▲เจ้าชู้นัก...เดี๋ยวจัดให้▼(YAOI)

9.6

เขียนโดย AMINOKOONG

วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.25 น.

  20 ตอนที่
  10 วิจารณ์
  31.54K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557 21.55 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ▲เจ้าชู้นัก...เดี๋ยวจัดให้▼(YAOI) : ตอนที่5

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

▲เจ้าชู้นัก...เดี๋ยวจัดให้▼

 

 

 

 ตอนที่5 : อสรพิษ  

 

 

นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วที่ป๊อบน้องชายคนเดียวของผมต้องนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ ที่โรงพยาบาลหลังจากที่น้องพยายามเอาตัวเองเข้ามารับเก้าอี้ไม้แทนผมจากคน ร้าย ถึงแม้ว่าตอนนี้ตำรวจจะจับคนร้ายได้แล้วก็ตาม

 

“พวกมัน ยอมบอกมั๊ยครับว่าใครเป็นคนสั่งมา”  ผมถามพล.ต.อ.สมหมาย สามีป้าอนงค์เพื่อนสนิทของแม่ ซึ่งตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ พวกท่านทั้งสองก็มักจะไปมาหาสู่กันเป็นประจำ

 

“จาก คำให้การแล้วพวกมันรับสารภาพว่ารับงานผ่านโทรศัพท์ ไม่เห็นหน้า และรู้จักเป็นการส่วนตัวกับคนที่จ้างมา จริงๆแล้วพวกมันแค่ต้องการลักพาตัวหนูป๊อบไปเท่านั้น” ลุงสมบอกหลังจากที่ผมขอให้ท่านช่วยเป็นธุระจัดการเรื่องคดีให้

 

แต่ ผมงงว่าพวกมันเข้าไปในโรงเรียนได้ยังไงทั้งที่หน้าโรงเรียนก็มีป้อมยามทั้ง สองประตูเลยนี่ครับ” ผมถามออกไปเพราะจำได้ว่าตอนเข้าไปช่วยน้องก็เห็นป้อมยามอยู่

 

“เห็น ตำรวจในท้องที่รายงานว่าเจอยามสองคนสลบถูกขังไว้ในห้องน้ำโรงยิม พวกมันคงจะจัดการยามก่อนจะเข้าไปละมั๊งลูก” ลุงสมตอบคลายข้อสงสัยของผม

 

“ผมคิด ว่าผมพอจะรู้ ว่าใครมันอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ และบางทีมันอาจจะเป็นคนเดียวกับที่เคยส่งคนมาทำร้ายผมเมื่อคราวก่อนก็ได้นะ ครับ” เมื่อ ปีก่อนผมก็เคยถูกรอบทำร้ายแบบนี้มาแล้วเลยมาปรึกษาลุงสม ท่านเลยแนะนำให้ผมซื้อปืนแบบถูกกฎหมายพกติดตัวไว้ใช้ในยามฉุกเฉินทั้งยังสอน ผมยิงปืน และผมก็ทำได้ดีจนลุงสมยังทึ่งอีกด้วย

 

“ใครเหรอลูก” ป้าอนงค์ที่นั่งเงียบอยู่นานถามขึ้น

 

“ตอนนี้ผมยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ เอาไว้ผมหาหลักฐานแน่นหนาได้เมื่อไหร่แล้วผมจะบอกอีกทีนะครับ”

 

“เอา เถอะ ถ้ามีอะไรให้ลุงกับป้าช่วยก็บอกได้นะ ลุงกับป้าสองคนก็เห็นหนูเหมือนลูกเหมือนหลาน อย่าคิดว่าเป็นคนอื่นคนไกลเลยนะลูก” ป้าอนงค์บอกก่อนจะเดินเข้ามากอดปลอบ

 

กอดที่อบอุ่นแบบนี้ทำให้ผมนึกไปถึงผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดคนนึง
ผู้หญิงที่อ่อนโยน ใจดี แล้วเข้าใจเราสองคนพี่น้องแทบทุกเรื่อง
ตอนนี้ผมอยากกอดเธอ อยากเจอหน้า อยากให้มาบอกให้ผมเข้มแข็ง
อยากได้ยินเสียงบ่นเวลาเราสองคนแย่งขนมกัน แต่ตอนนี้
ไม่มี ไม่มีเธออีกแล้วเธอจากพวกเราไปแบบไม่มีวันหวนกลับ
แต่เธอยังอยู่ในใจผมกับน้องเสมอ แม่ครับ ผมคิดถึงแม่เหลือเกิน……………….

 

กว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองร้องไห้ก็ตอนที่ผมผละออกจากอ้อมกอดของป้าอนงค์ แล้วท่านใช้มือเช็ดน้ำตาที่แก้มให้กับผม

 

“แล้ว นี่พ่อเรา...........เอ่อ....ลุงขอโทษนะ เอาเป็นว่ามีอะไรก็โทรมาบอกลุงกับป้านะลูกไม่ต้องเกรงใจ งั้นเดี๋ยวลุงขอตัวก่อนละกัน เราเองก็พักผ่อนด้วยล่ะ กับข้าวที่ป้าเราเอามาฝากก็กินซะนะ เดี๋ยวจะเป็นอะไรไปอีกคน ” ลุงสมถามก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรเอ่ยถึงเค้า แล้วขอตัวกลับก่อน

 

“ป้าไปแล้วนะลูก อ้อ เดือนหน้าตาภูมิก็จะกลับมาจากอังกฤษแล้วนะ ไม่รู้ว่าหนูจะจำพี่เค้าได้รึป่าว”

 

“พี่ภูมิ อ้อจำได้สิครับ ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับที่มาเยี่ยมน้อง ไว้ถ้าน้องหายดีเราจะไปเยี่ยมที่บ้านนะครับ” ผมบอกก่อนยกมือขึ้นไหว้ลาท่านทั้งสอง แล้วนั่งที่โซฟารับแขกจนเผลอหลับไป

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

“ไงว่ะ ทำข้อสอบได้ป่าว” ไอ้เปอร์มันถามพลางเดินกอดคอผมออกมาจากห้องสอบ  วันนี้มีเทสย่อยตอนเช้า ส่วนตอนบ่ายมีวิชาเบาๆผมเลยจะฝากเพื่อนเช็คชื่อให้แล้วค่อยยืมเลคเชอร์ เพื่อนไปอ่านอีกที

 

“นี่แก จะไปถามมันทำไม น่าจะถามว่ามีข้อไหนบ้างที่มันทำไม่ได้ต่างหาก เล่นได้ A เกือบ ทุกวิชา เลอค่าขนาดนี้ชั้นว่ามันเรียนหมอได้สบายๆเลยว่ะ”  นาวมันแทรกขึ้นโดยที่ผมยังไม่ได้ตอบเปอร์มันเลย ตอนนี้ผมห่วงแต่น้องเท่านั้น นี่ก็เข้าวันที่สี่แล้วยังไม่ฟื้นเลย

 

“ก็พอทำ ได้แหละ อ่านผ่านๆ ไงก็ฝากพวกแกเช็คชื่อให้ด้วยนะ กูว่าจะไปเฝ้าน้องที่โรงพยาบาลก่อนว่ะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้” ผมหันไปบอกพวกมัน ตอนนี้เราเดินออกมาหน้าอาคารเรียนกันหมดแล้วเหลือแต่อิเจ๊ กับเอกเท่านั้นที่ยังไม่เสร็จ ผมเลยได้แต่ฝากนาว เปอร์และจอยลาพวกมันสองคนให้ด้วย ก่อนจะแยกย้ายกันและเดินมาที่ลานจอดรถ

 

ในขณะ ที่ผมกำลังจะสตาร์ทรถอยู่นั้นก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามา เป็นเบอร์ที่ผมคิดว่าน่าจะหายไปจากชีวิตผมได้เป็นสัปดาห์แล้วที่ไม่ได้ข่าว อีกเลย

 

 

 

RTttttttttttttttt

 

--โยธิน--

แค่เห็นชื่อก็ทำให้ผมคิ้วขมวดเป็นเลขแปดทันทีมอดูหน้าจอแล้วชั่งใจอยู่นานว่าจะรับดีมั๊ยแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจกดรับ

 

“ครับ”

 

(เป้ เหรอลูก นี่แม่เองนะ เอ่อ เป้ช่วยมาดูโยหน่อยได้มั๊ยลูก โยไม่ยอมออกจากห้องเลย ไม่ยอมคุยกับใครในบ้านซักคน แม่ล่ะเป็นห่วงจริงๆ)  เสียงคุณแม่ของโยดูจะเป็นกังวลไม่น้อย นี่สินะที่ทำให้ไม่เห็นโยที่มอเลยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

“เอ่อ.....ผมคิดว่าคุณแม่คงพอจะทราบเรื่องระหว่างผมกับโยแล้วนะครับ”

 

(จ๊ะ แม่รู้เรื่องหมดแล้ว แม่ต้องขอโทษเป้ด้วยนะลูก แม่คงเลี้ยงลูกไม่ดีเอง
แต่ถ้าแม่จะขอให้..........)

 

“ถ้าแม่ จะขอให้ผมให้อภัยโย และกลับไปคืนดี ผมบอกตามตรงเลยนะครับว่าถ้าตอนนี้คงยาก  เพราะสิ่งที่โยทำกับผมมันร้ายแรงเกินกว่าจะให้อภัย หวังว่าคุณแม่คงจะเข้าใจนะครับ ส่วนเรื่องโย ผมว่าคุณแม่ต้องปล่อยให้เค้าได้รับผลจากการกระทำของตัวเองซะบ้าง จะได้รู้ถึงความรู้สึกของผมว่ามันเจ็บปวดขนาดไหนที่ต้องโดนคนรัก คนที่เราเชื่อใจหักหลังแบบนี้ และที่สำคัญผมยังไม่พร้อมจะเห็นหน้าของเขาตอนนี้หรอกครับ ให้เวลาผมหน่อยเถอะนะครับ”

 

(แม่เข้าใจนะ แต่โยเอาแต่ดื่มเหล้าไม่ยอมกินข้าว แม่ก็กลัวว่าโยจะเป็นอะไรไปน่ะสิลูก)

 

“ผมไม่รู้จะช่วยยังไงนะครับ ตอนนี้น้องผมก็ไม่สบายอยู่ด้วย ผมคงไม่มีเวลาไปดูแลคนที่ทำร้ายผมได้ลงคอหรอกนะครับคุณแม่ มันอาจจะฟังดูใจดำไปหน่อย แต่มันคือความจริง คุณแม่ก็รู้ว่าผมเป็นคนพูดตรงๆอยู่แล้วผมไม่อยากโกหกใจตัวเองด้วย หวังว่าคุณแม่คงจะเข้าใจนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ”

 

(“มันก็ จริงอย่างที่เป้พูดล่ะนะ คงต้องให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนแก่โยซะบ้างก็ดี จะได้โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นซักที เวลาจะทำอะไรจะได้คิดไตร่ตรองก่อนทำ งั้นแม่ไม่รบกวนแล้วลูก หวัดดีจ๊ะ)

 

“ครับ”
.
.
.


“เฮ้อ.... ขอโทษนะครับคุณแม่ ผมยังไม่อยากจะเจอหน้าลูกชายคุณแม่ตอนนี้จริงๆ” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆหลังจากวางสายจากแม่ของโย ท่านเป็นคนใจดีมาก แต่เลี้ยงลูกตามใจเกินไป ด้วยความที่ท่านเป็นซิงเกิลมัม เลี้ยงลูกมาคนเดียวตั้งแต่โยได้8ขวบเนื่องจากคุณพ่อของโยถูกมะเร็งคร่าชีวิต ไป จึงทำให้ไม่ว่าลูกอยากได้อะไรท่านก็แทบจะหามาประเคนให้ไม่กล้าขัดใจลูกเกือบ ทุกอย่าง

 

ผมขับรถ มาเรื่อยๆจนถึงโรงพยาบาลและตรงดิ่งไปที่ห้องพิเศษของน้องทันที แต่พอเปิดประตูเข้าไปก็ทำให้ผมนิ่งอึ้งไปซักพักเพราะคนที่ผมไม่อยากเจอที่ สุดถึงสองคนได้ยืนอยู่ในห้องนี้

 

“พวก คุณ มา ทำ ไม” นั่นคือประโยคแรกที่ผมพยามเปร่งเสียงออกมาอย่างชัดเจนเน้นๆทุกคำให้พวกเขา รู้ว่าผมไม่พอใจกับการมาเยือนของพวกเค้าทั้งสอง

 

“ทำไม ถึงถามชั้นแบบนั้น นี่ไม่คิดจะบอกกันเลยรึไงว่าน้องถูกทำร้ายแบบนี้” ผู้ชายตรงหน้าหันมาคุยกับผมเสียงแผ่วเบาจากดวงตาที่เศร้าสลดนั้นกลับไม่ทำ ให้ผมนึกสงสารเลยซักนิดเมื่อเทียบกับสิ่งที่เค้าทำกับแม่ ผม และน้อง ได้ลงคอ

 

“คุณเคย สนใจด้วยเหรอ ว่าเราสองคนจะเป็นจะตายยังไง เห็นมัวแต่ยกยอปอปั้นผู้หญิงของคุณกับยัยลูกติดของมัน หึ แล้วยังพอจะมีเวลาเหลือเผื่อแผ่มาถึงพวกผมด้วยเหรอครับ” ผมถามออกไปน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความโกรธปนน้อยใจกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

 

“นี่อย่ามาประชดชั้นตอนนี้จะได้มั๊ย ที่มานี่เพราะเป็นห่วงแล้วชั้นผิดนักรึไง” เค้าถามโดยไม่กล้าแม้แต่จะสบตากลับผม

 

“คุณมีสิทธิ์อะไรมาห่วงพวกผม” ผมตะโกนถามออกไป

 

“สิทธิ์ของความเป็นพ่อไง” เค้าตะโกนตอบกลับมาเมื่อเห็นน้ำตาของผมที่ไหลออกมาเหมือนจะตอกย้ำว่ายังมีเค้าตรงนี้อีกคน

 

“ฮ่ะ...ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  พ่อหรอ ยังจะกล้าเรียกแทนตัวเองว่าพ่ออีกหรอครับ ไม่กระดากปากบ้างรึไง ผมจะบอกอะไรให้นะ ว่าพ่อของพวกผมท่านตายไปตั้งแต่วันที่คุณเอาผู้หญิงแพศยาคนนี้เข้ามาเหยียบ ย่ำหัวใจของแม่ผมที่บ้านแล้วล่ะ” ผมตะคอกตอบออกไปก่อนจะชี้ไปยังผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นที่คอยยืนยิ้มเยาะข้างๆ เค้า

 

 

 เพี๊ยะ!

 

“มันจะ มากไปแล้วนะ ยังไงชั้นก็ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของแก และควรให้เกียรติคุณขวัญฤดีเค้าด้วย” หน้าของผมหันไปตามแรงตบจากมือๆนั้น ที่คอยดูแลและมอบความอบอุ่นให้ผมมาเสมอ แต่ตอนนี้มือนั้นกลับมาทำร้ายผม แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าคือที่เค้าทำร้ายผมเป็นเพราะผู้หญิงแพศยานั่นที่ตอนนี้ กำลังยืนยิ้มเยาะสะใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่

 

“ออก ไป” ผมบอกเค้าไปด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

 

“......................” เค้ายืนเงียบมองดูมือที่สั่นเทาของตัวเองก่อนที่ผมจะเห็นสายตาที่รู้สึกผิด ของเค้า และพยายามจะยื่นมาจับที่แก้มข้างที่เค้าพึ่งตบไปเมื่อกี้ แต่ผมก็ถอยออกมาไม่อยากได้รับความรู้สึกนี้ที่เค้ามอบให้

 

“ออกไป ก่อนที่ผมจะแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย”

 

“ไปกัน เถอะค่ะคุณ ลูกยังคงใจเสียเรื่องน้องอยู่ เป้จ๊ะไว้วันหลังน้ากับคุณพ่อค่อยมาเยี่ยมใหม่นะจ๊ะ” ยัยขวัญฤดีหรือที่ผมกับน้องมักจะเรียกมันว่ายัยขวัญผวาทำทีเดินเข้ามาควงแขน ฉอเลาะกับเค้า ก่อนจะทำทีหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เหอะ ตอแหลสิ้นดี อีนังอสรพิษ

 

“สมน้ำหน้า จำไว้นะยังไงแกก็ไม่มีวันชนะชั้นได้เหมือนกับแม่ของแกนั่นแหละ” หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นเดินออกไปจากห้องแล้วยัยขวัญผวาเดินเข้ามากระซิบผม เบาๆเป็นการเยาะเย้ยส่งท้าย

 

“หึ อย่าคิดว่าชั้นไม่รู้นะว่าเรื่องทั้งหมดนี่เป็นฝีมือแก เตรียมรับมือชั้นไว้ให้ดีก็แล้วกัน คราวนี้ชั้นจะเป็นฝ่ายเปิดเกมส์เองบ้าง และจะทวงทุกอย่างที่เป็นของชั้นกับน้องคืนมาให้หมด เชิญแกเสพความสุขเอาไว้ให้พอก่อนที่จะไม่มีโอกาส”

 

“หึหึหึ แกจะมีปัญญาทำอะไรชั้นได้ ไหนล่ะหลักฐานที่แกคิดว่าชั้นเป็นคนทำ ไปหามาให้ได้ก่อนเถอะแล้วค่อยมาพูด”

 

“ชั้นอาจจะทำอะไรแกไม่ได้ในตอนนี้ งั้นระหว่างนี้ชั้นจะเล่นงานยัยเอมฤดีลูกสาวของแกฆ่าเวลาไปก่อนก็แล้วนะ” มันชะงักไปทันทีเมื่อผมบอกเป้าหมายที่จะเล่นงานว่าเป็นลูกสาวของมัน ยัยเอมฤดีก็ร้ายไม่แพ้แม่ของมันหรอกครับ ไม่ต้องห่วงว่าผมจะรังแกคนดี เพราะมันสองคนก็เลวด้วยกันทั้งคู่ชนิดที่เรียกว่า ขวัญฤดีผู้เป็นแม่คือน้ำมัน ส่วน เอมฤดีผู้เป็นลูกคือไฟ ถ้าทั้งสองคนรวมตัวกันที่ไหนก็บรรลัยมอดไหม้ที่นั่นเลยล่ะ

 

“อย่ายุ่งกับยัยเอม ไม่งั้นอย่าหาว่าชั้นไม่เตือน” ยัยขวัญผวาหันขวับมาจ้องตาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง คงคิดว่าคนอย่างผมจะกลัวล่ะสิ  ก่อนที่ผมจะพูดประโยคปิดท้ายพร้อมกับส่งยิ้มเพชรฆาตไปให้มันสยองเล่นๆ

 

 

 

 

 

 

 

“นึกกลัวชั้นขึ้นมาแล้วล่ะสิ ถึงได้สั่นเป็นเจ้าเข้าแบบนี้ แต่ขอบอกไว้เลยนะว่า

 

 

 

 

 

 

 ที่แกทำมาทั้งหมดมันยังร้ายไม่ถึงครึ่งที่ชั้นจะทำกับพวกแกนับต่อจากนี้ จำเอาไว้”

 

 

 

 

 - - - - - TBC - - - - -

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา