นางพญาปิศาจจิ้งจอก

8.0

เขียนโดย จิ้งจอกมายา

วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 12.18 น.

  21 ตอน
  11 วิจารณ์
  25.85K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 16.59 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) ตอนที่ 6 ปิศาจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 6 ปิศาจ

 

“โอ๊ย!!” นางจิ้งจอกร้องลั่นเมื่อลุกขึ้นยืนและเกือบล้ม แต่ใช้หางทั้งเจ็ดพยุงตัวไว้

“เป็นอะไร” นาคในร่างมนุษย์ถามมาจากเตียงที่หักและพัง

“ทำไมข้ายืนไม่ไหวเนี่ย” นางจิ้งจอกพูดอย่างหัวเสียหลังจากพยายามยืนขึ้นแต่ก็ไม่เป็นผล อีกฝ่ายหัวเราะลั่นแล้วกล่าวทั้งเสียงหัวเราะ

“เจ้าทำท่าทางเหมือนมนุษย์ที่ข้าเคย -- ” จู่ๆหางทั้งเจ็ดก็ระดมตบตีนาคนั้น ผู้ซึ่งยกมือขึ้นมาป้องกันตัวไว้ “พอแล้วๆ ข้าขอโทษๆ”

“โทษฐานที่เจ้าทำให้ข้าเจ็บนะยะ” นางจิ้งจอกรัวหางตบทั้งๆที่ลอยอยู่ในอากาศ

“อย่าตีสิ พอแล้วๆ เดี๋ยวขนหางร่วงหมดนะ” นางจิ้งจอกหยุดทันที แต่ก็ตบส่งท้ายหนึ่งทีในตอนที่นาคหนุ่มเผลอ

“มาๆนั่งคุยกันดีๆ” นาคหนุ่มบอกและตบๆเตียงที่พังยับให้เรียบขึ้นแต่ก็ไม่เกิดประโยชน์ นางจิ้งจอกขดหางและนั่งลงบนหางนั้นอย่างนุ่มนวล ก่อนจะสำรวจหางฟูๆของตัวเอง

 

“เจ้าทำข้าขนาดนี้ถ้าข้าท้องจะทำยังไงยะ” จำได้นะยะ เพราะพ่อกับแม่ข้าทำอย่างนี้

“เจ้าจะท้องได้ยังไง เจ้าเป็นปิศาจนะ” ต๊าย หัวเราะลั่น ไร้ความเป็นผู้ดีซะจริง

“ถ้าปิศาจให้กำเนิดลูกไม่ได้ แล้วเจ้ากับข้าเกิดขึ้นมาได้ไงยะ”

“อ๋อ ปิศาจน่ะเกิดได้สามแบบคือ หนึ่งเกิดจากการเป็นสัตว์ที่บำเพ็ญตบะแก่กล้า แต่ข้าไม่ใช่นะบอกซะก่อน ข้าน่ะเชื้อเทพ” แต่การกระทำปิศาจนะยะ “แต่ถ้าหลุดพ้นจากความเป็นสัตว์ไปเป็นปิศาจก็ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตไม่ได้แล้ว แบบที่สอง -- ”

“โอ๊ย รำคาญย่ะ” ฟาดหางใส่เลย นี่แน่ะๆ ฮิ ฮิ

“พอแล้วๆ” อ๊ะทำเป็นผุดลุก นึกว่ากลัวรึไง แน่ะเดินหนีอีก

“จะไปไหนยะ”

“นี่ เอ้าใส่ซะ” ว้าย โยนเสื้อผ้าใส่ผู้หญิงแบบนี้ มารยาททรามซะจริง

“ทำไมข้าต้องใส่ยะ” ข้ามองเสื้อผ้าที่เคยเป็นของแม่ข้า -- ต๊าย หรู

“ก็ปลอมตัวเป็นมนุษย์แล้วไปจากที่นี่น่ะสิ เล่นกินมนุษย์หมดทั้งนครแบบนี้ เดี๋ยวพวกฤๅษีชีพราหมณ์แก่วิชาก็มาหาเรื่องหรอก” ไอ้ที่มันกินเกือบหมดคือเจ้านะยะ “แล้ว – เจ้าจะไปกับข้าไหม”

“ไม่ไปย่ะ”

“งั้นเหรอ” แน่ะ ทำหน้าเศร้านะยะ ฮิ ฮิ ฮิ

“ข้าว่าจะไปหลบที่ไกลๆหน่อยอาจจะเป็นเกาะสักที่แล้วค่อยๆบำเพ็ญเพิ่มเศียรเป็นแปดเศียร”

“แปลกนะ ข้าเห็นแต่นาคอย่างพวกเจ้าจะเป็นห้าหัว เจ็ดหัว เก้าหัวไม่ใช่เหรอยะ”

“เขาเรียกเศียรต่างหาก และเศียรยิ่งเยอะยิ่งมีฤทธิ์มาก แต่เผ่านาคเราไม่นิยมเพิ่มเศียรเป็นเลขคู่หรอก”

“ทำไมยะ” เรื่องมากนะเนี่ย

“เพราะจะไม่รู้น่ะสิว่าหัวไหนเป็นหัวหน้าน่ะสิ เพราะฉะนั้นเราจึงบำเพ็ญแล้วข้ามขั้นเอาทีเดียว แต่ข้าน่ะไม่เรื่องมากหรอกบำเพ็ญข้ามขั้นน่ะ ยากและเสียเวลา ถ้าจะเพิ่มเศียรให้เยอะๆทีเดียว --” พูดมากจริงนะยะ ฟาดหางใส่เลยนี่แน่ะๆ

“เจ้าก็คล้ายๆกับข้านั่นแหละ ฤทธิ์ของเจ้าอยู่ที่หางของเจ้านะ”

“แล้วไงยะ”

“เจ้าไม่อยากเพิ่มหางสวยๆของเจ้าเยอะๆรึไง”

ข้ามองหางฟูๆของตัวเองแล้วส่ายไปมา -- น่าร๊ากกกกกกกกกกกก นั่นสินะ เพิ่มให้เยอะๆก็น่าสนใจอยู่

“วิธีที่จะเพิ่มหางของเจ้าก็อยู่ที่การที่เจ้าจะเสพไอบุญของมนุษย์ว่ามากน้อยแค่ไหน แต่มนุษย์บางคนเนี่ยกินแล้วมีฤทธิ์เพิ่มขึ้นมากกว่ากินเป็นพันเป็นหมื่นคนเสียอีก”

“ใครล่ะยะ” ข้าส่ายหางดุ๊กดิ๊ก และฟังไปด้วย

“ส่วนมากก็พวกกษัตริย์ กับพวกนักบวชน่ะนะ แต่การจะเข้าถึงคนพวกนี้ต้องรู้หนทางให้ดีก่อน เพราะถ้าเข้าไปทื่อๆก็อาจจะโดนฆ่าตายได้ อย่างวันนี้ข้าก็รอมานานมาก วันที่ราศีเมืองตกแบบนี้ประจวบกับพระนางตาลจีจะคลอดพอดี ข้าเลยอาศัยแผนการบวกกับดวงเข้าช่วยทำให้ข้าไม่ต้องเจ็บปวดเปลืองเนื้อเปลืองตัวเลยเห็นไหม อยู่ดีๆข้าก็มีฤทธิ์เพิ่มสบายๆ ถ้าเจ้าไปกับข้า -- ”

                พล่ามอย่างกับคนแก่ ตีเลยนี่แน่ะๆ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ

                “นี่เจ้าไม่คิดจะไปกับข้าหน่อยเหรอ ถ้าเจ้าไปกับข้าหางฟูๆนุ่มๆของเจ้าจะเพิ่มขึ้นง่ายๆเลยนะ”

                “ไม่” ล่ะย่ะ

                “ – ข้ารักเจ้านะ”

                “อะไรนะยะ”

                “ข้ารักเจ้า -- ” ว่าไงนะยะ “ข้าไม่เคยรู้สึกกับมนุษย์หรือปิศาจอย่างนี้มาก่อน ข้ารักเจ้าเพราะฉะนั้นไปกับข้าเถอะนะ”

                “เจ้าท่าจะกินมนุษย์มากไปนะยะ”

                “เจ้ารู้ใช่ไหมว่า ความรักมันเป็นยังไง”

                “ข้ารู้” – แต่ไม่เข้าใจ

                ถ้าแค่กอดกันเฉยๆ ใครๆก็ทำได้แต่ข้ารู้สึกว่าระหว่างพ่อกับแม่ข้ามันมีอะไรมากกว่านั้น ชิ พ่อกับแม่ก็โดนกินไปซะแล้วจะถามจากใครล่ะยะเนี่ย

                “แต่ข้า ไม่รักเจ้า เพราะฉะนั้นทางใครทางมันย่ะ” แล้วข้าก็หัวเราะเสียงแหลมสูง

                “งั้นเหรอ” ต๊าย หง็อยเชียวน่าสงสารนะยะ

                “แต่อยู่กับเจ้าก็เพลินดี ไว้คราวหลังมารักกันอีกละกันย่ะ -- ถ้าเจอกันนะ” ร่าเริงขึ้นทันตาเลยนะยะ

                “แล้วเจ้าจะไปที่ไหนล่ะ” น่าแกล้งซะจริงเชียว

                “ข้าจะเดินไปเรื่อยๆย่ะ” อืม กลิ่นหอมๆลอยมาจากทางนู้นนะยะ “อาจจะทางนั้นมั้ง”

                “เจ้าอย่าบอกว่าจะตามกลิ่นหอมๆนั่นไปนะ ทางนั้นอันตรายกว่าชมพูทวีปเยอะเลยนะ”

                “แล้วที่นั่นเรียกว่าอะไรยะ”

                “แดนมังกรไงล่ะ” หน็อย ทำหน้าตาอวดรู้ “ญาติห่างๆของเผ่าข้าเอง อย่าไปทำให้พวกมังกรโกรธเชียวล่ะ”

                “งั้นก็ลาทีล่ะย่ะ”

                “เดี๋ยว ซ่อนหางด้วย”

                ต๊าย เกือบลืม อ่ะ หอมแก้มให้รางวัลซะหน่อย – แหวะ คาวปลา

 

                นครสินธุร้างผู้คนในบัดนั้น แม้เหล่าฤๅษีชีพราหมณ์จะเข้ามาสำรวจตรวจสอบ จับยามสามตามองเหตุการณ์ในอดีตก็มองไม่เห็นเพราะเหตุอาเพศเป็นกำบัง เหล่ากษัตริย์เจ้านครต่างๆก็ขับรบแก่งแย่งนครเปล่านั้น นางจิ้งจอกตาลจีจึงหนีได้โดยสะดวก เพราะอำพรางเหตุแห่งสงครามในการหลบหนี นางจิ้งจอกเดินทางตรงไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือเรื่อยๆ

                ช่างน่าแปลกที่ภัยพิบัติต่างๆนาๆเกิดขึ้นเรี่ยรายตามทางไปยังแผ่นดินใหญ่ ผู้คนล้มตายกันมากมาย แต่กระนั้นก็มิอาจหยุดยั้งมนุษย์ให้ก้าวเดินต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นหนทางแห่งสันติสุขหรือหายนะ

               

                ณ แผ่นดินใหญ่ ประเทศฮัวเห่ (จีนโบราณ)

                ทั่วโลกอาจกล่าวได้ว่า เมื่อมีสันติสุขย่อมมีสงคราม หลังจากสงครามก็ก่อเกิดสันติสุขหมุนเวียนกันเป็นวัฏจักรแห่งชีวิต ปลายราชวงศ์ซาง จึงเป็นยุคสงครามที่บรรดาขุนศึกตั้งตนเป็นใหญ่และอ้างความชอบธรรมตามพระปรมาภิไธยของพระจักรพรรดิ กลืนกินบรรดาหัวเมืองต่างๆขยับขยายอำนาจ บีบบังคับราษฎรส่งภาษีและเกณฑ์พลเป็นทหารกันทุกหัวเมือง

                กระนั้นก็ตามขุนศึกที่เห็นอกเห็นใจอาณาประชาราษฎร์ก็ยังคงมีอยู่ และเล็งเห็นว่าบ้านเมืองขณะนี้เป็นยุคเข็ญจึงซ่องสุมกำลังเพื่อเตรียมล้างผลาญกังฉินที่ทำร้ายทำลายประชาชนเช่นกัน แม้ว่าเหล่าจอมยุทธ์จะผันตัวมารับใช้ราชสำนักบ้างแล้วก็ตาม แต่บรรดานักพรตก็ยังคงปลีกวิเวกเพื่อปฏิบัติธรรมตามวิถีแห่งเซียน เพราะยังคงยึดคติที่ว่า เมื่อมีสันติสุขย่อมมีสงคราม หลังจากสงครามก็ก่อเกิดสันติสุข

                ความเชื่อนั้นจะเป็นจริง หากไม่มีปิศาจตนหนึ่งเดินทางเข้าสู่แผ่นดินใหญ่นั้น

                ปิศาจจิ้งจอกในนามของตาลจี ออกเดินทางเข้าสู่แผ่นดินใหญ่ นางจิ้งจอกได้กลิ่นหอมหวนอบอวนไปทั่วแผ่นดินนี้ ช่างน่าแปลกที่ถึงแม้นางจะไปทางใด ภัยพิบัติก็จะเกิดขึ้นตาม แต่ทว่านางจิ้งจอกไม่เคยกัดกินมนุษย์เลย เว้นไว้แต่มื้อแรกของวันที่นางเกิดเท่านั้น

                และนางจิ้งจอกก็มิได้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ใดๆ คงเดินทางในรูปร่างของสาวน้อยรูปงามหุ่นสะโอดสะอง และแต่งกายในชุดงามหรูตามแบบของชาวชมพูทวีป และยังคงออกเดินทางด้วยการเดินเท้า แน่นอนว่านางนั้นเป็นที่สะดุดตาของชาวแผ่นดินใหญ่เป็นอย่างมาก

                ในวันหนึ่งนางก็ถูกทักด้วยชายหนุ่มหลายคนซึ่งแต่งตัวปิดหน้าปิดตา ก่อนจะฉุดคร่านางปิศาจไปสู่รังโจรนั้น นางปิศาจสับสนเพราะไม่รู้จักภาษาที่มนุษย์ใช้กันจึงนั่งมองสถานการณ์ด้วยความสนใจใคร่รู้

 

                ต๊ายยยยยย ตาย อะไรกันเนี่ย มนุษย์ตัวเหม็นยั้วเยี้ย อาบน้ำกันบ้างรึเปล่าเนี่ย

                ว๊าย อีตาคนนั้นที่นั่งอยู่บนเกาะอี้ลายเก๋ๆนั้นกลิ่นหอมดีนะเนี่ย หน้าตาก็น่ารัก ถึงจะน่ารักไม่เท่าหางของข้าก็เถอะ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ

เอ๊ะ โวยวาย อะไรกันเนี่ย พูดภาษาอะไรกันยะ แล้วข้าจะรู้เรื่องได้ไง อะไรจ้งๆ เจ้งๆ ก็ไม่รู้

ว้าย มาแตะเนื้อต้องตัวข้าทำไมล่ะเนี่ย อีตานี่ -- อี๋ ดูหนวดสิ สวยสู้พ่อของข้าก็ไม่ได้ แหวะ รุงรังเชียว

เอ๊ะ ฉุดข้าอีกละ เอ้าๆ ไปก็ไป

ว้าย!! อีตาหนวดนี่ลากข้าเข้าพุ่มไม้ทำไมเนี่ย แหวะเหม็นปาก พูดอะไร ฮูหยินๆ อยู่นั่นแหละ

ว้ายตาเถร!! ถอดเสื้อถอดผ้าทำไมยะ

อ๋อ สงสัยว่าคงอยากจะรักกับข้าล่ะมั้ง ข้าก้มลงมองตัวเอง รูปร่างหน้าตาของแม่ข้ามันดูดีนี่นะ -- แหวะ กับอีตานี่คงไม่ไหว ข้าอยากไปรักกับพ่อหนุ่มที่นั่งบนเก้าอี้ลายเก๋ๆนั่นมากกว่านะยะเนี่ย

“งั่ม” ว่าแล้วข้าก็กัดหัวและกลืนลงไปทั้งอย่างนั้น

“แหวะ” เกือบสำลักแน่ะ อี๋ รสชาติไม่ได้เรื่อง เทียบกับแม่ข้าไม่ติดเลย อี๋ ความรู้สึกมันๆของอีตานี่ตอนเข้ามาในหัวข้ามันน่าขยะแขยงน่าดูเลย ข้าต้องยืนเงียบๆให้ข้อมูลไหลผ่านในหัวอย่างสะอิดสะเอียน

อ๋อ ที่แท้ก็ทะเลาะกันเรื่องแย่งข้าเป็นเมียกันเหรอยะ เพิ่งจะเข้าใจ -- เอาล่ะ ข้าเข้าใจภาษาของพวกเจ้าแล้ว แต่ไหนๆก็ไหนๆ ขอไปรักกับหัวหน้าโจร จ้งเปียนดีกว่าย่ะ พ่อหนุ่มคนนั้นตัวหอมน่าดู เอ หรือว่าจะเป็นไอบุญที่เจ้างูเขียวพูดถึง

“อ้าว แม่นาง” แหวะ อีตานี่ เพื่อนของคนที่ข้ากัดหัวคนเมื่อกี้นี่นา ความทรงจำบอกข้าว่ามันจะรักกับข้าคนต่อไปหลังจาก เจ้าหนวดเมื่อกี้เป็นรักกับข้าแล้ว “เจ้าเอี๋ยนย่ง อยู่ไหนล่ะหรือว่าเสร็จแล้ว – งั้นดี มานี่เลย”

ต๊ายยยยย นอกจากอีตานี่แล้วยังเหลือพวกหื่นกามจ้องตาเป็นมันอีกเพียบเลย แหวะ นี่คิดจะรักข้าทุกคนเลยเหรอยะ

ชิ แบบนี้เสียเวลาแย่เลย ข้าสะบัดแขน และรีบวิ่งไปซบ อีตาจ้งเปียนบนที่นั่งลายเก๋ เอ – หนังเสือใช่ไหมยะ

“แม่นาง นี่เจ้า -- ” ต๊าย ทำหน้าตาน่าหยิกเหลือเกินนะยะ

“เรียกข้าตาลจีเถอะค่ะ” เอ้า ทำเสียงออดอ้อนเล็กน้อย วุ๊ย ตาข้าเยิ้มพอไหมยะเนี่ย

“ต๋าจีเหรอ”

“ตาลจีค่ะ”

“ต๋าจี?” เออ -- ต๋าจี ก็ต๋าจี

“ต๋าจีค่ะ” ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ แหม หัวใจเต้นแร๊งแรงนะยะ น่าควักออกมาดูจริงเชียว

“ได้ไง พี่จ้ง พี่ให้นางเป็นนางบำเรอพวกเราแล้วนะ” ชิ อีตาพวกลูกน้องจะประท้วงทำไมยะ ข้ากำลังสนุกอยู่เชียว “เมียพี่จ้ง ก็มีแล้วตั้งสองคน พี่จ้งจะเอาเปรียบพวกเราเหรอ” ต๊ายยยยย หนุ่มเจ้าชู้

“พวกเจ้ากล้าหือกับข้าหรือ” ว้าย มาดเท่ “ใครกล้า ออกมาเลย กระบี่ข้ากำลังหิวเลือดพอดี” อู้ว เถื่อนได้ใจ

ดูซิ ลูกน้องก้มหน้ากันงุดๆ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ สมน้ำหน้า

“มาทางนี้สิ ต๋าจี” อุ๊ย หอบหายใจแร๊งแรง ลากข้าเข้าห้องเข้าหับจะไปทำอะไรยะ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ

 

“พี่จ้งๆ” เสียงของบรรดาโจรลูกน้องเรียกร้องพลางทุบประตูรัวๆ จ้งเปียนหงุดหงิดเพราะกำลังเพลิดเพลินกับเมียใหม่

“มีอะไร” จ้งเปียนตะโกนร้องถามจากบนเตียง ไม่ยอมผละจากอ้อมกอดของสาวน้อยต๋าจี

“พี่เอี๋ยน ตายแล้วพี่!!” ลูกน้องตะโกนกลับ “พี่เอี๋ยนโดนกัดคอขาด – นังนั่นมันเป็นปิศาจ!!”

จ้งเปียนตกตะลึง เมื่อพวกลูกน้องพังประตูเข้ามาได้พร้อมอาวุธครบมือ และแบกร่างไร้ศีรษะที่เขาจำได้ว่าเป็นลูกน้องคนสำคัญ จ้งเปียนค่อยๆหันกลับมามองสาวน้อยต๋าจีที่อยู่ในอ้อมกอด และสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นรอยยิ้มของนาง

 

ต๊าย หดหมดเลย

“พี่จ้ง ถอยออกมา” อุ้ยตายว้ายกรี๊ด ผู้ชายอะไร้ ถือมีดถือดาบจะรุมทำร้ายสาวน้อยตอนโป๊ๆยะ

อุ้ย ลืมเก็บหาง

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

แหม ไม่อดทนซะเลยแค่โดนหางของข้าฟาดนิดฟาดหน่อยตัวขาดกระเด็นเลยเหรอยะ แต่เอ๊ะ ตกแต่งแบบนี้ก็สวยดีนะเนี่ย เดี๋ยวพาพี่จ้งมารักกันในห้องนี้ต่อดีกว่า แขนขากระจายแถมเลือดนองเต็มพื้นอย่างนี้ได้บรรยากาศดีอย่าบอกใคร ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ

เอ๊ะ หมดแล้วเหรอเนี่ย อ๋อ นั่นไง พี่จ้งรูปหล่อคุกคู้เปื้อนเลือดที่มุมนั้นไง

“ไม่มีใครมาขัดแล้วนะ มาต่อกันสิยะ” ต๊าย ตัวสั่นดิ๊กๆ น่ารักจัง “มาสิ ข้าไม่ทำร้ายพี่จ้งหรอกนะ” ข้าส่ายหางดุ๊กดิ๊ก และอุ้มพี่จ้งขึ้นมาหอม กรี๊ด กลิ่นตอนนี้ทำไมมันหอมจัง

“งั่ม”

“อ๊ากกกกกกกก”

ว้าย นี่ข้าเผลอตัวกัดซอกคอเหรอยะเนี่ย เอ้าๆ เลียเลือดให้..... วุ้ย – อร่อย!!

อ้าว – ตาเหลือกซะแล้วเหรอยะ ไม่อดทนซะเลย

“อ้ำ” แหมมมม นี่สินะที่เขาว่ารักกันปานจะกลืนกิน – แต่ข้าก็กลืนกินจริงๆนะเนี่ย ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ

ทั้งตัวพี่จ้งเนี่ยอร่อยจริงๆนะยะ อร่อยกว่าอีตาหนวดนั่นตั้งเยอะเลย ความรู้สึกมันๆซ่านๆไหลไปทั้งร่างแบบนี้ อา มีความสุขจัง

เอ๊ะ แสงอะไร ข้าก้มลงมองที่ก้นของตัวเอง

อ๊ายยยยยยยย นี่หางของข้าเพิ่มขึ้นแล้ว ว๊ายยยยยยยยยย

ข้ากอดรัดฟัดดิ้นหางฟูๆอันใหม่อย่างดีใจ มันทั้งนุ่มและฟูจนอดใจไม่ไหว ข้ากลิ้งไปรอบๆห้องที่เจิ่งนองไปด้วยเลือดนั้น อา ขนฟูๆของข้าที่ชุ่มไปด้วยเลือดช่างสวยงามเหลือจะกล่าวจริงๆ

“หยุดนะเจ้าปิศาจจิ้งจอก” ใครยะ

อ๋อ ข้ารู้จากมันสมองของพี่จ้งแล้ว อีตานี่คือนักพรตที่อยู่หลังเขานี่เอง แน่ะ แปะยันต์ไว้รอบบ้านเลย

“แกหนีไม่รอดแล้ว แกต้องโดนข้าฆ่าตายที่นี่แหละ ดีที่ลูกน้องโจรหนีไปบอกข้าทัน ไม่งั้นเจ้าคงหนีลอยนวลไปแล้ว” ว้าย มารยาททราม เอากระบี่ชี้หน้าสาวน้อยอย่างข้าได้ไงยะ

ว่าแล้วข้าก็เดินไปและจะออกจากห้อง ข้ายื่นมือไปหานักพรตนั่น เอ – กลิ่นก็หอมดีนะถึงจะเทียบพี่จ้ง.... อะไรนั่น ไม่ได้ก็เถอะ

 

เปรี้ยง!!

 

ว้าย ผิวอันแสนบอบบางของข้าไหม้หมดเลยนะยะ อีตานักพรตบ้า ดูสิมือข้าหมดสวยเลย เดี๋ยวเถอะย่ะ เดี๋ยวสวย

 

เปรี้ยง!! ตูม!!  ตูมมมมมมมม!!!!!!!!!!!

 

นางปิศาจปล่อยสายฟ้าผ่าใส่นักพรต แต่มันก็ไม่อาจออกพ้นประตูไปได้ นักพรตบริกรรมคาถาและฟันกระบี่กลางอากาศ บ้านก็ค่อยๆยุบและบีบอัดเข้าไปหานางจิ้งจอกเรื่อยๆ แต่ทว่านางปิศาจไม่มีท่าทีหวาดกลัวแต่อย่างใด นางแสยะยิ้มและพูดด้วยเสียงอ่อนหวานว่า

“ท่านนักพรต ปล่อยข้าไปเถอะ ข้าสำนึกแล้ว ข้าจะไม่กินคนอีกแล้ว”

“ไม่ได้ เพราะเจ้ากินจ้งเปียนไปแล้ว ความผิดเจ้าหนักหนานัก เพราะจ้งเปียนเป็นเชื้อพระวงศ์ซึ่งในอนาคตจะได้ครองราชบัลลังก์ฝ่ายใต้ เจ้าทำลายลิขิตสวรรค์ไปแล้ว เจ้าต้องรับโทษ”

“ก็ข้าถูกฉุดมาก่อนนี่นา ข้าก็แค่ป้องกันตัว” นางจิ้งจอกพูดด้วยเสียงเศร้าน่าเห็นใจ

จู่ๆบ้านก็หยุดหดตัว “เห็นใจข้าเถอะ ท่านนักพรต”  นักพรตหยุดร่ายเวทย์ “ข้าสำนึกแล้ว” นักพรตมือตกไปข้างตัวตาจ้องไปยังนางจิ้งจอกอย่างเหม่อลอย “ท่านจะปล่อยข้าไป” น้ำเสียงของนางปิศาจก้องกังวานแต่เป็นเสียงนุ่มนวลและสำเนียงก็ไพเราะ

ทันใดนั้นเอง กระบี่ของนักพรตก็เปล่งแสง นักพรตสะดุ้งสุดตัวและยกกระบี่ขึ้นฟันในอากาศต่อบ้านก็เริ่มหดอีกครั้ง “เจ้าปิศาจ” นักพรตกัดฟันพูด “เจ้าใช้มนต์สะกดกับข้าหรือ แต่ไม่ได้ผลหรอก กระบี่เจ็ดดาวในมือข้าป้องกันมนต์สะกดได้” นักพรตบริกรรมคาถาต่อไป บ้านก็หดลงเรื่อยๆจนสูงไม่ถึงห้าก้าวแล้ว

 

ชิ เกือบไปแล้วเชียว รอดตัวเพราะมีของนะยะเนี่ย

เอาเถอะ ไม่อยากใช้ไม้นี้ก็จริง แต่ช่วยไมได้ล่ะนะยะ บ้านหดมาเกือบจะบีบตัวข้าอยู่แล้ว

 

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

 

นางปิศาจจิ้งจอกกรีดร้องเสียงดังกึกก้อง นักพรตปิดหูไม่ทันก็สมองแตกล้มลงและดิ้นตาย ในบริเวณนั้นทุกคนก็ทนเสียงกรีดร้องดังสนั่นไม่ไหว ล้มลงดิ้นตาย เลือดไหลออกหูกันสิ้นทุกคน

 

เป็นไงยะเสียงแปดหลอดของข้า – ว่าแต่ ไอ้ยันต์พวกนี้หมดฤทธิ์รึยังเนี่ย

 

เปรี้ยง!!

 

ต๊ายยยย ของเขาดีจริ๊งงงงงง ลองไอ้นี่ดูสิจะดีอยู่ไหม นี่แน่ะ

 

โครม!!

 

เฮ้อ เสียดายเตียงเปื้อนเลือดจัง แต่เอาเถอะ ข้าออกมาได้แล้วย่ะ

เบร่ -- สมน้ำหน้า นักพรตงี่เง่า ไหนๆก็ไหนๆมาให้กินซะดีๆ

“อ้าว” ข้าทำจมูกฟุดฟิด “ไม่เห็นจะหอมเลย”

อ๋อ จำได้แล้ว เจ้างูเขียวบอกว่าถ้าตายแล้วกินก็ไม่มีประโยชน์นี่นา ว้า อดเลย

ยังไงๆก็ไปก่อนดีกว่า ขี้เกียจเล่นกับพวกนักพรตอีก – ไปหาเสื้อผ้าสวยๆใส่ดีกว่า ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา