love mission ภารกิจรัก ทดแทนหัวใจนายจอมกวน

7.7

เขียนโดย พรสิริ

วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.13 น.

  55 ตอน
  8 วิจารณ์
  46.61K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 18.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

50)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               เมื่อกินข้าวกันเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ตั้งท่าจะเก็บจานที่ทุกอย่างหมดเกลี้ยงด้วยความเคยชิน เธอรู้สึกมีความสุขกับอาหารแสนอร่อยและบรรยากาศแสนอบอุ่นจากบ้านหลังนี้ เธอได้แต่นั่งอยู่ที่เดิมอย่างไม่ไหวติง เพราะอาหารแสนอร่อยอันมหาศาลได้ลงไปกองอยู่ในท้องของเธอเป็นที่เรียบร้อย เธอทำได้เพียงนั่งมองตามหลังชายหนุ่มที่กำลังเดินออกไปจากห้องอาหารอย่างเงียบๆ

“อิ่มมากเลยค่ะลุงแหมบ อาหารฝีมือลุงแหมบนี่สุดยอดไปเลยนะคะ”

 

เธอพูดกับลุงแหมบพลางเก็บจานมาซ้อนกันเหมือนที่ลุงแหมบกำลังทำอยู่

 

“ไม่ต้องเก็บหรอกครับหนูข้าวตอก ขึ้นไปพักผ่อนเถอะครับ ถ้าคุณหนูมาเห็นจะโดนว่าเอานะ”

 

“แต่หนูเบื่อที่จะพักผ่อนแล้วนะคะ ให้หนูช่วยเถอะค่ะ หนูอยากช่วยจริงๆ”

 

“ถ้าอย่างนั้นหนูข้าวตอกไปนั่งดูหนังซักเรื่องดีไหมครับ”

 

เมื่อลุงแหมบพูดถึงขนาดนั้น หญิงสาวก็มีแต่จะต้องไปสินะ เธอมุ่งหน้าไปยังห้องรับแขกที่มีโซฟาหนานุ่มตัวใหญ่ตั้งอยู่พร้อมโทรทัศน์จอแบนกว้าง70นิ้ว ที่ฝังติดผนังอวดความใหญ่โตหรูหรา

 

‘ใหญ่ขนาดนี้คงไม่ต้องไปดูในโรงภาพยนต์แล้วมั้ง ว่างๆก็หาหนังตลกดูสักเรื่องดีกว่า’

 

เธอทำการเปิดเครื่องอย่างเบามือก่อนจะหยิบรีโมทเพื่อหาหนังตลกที่เธอคิดไว้ในหัว แต่แล้วสวรรค์ที่เธอคิดไว้ก็ร่มสลายลงเพียงแค่เสียงนั้นลอยเข้าหู

 

“ได้เวลากินยาแล้ว”

 

ตามมาด้วยเสียงถุงยาใหญ่ๆอีกหลายถุง หญิงสาวทำได้แค่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

 

‘ถ้าจะให้ฉันกินยาเยอะขนาดนี้ นายอย่าให้ฉันกินข้าวเลย แค่ยาก็อิ่มยันชาติหน้าแล้ว’

 

“นี่มันไม่ใช่สามถุงของฉันนี่”

 

ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆเธอแล้วก็ลงมือจัดยาอย่างตั้งใจ หญิงสาวนั่งมองอย่างหวั่นๆ ยาที่นายนี่จัด คือยาที่รักษาได้ทุกโรค ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบชายแดน

 

“กินยาเสร็จก็รีบขึ้นไปพักผ่อนซะ”

 

เขาพูดก่อนจะหยิบถังยาส่งมาให้เธอ หญิงสาวรับมาด้วยความเศร้าใจ การกินยาว่ายากแล้วการกินน้ำตามนั้นยากกว่า

 

‘ท้องฉันต้องแตกก่อนจะกินยาถังนี้หมดแน่ๆ’

 

“นี่ฉันจะต้องกินหมดนี่จริงๆหรอ หมดนี่ไตวายเลยนะฮะ”

 

“มันเป็นยาบำรุงกินเข้าไปเถอะ กินแล้วก็รีบไปนอน พักผ่อนเยอะๆ”

 

เขาพูดพลางกดหาหนังแนวสยองขวัญที่เขาอยากดู

 

“นอนอีกแล้วหรอ วันนี้ฉันก็นอนมาทั้งวันแล้วนะ คืนนี้ขอฉันดูหนังตลกสักเรื่องเถอะ”

 

หนังสยองขวัญสั่นประสาทกำลังเริ่มฉายด้วยน้ำมือของชายโฉดที่นั่งทองไม่รู้ร้อนข้างๆเธอ หญิงสาวรีบแย่งรีโมทมาจากเขาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะรีโมทอยู่ไกลเกินกว่าที่เธอจะเอื้อมถึง

 

‘หนีจากโรงพยาบาลก็ยังต้องมาเจอเรื่องสยองแบบนี้อีกหรอเนี่ย นายนี่คือปิศาจที่คอยสูบความสุขของฉันจริงๆ’

 

“นี่นายจะดูอะไรน่ะ!! ฉันอยากดูหนังตลกมากกว่านะ”

 

“แต่ฉันอยากดูเรื่องนี้มากกว่า”

 

“นายจะมานั่งดูหนังได้ยังไง นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนไม่ใช่หรอ”

 

มือของหญิงสาวยังคงไขว่คว้าหารีโมทไม่หยุด

 

“ใครบอกว่าฉันจะไป ฉันจะอยู่ดูแลเธอจนกว่าเธอจะหายป่วย”

 

“ไม่ต้องหรอก นายไปโรงเรียนเถอะ”

 

เธอพูดออกไปอย่างลืมตัว เพราะในใจตอนนี้มีแต่รีโมทที่จะหยุดหนังสยองขวัญนี้ได้

 

“ว่าไงนะ!!!”

 

ชายหนุ่มหันกลับมามองหน้าเธอด้วยสีหน้าเอาเรื่องพลางจับข้อมือเล็กๆที่สุดแสนจะน่ารำคาญนั้นไว้แน่น

 

เมื่อหญิงสาวรู้ตัวว่าพูดอะไรไม่ดีออกไป เธอจึงหยุดการกระทำทุกอย่างก่อนจะส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจให้เขาเป็นการขอโทษ

 

“คือ… ฉันหมายถึงฉัน...”

 

เขายังคงมองหน้าเธอด้วยสีหน้าจริงจังเพื่อรอฟังคำตอบ

 

“นายไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แค่ต้องทนเหงาๆอยู่บ้านอีกตั้งหนึ่งอาทิตย์เท่านั้นเอง ที่ฉันทำได้ก็แค่หาหนังตลกดูไปวันๆ”

 

เขายังคงเงียบฟังเธอต่อไป

 

“ฉันอยากให้นายไปโรงเรียนมากกว่าต้องมาดูแลฉันที่ตอนนี้สบายดียิ่งกว่าซุปเปอร์ฮีโร่ซะอีก”

 

“ทำไมเธอถึงอยากให้ฉันไปโรงเรียนมากนักฮะ!!! ทำไมถึงชอบดื้อกับฉันตลอด”

 

ชายหนุ่มถามเธอด้วยความรู้สึกน้อยใจ ‘เธอเห็นความหวังดีของฉันเป็นอะไรกัน’

 

“ก็เพราะว่าฉันอยากไปโรงเรียนแต่ดันไปไม่ได้ไง ส่วนคนที่ไปได้อย่างนายก็ดันไม่อยากไป นายรู้ไหม ในชีวิตคนเราจะมีสักกี่ครั้งกันที่มีโอกาสได้ไปโรงเรียน ตอนนี้นายมีโอกาสแล้วนายกลับทิ้งคว้างมันราวกับว่าชีวิตของนายยังเหลือโอกาสอีกมาก รู้ไหมว่าทำไมคนเราถึงต้องรีบเร่งทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำให้สำเร็จ ก็เพราะเขาไม่รู้ว่าในช่วงชีวิตของเขาจะยังเหลือโอกาสอีกมากแค่ไหน คำว่าวันพรุ่งนี้มันไม่แน่นอนหรอกนะ”

 

คนฟังได้แต่อึ้งไปกับความคิดของเธอ ความคิดของคนที่พึ่งจะฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล เขาได้แต่เป็นห่วงเธอและดูแลเธอตามที่เขาคิดว่าดี โดยที่ไม่ได้สนใจความรู้สึกของเธอเลยสักนิด มือหนาของเขาปล่อยแขนเธออย่างอัตโนมัติ ทำให้หญิงสาวสามารถลุกขึ้นยืนได้สำเร็จ หนังสยองขวัญยังคงดำเนินต่อไปอย่างออกรสออกชาติ

 

“ถ้านายอยากให้ฉันพักผ่อนมากนัก ฉันไปก็ได้”

 

เธอตั้งท่าจะเดินหนีหนังสยองขวัญที่กำลังกระหึ่มลั่นห้อง แต่ก็ต้องทรุดลงไปกองบนโซฟาด้วยแรงของชายหนุ่มที่เธอพึ่งระเบิดความต้องการออกไป

 

“จะรีบไปไหนซะล่ะ มาดูหนังกันก่อนสิ อยากดูหนังไม่ใช่หรอ”

 

‘จะมามีน้ำใจอะไรตอนนี้ยะ’

 

“ฉันง่วงแล้ว อยากจะขึ้นไปนอนใจจะขาด เขิญนายดูหนังของนายให้เต็มที่”

 

“ถ้าเธออยากให้ฉันไปโรงเรียนพรุ่งนี้ก็มานั่งดูหนังเป็นเพื่อนกันก่อน”

 

ตี๊ด……………. ชีพจรของเธอหยุดลงแล้ว

 

หญิงสาวจำต้องนั่งดูหนังสยองขวัญเป็นเพื่อนเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ การดำเนินเรื่องของหนังที่กำลังเปิดเป็นไปอย่างราบลื่น มีทั้งการฆาตกรรมและวิญญาณอาฆาตเลือดสาดทั้งเรื่อง เธอทำได้เพียงปิดตาร้องกรี๊ดตลอดเวลา ผิดกับชายหนุ่มที่นั่งข้างๆเธอ นอกจากจะไม่สะดุ้งตกใจแล้ว หนำซ้ำเขายังหัวเราะใส่อีก

 

“หัวเราะเนี่ยนะ ฆาตกรรมเลือดสาดเนี่ยนะ จิตใจนายมันทำด้วยอะไร”

 

หญิงสาวได้แต่มองหน้าเขาอย่างสงสัย พลางเอามืออุดหูกันเสียงสุดขนลุก ซึ่งมันก็ช่วยอะไรไม่ได้มากสักเท่าไร

 

“แกต้องตาย!! กรี๊ดดดดดดดดด”

 

เสียงวิญญาณสุดเฮี้ยนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบ หญิงสาวที่เอามือปิดตาอยู่ถึงกับสะดุ้งสุดตัวแล้วเข้าไปนั่งใกล้ๆชายหนุ่มด้วยความตั้งใจ เธอได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจลอดเข้ามาพร้อมเสียงสยองขวัญ

 

“เป็นอะไรมากป่าวเนี่ย กลัวผีมากหรอ”

 

‘อื้อหือ… สภาพขนาดนี้ยังกล้าถาม ไม่กลัวมั้งเนี่ย แล้วคืนนี้ฉันจะนอนหลับไหม’

 

“ฉันว่านายควรไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ ฉันรู้นะว่านายไม่ค่อยได้นอนมาหลายวัน พรุ่งนี้ก็ต้องไปโรงเรียนแต่เช้าอีก สุขภาพนายจะทรุดเอานะ นี่ฉันเตือนด้วยความหวังดีหรอกนะ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้เลยยยยย”

 

เธอเข้าไปพูดข้างๆหูเขาแข่งกับเสียงในหนังที่กำลังดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น เขาได้แต่นั่งดูหนังอย่างไม่วางตา รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นที่ริมฝีปากอย่างห้ามไม่อยู่

 

‘ถึงจะกลัวมากแค่ไหน แต่ก็ยังนั่งเป็นเพื่อนไม่ไปไหน เธอนี่มันพิลึกคนจริงๆ’

 

“นี่ ฉันว่าเราควรจะปิดไฟดูนะ เหมือนในโรงหนังอะ เดินไปปิดไฟให้หน่อยสิ”

 

คนฟังได้แต่ตัวแข็งทื่ออ้าปากค้างให้กับความคิดแสนร้ายกาจนั้นพลางส่ายหัวเบาๆแทนคำตอบ

 

‘แค่นี้ยังหลอนไม่พออีกหรอ จะมาสร้างบรรยากาศอะไรตอนนี้!!! พ่อคุณณณณ’

 

“ไม่ดีหรอก สายตานายจะเสียได้นะ ต้องเปิดไฟให้สว่างและนั่งห่างๆจอถึงจะถูก”

 

“แต่ฉันอยากจะปิดไฟดูมากกว่า มันจะได้หลอนๆไง น่าสนุกดีออก”

 

‘สนุกกับผีน่ะซิ นายจะซาดิสอะไรเบอร์นั้น ไอ้หนังบ้านี้ก็เล่นทนเล่นนานเหลือเกิน จบสักทีเถิด ไม่อย่างนั้นชีวิตฉันจบแน่ๆ’

 

ชายหนุ่มทำท่าจะลุกขึ้นไปปิดไฟแต่หญิงสาวก็ฉุดแขนเขาไว้อย่างแนบแน่น เขาสัมผัสได้ถึงมือที่ชื้นเหงื่อของเธอ ความกลัวของเธอคือยาชูกำลังชั้นดีสำหรับเขา มีหรือที่เขาจะปล่อยให้มันจบลงง่ายๆ

 

“อย่าปิดนะ ขอร้องล่ะ”

 

เธอขอร้องเขาน้ำตาซึมๆ เพราะในหนังตอนนี้มีแต่ความตรึงเครียดสยดสยอง ถ้าต้องมาปิดไฟอีก หัวใจเธอคงวายตายเป็นแน่

 

“ถ้ากลัวมาก ฉันอนุญาตให้กอดฉันได้”

 

เขาพูดพลางเดินไปปิดไฟอย่างเลือดเย็น หญิงสาวได้แต่นั่งหน้าเสียรอคอยความมืดมิดอย่างคนหมดหวัง

 

“ให้กอดคนอย่างนายฉันยอมช็อคตายดีกว่า”

 

………………………….โปรดติดตามตอนต่อไป …………………………………….

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา