[Fan Service Project] Little Fox & Mr.Wolf [Yaoi]

-

เขียนโดย windcity

วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 00.45 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,338 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 09.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) Chapter #1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตื่นเถิดวัวควาย อย่าหลับใหลลุ่มหลง...

 

เสียงเพลงโบราณที่ถูกทำให้เสียหายด้วยเสียงทุ้มต่ำอันคุ้นเคยดังก้องขึ้นในโสตประสาทให้ผมรู้สึกตัวตื่น แต่ก็ยังสะลึมสะลือและรู้สึกขี้เกียจมากเกินกว่าจะลืมตาขึ้นมามองหน้าคนที่พยายามปลุก

 

“โหย กูแหกปากร้องเพลงขนาดนี้แล้วยังไม่ตื่นอีกเหรอวะ...” มันบ่นงึมงำๆ แล้วเดินมานั่งที่เตียงผมอย่างแรงทำให้สปริงเด้งจนผมสั่นไปทั้งตัวก่อนจะเริ่มเขย่าตัวผมอย่างแรง

 

“สัสแฮม! ตื่นได้แล้ว!! ไหนบอกจะไปกินขนมกับกูไง ไหนมึงสัญญาแล้วไง!”

 

“อื้ออ กูรู้แล้วน่า อีกแป๊บนะ” ผมพลิกตัวหนีอย่างไม่ใยดี

 

“รู้กับพี่มึงสิ นี่มันจะเที่ยงแล้ว กูหิว! มึงเข้าใจมั้ย กูหิววว!” ไอ้มิกกี้มันเล่นตะโกนอยู่ข้างหูผมเลยครับ

 

ทำแบบนั้นคิดว่าผมจะตื่นเหรอ... ฝันไปเหอะ อยู่กันมาขนาดนี้แล้วทำไมไม่รู้จักจำซะบ้าง ผมมุดเข้าไปใต้หมอนแล้วนอนต่ออย่างไม่เกรงใจ

 

“ทำไมมึงทำตัวแบบนี้! มึงเห็นการนอนสำคัญกว่ากูได้ไง! เมื่อคืนกูบอกแล้วให้มึงนอนก็ไม่เชื่อกู มัวแต่เล่นเกมอยู่ได้ แล้วมาบ่นง่วงๆ” มิกกี้ยังคงเขย่าตัวผมสลับกับกระชากผ้าห่มพร้อมกับบ่นอะไรงุ้งงิ้งๆ ไปด้วย เวลามันบ่นบางทีนี่ผมก็นึกว่าผมมีแม่สองคน คือมันขี้บ่นไม่สมกับความหล่อบนหน้ามันเลยครับ หน้าแม่งโคตรจะเป็นผู้ชายเรียบร้อย อ่อนโยน ใจดี แต่แค่ตัดผมผิดทรงจนดูแว๊นไปหน่อยเท่านั้นเอง -_-

 

“ก็กูง่วงนอนนี่นา...” ผมส่งเสียงอู้อี้ลอดผ่านหมอนออกมา

 

“ไปกับกูเลยนะ! ลุกเดี๋ยวนี้!!” มันกระชากหมอนผมแล้วเริ่มจิกทึ้งผ้าห่มผมสุดแรง แต่ผมดึงผ้าห่มม้วนตัวจนดูเหมือนเป็นแยมโรลเพื่อยุติการโจมตีของมันได้ทันท่วงที

 

“โอย... มึงก็ไปชวนเหมยลี่กับแบมสิ”

 

“มึงละเมอฝุ่นรึไง? ป่านนี้สองคนนั้นมันไปรอมึงกับกูจนกินหมดร้านไปแล้วมั้ง!”

 

อ่าวเรอะ... เออ ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เรามีนัดกันนี่หว่า นัดฉลองครบแสนไลค์แชนแนลในยูทูป อ่า... รู้สึกผิดจังที่ยังเอาแต่นอน

 

คือมันพยายามปลุกผมแบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้ว ตั้งแต่มันตื่น มันอาบน้ำเสร็จ มันกินของจุกจิกแทนข้าวเช้าจนอิ่ม จนถึงขั้นเล่นเกมรอผม ผมก็รู้สึกตัวอยู่บ้างนะ แต่สุดท้ายแล้วผมก็ยังคงนอนอยู่เหมือนเดิม

 

“อือๆ กูขออีก 5 นาทีนะ”

 

ตอนแรกผมง่วงจริงๆ หรอกนะ เพราะมันเช้ามากเกินไปสำหรับผม แต่ตอนนี้ผมอยากแกล้งไอ้มิกกี้มันมากกว่า

 

“กูไม่ให้!!” หลังพูดจบ มิกกี้ก็ทำอะไรไม่รู้บนเตียงผม ทำเอาเตียงยวบยาบๆ สั่นไปหมด ผมเริ่มมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก

 

“ถ้ามึงยังไม่ลุกก็ตายยยยย!!”

 

“เฮ้ย!” ผมลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง เป็นจังหวะที่เพื่อนร่วมห้องกำลังตั้งท่าจะโถมตัวลงมาบนตัวผม ผมไหวตัวทันก็เลยกลิ้งหลบไปยังด้านตรงข้าม ไปขัดขามันพอดีทำให้ร่างสูงพลาดท่าล้มลงบนเตียง แต่เพราะมันล้มใกล้ขอบเตียงมากไปหน่อยก็เลยไถลหน้าทิ่มลงไปบนพื้นอย่างแรง

 

“แอ๊กกก!”

 

เท่านั้นแหละ... จากง่วงๆ อยู่นี่ผมตื่นเลยครับ ตาสว่างเหมือนเปิดไฟนีออนเลยทีเดียว

 

“ก๊ากกกกก!! ไอ้มิก เป็นไรป่าววะ? มีอะไรตรงหักป่าว?” ผมพูดไปหัวเราะไป รู้สึกท้องไส้เกร็งจนหายใจเข้าแทบไม่ทัน

 

มิกกี้พลิกตัวลุกขึ้นนั่ง ลูบหัวลูบคางตัวเองป้อยๆ พลางมองค้อนผมอย่างคับแค้นใจ

 

“มึงจำไว้เลยนะ! กูจะไม่เล่นกับมึงอีกแล้ว! เลว!”

 

“โอ๋ๆๆ กูตื่นแล้วไง ป่ะๆ ไปกินขนมกันนะ” ผมขยับตัวไปลูบหัวปลอบใจคนตัวสูงทั้งๆ ที่ยังไม่หยุดขำ มันสะบัดมือผมออก เบ้ปากหันหน้าหนี พอเห็นมันงอนผมก็พยายามกลั้นหัวเราะแต่ภาพตอนมันแลนด์ดิ้งลงพื้นอย่างสวยงามยังติดตาอยู่ทำให้ผมเผลอหลุดขำออกมาอีกครั้ง

 

“ไม่ต้องมายุ่งกับกูเลย!”

 

“โอ๋ อย่างอนน่า เดี๋ยวกูเลี้ยงขนมมึงนะครับนะ”

 

มิกกี้เงียบไปเสี้ยววินาทีก่อนจะเหลือบตามองผมเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงเบาๆ

 

“...รีบๆ ไปอาบน้ำเลยมึงอ่ะ เร็วๆ ด้วย!”

 

“ครับๆ กูลุกเดี๋ยวนี้แล้วครับ”

 

แต่ก่อนที่ผมจะก้าวขาลงจากเตียง เสียงประตูห้องผมก็เปิดออกตามมาด้วยเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังตามมา

 

“พวกมึงทำบ้าอะไรกันอยู่วะ?”

 

สาวน้อยเจ้าของเสียงเล็กๆ นี้เดินเข้ามาในห้องโดยมีเพื่อนสาวคู่ขาคนสนิทเดินตามเข้ามาติดๆ ทั้งสองคนมองหน้าพวกผมอย่างประหลาดใจก่อนที่รอยยิ้มแปลกประหลาดจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกมัน

 

“ระ...หรือว่า กูมาขัดจังหวะอะไร...” สาวน้อยร่างเล็กหน้าละม้ายคล้ายตุ๊กตาพูดติดๆ ขัดๆ พลางทำตาโตขณะเอามือทาบอกคล้ายๆ พวกนักแสดงละครเวทีเขาทำกัน แม่คุณเอ๊ย! มาถึงก็เล่นกูทันทีเลยนะ

 

“แบม! มึงหยุดคิดเดี๋ยวนี้เลยนะ กูไม่ได้ทำอะไร” ผมรีบพูดทันที เห็นท่าทางแบบนั้นผมล่ะอยากเอาหมอนข้างทรงหมีรีลัคคุมะปาใส่หน้ามันจริงๆ ให้ตายสิ -_-

 

“แฮม มึงอาจจะไม่ได้ทำ แต่ไอ้มิกกี้...” เหมยลี่พูดขึ้นแล้วแสยะยิ้มจนผมขนลุกไปทั้งตัว

 

มิกกี้มันแค่นั่งบนพื้นแล้วหันหน้าเข้าหาผมก็แค่นั้นเอง พวกมันมโนไปถึงไหนแล้วเนี่ย! เหนื่อยใจจริง มีเพื่อนเป็นสาววาย

 

“พอๆๆ นี่พวกมึงจะปล่อยผีนักมโนให้ออกจากตัวซักวันสองวันไม่ได้หรือไง ปล่อยให้พวกกูได้อยู่อย่างสงบสุขมั่งได้มั้ย” คราวนี้มิกกี้เป็นฝ่ายขัดขึ้นมาบ้าง จากนั้นมันก็ลุกขึ้นนั่งลงบนเตียงผม สองสาวหัวเราะหึๆ ในลำคอแล้วเริ่มหาที่นั่งให้ตัวเองความเคยชิน

 

เนื่องจากห้องผมค่อนข้างเล็ก แบบว่าแค่สองคนก็เดินชนกันจะแย่แล้ว นี่ล่อเข้าไปสี่ อย่าว่าแต่ที่นั่งเลย ที่ยืนยังไม่ค่อยจะมีเลยครับ ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ขยันมาเล่นห้องผมกันเหลือเกิน

 

นับตั้งแต่ผมย้ายเข้ามาห้องนี้ไม่เคยเงียบเลยก็ว่าได้ หรือถ้าจะให้พูดอีกอย่างก็คือตลอดเวลาที่ผ่านมาชีวิตอันสงบสุขของนีทอย่างมิกกี้ก็พังทลายยับเยินลงด้วยน้ำมือของผมและสองสาวตัวยุ่งจนกลายมาเป็นอย่างปัจจุบัน

 

“กูนึกว่าพวกมึงจะไปรอที่ร้านซะอีก” มิกกี้ถามขึ้นขณะเพื่อนทั้งสองหยิบนู่นจับนี่อย่างซุกซน

 

“ก็พวกกูกะไว้แล้วว่าแฮมแม่งยังไม่ตื่นเลยขึ้นมารอนี่ก่อน ไหนจะต้องรอมันอาบน้ำอีกเป็นชั่วโมง  ถ้ารีบไปรอที่ร้านกูว่าโดนป้าเอาครกฟาดหน้าแน่ๆ อ่ะ” เหมยลี่เป็นคนตอบ

 

“แหม กูก็ไม่ได้อาบนานอะไรขนาดนั้น” ผมแก้ตัวขณะลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่บนฝาตู้เสื้อผ้าที่ตั้งอยู่ติดกับเตียงนอน พอผมลุกปุ๊บ ไอ้เหมยลี่ก็ยึดเตียงผมปั๊บ แถมยังนอนแผ่สบายใจอย่างไม่เกรงใจผู้ชายสองคนผู้เป็นเจ้าของห้องเลยแม้แต่น้อย

 

“เฮอะ! กูยังจำตอนไปเขาใหญ่ได้ พวกกูผู้หญิงสี่คนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแต่มึงยังไม่เสร็จเนี่ยนะ มันเรียกไม่นานยังไงวะ”

 

“เวอร์ๆ พวกมึงอ่ะซกมก วิ่งผ่านน้ำแบบนั้นมันจะสะอาดอะไรวะ”

 

“เออๆ มึงรีบๆ ไปอาบน้ำได้ละ เถียงกันอยู่ได้ กูหิว” มิกกี้ถีบก้นผมเบาๆ ผมก็เลยสะบัดหน้าเดินเข้าห้องน้ำไป

 

จริงๆ นะ ผมไม่ได้อาบนานซะหน่อย!

 

“เออมึง กูจะฟ้อง ไอ้แฮมมันลืมนัดด้วยแหละ”

 

อ่าว ไอ้มิกกี้... เม้าท์กันเผาขนแบบนี้เลยเรอะ -_- ผมไม่ได้ลืมซะหน่อย ตอนนั้นผมยังตื่นไม่เต็มที่ สมองยังไม่ทำงานเฉยๆ เท่านั้นเอง

 

“เออ ลืมนัดไม่พอยังให้พวกกูรออีก ให้สตรีรอนานไม่แมนเลยนะมึงเนี่ยะ!” เสียงของแบมดังทะลุผ่านช่องที่ประตูห้องน้ำมาทำเอาผมที่แปรงฟันอยู่แทบสำลักยาสีฟัน

 

“พวกมึงยังกล้าเรียกตัวเองว่าสตรีได้อีกนะ! กูล่ะอายแทน!”

 

“ไม่ต้องอายแทนกูหรอกค่ะที่รัก มึงหยุดแปรงฟันแล้วไปอาบน้ำฝักบัวได้แล้วนะคะ แค่แปรงฟันเฉยๆ นี่มันก็ปาไป 5 นาทีแล้วนะ ระวังฟันมันจะกร่อนเอานะคะที่รัก”

 

“ครับๆ” สิ้นคำของแบม ผมก็เลิกแปรงฟันแล้วหันไปเปิดฝักบัวแทน ผมก็จำไม่ได้หรอกนะว่าไปเป็นที่รักมันตอนไหน แต่ที่รู้คือผมคือเสปคของพวกมันเป๊ะๆ มันกับเหมยลี่ก็เลยตกลงกันว่าจะควงผมสลับวันคี่วันคู่ ซึ่งผมก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงเลยปล่อยเลยตามเลย

 

สองคนนี้เป็นเพื่อนผมตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆ ตอนแรกเห็นผมล่ะนึกว่าพวกมันจะเป็นคนเรียบร้อย คนหนึ่งก็มาดสาวหมวยคุณหนูไฮโซลูกสาวเจ้าของรีสอร์ท อีกคนก็เป็นสาวน้อยร่างเล็กดูน่าทนุถนอมลูกสาวเจ้าของสวนผลไม้หลายสิบไร่ซักที่ในภาคเหนือ ไม่ว่าจะดูมุมไหนก็เป็นสตรีที่มีอารยธรรมสุดๆ แต่นั่นมันคือสิ่งที่คนทั่วไปเรียกกันว่า ‘การสร้างภาพพจน์’ ล่ะมั้งครับ

 

แรกๆ นี่ผมลำบากใจมาก วางตัวลำบากเหลือเกิน แบบว่ากลัวทำอะไรเกรียนๆ ใส่แล้วเธอจะตกใจไม่กล้าเข้าใกล้ผม มาตอนนี้ผมล่ะอายเหลือเกินที่เคยคิดอะไรแบบนั้น

 

ขอบอกไว้เลยว่าเมื่อคุณได้สัมผัสกับธาตุแท้ที่ถูกซ่อนไว้ของพวกเธอ คุณจะไม่สามารถมองพวกเธอเป็นสตรีในรูปแบบที่คิดไว้ตอนแรกได้อีกต่อไป

 

เริ่มจากสิ่งที่ทำให้เราสนิทกันได้อย่างรวดเร็วนั่นคือเกมออนไลน์...

 

ไม่ว่าจะเอ่ยชื่อเกมไหนมา พวกมันรู้จักหมดครับ เล่นมาหมดทุกเกม ไม่ต่างอะไรกับผมเลย ที่เล่นๆ กันอยู่นี่เผลอแป๊บเดียวพวกมันก็เลเวลแซงจนผมเล่นตามแทบไม่ทัน ไม่ใช่แค่นั้นยังแถมความเกรียนแบบที่ผมไม่เคยกล้าทำมาก่อน ถ้าเรื่องเกมนี่ผมยกให้คุณเหมยลี่ครับ อาชีพหลักของมันคือแม่พระผู้กุมชะตาชีวิตของคนในปาร์ตี้เอาไว้ คือถ้ามันโมโหใครมันจะไม่ฮีลครับ ปล่อยให้ตายไปทั้งอย่างงั้น ไม่ชุบชีวิตให้ด้วย แถมนางเป็นเลิศในการแย่งชิงมอนสเตอร์คนอื่นแถมหนีไปอย่างไร้ร่องรอยอีกต่างหาก

 

 ส่วนคุณแบมนี่ผมยกให้เรื่องการด่าเลยครับ ตัวเล็กก็จริงแต่ทรงพลังมาก  ทรงพลังในเรื่องการบ่นและการด่า... นางด่าได้ทุกเรื่อง เช้ายันเย็น ร้อนก็ด่า หนาวก็ด่า รถติดไม่ติดมันก็ด่าครับ ด่าจนผมไม่รู้ว่านี่มันด่าหรือมันพูดเฉยๆ เรียกได้ว่าตัวเล็กอย่างมีคุณภาพครับ

 

ไม่ว่าจะไปที่ไหนพวกมันก็สร้างเรื่องเกรียนๆ ทิ้งเอาไว้เสมอ วีรกรรมมันเยอะจนผมจำไม่หวัดไม่ไหว ที่พูดมามันแค่เกริ่นนำครับ ยังมีอีกเยอะครับ เอาไว้ค่อยๆ เล่าดีกว่า...

 

ส่วนไอ้มิกกี้นี่ผมก็เพิ่งมารู้จักก็ตอนเข้าหอนี่แหละ มันเรียนอยู่คนละคณะกับพวกผม ตอนเข้ามาใหม่ๆ มันเล่นคอมทั้งวัน ไม่ทำงานก็เล่นเกม ไอ้นี่เรียกสั้นๆ ว่าเป็นนีทครับ เป็นพวกไร้แรงจูงใจในการใช้ชีวิต

 

อยู่กับมันช่วงแรกๆ ผมโคตรหนักใจเลยครับ ห้องนี่เงียบเป็นป่าช้า คุยกันแบบนับคำได้ เรื่องที่จะพูดก็แบบจะไปเซเว่นเอาอะไรมั้ย หรือกินข้าวยัง หรือเรียนเสร็จแล้วเหรอ นอนแล้ว ไปก่อนนะ อะไรประมาณนั้น ส่วนใหญ่มันก็อยู่หน้าคอมมัน ผมก็อยู่หน้าคอมผม บรรยากาศมันอึดอัดแบบไม่ได้ตั้งใจ ไม่มีหรอกครับไอ้โมเม้นแบบที่ว่ากระโดดทับให้ผมตื่นเนี่ย ที่เป็นอย่างทุกวันนี้ได้ก็ต้องนับว่าเป็นความโชคดีที่ผมมีคนอย่างเหมยลี่กับแบมเป็นเพื่อนครับ เพราะพวกมันมาช่วยสานสัมพันธ์ฉันรูมเมทของผมด้วยการบุกมาถล่มห้องผมโดยไม่แคร์ว่ารูมเมทผมจะโอเคมั้ยจน

 

ผมยังจำวันที่เหมยลี่กับแบมบุกห้องผมวันแรกได้เป็นอย่างดี ทั้งๆ ที่เพิ่งเจอเป็นครั้งแรก แต่พวกมันรุกไล่จนมิกกี้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว ตอนนั้นมิกกี้ก็ติ๋มๆ ไม่กล้าพูดจาหยาบคายใส่ผู้หญิงหรอกครับ แต่พอได้เล่นเกมด้วยกันบ่อยๆ เท่านั้นแหละ แม่มสนิทกันไวกว่าจรวดบินอีกครับ นี่รู้จักกันแค่ปีเดียวแต่สนิทกันอย่างกะเป็นเพื่อนสมัยอนุบาล ผมเองก็ได้ผลพลอยได้ไปด้วย ตอนนี้คงกลายเป็นห้องที่หนวกหูที่สุดของหอไปแล้วมั้ง

 

“มึงหยุดสครับผิวได้แล้วนะ จะบ่ายโมงละ” รอบนี้เป็นเสียงของเหมยลี่ดังลอดเข้ามา

 

นี่มันรู้ได้ไงว่าผมกำลังขัดตัวอยู่ มึงจะรู้ดีมากเกินไปแล้วนะ!

 

“กูจะเสร็จแล้วน่า”

 

“อ้อหรา... งั้นพวกกูจะลงไปจองที่ก่อน คงว่างแล้วมั้ง มึงลงไปพร้อมมิกกี้แล้วกันนะ”

 

“เออๆ”

 

ผมได้ยินเสียงเปิดประตู จากนั้นก็มีเสียงแบมดังตามมา

 

“พวกมึงอย่าทำกันนานล่ะ กูหิวแล้ว”

 

“สลัด!” ผมกับมิกกี้พูดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ถึงคนพูดจะปิดประตูหนีไปแล้ว แต่ผมมั่นใจว่าถ้อยคำสุดท้ายของพวกผมส่งไปถึงพวกมันอย่างแน่นอน เสียงหัวเราะของสองคนนั้นก็ค่อยๆ เบาลงจนเงียบหายไป

 

อ่า... ผมได้อาบน้ำอย่างสงบสุขเสียที

 

---------------------------------

 

เวลาบ่ายโมงกว่าๆ ผมกับมิกกี้ก็เดินมาถึงที่ร้านอาหารที่นัดกันไว้

 

“กว่าจะมาได้นะพวกมึง ไข่เค็มแม่มจะฟักเป็นตัวละ” เหมยลี่พูดขึ้นทันทีที่เห็นหน้าผม ดูเหมือนอาหารที่วางบนโต๊ะเพิ่งมาแบบสดๆ ร้อนๆ มันคงเผื่อเวลารอพวกผมเดินมาไว้เรียบร้อยแล้ว ถึงจะบอกว่ามาเลี้ยงฉลองแต่เราก็ไม่ได้กินอะไรหรูหราไปมากกว่าข้าวเหนียวส้มตำร้านเจ๊โหด

 

“แหม ก็มันไกล” ผมบ่นอุบอิบแล้วดึงเก้าอี้มานั่ง แล้วเริ่มจ้วงส้มตำไข่เค็มอาหารจานโปรดของผม

 

ร้านส้มตำของพวกผมเป็นร้านห้องแถวอยู่ลึกสุดในตลาด ป้าเจ้าของร้านแกชื่อกุหลาบ แต่เพราะแกชอบทำหน้าเหมือนบูลด็อกตกมันอยู่ตลอดเวลา ก็เลยได้ฉายาเจ๊โหดมา ถึงอย่างนั้นส้มตำไก่ย่างลาบน้ำตกฝีมือป้าแกนี่โคตรอร่อยเลยครับ

 

ถึงมหาวิทยาลัยของผมจะไม่ได้อยู่ในกรุงเทพ ไม่มีห้างใหญ่โตกับของกินหรูหราราคาแพง แต่รอบๆ หอพักของมหาวิทยาลัยก็อุดมสมบูรณ์พอสมควร มีตลาด มีร้านอาหาร  คือถ้าไม่เรื่องมากก็อยู่ได้ไม่มีปัญหา

 

หลังจากที่พวกผมเผด็จศึกกับร้านส้มตำเสร็จ เราก็มาต่อกันที่ร้านขนมหวานใกล้กับหอพัก เป็นร้านห้องแถวเล็กๆ ที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ค่อนข้างมีชื่อเสียงมากทีเดียวในหมู่นักศึกษา

 

ปกติผมก็ไม่ได้ชอบกินของหวานอะไรมากมาย แต่ไอ้สามคนที่ยืนตาวาวอยู่หน้าตู้ไอศกรีมเนี่ยสิ ชอบลากผมให้มากินด้วยเหลือเกิน

 

 “ตามสัญญาๆ” มิกกี้กระซิบแล้วสะกิดแขนผมยิกๆ สายตามันจับจ้องอยู่ที่ไอศกรีมไม่ต่างอะไรกับอีกสองสาวที่ยืนกรี๊ดกร๊าดอยู่ข้างๆ กัน

 

ไอ้หอยนี่ ยังจะมาย้ำอีก -_-^

 

“เออ! กูรู้หน้าที่น่า! มึงเลือกไปเลยนะ”

 

“อ่าว แล้วมึงไม่กินเหรอ”

 

“ก็กินกับมึงไง”

 

“งั้นบราวนี่ย์เหมือนเดิมนะ”

 

“อือ เลือกรสมาเลย กูกินอะไรก็ได้” ว่าแล้วผมก็เดินมานั่งที่โต๊ะด้านในสุดของร้านซึ่งมีเก้าอี้เป็นโซฟาติดกับกำแพง

 

ตอนนี้ในร้านโล่งโจ้งไร้ซึ่งผู้คน เพราะมันเลยเวลาอาหารกลางวันมาแล้ว ทำให้พวกผมนั่งกันอย่างสบายใจเฉิบราวกับเป็นเจ้าของร้าน

 

ไม่นานนักพี่สาวคนสวยก็ยกเมนูเด็ดประจำร้านมาเสิร์ฟที่โต๊ะของเรา

 

ตรงหน้าผมคือคุ้กกี้อบจากเตาร้อนๆ ที่โปะหน้าด้วยไอศกรีมสองลูกจัดวางอย่างสวยงามบนกะทะเชฟลอนเล็กๆ น่ารัก ผมหยิบช้อนแล้วกำลังจะจิ้มลงบนไอศกรีมช็อคโกแลต แต่จู่ๆ แบมก็ตีมือผมแล้วค้อนใส่

 

“นั่นของพวกกู ของมึงอ่ะอันโน้น”

 

“อ้าว? ไอ้มิก มึงเลือกอะไรมา”

 

“สตรอเบอร์รี่ชีสเค้กกับบลูเบอร์รี่” มิกกี้ตักไอศกรีมสีม่วงอ่อนเข้าปากแล้วทำหน้าเคลิบเคลิ้มแบบว่าอร่อยชื่นใจสุดๆ

 

เชี่ย... เดี๋ยวนะ -______- ทำไมมึงไม่เลือกรสที่มันดูสมชายมากกว่านี้หน่อยฟระ... แล้วไม่ใช่อะไร คือคุ้กกี้บราวนี่ย์ที่ด้านในเป็นไส้ช็อคโกแลตไหลเยิ้มขนาดนี้ แต่มันกลับสั่งเบอร์รี่เปรี้ยวๆ มากินด้วยกันเนี่ยนะ ฮือวว์ มันเข้ากันมากเลย!!

 

ผมไม่กล้าบ่นออกไปแม้แต่คำเดียว มันเป็นความผิดผม... ผมผิดเองที่ปล่อยให้มันเลือกรส ผมผิดเองงง!

 

“เออนี่ พวกกูมีอะไรจะให้ด้วยแหละ เป็นของขวัญครบแสนไลค์ให้พวกมึง” แบมพูดแล้วหยิบแฟ้มปกอ่อนสีชมพูหวานแหววยื่นให้ผม

 

ในแฟ้มมีกระดาษอยู่ปึกนึง ดูผิวเผินเหมือนชีทที่ใช้เรียน แต่ตัวหนังสือมันเล็กมากจนผมมองไม่เห็น ถ้าไม่เอามาใกล้ๆ ตาก็คงอ่านไม่ออก

 

“อะไรวะๆ” มิกกี้ยื่นหน้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผมเลยยื่นให้มันไปดู

 

“ลองอ่านดูดิ”

 

“โหย มึงใช้ฟอนท์เท่าไหร่วะเนี่ย ตัวแค่นี้ใครจะมองเห็น”

 

“เอาน่า แล้วมึงจะขอบคุณกูที่กูใช้ตัวเล็ก” เหมยลี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย

 

ผมกับมิกกี้มองหน้ากันอย่างงุนงง ก่อนที่มิกกี้จะเปิดแผ่นกระดาษไปมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในขณะที่ผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ไม่รู้ว่าจะโดนสองสาวตัวแสบรังแกอะไรอีก เมื่อไม่กี่วันก่อนมันก็สร้างเพจเฟสบุ๊คจับผู้ชายมาจิ้นวายอะไรของพวกมันก็ไม่รู้ แต่ที่รู้มันมีจุดประสงค์บางอย่างเกี่ยวกับพวกผมอย่างแน่นอน

 

“ท...ทำอะไรของนายน่ะ” จู่ๆ มิกกี้ก็พูดขึ้นเบาๆ ผมสะดุ้งหันไปมองหน้ามันด้วยความตกใจ

 

“กูไม่ได้ทำไร...”

 

“เปล่า กูอ่านตามในนี้”

 

เชี่ย! แล้วมึงจะเสียงกระเส่าทำไมวะ -___-

 

“เอ่อ... เราหนาวน่ะแฮม... ร่างสูงเขยิบรุกไล่คนข้างๆ ไปเรื่อยๆ แม้ว่าคนตัวเล็กจะอยากถอยหนี แต่ก็ไม่เหลือที่เพียงพอที่จะขยับอีกแล้ว... เชี่ยๆๆ ขนลุก ไม่อ่านละ” มิกกี้พูดแล้วโยนปึกกระดาษลงบนโต๊ะพลางทำหน้าเหมือนได้กลิ่นหนูตาย แต่มันไม่จบแค่นั้นเมื่อไอ้แบมคว้าเอาไปอ่านต่อ

 

“มา กูอ่านให้ฟัง”

 

“พอแล้ววววว” ผมโอดครวญท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตายของสองสาวที่นั่งฝั่งตรงข้าม พยายามคว้าเอากระดาษในมือไอ้แบมมา แต่มันเอี้ยวตัวหลบแล้วรีบอ่านต่อทันที

 

“...พอเถอะ เดี๋ยวเพื่อนรู้... แฮมผลักมิกกี้เบาๆ เป็นโอกาสให้ร่างสูงฉกฉวยมือเล็กนั้นไปกุมไว้ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา... ก็ให้มันรู้กันไปเลยสิ...” มันอ่านตามเนื้อเรื่องไม่พอ ยังดัดเสียงเป็นผมสลับกับเสียงมิกกี้อีกต่างหาก

 

“รู้ว่าเรารักนายไง!!” แบมกับเหมยลี่พูดขึ้นมาพร้อมกันแล้วก็หัวเราะออกมา นี่ถ้าลงไปกลิ้งที่พื้นได้คงทำไปแล้ว

 

“รักเชี่ยยยยอะไรล่ะ!! พวกมึงคิดอะไรอยู่เนี่ย!! น่ากลัว!” ผมแทบจะร้องไห้น้ำตาไหลเป็นสี่ทาง ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเพื่อนที่เห็นหน้ากันทุกวันจะทำแบบนี้กับผมได้ลงคอ ไอ้มิกกี้ก็ทำหน้าละเหี่ยใจไม่แพ้กัน แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี ยังดีที่มันใช้ตัวอักษรเล็กทำให้ดูไม่น่าอ่าน ถ้ามันใช้ตัวใหญ่อ่านง่ายนะ... วางตรงไหนผมก็เสียหายตรงนั้นเลยครับ T^T

 

“กูเคยบอกแล้วไงว่าจะแต่งฟิคพวกมึง” แบมพูดทั้งที่ยังหัวเราะอยู่

 

“ก็ไม่คิดว่ามึงจะเอาจริงขนาดนี้...” มิกกี้พึมพำ

 

“มึงว่ามันโอเคมะ รับได้เนอะๆ” เหมยลี่ถามขณะเก็บสิ่งที่พวกมันเรียกว่าฟิคกลับลงแฟ้มไปเหมือนเดิม

 

“รับได้กับผีสิ! นี่มึงทำร้ายกันขนาดนี้ยังจะมีหน้ามาถามว่ากูรับได้อีกเหรอ!”

 

“โหยมึง นี่ถ้าขายได้นะ รวยเละเลยนะเว้ย!”

 

“ใช้เพื่อนเป็นเครื่องมือหากินชัดๆ เลยพวกมึงอ่ะ”

 

“บ้า กูแบ่งกำไรให้พวกมึงด้วย ถือว่าเป็นค่าจ้างละกัน”

 

“ไม่เอ๊า! T^T” ผมร้องเสียงหลง ค่างจงค่าจ้างอะไร แบบนี้ผมไม่อาววววว! แค่อยู่เฉยๆ ผมก็โดนผู้ชายวิ่งไล่ตามอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หน้าตาผมมันก็คนธรรมดา ไม่รู้ชอบใจอะไรผมนักหนา ปกติแบมกับเหมยลี่จะร่วมมือกันคอยกีดกันให้ นึกว่ามันจะเห็นใจผม ไม่ใช่เลย! ไอ้เพื่อนทรยศ!!

 

“ไม่เอาไม่ได้แล้วแหละ คือพวกกูลงเนตไปซักพักแล้ว และมันก็กำลังได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม เหลือแค่แต่งจบแล้วพิมพ์ขายแค่นั้นเอง”

 

นี่ไอ้นิยายน่าขนลุกนั่นมันถูกโพสลงเนตไปแล้วงั้นเรอะ! มิน่าล่ะพักนี้ถึงได้มีเม้นแปลกๆ โผล่มาเยอะกว่าเดิม ไอ้เมะๆ เคะๆ ที่อยู่ในคอมเม้นพวกนั้นคงจะหมายถึงเรื่องพวกนี้เองสินะ

 

“ไอ้มิก มึงพูดอะไรบ้างดิว๊า” ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากคนข้างๆ ที่ปล่อยให้ผมเถียงอยู่คนเดียวมานานแสนนาน มันทำท่าครุ่นคิดก่อนจะหันมาตอบด้วยเสียงนิ่งๆ

 

“ก็... ถือว่าเป็นการโปรโมทตัวพวกเราไปละกัน...”

 

เอ๊า! ทำไมมึงว่าง่ายอย่างนี้ล่ะ!! =[]=

 

“ใช่ๆๆ สิ่งที่พวกมึงต้องทำก็คือตั้งใจทำคลิปลงยูทูปต่อไป จะมุ้งมิ้งกันแบบตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่พวกมึงเลย ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกกูเอง โฮะๆๆ” เหมยลี่ทำหน้าอย่างผู้มีชัย ก่อนที่สองสาวจะประสานเสียงหัวเราะชั่วร้ายลั่นร้านอย่างไม่เกรงใจ

 

แค่เสี้ยวหนึ่งของเรื่องผมก็ขนตูดลุกขนาดนี้แล้ว ถ้าเรื่องของพวกมันไปไกลกว่านี้จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวผมบ้าง ผมไม่อยากจะคิดเลย... ลางไม่ดีอีกแล้ววว!!

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา