับไปทบทวนเรื่องที่มึงต้องทำดีๆ นะภีร์  เรื่องผัวๆ เมียๆ กูก็ไม่อยากสอดมือเข้าไปยุ่งถ้าไม่จำเป็น  แต่ถ้าวันไหนที่มึงไม่ไหวแล้ว มึงบอกกู บอกเพื่อนๆ ของมึง  ทุกคนพร้อมที่จะอยู่ข้างๆ มึงเสมอ” พี่ถังบอก

“แล้ว...พี่ไม่อยู่ข้างเพื่อนพี่เหรอ?” ผมถามกลับ

“เพื่อนทำผิด กูก็ต้องสั่งสอน  เหมือนที่กูเคยสั่งสอนมึงที่ทำผิดนั่นแหละ” พี่ถังบอก  ตอนนั้นผมถูกพี่ถังยำหนักเลยล่ะครับ  ทั้งสั่งสอนทางคำพูดและสั่งสอนทางการกระทืบ แต่ผมก็ไม่เคยโกรธที่ถูกพี่กับเพื่อนทำร้ายเลยเพราะผมสมควรได้รับกรรมที่ผมก่อจริงๆ

“ขอบคุณนะครับ” ผมยิ้ม

“อืม” พี่ถังยิ้มกลับ

“มึงรีบไปไหนไหมภีร์  ถ้าไม่รีบก็สั่งเครื่องดื่มเดี๋ยวถังเลี้ยงเอง เนอะ อิ๊ๆ” ไอ้เคย์ตัดบทสนทนาชวนน้ำตาไหลด้วยการหันไปกระแซะพี่ถังที่นั่งข้างๆ เบาๆ ทำเอาผมอิจฉาเพราะพวกเขาดูรักกันมาก  ไอ้เคย์มันเป็นคนดีขนาดนี้ ใครได้มันเป็นผัวนี่โชคดีสุดๆ เลยล่ะครับ  ทั้งนิสัยดี ทั้งเก่ง ทั้งหล่อ ทั้งดัง แถมรวยอีกต่างหาก  แต่กว่าสองคนนี้เขาจะลงเอยกันได้ก็ใช้เวลาไปหลายปีดีดักเหมือนกัน

“ไม่รีบล่ะ  ยังไงวันนี้พี่ก็เลี้ยงข้าวผมด้วยละกัน” ผมยิ้มกวนๆ ก่อนจะเปิดเมนูกาแฟดูอีกครั้งแล้วสั่งกับพนักงาน

ถ้าไม่ได้พวกนี้ผมคงกินอะไรไม่ลงไปอีกหลายวัน

 

35% left



หลังจากอิ่มหนำสำราญกับของฟรีและราคาแพงเรียบร้อยผมก็แยกจากคู่รักติงต๊องนั้นไปซื้อรองเท้าที่อยากได้และซื้อเสื้อผ้าไปไว้ที่ห้องจากนั้นก็ขับรถกลับคอนโด

ตอนนี้แม่บ้านทำความสะอาดห้องผมเสร็จแล้วล่ะครับ  น่าอยู่ขึ้นเยอะเลย  เฮ้อ ไม่ได้มาอยู่ซะนาน  คิดถึงเหมือนกันแฮะ  ตอนที่ผมย้ายไปอยู่กับพี่อัตผมขนของไปหมดเลยเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะได้กลับมาอยู่ที่นี่อีก  สงสัยผมต้องหาเวลากลับไปเอาของของตัวเองแล้วล่ะ

RRRRRR

ผมที่กำลังจะจัดของที่ซื้อมาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น  ผมวางมือจากของที่จัดก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์มาดูแล้วถอนหายใจอย่างลำบากใจ

“สวัสดีครับ” ผมทำใจเล็กน้อยก่อนจะกดรับสายจากพี่อัต

[มึงไปแรดอยู่ที่ไหน? ทำไมไม่กลับมาซักที!] แค่คำทักทายเขายังทำดีๆ กับผมไม่ได้แล้วอย่างอื่นจะทำดีๆ ได้ไหม? คงไม่มีทาง  พี่อัตที่แสนดีของผมไม่มีอีกแล้ว

“พี่บอกเองไม่ใช่เหรอว่าผมจะไปมีใครที่ไหนก็ได้ แล้วผมก็จะไม่กลับไปอยู่ที่บ้านกับพี่อีกแล้วล่ะครับ” ผมบอกพลางกดเปิดเพลงเสียงดังๆ เพื่อให้เขาคิดว่าผมอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่คอนโด

[มึงแค่บอกแต่กูไม่ได้อนุญาต! ไสหัวมึงกลับมาเดี๋ยวนี้!!] พี่อัตตะคอก

“ไม่ล่ะครับ ผมกำลังสนุก” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะตัดสายไปเลย  หลังจากตัดสายผมก็กดปิดเพลงแล้วทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน  ทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจ  ไม่รู้ผมจะทนได้นานแค่ไหน  หวังว่าผมคงไม่ตรอมใจตายก่อนจะแก่หรอกนะ

 

ผมเหนื่อยจนหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้แต่ตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว  ผมลูบหน้าลูบตาตัวเองนิดหน่อยก่อนจะลุกไปอาบน้ำแล้วไปหาอะไรกินในครัว  ในครัวของผมก็มีอยู่แค่อย่างเดียวนั่นก็คือน้ำเปล่า  เฮ้อ หิวว่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ออกไปซื้ออะไรมาไว้ในตู้เย็นดีกว่า

ผมดื่มน้ำแล้วกลับเข้าห้องนอนเหมือนเดิม

“พี่อัต!!” ผมสะดุ้งเมื่อเห็นร่างสูงนั่งอยู่ปลายเตียงในห้องนอนของผม  เข้าไปตอนไหนวะเนี่ย!?! แล้วได้กุญแจห้องผมมาได้ไง!?

“มึงหนีกูไปไหนไม่ได้หรอกภีร์” พี่อัตพูดเสียงเย็น สีหน้านิ่งสนิทจนผมกลัว  ไอ้พี่นี่มันเมามาเปล่าวะ?

“ผมไม่ได้หนีนี่ครับ” ผมตอบนิ่งๆ ก่อนจะขยับไปใกล้ประตู  เกิดพี่มันนึกเฮี้ยนขึ้นมาจับผมปล้ำผมไม่ซวยเหรอ?

“มานี่ซิ” พี่อัตเรียก

“ไม่ครับ” ผมยืนนิ่งไม่ยอมเข้าไปตามคำเรียก  ผมไม่ใช่หุ่นยนต์หรือสัตว์เลี้ยงที่จะต้องทำตามคำสั่งของใคร  ต่อให้เขาทำร้ายผมมากแค่ไหนผมก็จะยืนหยัดขึ้นเองให้ได้

“ทำไม?” พี่อัตข่มตาดุ

“สิทธิ์ของผม” ผมตอบกลับ

“กูมีสิทธิ์ในตัวมึง ภีร์” พี่อัตกัดฟันจนเห็นสันกรามขึ้นเป็นริ้วๆ

“ไม่ พี่ไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น” ผมสวนขึ้นทันที

“มึงอย่าทำให้กูโกรธนะภีร์” พี่อัตกัดฟันพูดออกมาเสียงเย็น

“โกรธแล้วไงครับ? ผมเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ? พี่อยากโกรธก็โกรธผมไม่มีสิทธิ์ยุ่งอะไรอยู่แล้ว” ผมบอกเสียงนิ่ง  เขาไม่ได้โกรธได้คนเดียวซักหน่อย ผมก็โกรธได้เหมือนกัน  เขามีคนอื่นได้ทำไมผมจะประชดเขาไม่ได้?

“ภีร์!!” พี่อัตลุกขึ้นมาก่อนจะย่างสามขุมมาหาผม  ขนผมลุกซู่อย่างหวาดกลัวทำให้ผมรีบเปิดประตูวิ่งหนีออกไปข้างนอกทันที

ตึกๆๆ

ขณะที่ผมจะวิ่งไปเปิดประตูเพื่อหนีออกไปข้างนอกห้องพี่อัตก็วิ่งมากระชากผมแล้วเหวี่ยงกลับเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นจนผมล้มลุกคลุกคลาน

พี่อัตเม้มปากแน่นแล้วเดินมากระชากแขนผมที่ล้มอยู่ที่พื้นแล้วดึงให้ลุกขึ้นมาประจันหน้ากัน  ผมมองหน้าพี่อัตนิดๆ ก่อนจะหลบสายตาเพราะผมเกรงในสายตาของเขา  ผมกลัวและหวั่นไหว  ผมทั้งรักทั้งเกลียดจนไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไง

“เราเลิกกันไม่ได้เหรอพี่อัต?” ผมที่หลบตาเขาถามขึ้นมาเสียงแผ่วเบา

“มึงไม่ได้รักกูเลยใช่ไหมถึงขอเลิกกับกูแบบนี้?” พี่อัตกัดฟันถามเสียงแข็งกระด้าง

“คนที่ไม่ได้รักคือพี่ต่างหาก  ได้เล่นกับจิตใจคนพี่คงจะสนุกมาก  ถ้าสนุกพอแล้วก็ปล่อยผมไปเถอะ ผมอโหสิให้พี่” ผมขอร้อง  ผมไม่รู้จะหาวิธีไหนมาขอเลิกแล้วจริงๆ  ผมอยากเลิก  ผมอยากชดใช้กรรมที่ผมก่อด้วยวิธีอื่น  วิธีที่ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้  ถ้ามีโอกาส ผมจะหนีจากผู้ชายคนนี้แบบสุดหล้าฟ้าเขียวเลย  ผมจะไม่เจอเขาอีกเด็ดขาด

“สนุก? อโหสิ? เฮอะ! กูบอกเลยว่ากูไม่เคยพอ  กูไม่พอเข้าใจไหม!?!” พี่อัตตะคอกใส่ผมพลางเขย่าตัวผมรัว

“แล้วแต่ละกันครับ” ผมหลบสายตาเขาอีกครั้ง  ป่วยการจะสู้รบปรบมือกับคนไร้เหตุผล

“มึงกวนประสาทกูเหรอภีร์?” พี่อัตกัดฟันแน่น

“ผมว่าพี่กลับไปเถอะครับ  ผมอุตส่าห์หนีพี่มาแล้วนะ  จะตามผมมาทำไมอีก?” ผมเปลี่ยนเรื่อง  ผมอยากให้เขาไปให้พ้นๆ หน้าผมซักที

ที่จริงถ้าผมกลับไปอยู่ที่บ้านผมจะสงบใจได้มากกว่านี้แต่ผมไม่อยากกลับเพราะถ้าผมกลับไปพ่อกับแม่ต้องรู้แน่ว่าผมมีปัญหากับพี่อัต  ผมไม่อยากให้พ่อกับแม่เสียความรู้สึกกับผมอีกแล้ว  และผมก็ไม่อยากให้แม่เสียความรู้สึกกับคนอย่างพี่อัตเหมือนกัน  ถ้าพวกท่านรู้ว่าพี่อัตไม่ได้ดีอย่างที่คิดพวกท่านคงจะเสียใจมาก  เสียใจ...ไม่แพ้ผมแน่นอน

“กูตามมาหาเมีย ผิดตรงไหน!?” พี่อัตถาม

“ไม่ผิดหรอกครับ...ถ้าผมกับพี่เป็นคนรักกัน  แต่เราเป็นแค่ในนาม  นามที่พี่ไม่อยากจะเสียไง  เพราะถ้าพี่ไม่หยิ่งจนเกินไปเราคงจบกันไปแล้วล่ะ” ผมบอก  ถ้าไม่ติดตรงที่เขากลัวเสียเครดิตป่านนี้เขาอาจจะปล่อยผมไปตั้งนานแล้ว  ไม่มาทนอยู่กับคนน่าเบื่ออย่างผมหรอก

“มึงมันชอบต่อปากต่อคำซะจริงเลยนะ  เอาเสียงของมึงมาครางเรียกชื่อกูไม่ดีกว่าเหรอ? ฮะ?” พี่อัตยิ้มชั่วจนผมรู้สึกแขยง  กลัวว่าเขาจะรังแกผมด้วยวิธีการต่ำช้าที่เขาชอบทำ

“ไม่ล่ะครับ ผมรังเกียจ” ผมตอบอย่างตรงไปตรงมา  เขามันคนสกปรก  มีผมอยู่แล้วก็ไม่เคยพอ  ถ้าเขาจะไปมีคนอื่นผมก็ไม่อยากจะยุ่งกับเขาในเรื่องแบบนั้นอีก  ผมไม่อยากใช้ของร่วมกับใคร

“มึงรังเกียจผัวตัวเองเหรอภีร์!?” พี่อัตหุบยิ้มฉับแล้วตะคอกใส่ผม

“เปล่า ผมไม่รังเกียจคนรักของตัวเองแต่ผมรังเกียจคนสกปรกที่ชอบปลดปล่อยเรี่ยราด น่ารังเกียจ น่าสะอิดสะเอียน!” ผมพูดแล้วผลักเขาออกให้ห่าง  วันนี้ผมจะไม่ยอมให้เขาเอาความอยากมาระบายที่ผมแน่  ถ้าเขาจะใช้กำลังบังคับผมก็จะสู้

“ภีร์!!” พี่อัตกัดฟันแน่นอย่างโมโหก่อนจะจับข้อมือผมแล้วเหวี่ยงไปที่โซฟา  ก่อนที่ผมจะทันตั้งตัวเขาก็พุ่งมาคร่อมตัวผมไว้แล้วประกบปากจูบทันที

ผมเม้มปากแน่นไม่ยอมตอบรับจูบของเขาทำให้เขายื่นมือมาบีบจมูกผมไว้  ผมหายใจไม่ได้จึงต้องระบายออกทางปาก ทันใดนั้นลิ้นร้อนก็แทรกเข้ามาในโพรงปากผมจนได้  เขาตวัดมันเกี่ยวกับลิ้นที่กำลังถดหนีอย่างชำนาญพลางไล่ลิ้นควานไปทั่วเหมือนพยายามจะโกยเอาลมหายใจทั้งหมดของผมไปจนผมรู้สึกอ่อนระทวยเหลือเกิน

“อื้อ” ผมครางประท้วงเบาๆ เพราะหายใจไม่ทัน

“เป็นไงล่ะภีร์ สุดท้ายมึงก็หนีกูไปไหนไม่ได้” พี่อัตผละริมฝีปากออกไปก่อนจะพูดออกมาอย่างเยาะเย้ย  เขาพูดถูกจริงๆ ผมไปไหนไม่ได้  แค่ถูกจูบ ความรู้สึกของผมก็อ่อนลงเสียแล้ว  ตอนแรกผมผลักไส แต่พอเวลาผ่านไปผมกลับกอดคอเขาเอาไว้เสียแน่น

“ผมเป็นผู้ชายนี่ครับ ถูกกระตุ้นนิดหน่อยก็ปล่อยตามอารมณ์แล้วล่ะ” ผมปล่อยแขนออกจากรอบคอพี่อัตก่อนจะพูดออกมาเสียงนิ่ง

“หัดพูดจาหวานๆ อ้อนกู เอาใจกูหน่อยไม่ได้หรือไง? กูเห็นเมียเพื่อนแสนดีแล้วอิจฉาเป็นเหมือนกันนะ” พี่อัตรั้งตัวผมไปกอดไว้แล้วเอาคางมาเกยที่ไหล่ของผมพลางหอมแก้มผมเบาๆ ย้ำๆ

เขาเป็นอย่างนี้อีกแล้ว  ตบหัวแล้วลูบหลัง  เขาไม่ได้เป็นอย่างนี้ครั้งแรกแต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เขารู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยวเขาก็จะมาอ้อนผมแบบนี้และผมก็มักจะใจอ่อนทุกครั้ง  แต่ถ้าเขามีคนอื่นเขาก็จะไม่แม้แต่ชายตามองผมด้วยซ้ำ  ไม่รู้ว่าความใจอ่อนของผมมันเป็นนิสัยที่ดีหรือนิสัยที่เสียกันแน่?

“หาใหม่สิครับ” ผมพูดเสียงแข็งแต่ก็ไม่ได้แกะมือที่กอดผมออก

“ไม่ล่ะ” พี่อัตส่ายหน้าก่อนจะยื่นหน้ามาจุ๊บที่ปากผมเบาๆ

“ทำไมครับ?” ผมเอียงหน้าถาม

“กูรักมึงไง” ผมชะงักทันทีที่เขาพูดออกมาแบบนั้น  ทำไมจู่ๆ ถึงบอกรักผม  จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เขาบอกรักผมก็คือตอนก่อนที่เขาจะเปลี่ยนไป

“เมาหรือเปล่า?” ผมถามห้วนๆ ทั้งๆ ที่หัวใจพองโต

“ไม่นี่  ไม่ได้ดื่มมา  แต่...กูโกหก ฮึๆ” ผมยิ้มค้างทันทีที่ได้ยินคำพูดต่อมาของเขา  อ้อมแขนที่กำลังกอดรัดผมอยู่คลายออกก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนแล้วบิดตัวไปมาเหมือนบิดขี้เกียจ

“...” ผมนิ่งไป พูดอะไรไม่ออก

“มึงยังรักกูอยู่ใช่ไหมล่ะ? ถ้าไม่รักมึงคงไม่ดีใจหรอกที่กูบอกรักมึง เฮ้อ สบายใจละ  ยังไงมึงก็คงไม่อยากเลิกกับกูจริงๆ หรอก” พี่อัตยิ้มให้ผมนิดๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปปล่อยให้ผมนิ่งอึ้งเพราะทำอะไรไม่ถูก

เขาเล่นกับหัวใจของผมมากเกินไปหรือเปล่า?  เขาเห็นผมเป็นอะไรกันแน่!?!

 



 
+++++++++++++++++++++++++++++

ลุกซ์มีเพื่อนแล้ว อิ๊ๆ ไอ้พี่อัตก็ชั้วชั่วววววว

ภีร์เอ้ย แกยังโชคดีที่กลับตัวได้และมีคนในอภัยและพร้อที่จะอยู่ข้างแก 

ส่วนอีพี่อัตช่าหัวมัน  หาผัวใหม่ไปเลยภีร์ ฮ่าๆๆ


+++

อิพี่อัตมันเอาใหญ่แล้วเหวย ทำเขาอึ้งขนาดนั้นเดี๋ยวได้รู้กันเลย

ภีร์ฤทธิ์น้อยซะเมื่อไหร่  ที่มันยอมเอ็งทุกวันเพราะมันอยากชดใช้กรรมหรอก  ระวังตัวเลยอิพี่อัต

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา