คว้าหัวใจยัยหงส์น้อย

5.3

เขียนโดย นิกซ์

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.56 น.

  32 ตอน
  7 วิจารณ์
  29.87K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559 23.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

32) บทที่ 30 เรื่องเล่าของราชวงศ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หลังจากที่กลับมาถึงห้อง รีเบ็คก้า ปลดเน็คไทออก ก่อนจะวางไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง จากนั้นเธอก็เปลี่ยนจากชุดสูทเป็นชุดนอนแทน

“เฮ้อ”ร่างบางถอนใจพร้อมๆบล้มตัวนอนบนเตียงอย่างอ่อนล้า “นี่เราตาฝาดรึไงกัน”…เด็กคนนั้นหมายความว่ายังไงกันแน่ …

รีเบ็คก้านำจดหมายของพ่อมาอ่านดูอีกครั้ง ‘หยาดน้ำตาที่เหือดแห้ง ทายาทตัวจริงเท่านั้นที่รู้ จงระวังจงระวัง หากมีความโลภอยู่ชีพจะวอดวาย’…แสดงว่าต้องมีทายาทมากกว่า หนึ่งสายแน่ถ้าดูในพงศาวลีน่าจะรู้นะ แต่เราเป็นคนนอกจะไปดูพงศวลีของราชวงศ์ได้ยังไงกันล่ะ… หญิงสาวกุมขมับตนก่อนจะเอ่ยเบาๆอย่างอ่อนล้า

“มันต้องมีทางสิน่า…ต้องดูพงศวลีให้ได้”

อีกด้าน

ชีคจาดีน นำริบบิ้นสีดำของแม่หงส์น้อยมาสูดดม แทนตัวเจ้าของ มันช่างหอมหวานยิ่งนัก เค้าอยากจะรู้เสียจริงว่า เส้นผมของเจ้าหล่อนจะหอมชวนดมเหมือนริบบิ้นนี้ไหม

“ถ้าแต่งชุดราตรีสวยๆเหมือนตอนนั้นได้ก็ดีสิ ไม่น่าเกิดเหตุการณ์นั้นเลย พับผ่าสิ” ชีคหนุ่มในตอนนี้กำลังนอนพักที่ห้องบรรทมของตนเอง ถึงงานเลี้ยงฉลองงานหมั้นของน้องชายจะผ่านไปได้ด้วยดีแล้วก็ตาม แต่ทำไมกันนะ เค้ารู้สึกกังวลกับคำพูดของ เจอโรม แต่พวกนั้นจะดึงรีเบ็คก้าเข้ามาเกี่ยวด้วยทำไม หรือเพราะมันคิดว่า…เธอ…

“แต่พ่อขอเธอก็มาที่นี่ นี่นา”…ชักแม่งๆแล้วแฮะ…คุณโรเจอร์ สวอน จะมาที่นี่ทำไม

ชีคหนุ่มนึกถึงบทสนทนาเมื่อสองสามวันก่อน ของสามพี่น้องดาเดนดี้ที่เค้าบังเอิญไปได้ยินเข้า ขณะที่เค้ากำลังจะไปคุยกับอามุล

  • ...
  • เลโอเป็นคนเปิดประเด็น‘แปลกนะที่คุณลุงมาที่นี่’
  • ฟานเชสก้าพยักหน้า ’นั่นสิคะ ปกติ มันผิดปกติมาก ที่คุณลุงโรเจอร์จะจะมาต่างประเทศโดยไม่บอกใครเลยว่ามาที่ไหน ถ้าหากจะมาพักผ่อน หรือทำธุระ อย่างน้อยก็ต้องให้อารอง ไม่ก็เบ็คกี้ หรือทั้งสองคน ไปด้วยแท้ๆ ไม่งั้นก็น่าจะให้คนสนิทซักคนตามมาด้วย ถ้าเกี่ยวกับงานบริษัทยิ่งแล้วใหญ่ เค้าต้องนำเลขาไปด้วยแท้ๆ’
  • เลออนหันมาถามน้องสาว ’ถามจริงเรามาที่นี่ได้ยังไงน่ะ’
  • ‘หนูเห็นในเพจที่หนูชอบเช็คดูน่ะค่ะ ว่าประเทศไหนน่าเที่ยว แต่มันจะเกี่ยวเหรอ?’

เลออนออกความเห็น‘ก็ไม่แน่ ความจริงเบ็คมันบอกที่อยู่ให้กับพี่ก็ได้ แต่นี่มันมาที่นี่เอง ทั้งๆที่ไม่ชอบอากาศร้อน แถมแพ้อากาศร้อนอีก ถ้าเบ็คไม่อยากหนีจากกองงาน ของบริษัทและโรงแรม มันต้องมีเหตุผลอื่น ที่ดึงให้มันมาที่นี่ พี่ว่า คุณลุงเองก็ต้องมีเหลุผลบางอย่าง ที่ทำให้ท่านต้องมาที่นี่คนเดียว ไม่ให้เจ้าอารองหรือเบ็คตามมาด้วยน่ะ’

ชีคหนุ่มครุ่นคิด การกระทำของคุณโรเจอร์ สวอน มันส่อพิรุธอย่างเห็นได้ชัด เพราะการมาที่คาลอสมันผิดวิสัยมาก ขนาดคนธรรมดาหากจะเดินทางไปต่างประเทศคนเดียว คนที่มีครอบครัวแล้ว อย่างน้อยก็น่าจะบอกคนในครอบครัวถึงจุดหมายของตน แต่นี่ไม่ได้บอกใคร บอกแต่เพียงว่าไปตะวันออกกลาง  เรื่องนี้มันทำให้เค้านึกถึงประวัติของรีเบ็คก้า ก็จำได้ว่า หล่อนเรียนจบได้ปริญญา มาสี่ใบ หนึ่งคือ คณะบริหารธุรกิจ สอง คณะโบราณคดี สาม ภาษาศาสตร์ สี่ คือระดับปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ เธอเป็นนักล่าขุมทรัพย์มาก่อนแต่รามือมาสามปีแล้ว หลังจากพ่อของเธอเสียชีวิต

…นักล่าขุมทรัพย์…”แต่ที่คาลอส  มีอะไรให้หาล่ะ”สมบัติโบราณที่ยังไม่พบ...ก็มีแต่ในตำนานเท่านั้น

วันต่อมา

หลังจากอาหารเช้า ที่เจ้าชายอามุล ได้เชิญทุกคนมารับประทานอาหารเช้าร่วมกัน โดยหัวโต๊ะคือ องค์ราณี กาลิด้า ทางซ้ายเป็นเจ้าชายอามุล ข้างๆคือ ฟานเชสก้า และฝาแฝดพี่น้องดาเดนดี้ ตรงข้ามกับเจ้าชายอามุลคือ ชีคจาดีน เจ้าหญิงมิเรน่า

รีเบ็คก้าและวีอารอง อาหารพื้นเมืองถูกยกมาเสิร์ฟ บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น

ชีคจาดีนสังเกตว่า รีเบ็คก้าดูนิ่งเฉย จะพูดคุยบ้าง เป็นบางครั้ง ดูราวกับว่าเธอกำลังครุ่นคิดอะไร หรือนั่นเป็นนิสัยของเธอนะที่จะเงียบแบบนั้น เค้าเคยคุยกับพระมารดา ก็รู้มาว่าพ่อของเธอเคยมาที่นี่ เค้าเคยบอกนิสัยของเจ้าหล่อน แต่พอเจอตัวจริงแล้วมันไม่ใช่ ขนาดพระมารดายังแปลกใจ อาจเป็นเพราะเธอเสียพ่อที่เป็นคนสำคัญไปอย่างกระทันหัน ที่พระมารดาฟังจากพ่อของหล่อน คือ ร่าเริง สดใส แก่นแก้ว ฉลาดและเข้มแข็ง พอเห็นเธอในตอนนี้ เธอเย็นชา เข้มแข็ง ฉลาด และพูดน้อย

หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ทุกคนก็แยกย้าย โดยองค์ราณีขอกลับไปพักผ่อนที่ตำหนัก ฟานเชสก้าต้องไปอบรมเรื่องขนบธรรมเนียมของราชวงศ์ เจ้าชายอามุลต้องไปตรวจตรากองทัพที่ชายแดน ฝาแฝดดาเดนดี้ก็ถือโอกาสขอเรียนวิธีทำอาหารพื้นเมืองของที่นี่จากห้องเครื่อง เพื่อนำไปปรับใช้กับร้านอาหารที่อังกฤษ วีอารองก็ทำหน้าที่สอนภาษาให้เจ้าหญิงมิเรน่า ส่วนรีเบ็คก้าก็ขอตัวไปทำงานที่ห้องสมุด

ชีคจาดีนจึงเดินตามไปด้วย

“เดี๋ยวก่อนครับ คุณรีเบ็คก้า”

“คะ?”

“คุณทำงานที่ห้องสมุด ไม่เบื่อรึครับ”

“ไม่ค่ะ ถึงเบื่อก็มีหนังสืออ่านแก้เครียด ก็ดีนะคะ ห้องสมุดที่นี่มีหนังสือเยอะดีค่ะ”

“ไปเดินชมวังกับผมไหมล่ะ ”

หงส์น้อยยิ้มอ่อน”ก็ได้ค่ะ” ความจริงตั้งแต่มาที่นี่เธอก็ไม่ได้ดูวังเลย เอาเถอะ ชมวังซะหน่อยเผื่อจะได้หาช่องหลบไปเจอคาเลนโซ่ ตามนัด ไม่รู้นักล่าขุมทรัพย์ผู้มากเล่ห์คนนี้ต้องการคุยอะไรกับเธอ

ระหว่างที่ทั้งคู่เดินชมวังกันสองคน รีเบ็คก้าไม่คุยอะไรกับชีคหนุ่มเลยสักนิด จนชีคจาดีนต้องเป็นฝ่ายถามเพื่อชวนคุยแต่แม่หงส์น้อยก็พูดตอบเป็นคำๆไป นานๆทีจะถามชายหนุ่มบ้างเพียงเล็กน้อย

ทั้งคู่เดินกันมาจนกระทั่ง…มาถึงสวนดอกไม้ที่มีผีเสื้อรุมตอม มันทำให้รีเบ็คก้านึกถึงสมัยเด็กๆเมื่อสิบกว่าปีก่อน ที่ครอบครัวของเธอยังอยู่พร้อมหน้า“หากกลับไปสู่วันนั้นได้ ก็คง…”

“นึกถึงอดีตรึครับ”

“ค่ะ นึกถึงเรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนที่…ครอบครัวยังอยู่พร้อมหน้า พอเวลาว่างๆ คุณพ่อจะพาชั้นและคุณแม่มาชมผีเสื้อ คือ…พอดีชั้นอยู่แคนนาดา ตอนอายุห้าขวบน่ะค่ะ เพราะว่า…คุณพ่อมีธุรกิจที่ต้องทำที่นั่นเลยต้องอยู่ที่แคนาดาจนชั้นเกิดเลยล่ะค่ะ ตอนนั้นชั้นมีความสุขมาก”

“เป็นครอบครัวที่อบอุ่นนะครับ”สายตาของชีคหนุ่มเหลือบไปเห็นผีเสื้อสีสวยมาเกาะที่อกซ้ายของหญิงสาว

“นั่นถือเป็นสัญญาณที่ดีนะครับ”

“สัญญาณอะไรคะ”

“คาลอสเชื่อว่า ผีเสื้อมาเกาะที่อก ถือเป็นลางบอกว่า คนที่โดนผีเสื้อเกาะที่อกจะเจอเรื่องดีๆ น่ะครับ”

“งั้นหรอคะ”รอยยิ้มบางๆผุดขึ้น ทำเอาร่างสูงสง่าใจเต้น “รีเบ็คก้า แล้วคุณรู้รึเปล่าครับ ทำไมที่วังนี้มีตราผีเสื้อ”

“ทำไมคะ”

“ถือว่าเป็นสิ่งนำโชคดี สำหรับราชวงศ์เรา ถือว่าผีเสื้อ คือ สารของเทพเจ้า หรือผู้นำทาง แต่ชาวคาลอส เชื่อว่า ผีเสื้อ คือ ตัวแทนของวิญญาณของคนที่รัก ว่ากันว่าถ้าใครได้กลิ่นดอกคาราริสในยามค่ำและมีผีเสื้อ บินวนรอบตัว หมายถึง วิญญาณของผู้เป็นที่รัก ยังคงไม่จากไปไหน ยังคงห่วงคนผู้นั้น”คำพูดของชีคหนุ่มทำเอาตาสีฟ้าสดใสของหญิงสาวหม่นหมอง“คุณคิดถึงครอบครัวคุณสินะครับ ท่านแม่ก็ชื่นชมพ่อคุณมากเลยนะครับ”

รอยยิ้มผุดบนดวงหน้างาม “ค่ะ พอคุณแม่เสีย คุณพ่อก็ไม่หาภรรยาใหม่ เพราะว่า…ไม่มีผู้หญิงคนไหนมาแทนคุณแม่ได้…คุณพ่อต่อให้ยุ่งแค่ไหน ท่านก็จะมีเวลาให้ชั้นเสมอ นั่นทำให้ชั้นไม่รู้สึกว้าเหว่เลยสักนิด ไม่ทำให้ชั้นรู้สึกว่ามีปมด้อยเลยสักนิด…คุณพ่อไม่เคยว่าเลย ที่ชั้นไม่เคยทำตัวเป็นกุลสตรีอังกฤษเลยสักนิด…ทั้งชอบอ่านปรัชญามากกว่าโคลงกลอน ชอบการขี่ม้ามากกว่าเรื่องของกุ๊กกิ๊ก ชอบการผจญภัยมากกว่า งานเลี้ยงน้ำชา ชอบการเล่นหมากรุกมากกว่าเต้นรำ  ท่านไม่เคยว่า เวลาที่พวกคุณหญิงคุณนายหัวโบราณทั้งหลายแหล่ตำหนิติชั้นในเรื่องพวกนี้ คุณพ่อมักจะออกโรงปกป้องชั้นเสมอๆ ท่านมักจะบอกให้ชั้นเป็นตัวของตัวเอง มากกว่า…เสแสร้งทำเป็นตุ๊กตาที่ไม่รู้เรื่องอะไร”

ชีคหนุ่มขมวดคิ้ว...สังคมชนชั้นสูงมันน่าอึดอัดนัก ไม่ว่าที่ไหน ขนาดฟานเชสก้า ว่าที่น้องสะใภ้ของหนีออกจากบ้านบ่อยๆเพราะโดนเปรียบเทียบ...เค้าอดสะท้านใจไม่ได้ รีเบ็คก้ากำพร้าแม่มาตั้งแต่เด็ก ถูกเลี้ยงมาโดยคุณโรเจอร์ ผู้เป็นพ่อมาโดยตลอด เท่าที่สืบประวัติของหญิงสาว ก็รู้มาว่าเธอจะได้ติดตามพ่อไปต่างประเทศบ่อยๆ ยิ่งมารู้อะไรแบบนี้ก็อดสงสารเธอไม่ได้ เธอต่างจากน้องๆของเค้าที่สูญเสียพ่อ ท่านพ่อของเค้าแม้จะมีงานราชการรัดตัวแค่ไหน แต่ครอบครัวคือสิ่งสำคัญไม่แพ้ราษฎร ท่านจะหาเวลามาอยู่กับครอบครัวเสมอ ชีคหนุ่มส่ายหน้า ไล่ความคิดก่อนจะชวนคุยเรื่องอื่น

“คุณชอบที่นี่ไหม”

“ชอบค่ะ ดูร่มรื่นย์และสวยดี”

ชีคหนุ่มนึกถึงบางอย่างได้ “ที่นี่ ทำให้ผมนึกถึงเรื่องเล่า ที่ท่านพ่อมักจะเล่าให้พวกผมฟังเสมอๆ”

“เรื่องอะไรเหรอคะ”

“เรื่องเล่าของกษัตริย์ อารมัน ก่อนที่จะได้มาเป็นกษัตริย์น่ะสิครับ”

“งั้นเหรอคะ อันที่จริงชั้นก็เคยฟังแล้วนะคะ แต่เนื้อเรื่องดูรวบรัดไปนิดหนึ่ง”แถมตอนนั้นเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจภาษาของคนเล่าซักเท่าไหร่ ฟังดูเพี้ยนๆชอบกล

“งั้นผมเล่าแบบฉบับเต็มให้ฟัง เอามั้ยครับ”

“ดีเลยค่ะ”

  “ไปที่ศาลาตรงนั้นเถอะ แดดเริ่มแรงแล้ว”

ชีคจาดีน เดินนำหญิงสาวไปยังศาลาทำจากหินอ่อน สไตล์ยูโรปสีขาว ดูแล้วร่มรื่นย์

“ดื่มชาไปด้วยฟังตำนานไปด้วย ดีมั้ยครับ”

“เป็นความคิดที่ดีค่ะ ตอนนี้คอชักจะแห้งแล้ว”

ชีคแห่งคาลอส หันไปสั่งนางข้าหลวงที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้ไปนำน้ำชามาเสิร์ฟ เพียงห้านาที นางข้าหลวงนางนั้นก็กลับมาพร้อมนางข้าหลวงอีกสองที่ ถือชุดน้ำชาและของว่าง มาเสิร์ฟอย่างคล่องแคล่ว

นางข้าหลวงรินชาอันหอมกรุ่นใส่ถ้วยชา “ชานี้ คือชามะลิจากอินเดีย ส่วนของว่างเป็น บลูเบอรรี่พาย ทาร์ตมะม่วง และแซนด์วิซผลไม้ ค่ะ”

“ขอบใจ”

รีเบ็คก้า ยกถ้วยชามาดม ก่อนจะจิบชาไปจิบหนึ่ง “หอม และกลมกล่อมมาก ขนมก็น่าทานนะ”

นางข้าหลวงทั้งสาม ยิ้มรับ ก่อนจะถอนสายบัวเล็กน้อยแล้วเดินจากไป

“คุณชอบชาอะไรรึครับ”

เธอตอบความจริง“ชาเอิร์ลเกรย์ค่ะ”

“เหรอครับ”ก็นะ เธอเป็นคนอังกฤษนี่นา

“แต่ที่นี่ชงชาได้เยี่ยมจริงๆ รู้สึกผ่อนคลายมากเลย”

ชีคจาดีนยิ้มรับ เค้าอยากให้เธอรู้สึกว่ามาพักผ่อนมากกว่าถูกกักขัง ไม่อยากให้เธออุดอู้อยู่ในห้องสมุดมากนัก ตั้งแต่คราวที่เธอโดนยิงครั้งนั้น ถึงจะไม่เป็นอะไร แต่เค้าก็ห่วงอยู่ดี

“ชั้นพร้อมที่จะฟังนิทานแล้วค่ะ”

“งั้นเริ่มกันเลย เดิมที กษัตริย์อารมัน เป็นเพียงลูกชายของพ่อค้าที่มีฐานะปานกลางในกรีซ พ่อของท่านมักจะสอนเสมอว่าจงพอใจกับสิ่งที่มี ภูมิใจกับทรัพย์ที่ได้มาเอง วันหนึ่งท่านเกิดอยากออกเดินทางแสวงโชคอย่างที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งต้องการ จึงร่ำลาทุกคนในบ้านแล้วออกเดินทางไป

การเดินทางนั้น อารมันเลือกมาแถบตะวันออกกลาง เจออุปสรรคมากมายหลายอย่างจนแทบสิ้นเนื้อประดา เงินเหรียญสุดท้ายจึงพอซื้อเพียง ขนมปัง 1 ก้อน กับเบียร์ราคาถูกอีก1ขวด ขณะที่กำลังจะหาที่ดีๆกินอาหาร ก็มีชายชราร่างแคระคนหนึ่งตรงมาหา พร้อมขอแบ่งอาหารให้กินบ้าง อารมันก็ใจดีแบ่งส่วนของชายชรามากหน่อยโดยไม่บอกชายชรา เพราะถือว่าตนนั้นยังหนุ่มยังแข็งแรง”

“ดูท่า อารมันจะเป็นพวกทำดีปิดทองหลังพระนะคะ”

“ใช่ครับ ความดีไม่ต้องการผลตอบแทน เพราะสิ่งดีๆจะเกิดขึ้นกบผู้กระทำเอง นั่นคือสุภาษิตของประเทศนี้ครับ”

ชีคหนุ่มจิบชาพอแก้กระหายในขณะที่รีเบ็คก้า นำทาร์ตแสนอร่อยมากัดกิน ทาร์ตผลไม้ถือว่าเป็นของโปรดของเธอเลย

ชีคหนุ่มสังเกตว่า รีเบ็คก้ากินแต่ทาร์ตมะม่วง ไม่กินพายหรือแซนด์วิซผลไม้ “คุณชอบทาร์ตเหรอครับ”

“ค่ะ ทาร์ตผลไม้ชั้นชอบมาก มะม่วงนี่ถือว่าอร่อยมาก”

“เป็นพันธุ์เฉพาะของประเทศนี้เลยนะครับ”

“แบบนี้ น่าให้เชฟที่โรงแรมสวอนของชั้นนำไปทำในเมนูอาหารของโรงแรมสวอน นะคะ พี่เลโอพี่เลออนคงชอบ”

“เอ๋ พวกเค้าชอบของหวานเหรอครับ”

“ก็ส่วนหนึ่งค่ะ ก็ตระกูลดาเดนดี้ ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารนี่คะถ้านำมะม่วงชนิดนี้ไปทำขนม ลูกค้าคงจะชอบ”ว่าจบเธอก็หยิบทาร์ต อีกชิ้นมากัดกิน เพียงไม่กี่วิ เธอก็กลืนลงคอเรียบร้อยแล้ว”เล่าเรื่องกษัตริย์อารมัน ต่อเถอะค่ะ”

“ครับ ชายชรามองก้อนขนมปังกับเบียร์ก็หัวเราะ แล้วพูดว่า เจ้าเป็นคนมีน้ำใจ นึกถึงแต่คนอื่น ข้ามีเรื่องดีๆจะบอกเจ้านะ”

“เรื่องดีๆ?”

“ใช่ครับ สงสัยใช่มั้ยครับ ว่าอะไร”

“นี่ทำให้ชั้นนึกถึงนิทานหลายเรื่องเลย”

“ทำไมเหรอครับ”

“ในนิทานของยุโรปจะมีการเล่าถึงเรื่องคนแคระ ว่าพวกเค้าเป็นผู้วิเศษ หากเรามีน้ำใจกับพวกเค้า สิ่งดีๆจะเกิดกับเราค่ะ”

“เหรอครับ ผมว่าเรามาฟังต่อดีกว่านะครับ”

“ค่ะ เชิญเล่าต่อได้เลย”

“ชายแคระได้แนะนำให้ อารมัน ไปที่บ่อน้ำเก่าท้ายในตอนเที่ยงคืน ที่นั่นจะเห็นอีกาสามตัวเกาะอยู่บนขอบ แล้วให้หาก้อนหิน เขวี้ยงข้ามหัวพวกมันให้ลงบ่อ เจ้าอีกาสามตัวมันตกใจ จนพูดภาษามนุษย์ ตัวแรกจะบอกคำทำนายในอนาคตอันรุ่งโรจน์ ตัวที่สองจะบอกวิธีการที่จะทำให้ได้ความรุ่งโรจน์ ตัวที่สามจะเตือนให้รู้ถึงอุปสรรคที่ต้องเผชิญ อารมันขอบคุณคนแคระ ก่อนจะเดินทางไปยังบ่อน้ำเก่าท้ายเมืองตอนเที่ยงคืน ก็พบอีกาสามตัวตามที่ชายแคระบอก เค้าเลือกก้อนหินขนาดเหมาะมือเขวี้ยงไปลงในบ่อทันที เจ้าอีกาสามอุทานออกมาเป็นภาษามนุษย์ ตัวแรกพูดขึ้นว่า เจ้าคนปาหิน ผู้มากด้วยน้ำใจ จะได้เป็นราชา ผู้ยิ่งใหญ่ มั่งคั่งด้วยเหมืองเพชรและแร่ทอง อีกาตัวที่สองร้องว่า เจ้าคนปาหินจงเดินตามผีเสื้อสีฟ้าไป หากมันร่วงลงที่ไหน จงขุดดินนำสิ่งที่อยู่ใต้นั้นติดตัวไป และเทพเจ้าจะนำทาง เจ้าตัวที่สามร้องว่า เจ้าจะประสบเคราะห์จากผู้ร่วมทาง จงอย่าไว้ใจผู้ร่วมทาง...”

 ยังไม่ทันที่ชีคหนุ่มจะเล่าเรื่องต่อ เจเฟลาฟก็เข้ามารายงาน “ท่านจาดีน การประชุมขุนนางใกล้จะเริ่มแล้ว”

“จริงสิ ลืมเสียสนิท”ชีคหนุ่มหันไปหาหญิงสาวที่กำลังยกชาขึ้นจิบ

รีเบ็คก้ายิ้มหวาน“คราวหน้า ค่อยมาเล่าให้ชั้นฟังต่อนะคะ ชั้นจะรอฟัง”

ชีคหนุ่มแทบอยากจะยกเลิกงานประชุม แต่...”ครับ”

ร่างสูงสง่าจำใจต้องไปประชุมด้วยความรู้สึกเสียดาย อยากจะโดดงานมาคุยกับเธอต่อ

รีเบ็คก้ายกแก้วชาขึ้นจิบอีกครั้ง...ผีเสื้อเหรอ?...เธอนึกถึงพระราชวังที่เธอได้ไปทัวร์กับเจ้าหญิงมิเรน่า จำได้ว่าหน้าต่างกระจกหลากสีนั้น เกือบทั้งหมดจะมีรูปผีเสื้อ  “ทำงานต่อดีกว่า”

“ผมไปส่งนะครับ”เจเฟลาสเอ่ยอย่างเป็นมิตร

“คุณไม่ไปคุ้มครองท่านจาดีนล่ะคะ เจฟ”ด้วยความอยู่ในวังนาน เธอเองก็เริ่มสนิทกับองครักษ์ของเจ้าแผ่นดิน อย่างเจเฟลาสแต่เธอก็ขอเรียกเค้าว่าเจฟ

“ท่านจาดีนสั่งผมให้คุ้มครองคุณน่ะครับ”

“งั้นเหรอคะ”

“คุณจะไปทำงานที่ห้องสมุดต่อใช่มั้ยครับ”

“ค่ะ มีงานอีกมากที่ต้องสะสาง ถึงจะไม่อยู่อังกฤษแต่ชั้นก็จะบริหารงาน ไม่ให้ใครฮุ้บไปหรอก”

“ร้ายกาจ”

หญิงสาวหรี่ตา“คุณว่าชั้น?”

“ว่าบอกว่าใช่ อย่าต่อยผมนะ”

“ฮ่าๆ ชั้นไม่ฟิวล์ขาดง่ายขนาดนั้นหรอกค่ะ งั้นเราไปที่ห้องสมุดกัน”

องครักษ์หนุ่มเดินตามหลังหงส์น้อยจากอังกฤษไป ระหว่างทางทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยกันสักประโยค องครักษ์ผิวเข้มครุ่นคิด...มีข่าวอะไรเลย นอกจากหมู่บ้านแมงป่องดำถูกทำลาย...

“มีเรื่องเครียดเหรอคะ”

“เอ่อ...”เธอรู้ได้ยังไง

รีเบ็คก้าหันหลังกลับมามองจ้องตาเค้าอย่างสงสัย “ปกติคุณจะนิ่ง เงียบ แต่ชั้นได้ยินเสียงเหมือนคนกัดฟัน เลยหันมาดู”

“เอ่อ...มันติดเป็นนิสัยผมแล้วล่ะครับ เวลาผมเครียดจะชอบกัดฟัน”

“บางที การตั้งรับอย่างเดียวก็ทำให้ฝ่ายเรากังวลซะเปล่าๆ”

องครักษผิวเข้มยิ้มก่อนจะมองหญิงสาวที่เดินนำเค้า...คุณโรเจอร์ สวอน เคยมาที่นี่เมื่อสามปีก่อน คราวนี้ลูกสาวมาที่นี่ รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลยจริงๆ กลัวว่าอันตรายอาจจะเกิดกับรีเบ็คก้า...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา