ล็อกหัวใจไว้รักเธอ

8.0

เขียนโดย ไปรมาร์

วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 17.00 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,700 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2557 17.25 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตอนที่ 2 คนหน้าตาดีไม่มีวันเข้าใจ (2)(100%)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

** อย่าลืมกดไลค์ กดโหวต กดเม้นท์ เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะเจ้าคะ **

 

 

          “กรี๊ด! ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า! มีสิทธิ์อะไรมากอดฉันแบบนี้ ปล่อยฉัน!” มัลลิการ้องโวยวายและดิ้นสุดแรงเกิดเพื่อให้เขาปล่อยเธอและด้วยแรงดิ้นของหญิงสาวนั้นทำให้เขาและเธอล้มลงไปบนพื้นหญ้าด้วยกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ แก้มนวลเนียนของมัลลิกากระแทกลงบนริมฝีปากของร่างสูงอย่างแรงจนหญิงสาวรู้สึกได้ว่าเหล็กดัดฟันของเขามันขูดแก้มเธอ...

          ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็กรูกันเข้ามาเพื่อถ่ายรูปและมุงดู... หลายวินาทีกว่าที่มัลลิกาจะตั้งสติได้และลุกขึ้นจากตัวของชายหนุ่มรุ่นพี่ เมธัชที่เพิ่งลุกจากโต๊ะผ่าฝูงชนเข้ามาเพื่อดูอาการน้องสาวนั้นนิ่งไปเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าหยดน้ำใสๆ ไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวยของมัลลิกา

          “เมล...” เมธัชเอื้อนเอ่ยขึ้นท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทา “เฮ้ย! เลิกถ่ายกันได้แล้ว พวกมึงไม่มีสอบกันหรือไงวะ” ทุกคนรู้กิตติศัพท์ของเมธัชเรื่องความห่ามและความเลวไร้ที่ติซึ่งตรงข้ามกับหน้าตาเขาอย่างไม่น่าให้อภัย จึงไม่มีใครกล้าทำอะไรอีกและแยกย้ายกันไป แต่ก็ไม่วายซุบซิบนินทากันให้ได้ยิน

          “เพราะพี่คนเดียว...” มัลลิกาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย ขณะที่เพื่อนสาวทั้งสามคนเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างหลังเธอ

          “แกล้งเล่นนิดๆ หน่อยๆ เองน่า” เมธัชพูดหน้านิ่วคิ้วขมวด มัลลิกาจึงละสายตาจากใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายและหันมาเผชิญหน้ากับอีกคนที่ยืนปัดหญ้าออกจากแขนเสื้อนักศึกษาสีขาวที่ตอนนี้กลายเป็นสีน้ำตาลเพราะเปื้อนดินไปแล้ว

          “เลิกยุ่งกับฉันสักที ฉันขอร้อง มีผู้หญิงตั้งมากมายในมอนี้ เมืองนี้ ประเทศนี้ จะชอบใครก็ไปชอบสิแต่อย่ามาชอบฉัน ไม่ต้องมาชอบฉัน! ได้ยินไหม! ฉันเกลียดพี่ แม้แต่ชื่อพี่ฉันก็ไม่อยากได้ยิน! หน้าพี่ฉันยังไม่อยากจะมองเลย ฉันเกลียดทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับพี่ได้ยินไหม!” มัลลิกาพูดและเข้าไปผลักแผงอกของร่างสูงเต็มแรง เสียงสะอื้นไห้ของเธอดังไปทั่วบริเวณโรงอาหารที่เงียบลงอย่างฉับพลัน

          “.....” ชายหนุ่มไม่ตอบโต้อะไรออกมา เพียงแค่มองใบหน้าของหญิงสาวผู้เป็นที่รักผ่านทางกรอบแว่นตาหนาเตอะรูปทรงกลม

          “ทุกครั้งที่พี่ไปติวหนังสือกับพี่มาร์ชที่บ้าน ฉันแทบจะไม่อยากอยู่ในบ้าน ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากร่วมวงเสวนาด้วย ฉันไม่อยากได้ยินชื่อพี่ ไม่อยากได้ยินอะไรเกี่ยวกับผู้ชายเห่ยๆ อย่างพี่ ของขวัญที่พี่ซื้อมาให้ทุกอย่างฉันแทบจะไม่อยากจับมันถ้าไม่เห็นแก่พี่มาร์ช ฉันรังเกียจได้ยินไหม” มัลลิกาพูดด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น

          “เฮ้ย พอเถอะแก...” สุนทราภรณ์เข้ามากระตุกมือของมัลลิกาเบาๆ

          “ปล่อย” มัลลิกาดึงมือออกจากการเกาะกุมของเพื่อนสาว “ฟังไว้นะ ฟังให้ชัดๆ ถ้าพูดภาษาไทยแล้วยังไม่เข้าใจ จะให้พูดภาษาอะไรบอกมาได้เลย อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี หรือสเปน รีเควสมา... ฉันเกลียดพี่พี่ต้น ได้ยินไหม พี่มันเฉิ่ม ไอ้การที่พี่มาชอบฉัน มาหลงใหลฉัน เพ้อถึงฉันใน Facebook ทำอะไรประเจิดประเจ้อให้ฉันในวันเกิด วันวาเลนไทน์หรือวันอะไรอะที่มันสำคัญๆ ที่คนรักเขาทำกัน ฉันอายได้ยินไหม ฉันเกลียดพี่ พี่ทำให้ฉันรู้สึกอับอายขายขี้หน้าคนทั้งมหาวิทยาลัย!” มัลลิกาพูดขณะที่น้ำตาหยดแล้วหยดเล่ายังคงไหลรินออกมาไม่ขาดสาย

          “รู้อะไรไหม? ที่นี่เป็นมหา’ลัยในฝันของฉัน... และพี่ทำให้ฉันไม่อยากเรียนที่นี่อีกต่อไปแล้ว” หญิงสาวพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองใครอีกเลย

          “เมล! รอด้วย!” ซาร่าพูดขึ้นก่อนจะรีบวิ่งตามเพื่อนสนิทไปทั้งที่หอบของพะรุงพะรัง

          “เป็นไงล่ะพี่มาร์ช เล่นอะไรไม่เล่น” ก๊อตจิพูดและเดินตามซาร่าไปอีกคน

          “ขอโทษแทนเมลด้วยนะคะพี่ต้น” สุนทราภรณ์หันมาเอ่ยกับชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนนิ่งไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำแม้ว่าจะโดนเพื่อนเธอต่อว่าแค่ไหนก็ตาม... มันอาจจะกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับพี่เขาแล้วก็เป็นได้ เพราะเริ่มชอบมัลลิกาตั้งแต่ปีหนึ่งจนตอนนี้ปีสามแล้ว ทุกๆ อย่างก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

          ในขณะที่ทุกคนทยอยกันขึ้นตึกไปเตรียมตัวเข้าห้องสอบกันหมดแล้ว เหลือเพียงแค่สองเพื่อนซี้ที่ยังนั่งนิ่งกันอยู่ที่โรงอาหารใต้ตึกเหมือนเมื่อหลายนาทีก่อน

          “ฉันขอโทษว่ะ ที่ทำให้ยัยเมลไม่ชอบขี้หน้าแกมากกว่าเดิมอีก” เมธัชพูด เพราะเขาเป็นคนเข้า Facebook น้องสาวและไปตั้งสถานะขึ้นคบกัน แล้วก็มีคนตัดต่อภาพและครอปภาพสถานะความสัมพันธ์แชร์กันไปทั่ว

          “ความจริงน้องฉันมันก็พูดเกินไปนะเว้ย แกก็ไม่ได้ขี้เหล่อะไรมาก แค่สิวเห่อตั้งแต่ตอนรับน้องตอนปีหนึ่งไม่ยอมหายไปจากหน้าสักที แล้วผิดเหรอวะที่เกิดมาฟันเหยินเนี่ย ตอนนี้ก็ดัดแล้วมันยังไม่เข้ารูปแค่นั้นเอง หุ่นก็หุ่นนายแบบหุ่นนักกีฬา ผิวก็ขาวออร่า บ้านก็รวยล้นฟ้า ฉันว่ายัยเมลมัน...”          “พอเถอะว่ะไอ้มาร์ช... ช่างมันเถอะ” ชายหนุ่มพูดก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและเก็บชีสทุกอย่างใส่กระเป๋าเป้

          “เออ เก็บสมองไว้ไปปวดหัวกับข้อสอบดีกว่า ปีหน้าก็ฝึกงานแล้วเพื่อน” เมธัชพูดด้วยรอยยิ้ม “เฮ้! นั่นแกจะไปไหน ทางขึ้นตึกอยู่ทางนี้”

          “...ไว้เจอกัน” ร่างสูงยังคงเดินต่อไปโดยไม่คิดจะที่จะหันกลับมาหาเพื่อนอย่างเมธัชเลย

          “เฮ้ยไอ้ต้น! แล้วแกไม่ไปสอบเหรอวะ ไม่สอบก็ไม่จบนะเว้ย เชี่ยต้น!...”

          เสียงโวยวายของเพื่อนสนิทอย่างเมธัชไม่ได้อยู่ในโสตประสาทของเขาอีกต่อไป มีเพียงแค่เสียงปนสะอื้นไห้ของหญิงสาวร่างบางผู้เป็นน้องสาวอย่างมัลลิกาที่มันยังคงดังก้องวนเวียนไปมาไม่จางหายอยู่ในหัวเขา...

          แกทำให้น้องไม่อยากเรียนที่นี่ แกทำให้น้องต้องอับอาย น้องเกลียดแกเพราะแกมันเป็นไอ้เฉิ่มได้ยินไหม เมลเกลียดแก แม้แต่ชื่อแกน้องยังไม่อยากจะเอ่ยปากพูดออกมาด้วยซ้ำ ผู้หญิงที่ชื่อมัลลิกาเกลียดแกเตชิต... จำไว้

 

 

 

 

บทที่ 1

สนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 03.20 น.

          หญิงสาวร่างบางซึ่งอยู่ในชุดเสื้อโค้ทตัวยาวสวมทับกับกางเกงยีนสีดำ ใบหน้าเรียวสวยล้อมกรอบด้วยผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้ม แว่นตาสีดำถูกถอดออกพร้อมกับที่ริมฝีปากเรียวบางคลี่ยิ้มกว้าง

          “พี่มาร์ช!” มัลลิการ้องเรียกพี่ชาย ก่อนที่ทั้งสองพี่น้องจะเข้ามากอดกันด้วยความคิดถึงหลังจากที่ไม่ได้เจอกันเป็นปี จากวันนั้นมัลลิกาตัดสินใจไปเรียนต่อที่อเมริกาเป็นเวลา 3 ปี และกลับมาเมืองไทยครั้งนี้พร้อมกับปริญญาโทด้านการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ

          มัลลิกาจะกลับบ้านปีละครั้ง ในขณะที่ผู้เป็นพี่ชายไม่ยอมไปเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางที่ต่างประเทศเพราะรอให้เธอเรียนจบก่อน เนื่องจากไม่อยากให้พ่อต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง

          “ทำไมคุณพ่อไม่มาด้วยล่ะคะ” มัลลิกาเอ่ยถามขณะที่พี่ชายหันไปลากกระเป๋าให้เธอ

          “เห็นว่ามีเคสผ่าตัดด่วนสองเคส แต่ฉันไม่ได้มาคนเดียวนะ” เมธัชพูด

          “Welcome to Thailand!” เสียงแหลมๆ ของคนกลุ่มหนึ่งดังขึ้น และไม่ใช่แค่มัลลิกากับเมธัชที่หันไปมอง แต่รวมไปถึงทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นด้วย

          “สุน! ร่า! ก๊อต!” มัลลิกาฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจก่อนที่ทั้งที่ 4 สาวจะโผเข้ากอดกันกลม “เป็นยังไงบ้าง ไม่ได้เจอตั้งนาน” มัลลิกาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นระริก

          “ใช่ไม่ได้เจอกันนาน นมโตขึ้นเป็นกองเลยนะยะ” ก๊อตจิพูดด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจที่เพื่อนสาวกลับมาอยู่เมืองไทยถาวรเสียที

          “นมโตบ้านแกสิ! เว้นวรรคให้มันถูกสิ เป็นคนไทยหรือเปล่าแกน่ะ” สุนทราภรณ์พูดเรียกเสียงหัวเราะ

          “คือดีอะแก ต่อไปจะได้อยู่กันครบแก๊งพร้อมหน้าพร้อมตาเสียที” ซาร่าพูด

          “ยัยเมลกลับมาเราก็ดีใจ แล้วต่อไปคนบางคนแถวนี้ก็จะหงอยแทนจ้า” ก๊อตจิพูดเปรยๆ ขึ้น

          “หมายความว่าไง” มัลลิกาเอ่ยถามด้วยความสงสัย

          “ก็... เปล่าหรอก ไปกันได้หรือยังล่ะ อยากกินข้าวต้มหมูรอบดึกจะแย่แล้ว” สุนทราภรณ์พูดขัดขึ้นด้วยสีหน้ามีพิรุธ

          “แหม เปลี่ยนเรื่องเลยนะยะหล่อนนังสุน” ซาร่าพูดยิ้มๆ

          “อะไรกันเนี่ย...” มัลลิกาเลิกคิ้วก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนที่ละคนเพื่อเค้นเอาคำตอบ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ผู้เป็นพี่ชาย  “พี่มาร์ช?”

          “หื้ม ก็ไม่มีอะไรแค่ฉันกับสุนเรา...” เมธัชไม่พูดอะไรมาก หากแต่แขนยาวๆ ของเขากลับตวัดมากอดคอสุนทราภรณ์เอาไว้และกระชับเข้าหาตัวก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนศีรษะของหญิงสาวหนักๆ บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี

          “ให้ตายสิ ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!” มัลลิกาคลี่ยิ้มกว้างด้วยความแปลกใจ ก่อนที่ทุกคนจะเอ่ยแซวกันยกใหญ่ขณะที่เดินกลับไปออกไปจากสนามบินเพื่อที่จะไปหาอะไรกินรอบดึก...

          อีกด้านหนึ่งของสนามบิน... ชายหนุ่มร่างสูงที่อยู่ในชุดสูทสีดำสนิทหรูหราสวมแว่นตาสีดำปกปิดใบหน้าเอาไว้ หากแต่มันกลับไม่สามารถบดบังความหล่อเหลาแบบผู้ชายเอเชียของเขาได้เลย นัยน์ตาคมชั้นเดียวของเขากวาดสายตามองหาใครบางคนที่นัดแนะเอาไว้ว่าจะมารับเขา

          “คุณหมอ! ทางนี้ค่ะ” น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้นพร้อมๆ กับที่เตชิตเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของผู้เป็นมารดาซึ่งยังอยู่ในชุดทำงานแม้ว่าเวลานี้จะเป็นเวลาตีสามเกือบจะตีสี่แล้วก็ตาม

          “คิดถึงคุณแม่ที่สุดเลยครับ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นขณะที่สวมกอดผู้เป็นมารดาด้วยความรักและคิดถึง

          “แม่ก็คิดถึงลูกจ้า นี่ถ้าไม่ติดว่าพ่อเขามีผ่าตัดใหญ่กับณรงค์ก็คงจะมารับลูกด้วยกันแล้ว เอ้อ เห็นว่าลูกสาวของณรงค์ก็กลับมาจากอเมริกาวันนี้เหมือนกันนะลูก” เตือนจิตพูดอย่างยิ้มแย้ม ในขณะที่ผู้เป็นลูกชายชะงักรอยยิ้มไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินผู้เป็นแม่พูดถึงใครบางคนที่เขาไม่อยากจะนึกถึง...

          “กลับบ้านกันดีกว่านะครับ” เตชิตเอ่ยขึ้น

          “จ้า นี่แม่กับพ่อเตรียมปาร์ตี้ฉลองต้อนรับว่าที่คุณหมอสูติฯ คนใหม่ของโรงพยาบาลเราไว้แล้วนะพรุ่งนี้น่ะ...”

 

Memo :: คือแบบเมื่อไหร่พระนางจะรักกันนนนน อยากให้ถึงตอนนั้นไวๆ -.,-/// โฮกกกกก

ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ  ขอบคุณค้าบบบบบ

ชอบไม่ชอบยังไงก็คอมเม้นท์ติดชมได้นะคะ 

ผลงานเรื่องอื่นๆ จิ้มตามลิงค์เลยจ้า

http://www.tunwalai.com/profile/5002

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา